กิจกรรม FSS Halloween Fancy Run 2024 ส่งเสริมการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีและสังคมที่ยั่งยืน

วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม 2567 คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดกิจกรรม FSS Halloween Fancy Run 2024 ซึ่งดำเนินการเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์และได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากนักวิ่งหลายร้อยคน พร้อมด้วยการสนับสนุนจากนิสิต บุคลากร และหน่วยงานต่าง ๆ ที่ร่วมแรงร่วมใจกันจนทำให้งานประสบความสำเร็จและเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความสนุกสนาน

การจัดกิจกรรมวิ่งครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ ส่งเสริมการออกกำลังกาย และ สร้างเสริมสุขภาพที่ดี ให้แก่นิสิต บุคลากร และประชาชนทั่วไป การออกกำลังกายถือเป็นหนึ่งในแนวทางสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ ตลอดจนเป็นการสร้างวินัยด้านสุขภาพในชีวิตประจำวัน

นอกจากนี้ กิจกรรมยังมุ่งเน้นการสร้างความสามัคคีและความมีส่วนร่วมในชุมชน ผ่านกิจกรรมการวิ่งที่ผสมผสานกับการแต่งกายในธีมฮาโลวีน ช่วยสร้างสีสันและเพิ่มแรงจูงใจในการออกกำลังกาย ขณะเดียวกันก็เป็นเวทีที่เปิดกว้างให้ทุกคนในสังคมเข้ามามีส่วนร่วมโดยไม่จำกัดเพศ วัย หรือความสามารถทางกายภาพ

การดำเนินงานได้รับการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน ทั้งในด้านทุนทรัพย์ การจัดหาอาหารและน้ำดื่มสำหรับนักวิ่ง ตลอดจนการสนับสนุนด้านอุปกรณ์และบุคลากร การร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังของเครือข่ายที่มุ่งมั่นสร้างกิจกรรมที่มีคุณค่าทั้งด้านสุขภาพและสังคม

บทบาทของนิสิตคณะสังคมศาสตร์ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้งานสำเร็จลุล่วง ด้วยการมีส่วนร่วมตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมงาน การดูแลผู้เข้าร่วมกิจกรรม ไปจนถึงการสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและมิตรภาพ สิ่งนี้สะท้อนถึงความทุ่มเทของเยาวชนในการเป็นพลังขับเคลื่อนสังคมที่ยั่งยืน

กิจกรรม FSS Halloween Fancy Run 2024 ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้าง เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน เพราะนอกจากจะส่งเสริมสุขภาพแล้ว ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการใช้ทรัพยากรในพื้นที่ เช่น การจัดหาอาหาร เครื่องดื่ม และอุปกรณ์จากผู้ประกอบการในชุมชน นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการบูรณาการกิจกรรมเพื่อสุขภาพเข้ากับการพัฒนาชุมชน

มหาวิทยาลัยนเรศวรและคณะสังคมศาสตร์ตั้งความหวังว่าผู้เข้าร่วมทุกท่านจะนำประสบการณ์จากกิจกรรมนี้ไปต่อยอดสู่การดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวัน พร้อมทั้งสืบสานการมีส่วนร่วมทางสังคมในการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อสุขภาวะและคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคน โดยกำหนดจัดกิจกรรมอีกครั้งในวันที่ 31 ตุลาคม 2568 เพื่อสานต่อความสำเร็จและสร้างแรงบันดาลใจด้านสุขภาพและความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง

ม.นเรศวร ส่งเสริมกิจกรรมลดคาร์บอนด้วยบริการจักรยานยืมปั่นฟรี

มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยกองกิจการนิสิต ได้ดำเนินโครงการบริการ จักรยานยืมปั่นฟรี สำหรับนิสิตหอพัก เพื่อสนับสนุนการเดินทางที่ไม่ก่อมลพิษและช่วยให้นิสิตได้ออกกำลังกายคลายความเครียดในชีวิตประจำวัน

โครงการดังกล่าวมีจุดให้บริการจักรยานที่ป้อมยาม B2 ใกล้หอพัก 9 ซึ่งนิสิตสามารถเข้ามายืมใช้งานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ถือเป็นแนวทางที่ช่วยลดการพึ่งพารถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

การส่งเสริมการใช้จักรยานครั้งนี้ไม่เพียงช่วย ลดคาร์บอนฟุตพรินต์ ของมหาวิทยาลัย แต่ยังมีส่วนสำคัญในการสร้างวิถีการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นการสร้างพฤติกรรมที่ดีให้นิสิตตระหนักถึงคุณค่าของการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ จักรยานยังเป็นทางเลือกที่สนับสนุนการมีสุขภาพที่แข็งแรง เพราะนิสิตสามารถใช้เป็นกิจกรรมการออกกำลังกายที่ง่ายและเข้าถึงได้ทุกวัน ซึ่งช่วยทั้งในด้านการดูแลสุขภาพร่างกายและการผ่อนคลายความตึงเครียดจากการเรียน

โครงการนี้ยังมีความสำคัญในแง่ของการสร้าง ชุมชนสีเขียวภายในมหาวิทยาลัย โดยการสนับสนุนให้นิสิตใช้จักรยานแทนการใช้ยานพาหนะที่ใช้เชื้อเพลิง เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการบูรณาการระหว่างการจัดการสิ่งแวดล้อมและการใช้ชีวิตของนิสิต

มหาวิทยาลัยนเรศวรยังมุ่งหวังให้บริการจักรยานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างวัฒนธรรมการเดินทางอย่างยั่งยืน พร้อมเป็นการกระตุ้นให้นิสิต บุคลากร และผู้ที่เกี่ยวข้องตระหนักถึงความสำคัญของการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การดำเนินการดังกล่าวจึงถือเป็นทั้งการสร้างพื้นที่การเรียนรู้และเป็นการ ส่งเสริมกิจกรรมลดคาร์บอน อย่างเป็นรูปธรรม ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการขับเคลื่อนสังคมสู่ความยั่งยืน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และคุณภาพชีวิตของทุกคนในชุมชนมหาวิทยาลัย

ม.นเรศวร นำนิสิตศึกษาชายแดนตาก เรียนรู้สังคม เศรษฐกิจ และความร่วมมือข้ามพรมแดน

วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม 2567 คณาจารย์และนิสิตในรายวิชาชายแดนศึกษา หลักสูตรการพัฒนาสังคม มหาวิทยาลัยนเรศวร นำโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.บุศรินทร์ เลิศชวลิตสกุล และอาจารย์กฤษณะ โชติสุทธิ์ ได้เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ อำเภอแม่สอดและอำเภอพบพระ จังหวัดตาก เพื่อเรียนรู้และทำความเข้าใจสภาพสังคม เศรษฐกิจ และความร่วมมือข้ามพรมแดนในพื้นที่จริง

ในวันแรก คณะศึกษาดูงานได้เข้ารับฟังการบรรยายเกี่ยวกับ การทำงานของแม่ตาวคลินิก ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการให้บริการด้านสาธารณสุขแก่ทั้งสองฝั่งชายแดน โดยเฉพาะการ ส่งเสริมให้ความช่วยเหลือด้านสาธารณสุขและการแพทย์ข้ามพรมแดน ที่มุ่งเน้นการดูแลกลุ่มประชากรเปราะบาง จากนั้นได้เดินทางไปศึกษาการค้าชายแดนบริเวณแม่น้ำเมย และระบบขนส่งสินค้าที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2

ในวันที่สอง คณะได้เข้าศึกษาการจัดการศึกษาแก่เยาวชนไร้สถานะที่ ศูนย์การเรียนรู้ซูแมคี (Thoo Mweh Khee Learning Center) อำเภอพบพระ ซึ่งเป็นตัวอย่างของการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา พร้อมทั้งลงพื้นที่สังเกตการณ์การควบคุมชายแดนและการเคลื่อนย้ายของผู้คนและสินค้าที่บ้านหมื่นฤาชัยและบ้านวาเล่ย์ เพื่อเข้าใจความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับชายแดนอย่างรอบด้าน

ในช่วงบ่าย คณะได้เดินทางไปที่บ้านยะพอหรือบ้านเพาะช้าง เพื่อเรียนรู้ภูมิปัญญาการเลี้ยงช้างของชาวกะเหรี่ยงที่สะท้อนถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นอย่างสมดุลและยั่งยืน จากนั้นได้ไปศึกษาการพัฒนาการท่องเที่ยวที่โค้ง 33 บ้านแม่โกนเกน ตำบลมหาวัน อำเภอแม่สอด ซึ่งเป็นพื้นที่ศักยภาพใหม่ในการสร้างรายได้แก่ชุมชนชายแดน

ในวันสุดท้าย คณะศึกษาดูงานได้เข้าชมการ ค้าขายวัวที่ตลาดวัวโพธิ์ทอง ตำบลแม่ปะ ซึ่งเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน และยังคงมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจชายแดน ก่อนจะปิดท้ายการศึกษาดูงานที่ตลาดริมเมย และจุดผ่านแดนถาวรที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 เพื่อเรียนรู้ภาพรวมของการค้าข้ามแดนและบรรยากาศเศรษฐกิจชายแดนอย่างใกล้ชิด

การศึกษาดูงานในครั้งนี้ได้เปิดมุมมองใหม่แก่นิสิต ทำให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่าง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และการสาธารณสุข ในพื้นที่ชายแดน ตลอดจนความร่วมมือที่เกิดขึ้นระหว่างภาครัฐ ภาคประชาสังคม และประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งสอดคล้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับสากล

ที่สำคัญ การเรียนรู้นอกห้องเรียนครั้งนี้ยังเป็น การสร้างแรงบันดาลใจให้นิสิต ตระหนักถึงปัญหาตามแนวชายแดน และเล็งเห็นบทบาทที่ตนเองสามารถมีส่วนร่วมได้ โดยเฉพาะด้าน การให้ความช่วยเหลือด้านสาธารณสุขและการแพทย์ข้ามพรมแดน ในอนาคต ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างทั้งจิตสำนึก ความรับผิดชอบต่อสังคม และการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายเพื่อสังคมที่เท่าเทียมและยั่งยืน

ม.นเรศวร เปิดหอศิลป์ จัดนิทรรศการศิลปกรรมแห่งชาติ และศิลปกรรมร่วมสมัยของศิลปินรุ่นเยาว์

วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2567 รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานเปิด นิทรรศการศิลปกรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 68 และ นิทรรศการศิลปกรรมร่วมสมัยของศิลปินรุ่นเยาว์ ครั้งที่ 39 ณ หอศิลป์มหาวิทยาลัยนเรศวร การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในศิลปะสมัยใหม่ ตลอดถึงส่งเสริมให้มีการแสดงศักยภาพผลงานศิลปะให้มีคุณภาพสูง

นิทรรศการแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ จิตรกรรม ภาพพิมพ์ และสื่อผสม รวมทั้งสิ้น 64 ชิ้นงาน เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมระหว่างวันที่ 16 กันยายน – 27 ตุลาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น. ทุกวัน ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ เพื่อให้ประชาชน นักศึกษา และผู้สนใจด้านศิลปะเข้าถึงผลงานได้อย่างกว้างขวาง

การจัดนิทรรศการครั้งนี้สะท้อนถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการ ยกระดับการศึกษาและการเรียนรู้ด้านศิลปะ โดยเปิดพื้นที่หอศิลป์เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต ทั้งสำหรับนักศึกษาและประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ และช่วยปลูกฝังความเข้าใจเชิงลึกต่อศิลปะสมัยใหม่

การสนับสนุนการจัดแสดงผลงานของศิลปินรุ่นเยาว์ยังช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างศิลปินต่างรุ่น ตลอดจนสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้ที่กำลังพัฒนาทักษะด้านศิลปะ นับเป็นการส่งเสริมศักยภาพบุคลากรสร้างสรรค์รุ่นใหม่ให้ก้าวสู่การเป็นกำลังสำคัญของสังคมในอนาคต

ด้านการพัฒนาเมืองและชุมชน การเปิดหอศิลป์ให้ประชาชนเข้าชมฟรีในช่วงระยะเวลาหนึ่งเดือนครึ่ง ช่วยสร้างโอกาสให้คนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวเข้าถึงงานศิลป์อย่างทั่วถึง ทำให้มหาวิทยาลัยกลายเป็นศูนย์กลางทางศิลปะที่มีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของชุมชนโดยรอบ

นอกจากนี้ การจัดนิทรรศการยังสะท้อนถึง การบูรณาการระหว่างสถาบันการศึกษา หน่วยงานด้านศิลปะ และชุมชน เพื่อสร้างพื้นที่ทางวัฒนธรรมที่ยั่งยืน และเป็นแบบอย่างของการใช้ทรัพยากรของมหาวิทยาลัยเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างแท้จริง

นิทรรศการศิลปกรรมแห่งชาติ และนิทรรศการศิลปกรรมร่วมสมัยของศิลปินรุ่นเยาว์ ณ หอศิลป์มหาวิทยาลัยนเรศวร จึงเป็นทั้งเวทีเผยแพร่ศิลปะคุณภาพสูง และเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเมืองและการศึกษาที่มีคุณภาพ ซึ่งสอดคล้องกับการสร้างสังคมแห่งความรู้และความยั่งยืนในอนาคต

ม.นเรศวร ฝึกทบทวน อผศ.มน. เสริมสร้างศักยภาพด้านความปลอดภัย

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม 2567 เวลา 9.00 น. นายรุ่งรัตน์ พระนาค ผู้อำนวยการกองอาคารสถานที่ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมทบทวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เพื่อยกระดับการทำงานด้านความปลอดภัยของมหาวิทยาลัย โดยการฝึกครั้งนี้ประกอบด้วยการซ้อมดับเพลิงเบื้องต้น การกู้ชีพเบื้องต้น และการระงับเหตุในหลากหลายรูปแบบ ณ อาคารอเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

วันอังคารที่ 12 มีนาคม 2567 เวลา 9.00 น. มหาวิทยาลัยนเรศวรยังได้จัดการฝึกทบทวนเพิ่มเติม โดยมีนายรุ่งรัตน์ พระนาค และนางสาวภทรพร สูงตรง รองหัวหน้าส่วนผสมผสานความปลอดภัยและโลจิสติกส์ ร่วมเป็นประธานเปิดการอบรมขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกประจำหน่วยมหาวิทยาลัยนเรศวร ณ ลานจอดรถมหาวิทยาลัย การจัดการฝึกนี้มุ่งเน้นการเพิ่มศักยภาพและการเตรียมความพร้อมด้านรักษาความปลอดภัยอย่างรอบด้าน

การฝึกทบทวนครั้งนี้ช่วยเสริมสร้างทักษะที่จำเป็นต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย โดยจำลองสถานการณ์ฉุกเฉินที่ใกล้เคียงกับเหตุการณ์จริง เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้อย่างมั่นใจ รวดเร็ว และถูกต้อง ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อชีวิตและทรัพย์สินภายในมหาวิทยาลัย

การยกระดับมาตรการความปลอดภัยในครั้งนี้ไม่เพียงตอบโจทย์การบริหารจัดการพื้นที่การศึกษาเท่านั้น แต่ยังสอดคล้องกับการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน เพราะมหาวิทยาลัยถือเป็นพื้นที่สาธารณะที่มีการใช้งานหลากหลาย การสร้างระบบความปลอดภัยที่เข้มแข็งจึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อความมั่นคงของชุมชนโดยรอบ

หัวข้อการซ้อมดับเพลิงและการกู้ชีพเบื้องต้นที่ถูกรวมอยู่ในการฝึก ถือเป็นการบูรณาการด้านความปลอดภัยที่ครบวงจร ทั้งยังสร้างความรู้และทักษะที่สามารถต่อยอดสู่การปฏิบัติในชีวิตประจำวันของเจ้าหน้าที่และบุคลากรในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างสังคมที่ปลอดภัยและยั่งยืน

นอกจากนี้ การจัดฝึกอย่างต่อเนื่องยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้พร้อมรับมือสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างเป็นระบบ ทั้งยังช่วยสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้พื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา บุคลากร หรือผู้มาติดต่อราชการ ว่ามีมาตรการดูแลที่รัดกุม

กิจกรรมฝึกทบทวน อผศ.มน. จึงไม่ใช่เพียงการสร้างความพร้อมด้านรักษาความปลอดภัย แต่ยังเป็นการสะท้อนภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้คนและความมั่นคงของชุมชน ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับการพัฒนาเมืองที่มีความยั่งยืนและปลอดภัยในระยะยาว

ม.นเรศวร จัดกิจกรรม NU Safety Day 2024 สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยยั่งยืน

วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวรจัดกิจกรรม วันความปลอดภัย มหาวิทยาลัยนเรศวร ครั้งที่ 2 ประจำปี 2567 (NU Safety Day 2024) โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานในพิธีเปิดและมอบรางวัลแก่ผู้ชนะการประกวด Poster & Infographic ใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน, ความปลอดภัยสารเคมี และความปลอดภัยทางรังสี สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการ พัฒนาวัฒนธรรมความปลอดภัยให้ยั่งยืน

กิจกรรมในปีนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “การพัฒนาวัฒนธรรมความปลอดภัยให้ยั่งยืน” พร้อมการบรรยายพิเศษโดย รองศาสตราจารย์ ดร.ศิริชัย ตันรัตนวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่ได้ชี้ถึง นโยบายด้านความปลอดภัย เพื่อยกระดับการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยให้เป็นระบบและต่อเนื่อง การเน้นย้ำเรื่องวัฒนธรรมความปลอดภัยในองค์กรถือเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องกันอุบัติเหตุและสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาวะที่ดี

ภายในงานยังมีการจัดบรรยายจากวิทยากรทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย ครอบคลุมหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับ ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และการจัดการสารเคมีและรังสี ซึ่งเป็นการเสริมสร้างองค์ความรู้ให้บุคลากรและนิสิตได้ตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ตลอดจนเรียนรู้วิธีการป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากการให้ความรู้ มหาวิทยาลัยยังให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดประสบการณ์ตรงและแนวทางปฏิบัติที่สามารถนำไปใช้ได้จริง การมี คณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ร่วมมือกับคณะกรรมการด้านความปลอดภัยทางรังสี จึงทำให้การจัดกิจกรรมมีความครอบคลุมและครบถ้วนมากยิ่งขึ้น

กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้น ณ หอประชุมมหาราช ศูนย์แสดงนิทรรศการและการจัดประชุมสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อเป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ความรู้และเพิ่มพูนทักษะด้านความปลอดภัยให้กับผู้เข้าร่วมงานทุกคน

ในแง่ของการพัฒนาสังคม กิจกรรมนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง สิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยและยั่งยืน สนับสนุนการสร้าง เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน ทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย การส่งเสริมสุขภาพ ความปลอดภัย และคุณภาพชีวิตของบุคลากรและนิสิต ล้วนเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาชุมชนเมืองให้มีความน่าอยู่มากยิ่งขึ้น

การจัดงาน NU Safety Day 2024 ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของมหาวิทยาลัยนเรศวร ที่มุ่งมั่นในการพัฒนา วัฒนธรรมความปลอดภัย อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจและเสริมสร้างความตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยให้กับทุกคนในสังคมมหาวิทยาลัย และยังเป็นต้นแบบในการสร้างสังคมที่มั่นคง ปลอดภัย และยั่งยืนในอนาคต

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร จัดโครงการแสดงรำเดี่ยวมาตรฐานทางด้านนาฏศิลป์ไทย ประจำปี 2567 สืบสานและอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย

วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม 2567 คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยสาขาวิชานาฏศิลป์ไทย ภาควิชาศิลปะการแสดง จัดโครงการแสดงรำเดี่ยวมาตรฐานทางด้านนาฏศิลป์ไทย ประจำปี 2567 ณ โรงละครเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บรมราชินีนาถ มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อเป็นเวทีให้นิสิตได้แสดงความสามารถทางด้านนาฏศิลป์ไทย พร้อมทั้งเผยแพร่ผลงานสู่สาธารณชน

การจัดโครงการดังกล่าว มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจด้านการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม และเป็นการบูรณาการเข้ากับการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษา เพื่อให้นิสิตได้ใช้ความรู้และทักษะที่สั่งสมมาตลอดการเรียนรู้ 4 ปี นำไปถ่ายทอดในรูปแบบที่ถูกต้องตามหลักวิชาการและแบบแผนทางนาฏศิลป์ไทย

การแสดงรำเดี่ยวมาตรฐานครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อฝึกฝนนิสิตให้มีความมั่นใจในการแสดงออก พร้อมเตรียมความพร้อมสู่การเป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพ ไม่เพียงแต่มีความรู้ทางวิชาการ หากยังมีความสามารถด้านศิลปวัฒนธรรม อันเป็นคุณลักษณะสำคัญที่สังคมต้องการ

มหาวิทยาลัยนเรศวรตระหนักว่า การอนุรักษ์วัฒนธรรม ไม่ได้เป็นเพียงการรักษาขนบธรรมเนียม แต่เป็นการสร้างอัตลักษณ์และความภาคภูมิใจให้แก่เยาวชนและสังคม การบรรจุเนื้อหาศิลปวัฒนธรรมในหลักสูตรการเรียนการสอน เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้ภารกิจด้านการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างแท้จริง

ภายในงาน มีการแสดงรำเดี่ยวมาตรฐานจำนวน 20 ชุด อาทิ ชุดลงสรงท้าวมาลีวราช พระรามลงสรง มณโฑหุงน้ำทิพย์ สีดาทรงเครื่อง พระลักษมณ์ลงสรง เชิดฉิ่งเบญกาย และฉุยฉายพระลอ โดยนิสิตสาขานาฏศิลป์ไทยได้ถ่ายทอดความงดงามของท่วงท่าร่ายรำและศิลปะการแสดงที่สืบทอดมาตามแบบแผนดั้งเดิม

การแสดงดังกล่าวยังเป็นโอกาสสำคัญในการเผยแพร่นาฏศิลป์ไทยไปยังสาธารณชน ช่วยเสริมสร้างความเข้าใจ ความรัก และความตระหนักในคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมที่มีมาอย่างยาวนาน อันจะนำไปสู่การอนุรักษ์และสืบสานต่อไป

มหาวิทยาลัยนเรศวรยืนยันความมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้ศิลปวัฒนธรรมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตการศึกษาและสังคม ตลอดจนเป็นมหาวิทยาลัยที่มีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์วัฒนธรรม และร่วมสร้างเมืองและชุมชนที่ยั่งยืน ด้วยการธำรงรักษาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่ต่อไปในอนาคต

ม.นเรศวร คำนึงความสำคัญของคนเดินเท้าและผู้ใช้ถนนในมหาวิทยาลัย

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ดำเนินการติดตั้ง สัญญาณไฟจราจรสำหรับคนข้ามถนน บริเวณทางม้าลายหลายจุดภายในมหาวิทยาลัย เพื่อเพิ่มมาตรการความปลอดภัยในการสัญจร และสร้างสภาพแวดล้อมการเดินทางที่เหมาะสมสำหรับนิสิต บุคลากร และประชาชนทั่วไปที่เข้ามาใช้พื้นที่

การติดตั้งสัญญาณไฟจราจรดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อ ลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ และสร้างวินัยในการใช้ถนนร่วมกัน โดยเน้นให้ผู้ขับขี่รถทุกประเภทหยุดรถเมื่อถึงสัญญาณไฟแดงและมีผู้ต้องการข้ามถนน เพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยแก่ผู้สัญจรทางเท้า

สำหรับผู้ที่ต้องการข้ามถนน ได้มีการติดตั้งปุ่มกดเรียกสัญญาณไฟ เพื่อให้รถหยุดทั้งสองฝั่งก่อนที่จะเดินข้ามถนนอย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นการปลูกฝังให้ทุกคน เคารพกฎจราจร และให้ความสำคัญกับชีวิตของผู้สัญจรทางเท้าเป็นอันดับแรก

มหาวิทยาลัยยังได้รณรงค์ให้นิสิต บุคลากร และผู้ที่ใช้ถนนภายในพื้นที่ ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการใช้ความเร็วเกินกำหนด ปฏิบัติตามสัญญาณไฟอย่างเคร่งครัด และแสดงน้ำใจต่อผู้ใช้ถนนด้วยกัน เพื่อสร้างวัฒนธรรมการจราจรที่มีความปลอดภัยและเป็นมิตร

อีกหนึ่งมาตรการสำคัญคือการรณรงค์ให้ ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์สวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง เมื่อใช้ถนนภายในมหาวิทยาลัย การสวมหมวกนิรภัยไม่เพียงช่วยลดความรุนแรงของการบาดเจ็บเมื่อเกิดอุบัติเหตุ แต่ยังเป็นการสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยและความรับผิดชอบร่วมกัน

มาตรการด้านความปลอดภัยเหล่านี้สอดคล้องกับการพัฒนา เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน โดยการออกแบบพื้นที่ที่ให้ความสำคัญกับคนเดินเท้าและผู้ใช้ถนนทุกประเภท พร้อมทั้งลดความเสี่ยงจากพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งมีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกคนในมหาวิทยาลัย

มหาวิทยาลัยนเรศวรส่งเสริมความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ผ่านการติดตั้งสัญญาณไฟจราจร การรณรงค์การขับขี่อย่างมีวินัย และการส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยอย่างต่อเนื่อง นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการสร้างสังคมการเดินทางที่ปลอดภัยและยั่งยืน

ภาพโดย: คณะสังคมศาสตร์​ มหา​วิทยาลัย​นเรศวร

โรงเรียนมัธยมสาธิต ม.นเรศวร จัดโครงการเชิดชู รู้คุณค่าภาษาไทย

วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 ศาสตราจารย์ ดร.ปกรณ์ ประจันบาน คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารคณะศึกษาศาสตร์ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดโครงการ มัธยมสาธิตฯ เชิดชู รู้คุณค่าภาษาไทย ณ โดมอเนกประสงค์ โรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยโครงการในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “วรรณคดีมีชีวิตในสายธารเศรษฐกิจสร้างสรรค์” (Creative Economy) ที่มุ่งเน้นการนำวรรณคดีและวัฒนธรรมไทยมาเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจยุคใหม่

การจัดกิจกรรมครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของภาษาและวรรณคดีไทย ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพนักเรียนให้สามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์มาพัฒนาเป็นผลงานเชิงเศรษฐกิจ โดยยึดรากฐานของ ทุนทางวัฒนธรรม ที่มีอยู่แล้วในสังคมไทย เป็นการผสมผสานการเรียนรู้เข้ากับการประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง

ภายในโครงการมีการจัดกิจกรรมทางวิชาการหลากหลายรูปแบบ ทั้งการประกวดแข่งขันด้านวิชาการ การจัดแสดงนิทรรศการ และการนำเสนอผลงานสร้างสรรค์ที่ต่อยอดจากวรรณคดีไทย อาทิ ผลิตภัณฑ์และของที่ระลึกที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทย สอดคล้องกับแนวทางการสร้าง เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ที่กำลังได้รับความสนใจในระดับประเทศและระดับนานาชาติ

หนึ่งในกิจกรรมที่โดดเด่นคือการแสดงลิเกวรรณคดีไทย เรื่อง “พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร” โดยคณะครูและนักเรียนโรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวร ที่สร้างบรรยากาศคึกคักและเต็มไปด้วยสีสันทางศิลปวัฒนธรรม นับเป็นการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาผสมผสานกับการเรียนการสอนอย่างสร้างสรรค์

โครงการดังกล่าวยังเป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างนักเรียน ครู อาจารย์ และผู้ปกครอง โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมไทยอย่างมีคุณค่า และสามารถนำไปต่อยอดสู่การสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่เหมาะสมกับสังคมยุคปัจจุบัน

การดำเนินโครงการนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของโรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวรในการ ส่งเสริมอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ผ่านการบูรณาการวรรณคดีเข้ากับการศึกษา สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้านการศึกษาที่มีคุณภาพ และการสร้างชุมชนที่รักษาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมควบคู่กับความทันสมัย

นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมยังช่วยพัฒนาทักษะสำคัญของนักเรียนทั้งในด้านการคิดวิเคราะห์ การทำงานเป็นทีม ความคิดสร้างสรรค์ และการสื่อสารเชิงวัฒนธรรม ซึ่งล้วนเป็นทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 และยังช่วยสร้างรากฐานความภาคภูมิใจในความเป็นไทยให้คงอยู่ต่อไป

NU Art & Craft Fun Fair 2024 พื้นที่แสดงออกด้านศิลปวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม กองกิจการนิสิต และงานประชาสัมพันธ์ กองกลาง มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดพิธีเปิดงาน “NU Art & Craft Fun Fair 2024” ภายใต้แนวคิด “Eco x Friendly x Mental Well-being” โดยมี ดร.จรัสดาว คงเมือง รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต ศิษย์เก่า และศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานในพิธีเปิด งานดังกล่าวจัดขึ้น ณ พิพิธภัณฑ์ผ้า หอศิลป์มหาวิทยาลัยนเรศวร และมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2567

กิจกรรมภายในงานมีความหลากหลายและตอบสนองความสนใจทั้งด้านศิลปะ วัฒนธรรม และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การจัดแฟชั่นโชว์เครื่องแต่งกายจากผ้าไทยและผ้าชาติพันธุ์ โดยนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวรและนิสิตชมรมสืบสานวัฒนธรรมม้ง การเสวนาเรื่อง “Mental Well-being” เพื่อสร้างความสุขและเสริมสร้างคุณภาพชีวิต และการแสดงดนตรีร่วมกับกิจกรรมนันทนาการจากนิสิต

การจัดกิจกรรมยังสะท้อนถึงการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG5 และ SDG11 ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและการสร้างสังคมที่ยั่งยืน ผ่านการส่งเสริมการเรียนรู้และการแสดงออกอย่างเท่าเทียม โดยกิจกรรมต่างๆ ภายในงานช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้แสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์และสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมที่ให้ความเคารพในความแตกต่างและความหลากหลาย

นอกจากนี้ยังมีเวิร์คชอปด้านศิลปะและหัตถกรรม ซึ่งเปิดโอกาสให้นิสิตได้ฝึกฝนทักษะด้านศิลปะและงานฝีมือ รวมถึงการร่วมกิจกรรมออกแบบและระบายสีกระเป๋ารักโลก เป็นการส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมได้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์และฝึกฝนประสบการณ์ใหม่ๆ สำหรับการสร้างรายได้ระหว่างเรียน งานนี้ยังมอบโอกาสให้นิสิตได้ฝึกวาดภาพศิลปะในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ

กิจกรรมยังคงเน้นย้ำเรื่องการอนุรักษ์ผ้าท้องถิ่นและการสร้างสังคมที่ยั่งยืน ผ่านการเดินแฟชั่นเสื้อผ้าชนเผ่าและผ้าท้องถิ่น ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ผ้าไทยและผ้าท้องถิ่น โดยมุ่งเน้นการสร้างความตระหนักในความสำคัญของการรักษามรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าและการอนุรักษ์ผ้าไทยให้คงอยู่สืบไป

งาน “NU Art & Craft Fun Fair 2024” ถือเป็นพื้นที่แสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ที่มีความสำคัญ โดยไม่เพียงแต่เป็นโอกาสสำหรับนิสิตในการฝึกทักษะและสร้างรายได้ ยังเปิดโอกาสให้พวกเขาได้เรียนรู้และสัมผัสกับความหลากหลายทางวัฒนธรรม พร้อมทั้งเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและจิตใจให้มีความสุขยิ่งขึ้น เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนสังคมแห่งความยั่งยืนในมหาวิทยาลัยนเรศวร

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin