คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.นเรศวร เปิดโครงการฝึกประสบการณ์วิชาชีพสาธารณสุขชุมชน ปี 2567 เตรียมนิสิตสู่การทำงานในชุมชน

ในวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดการประชุมครูพี่เลี้ยง โครงการฝึกประสบการณ์วิชาชีพสาธารณสุขชุมชน สำหรับนิสิตหลักสูตรสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาอนามัยชุมชน ชั้นปีที่ 4 โดยมี ผศ.ดร.กานต์พิชชา เกียรติกิจโรจน์ รองคณบดีฝ่ายบริหารและวางแผน เป็นประธานในพิธีเปิดงานและกล่าวต้อนรับ พร้อมทั้งให้โอวาทแก่นิสิตที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยมี ผศ.ดร.ธนัช กนกเทศ ประธานหลักสูตรสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาอนามัยชุมชน เป็นผู้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของโครงการ และ รศ.ดร.ณรงค์ศักดิ์ หนูสอน หัวหน้าสาขาวิชาอนามัยชุมชน เป็นผู้กล่าวชี้แจงรายละเอียดและแนวทางการปฏิบัติให้แก่ครูพี่เลี้ยงจากสถานที่ฝึกปฏิบัติงานทั่วประเทศ.

วัตถุประสงค์ของโครงการ โครงการฝึกประสบการณ์วิชาชีพสาธารณสุขชุมชนมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมให้นิสิตได้ลงมือปฏิบัติงานจริงในพื้นที่ชุมชนและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซึ่งเป็นการพัฒนาทักษะและความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพในระดับปฐมภูมิ การจัดการระบบสุขภาพในชุมชน และการทำงานร่วมกับครูพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์ในการให้บริการสุขภาพในพื้นที่ชุมชน.

การฝึกประสบการณ์นี้จะช่วยให้นิสิตได้ฝึกฝนทักษะในด้านการวางแผนและการบริหารจัดการด้านสุขภาพชุมชน รวมทั้งทำความเข้าใจในบทบาทของสาธารณสุขในระดับท้องถิ่น การทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้กับประชาชน รวมถึงการเข้าใจถึงความท้าทายที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติงานจริง.

การฝึกงานที่สำคัญและความร่วมมือกับครูพี่เลี้ยง การประชุมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักในการ ชี้แจงแนวทางการปฏิบัติ การ ปฏิบัติตัว และการ ให้ข้อมูลกฎระเบียบต่าง ๆ สำหรับนิสิตที่กำลังจะเริ่มต้นฝึกงานในพื้นที่จริง ซึ่งครูพี่เลี้ยงจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จะช่วยแนะนำและคอยดูแลนักศึกษาในการปฏิบัติงานในพื้นที่ชุมชน.

นิสิตจะได้มีโอกาส พบปะ และ พูดคุย กับครูพี่เลี้ยงและอาจารย์ผู้ดูแลโครงการ เพื่อ สอบถามปัญหาหรืออุปสรรค ที่อาจเกิดขึ้นในการฝึกงานและการให้บริการสุขภาพในชุมชน รวมถึงการได้รับคำแนะนำในการพัฒนาตนเองในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานจริง.

การพบปะนี้ยังเป็นโอกาสที่นิสิตจะได้ เรียนรู้จากประสบการณ์จริง และสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการเรียนในห้องเรียนมาประยุกต์ใช้ในการทำงานในชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเสริมสร้างความมั่นใจในการทำงานร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบสุขภาพชุมชน.

การฝึกประสบการณ์วิชาชีพสาธารณสุขชุมชนนี้สอดคล้องกับ เป้าหมายที่ 3 (Good Health and Well-being) และ เป้าหมายที่ 11 (Sustainable Cities and Communities) ของการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยมุ่งเน้นการสร้างระบบสุขภาพที่มีประสิทธิภาพและสามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคนในชุมชน.

โดยเฉพาะในส่วนของ SDGs 3 ที่เน้นการ ส่งเสริมสุขภาพที่ดี และการ ลดความเหลื่อมล้ำ ในการเข้าถึงบริการสุขภาพ โครงการฝึกประสบการณ์นี้จะช่วยเตรียมทักษะและความรู้ในการให้บริการสุขภาพในชุมชนให้แก่ผู้ที่จำเป็นต้องการดูแลในด้านการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคอย่างยั่งยืน.

ส่วนในด้าน SDGs 11 โครงการนี้ช่วยส่งเสริม การพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืน โดยการเตรียมผู้ที่มีความรู้ในด้านการดูแลสุขภาพให้สามารถทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อสร้างระบบสุขภาพที่เหมาะสมกับความต้องการและสภาพแวดล้อมของแต่ละพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

การเตรียมตัวและความพร้อมก่อนการลงพื้นที่ นิสิตทุกคนที่เข้าร่วมโครงการจะได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ กระบวนการปฏิบัติงาน และ แนวทางการดูแลสุขภาพ ในพื้นที่ชุมชนอย่างละเอียดจากครูพี่เลี้ยง ซึ่งจะช่วยให้พวกเขามีความมั่นใจในการลงพื้นที่และสามารถ ประยุกต์ใช้ความรู้ จากการเรียนในห้องเรียนเข้าสู่การปฏิบัติในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

การจัดกิจกรรมนี้จึงเป็นการเตรียมความพร้อมให้นิสิตได้ฝึกทักษะที่จำเป็นต่อการ พัฒนาสังคมและชุมชน และช่วยสร้าง ระบบสุขภาพที่ยั่งยืน โดยการฝึกปฏิบัติในพื้นที่จริงซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอนาคตเพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนได้อย่างยั่งยืน.

โครงการฝึกประสบการณ์วิชาชีพสาธารณสุขชุมชนประจำปีการศึกษา 2567 ของคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นโครงการที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมให้กับนิสิตในการทำงานจริงในชุมชน โดยการสร้างความรู้และทักษะในการให้บริการสุขภาพและการบริหารจัดการระบบสุขภาพในพื้นที่ พร้อมทั้งเป็นการสอดคล้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านสุขภาพและการพัฒนาชุมชน โดยการร่วมมือกับครูพี่เลี้ยงจากโรงพยาบาลและสถานบริการสาธารณสุขต่างๆ.

ที่มา: คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ร่วมสถานทูตไทย ณ กรุงเม็กซิโก จัดนิทรรศการผ้าไทย ส่งเสริมความร่วมมือวัฒนธรรมไทย-เม็กซิโก

ระหว่างวันที่ 30 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวรร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเม็กซิโก จัด นิทรรศการภูมิปัญญาผ้าไทย เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับผ้าไทยและแฟชั่นไทยในต่างประเทศ โดยการจัดงานในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ในระดับสากลเกี่ยวกับคุณค่าของผ้าไทยและภูมิปัญญาในการทอผ้าที่มีความสำคัญต่อวัฒนธรรมไทย รวมถึงการสร้างความเชื่อมโยงระหว่างวัฒนธรรมไทยกับประเทศเม็กซิโก ซึ่งมีความคล้ายคลึงในเรื่องของผ้าชาติพันธุ์.

การออกแบบและการจัดนิทรรศการ การจัดนิทรรศการในครั้งนี้ได้รับการออกแบบและดำเนินการโดย ผศ. ชโรธรณ์ ทิพย์อุปถัมภ์ อาจารย์ประจำภาควิชาศิลปะและการออกแบบ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ และ นางสาววรรณชลี กุลศรีไชย หัวหน้างานศิลปวัฒนธรรม กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ซึ่งเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญด้านผ้าไทย โดยนิทรรศการเน้นการนำเสนอผ้าไทยและผ้าชาติพันธุ์ไทที่มีความคล้ายคลึงกับผ้าของประเทศเม็กซิโก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ.

นิทรรศการนี้ได้นำเสนอ ผ้าไทยในหลากหลายรูปแบบ ที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นในการทอผ้า เช่น ผ้าไหมไทย ผ้าฝ้าย ผ้าลายทอมือ โดยมีการจัดแสดงผลงานศิลปะการทอผ้าที่ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องแต่งกาย แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการถ่ายทอดวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของชาติไทย ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมเป็นจำนวนมากในงาน.

การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการพัฒนาความร่วมมือระหว่างประเทศ การจัดนิทรรศการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและความร่วมมือระหว่างไทยและเม็กซิโก โดยผ่านการนำเสนอผ้าไทยในมิติของ การส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น และ การเสริมสร้างอัตลักษณ์ของชาติ ผ่านภูมิปัญญาการทอผ้า นอกจากนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ประเทศเม็กซิโกได้เรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะการทอผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของไทย ซึ่งอาจมีการพัฒนาเป็นความร่วมมือทางวัฒนธรรมในอนาคต.

ในบริบทของ การพัฒนาที่ยั่งยืน มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการส่งเสริม SDGs 11 ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเมืองและชุมชนที่ยั่งยืน โดยการอนุรักษ์และส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น ซึ่งผ้าไทยถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่สามารถสร้างความยั่งยืนในด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น และสร้างความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของชาติ นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับ SDGs 17 ที่เน้นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยการเผยแพร่วัฒนธรรมและสร้างความเข้าใจร่วมกันในระดับสากล.

การตอบรับจากผู้เข้าชมนิทรรศการ การจัดนิทรรศการภูมิปัญญาผ้าไทยในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมนิทรรศการในกรุงเม็กซิโกเป็นจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการเผยแพร่ผ้าไทยและแฟชั่นไทยในระดับโลก รวมทั้งการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศผ่านการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม. นิทรรศการดังกล่าวยังเป็นการยืนยันถึงความสำคัญของการร่วมมือระหว่างประเทศไทยและเม็กซิโกในการส่งเสริมและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม.

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอขอบคุณ สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเม็กซิโก (Embajada Real de Tailandia en México) ที่ได้ให้การสนับสนุนในการจัดนิทรรศการในครั้งนี้ และขอขอบคุณผู้เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการทุกท่านที่ให้ความสนใจในภูมิปัญญาผ้าไทย ซึ่งเป็นการร่วมมือที่สำคัญในการส่งเสริมและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมของไทยสู่สากล.

การจัดนิทรรศการภูมิปัญญาผ้าไทยในกรุงเม็กซิโกนี้ เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้ การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และ การสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการส่งเสริม การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นและการสร้างความยั่งยืนในชุมชน ผ่านการส่งเสริมผ้าไทยและแฟชั่นไทยให้เป็นที่รู้จักในต่างประเทศ.

มุ่งส่งเสริมสุขภาพและสร้างความสามัคคีในชุมชน FSS Halloween Fancy Run 2024

เสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์สำหรับกิจกรรม FSS Halloween Fancy Run 2024
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา กิจกรรม FSS Halloween Fancy Run 2024 ซึ่งจัดขึ้นโดย คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นอย่างเรียบร้อยและประสบความสำเร็จในทุกด้าน งานวิ่งนี้ได้รับความสนใจและการเข้าร่วมจากนักวิ่งหลายร้อยคน พร้อมทั้งการสนับสนุนจากนิสิตคณะสังคมศาสตร์และหน่วยงานต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนมีส่วนสำคัญในการทำให้กิจกรรมนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและเต็มไปด้วยความสนุกสนาน.

การจัดกิจกรรม FSS Halloween Fancy Run 2024 มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ ส่งเสริมการออกกำลังกาย และ ส่งเสริมสุขภาพที่ดี ในหมู่นิสิต บุคลากร และประชาชนในชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 3) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการ ส่งเสริมสุขภาพที่ดี และ การส่งเสริมกิจกรรมทางกาย เพื่อให้ทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรงและลดการเกิดโรคเรื้อรังจากการขาดการเคลื่อนไหวร่างกาย.

นอกจากนี้ กิจกรรมยังมุ่งหวังที่จะ สร้างความสามัคคี และ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน ผ่านการจัดกิจกรรมที่สนุกสนานและมีความหมาย เช่น การแต่งตัวในธีมฮาโลวีน ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าสนใจและเสริมสร้างบรรยากาศของการทำกิจกรรมร่วมกันในเชิงบวก.

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น ทุนทรัพย์ ที่ช่วยให้กิจกรรมสามารถจัดขึ้นได้, อาหารและน้ำดื่ม สำหรับนักวิ่งและผู้เข้าร่วมกิจกรรม, รวมถึงการ สนับสนุนด้านต่างๆ จากหลายหน่วยงาน ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือและความตั้งใจในการสร้างสรรค์กิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้เข้าร่วม.

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การมี นิสิตคณะสังคมศาสตร์ ที่ร่วมแรงร่วมใจกันในการจัดเตรียมและดำเนินกิจกรรม ทำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความทุ่มเทในการสร้างสรรค์งานที่ไม่เพียงแต่สนุกสนาน แต่ยังมีประโยชน์ในแง่ของการ ส่งเสริมสุขภาพ และ การสร้างสังคมที่มีความร่วมมือ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการใช้ ทรัพยากรท้องถิ่น และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในชุมชน.

กิจกรรม FSS Halloween Fancy Run 2024 ได้ส่งเสริม การออกกำลังกาย และ สุขภาพที่ดี ให้แก่ผู้เข้าร่วมทุกคน ซึ่งตรงกับ เป้าหมายที่ 3 ของการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 3 Good Health and Well-being) โดยการจัดกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางกาย ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งหรือการเดิน ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้องกับการไม่ออกกำลังกายได้.

นอกจากนี้ งานวิ่งยังเป็นกิจกรรมที่ช่วย สร้างความสัมพันธ์ และ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะพิเศษใดๆ ทุกคนสามารถเข้าร่วมได้ ซึ่งเป็นการ ส่งเสริมความเท่าเทียม และ การเข้าถึงโอกาส ในการมีสุขภาพที่ดีสำหรับทุกคนในสังคม.

งานวิ่ง FSS Halloween Fancy Run 2024 จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและการออกกำลังกายอย่างสนุกสนาน โดยสอดคล้องกับ SDGs 3 ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคนในสังคม โดยได้รับการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน ทั้งในด้านการเงิน อาหาร น้ำดื่ม และกำลังใจจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการมีส่วนร่วมจากนิสิตและบุคลากรของคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.

มหาวิทยาลัยนเรศวรหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้เข้าร่วมทุกท่านจะได้รับประสบการณ์ที่ดีจากกิจกรรมนี้ และขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนจนทำให้งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี คณะสังคมศาสตร์ขอเชิญชวนให้ทุกท่านพบกันใหม่ในงานวิ่งครั้งถัดไปในปี 2568 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม 2568.

จักรยาน ยืมปั่นฟรีลดโลกร้อน

จักรยาน ยืมปั่นฟรี บริการดีๆ ให้นิสิตหอพักได้ออกกำลังกายและผ่อนคลายความเครียด อีกทั้งยังเป็นการช่วยประหยัดพลังงานลดการปล่อยคาร์บอน หันมาใช้พาหนะประหยัดพลังงานแถมยังช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วย โดยยืมได้ที่ป้อมยาม B2 ใกล้หอ 9

ม.นเรศวร จัดใหญ่ มหกรรมหนังสือ NU Book Fair ครั้งที่ 24

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้และการเข้าถึงแหล่งความรู้สาธารณะ ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 11) เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมการอ่านและการศึกษาให้กับนิสิต บุคลากร และประชาชนในจังหวัดพิษณุโลก

มหกรรมหนังสือ NU Book Fair ครั้งที่ 24 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 30 มกราคม 2567 ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บรมราชินีนาถ (QS) โดยมี ผศ.ดร.ภาณุ พุทธวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร เป็นประธานในพิธีเปิดงาน พร้อมด้วย รศ.ดร.ภญ.รัตติมา จีนาพงษา ผู้อำนวยการสำนักหอสมุด กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานว่า เพื่อส่งเสริมการอ่านและสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของหนังสือในทุกภาคส่วน

งานนี้เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าร่วมเลือกซื้อหนังสือหลากหลายประเภทจากผู้จำหน่ายชั้นนำทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมเสริม เช่น การเสวนาวิชาการ การแนะนำหนังสือใหม่ และกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจในการอ่าน

การจัดมหกรรมหนังสือนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ และการเข้าถึงแหล่งความรู้สำหรับทุกคน ทั้งนิสิต บุคลากร และประชาชนทั่วไป โดยหวังว่างานนี้จะช่วยปลูกฝังความรักในการอ่าน และสนับสนุนการพัฒนาชุมชนให้แข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะยาว

คณะพยาบาลศาสตร์ ม.นเรศวร จัดประชุมวิชาการนานาชาติ ‘Trends in Food and Herbs for Health and Well Being’ เสริมความรู้ด้านสมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพ

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2566 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดการประชุมวิชาการระดับนานาชาติในหัวข้อ “Trends in Food and Herbs for Health and Well Being” ภายใต้โครงการวิจัย “NU World Class: Food and Herb for Health and Beauty” ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกรหญิงกรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในพิธีเปิด ซึ่งงานนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักวิจัยและผู้สนใจทั้งในและต่างประเทศ

การประชุมวิชาการในครั้งนี้มีการเข้าร่วมทั้งในรูปแบบ ONSITE (ที่โรงแรม Mayflower Grande Hotel พิษณุโลก) และ ONLINE ผ่านระบบ Zoom ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมจำนวน 100 คน ได้ร่วมฟังการบรรยายจากวิทยากรระดับนานาชาติและระดับชาติในหัวข้อที่หลากหลาย และเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสุขภาพ การวิจัยด้านอาหารและสมุนไพร รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพโดยการใช้สมุนไพรและอาหารที่มีประโยชน์

โครงการวิจัยนี้มีการสนับสนุนโดย สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) และได้รับการนำเสนอโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมศักดิ์ โทจำปา อาจารย์ประจำภาควิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งโครงการนี้มีเป้าหมายในการศึกษาและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ อาหารและสมุนไพร เพื่อส่งเสริมสุขภาพและความงามในด้านต่าง ๆ เช่น การป้องกันโรคและการบำรุงร่างกาย

โดยเฉพาะในด้าน การส่งเสริมสุขภาพ (SDG 3) และ การลดความยากจนและความไม่เท่าเทียม (SDG 2, 10) ผ่านการส่งเสริมการใช้สมุนไพรและอาหารที่มีประโยชน์จากธรรมชาติ ซึ่งสามารถช่วยเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีในชุมชนและเพิ่มความรู้ในด้านสุขภาพที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย

ในระหว่างการประชุมวิชาการมีการบรรยายในหัวข้อต่าง ๆ โดยวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเนื้อหาที่นำเสนอมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมสุขภาพและการใช้ อาหารและสมุนไพร ในการดูแลสุขภาพ รวมถึงการปรับตัวให้เหมาะสมกับแนวโน้มการดูแลสุขภาพในปัจจุบัน

  1. Health Promotion: The Role of Health Professionals in Promoting Health
    โดย Prof. Dr. Kenda Crozier ซึ่งบรรยายเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ และบทบาทของนักสุขภาพในการส่งเสริมสุขภาพของประชาชน
  2. DHA in Pregnancy
    โดย Thisara Weerasamai M.D. ซึ่งเป็นการพูดถึงบทบาทของ DHA (Docosahexaenoic acid) ในช่วงตั้งครรภ์ ซึ่งมีความสำคัญต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์และสุขภาพของมารดา
  3. Food and Herbs for Health in Thailand
    โดย Assistant Prof. Dr. Wudtichai Wisuttlprot ซึ่งบรรยายเกี่ยวกับการใช้ อาหารและสมุนไพร ในประเทศไทยเพื่อส่งเสริมสุขภาพและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในประเทศ
  4. Healthcare Innovation and Health Business
    โดย Dr. Joni Haryanto ซึ่งเป็นการพูดถึง นวัตกรรมในด้านการดูแลสุขภาพ และการประยุกต์ใช้ ธุรกิจด้านสุขภาพ ในการเสริมสร้างการดูแลสุขภาพที่เข้าถึงได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ
  5. Current Trends in Diabetes and Complimentary Treatment to Improve Self-Management: Asian Food and Herbs for Health
    โดย Dr. Yulis Setiya Dewi ซึ่งนำเสนอแนวโน้มปัจจุบันในเรื่องของ โรคเบาหวาน และการใช้ อาหารและสมุนไพร ในการรักษาเสริมและช่วยในการจัดการโรคเบาหวานในชีวิตประจำวัน

การประชุมครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมความรู้ด้านสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:

  • SDG 2: การขจัดความหิวโหย: การใช้สมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพสามารถส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืนและการผลิตอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ ซึ่งช่วยลดปัญหาความหิวโหยและส่งเสริมสุขภาพที่ดีในระดับประชากร
  • SDG 3: การส่งเสริมสุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดี: การศึกษาและการใช้สมุนไพรและอาหารในการรักษาโรคและการเสริมสร้างสุขภาพ เป็นการสนับสนุนการส่งเสริมสุขภาพในระดับบุคคลและชุมชน
  • SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ: การประชุมวิชาการครั้งนี้ถือเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาองค์ความรู้ในด้านการดูแลสุขภาพ ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ในการพัฒนาการศึกษาและการเรียนรู้ในสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์และการแพทย์
  • SDG 11: เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน: การประชุมนี้มีส่วนช่วยในการสร้างชุมชนที่ยั่งยืน โดยการส่งเสริมการใช้สมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพที่มีความยั่งยืน ซึ่งสามารถนำไปสู่การพัฒนาเมืองและชุมชนที่มีสุขภาพดี
  • SDG 17: การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน: การสนับสนุนการวิจัยร่วมกับองค์กรภาครัฐและเอกชน รวมถึงการจัดงานในระดับนานาชาติ ทำให้เกิดการร่วมมือระหว่างประเทศในด้านการวิจัยและการพัฒนา

การประชุมวิชาการ International Conference 2023 ถือเป็นเวทีสำคัญที่ไม่เพียงแต่แสดงถึงการสนับสนุนด้านการศึกษาและวิจัยจากมหาวิทยาลัยนเรศวรในการส่งเสริมสุขภาพและการพัฒนาองค์ความรู้ แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาควิชาการและภาคธุรกิจ รวมถึงการส่งเสริมการใช้ อาหารและสมุนไพร ในการดูแลสุขภาพ เพื่อให้มีความยั่งยืนในระยะยาว

การประชุมนี้ได้ช่วยเสริมสร้างความรู้ใหม่ ๆ ในการใช้ สมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นการส่งเสริม การพัฒนาที่ยั่งยืน ที่มีผลกระทบในทางบวกต่อทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม และยังได้สร้างโอกาสในการ สร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการศึกษาวิจัยด้านอาหารและสมุนไพรที่มีคุณค่าทางสุขภาพในอนาคต

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร จัดอบรม CPR และ AED เสริมทักษะช่วยชีวิตในกรณีฉุกเฉิน มุ่งสู่สุขภาพดีและสังคมยั่งยืน

เมื่อวันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2566 รองศาสตราจารย์ ดร.นิทรา กิจธีระวุฒิวงษ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับเกียรติเป็นประธานเปิดการอบรม การช่วยฟื้นคืนชีพด้วยวิธีการปั๊มหัวใจ (CPR) และ การใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AED) ซึ่งจัดขึ้นที่ ชั้น 7 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา 2 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร การอบรมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมทักษะและความรู้ให้กับผู้เข้ารับการอบรมในการช่วยชีวิตในสถานการณ์ฉุกเฉินและการปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ผู้ประสบเหตุมีอาการหัวใจหยุดเต้นหรือภาวะฉุกเฉินที่ต้องการการช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน

การอบรมในครั้งนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะการช่วยชีวิตในกรณีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่สำคัญของการเสียชีวิตอย่างรวดเร็วในกรณีฉุกเฉิน การฝึกปฏิบัติการ ปั๊มหัวใจ (CPR) และการใช้ เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถช่วยชีวิตคนในสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีการเสริมความรู้ในการประสานงานกับ หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน และการ ส่งตัวผู้บาดเจ็บ ไปยังสถานพยาบาลได้อย่างทันท่วงที

การอบรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมความรู้และทักษะที่จำเป็นต่อการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งช่วยให้ผู้เข้าอบรมสามารถทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว และในบางกรณีอาจช่วย เพิ่มโอกาสในการรอดชีวิต ของผู้ประสบเหตุได้

การอบรมดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจาก ทีมแพทย์ฉุกเฉิน จาก โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร คณะแพทยศาสตร์ ที่ได้ให้เกียรติเป็นวิทยากรในการบรรยายและฝึกปฏิบัติการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการช่วยชีวิต เช่น การใช้ เครื่อง AED และ เทคนิคการทำ CPR ที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความเข้าใจในวิธีการที่เหมาะสมในการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในระหว่างที่รอการมาถึงของทีมแพทย์ฉุกเฉิน

นอกจากนี้โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรยังได้ให้ ความอนุเคราะห์สถานที่ และอุปกรณ์ที่ใช้ในการอบรม ซึ่งทำให้การอบรมในครั้งนี้สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นและมีคุณภาพ โดยมี สถานที่ที่พร้อม และ อุปกรณ์ที่ทันสมัย ช่วยให้ผู้เข้ารับการอบรมได้รับประสบการณ์การฝึกปฏิบัติอย่างแท้จริง

การอบรมในครั้งนี้สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 3: Good Health and Well-Being) โดยการพัฒนาทักษะในการช่วยชีวิตและการปฐมพยาบาลเบื้องต้นถือเป็นการส่งเสริม สุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดี สำหรับทุกคนในสังคม การมีความรู้เกี่ยวกับการช่วยชีวิตและการปฐมพยาบาลที่ถูกต้องจะช่วย ลดอัตราการเสียชีวิต จากอุบัติเหตุหรือภาวะฉุกเฉิน และช่วยให้มีการรักษาที่เหมาะสมและทันเวลา

นอกจากนี้ กิจกรรมนี้ยังสนับสนุน SDG 11: Sustainable Cities and Communities โดยการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในด้านการตอบสนองฉุกเฉินและการช่วยชีวิตในชุมชน ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้เกิด สังคมที่มีความยั่งยืนและปลอดภัย โดยทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการดูแลและช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การอบรมในครั้งนี้มุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมมีทักษะที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันและในกรณีฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับการหยุดเต้นของหัวใจ ผู้ที่ผ่านการอบรมสามารถทำการ ปั๊มหัวใจ และใช้เครื่อง AED ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยให้ เพิ่มโอกาสในการรอดชีวิต ของผู้ประสบเหตุได้มากขึ้น และลดภาระการบาดเจ็บและการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในชุมชนได้

นอกจากนี้การอบรมนี้ยังเป็นการส่งเสริมการสร้าง เครือข่าย และการ ร่วมมือ ระหว่างมหาวิทยาลัยและชุมชน ซึ่งช่วยให้การตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เป็นการสร้าง ความเข้มแข็งให้กับสังคม และทำให้ ทุกคน มีส่วนร่วมในการดูแลและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ที่มา: คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

โนรา มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 คณะมนุษยศาสตร์ ได้จัดโครงการเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม โดยได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธรรมนิตย์ นิคมรัตน์ ศิลปินแห่งชาติ และคณะนักแสดงโนรา

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือด้านศิลปวัฒนธรรม ระหว่าง คณะมนุษยศาสตร์กับหน่วยงานภายนอก และเพื่อทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมอันเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของคนไทย

“โนรา” เป็นศิลปะการแสดงท้องถิ่นของคนภาคใต้ ที่มีความงดงามทั้งในเรื่องของการร่ายรำ การเล่นดนตรี และการขับร้องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของการแสดง “โนรา” อีกทั้ง ยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียน “โนรา” ให้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติอีกด้วย

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

สาธารณสุข สร้างสุข เรื่อง : วิธีเอาตัวรอดจากไฟไหม้บ้าน หรือที่พักอาศัย

รายการ : สาธารณสุข สร้างสุข เรื่อง : วิธีเอาตัวรอดจากไฟไหม้บ้าน หรือที่พักอาศัย

ผู้ดำเนินรายการ : ดร.ฤดีรัตน์ มหาบุญปีติ และ ผศ.ดร.ทศพล บุตรมี สาขาวิชาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

วันเวลาออกอากาศ : ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 18.30 – 19.00 น. ผ่านคลื่น : F.M.107.25 MHz สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยนเรศวร

ที่มา: สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยนเรศวร NUradio Naresuan

ม.นเรศวร จัดนิทรรศการ Happy Student and Sustainable Campus Life

เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2566 นางนิพัทธ์ เกษาพร ผู้อำนวยการกองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม พร้อมด้วยบุคลากร ให้การต้อนรับดร.ถวิล น้อยเขียว ประธานชมรมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดสุโขทัย และคณะ ในการเข้าสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (องค์จำลอง) และชมนิทรรศการ “ศิลป์ ร่องกล้า” (Silp Longa) จัดแสดงโดยคณาจารย์และนิสิต สาขาทัศนศิลป์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ศิลปะ และการออกแบบ มหาวิทยาลัยนเรศวร นิทรรศการ NU Photo Exhibition 2023 “มอนอ มองผ่านเลนส์” และนิทรรศการ Happy Student and Sustainable Campus Life ซึ่งจัดแสดง ณ หอศิลป์มหาวิทยาลัยนเรศวร

ที่มา: กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin