Archives July 2024

โรงเรียนมัธยมสาธิต ม.นเรศวร จัดโครงการเชิดชู รู้คุณค่าภาษาไทย

วันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 ศาสตราจารย์ ดร.ปกรณ์ ประจันบาน คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารคณะศึกษาศาสตร์ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดโครงการ มัธยมสาธิตฯ เชิดชู รู้คุณค่าภาษาไทย ณ โดมอเนกประสงค์ โรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยโครงการในปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “วรรณคดีมีชีวิตในสายธารเศรษฐกิจสร้างสรรค์” (Creative Economy) ที่มุ่งเน้นการนำวรรณคดีและวัฒนธรรมไทยมาเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจยุคใหม่

การจัดกิจกรรมครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของภาษาและวรรณคดีไทย ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพนักเรียนให้สามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์มาพัฒนาเป็นผลงานเชิงเศรษฐกิจ โดยยึดรากฐานของ ทุนทางวัฒนธรรม ที่มีอยู่แล้วในสังคมไทย เป็นการผสมผสานการเรียนรู้เข้ากับการประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง

ภายในโครงการมีการจัดกิจกรรมทางวิชาการหลากหลายรูปแบบ ทั้งการประกวดแข่งขันด้านวิชาการ การจัดแสดงนิทรรศการ และการนำเสนอผลงานสร้างสรรค์ที่ต่อยอดจากวรรณคดีไทย อาทิ ผลิตภัณฑ์และของที่ระลึกที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทย สอดคล้องกับแนวทางการสร้าง เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ที่กำลังได้รับความสนใจในระดับประเทศและระดับนานาชาติ

หนึ่งในกิจกรรมที่โดดเด่นคือการแสดงลิเกวรรณคดีไทย เรื่อง “พระอภัยมณี ตอน พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร” โดยคณะครูและนักเรียนโรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวร ที่สร้างบรรยากาศคึกคักและเต็มไปด้วยสีสันทางศิลปวัฒนธรรม นับเป็นการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาผสมผสานกับการเรียนการสอนอย่างสร้างสรรค์

โครงการดังกล่าวยังเป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างนักเรียน ครู อาจารย์ และผู้ปกครอง โดยเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ภาษาและวัฒนธรรมไทยอย่างมีคุณค่า และสามารถนำไปต่อยอดสู่การสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่เหมาะสมกับสังคมยุคปัจจุบัน

การดำเนินโครงการนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของโรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวรในการ ส่งเสริมอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ผ่านการบูรณาการวรรณคดีเข้ากับการศึกษา สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้านการศึกษาที่มีคุณภาพ และการสร้างชุมชนที่รักษาอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมควบคู่กับความทันสมัย

นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมยังช่วยพัฒนาทักษะสำคัญของนักเรียนทั้งในด้านการคิดวิเคราะห์ การทำงานเป็นทีม ความคิดสร้างสรรค์ และการสื่อสารเชิงวัฒนธรรม ซึ่งล้วนเป็นทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 และยังช่วยสร้างรากฐานความภาคภูมิใจในความเป็นไทยให้คงอยู่ต่อไป

ม.นเรศวร สร้างความพร้อมอาจารย์ที่ปรึกษาในการดูแลนิสิต

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2567 โรงเรียนและคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จัดกิจกรรม อบรมให้ความรู้ด้านสุขภาวะจิต ภายใต้หัวข้อ “ขั้นตอนการประเมินและให้คำปรึกษากับนิสิต” โดยเชิญอาจารย์ที่ปรึกษานิสิตทุกชั้นปีและบุคลากรที่สนใจเข้าร่วม เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และทักษะการดูแลสุขภาพจิตของนิสิตอย่างเป็นระบบ

กิจกรรมอบรมครั้งนี้ดำเนินการที่ ห้อง SC5-213 ชั้น 2 ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยมีเวลาอบรมตั้งแต่ 13.30 – 15.30 น. เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้รับความรู้เชิงปฏิบัติที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์จริงในการดูแลนิสิต

การอบรมครั้งนี้มี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เชาวนี ล่องชูผล อาจารย์ประจำคณะพยาบาลศาสตร์ เป็นวิทยากรให้ความรู้เกี่ยวกับ ขั้นตอนการประเมินสภาวะจิตใจของนิสิตและการให้คำปรึกษาอย่างเหมาะสม เพื่อสนับสนุนการสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ที่เอื้อต่อสุขภาพจิตของนิสิต

ผู้เข้าร่วมอบรมได้เรียนรู้ เทคนิคและแนวทางปฏิบัติ ทั้งการสังเกตพฤติกรรม ความเครียด ความวิตกกังวล รวมถึงวิธีการสนับสนุนและแนะนำให้นิสิตสามารถจัดการกับความเครียดและปัญหาสุขภาพจิตเบื้องต้นได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย

การจัดกิจกรรมครั้งนี้สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG3 ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health and Well-being) โดยเน้นการสร้างความตระหนักเรื่องสุขภาพจิตและสนับสนุนการดูแลสุขภาพจิตในเชิงป้องกันสำหรับนิสิต

นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้บุคลากรและอาจารย์ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางการดูแลนิสิต ทำให้เกิด เครือข่ายสนับสนุนสุขภาวะจิต ที่เข้มแข็งภายในคณะและสถาบัน สามารถตอบสนองต่อความต้องการด้านสุขภาพจิตของนิสิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้ที่สนใจสามารถ ลงทะเบียนเข้าร่วมอบรม ผ่านลิงก์ที่เปิดให้บริการ และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ งานกิจการนิสิตและศิษย์เก่าสัมพันธ์ คณะวิทยาศาสตร์ โทร 3150-2 เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมเสริมสร้างความรู้ด้านสุขภาพจิตและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของนิสิตให้ยั่งยืน

ม.นเรศวร ร่วมมือ อบต. ท่าโพธิ์ ยกระดับมาตรฐานร้านอาหารรอบชุมชน สู่ความปลอดภัยยั่งยืน

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2567 กลุ่มสาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ จัดพิธีปิดโครงการ “พัฒนามาตรฐานร้านอาหารและแผงลอยจำหน่ายอาหารรอบมหาวิทยาลัยนเรศวร” โดยมีการสรุปผลการดำเนินงาน และประกาศรางวัลร้านค้าที่ได้รับการคัดเลือกเป็นร้านดีเด่น จำนวนทั้งสิ้น 33 ร้าน ซึ่งได้รับป้ายช้างลิมิเต็ดตามสโลแกน “Quality you can taste, Plate you can trust – คุณภาพที่สัมผัสได้ จานที่คุณไว้ใจ” พร้อมใบประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติ

โครงการนี้ยังได้มอบ ป้าย Clean Food Good Taste ให้แก่ผู้ประกอบการร้านอาหารที่ผ่านหลักสูตรการอบรมและการพัฒนามาตรฐานร้านอาหาร รวมจำนวน 100 ร้าน เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพการบริหารจัดการด้านสุขาภิบาลอาหารในพื้นที่รอบมหาวิทยาลัยนเรศวร ให้มีมาตรฐานอาหารที่สะอาดและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ภายในพิธีได้รับเกียรติจาก นายธวัช สิงหเดช นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ และประธานกองทุนหลักประกันสุขภาพ อบต.ท่าโพธิ์ พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.นิทรา กิจธีระวุฒิวงษ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นผู้มอบประกาศนียบัตรและป้ายรับรองคุณภาพแก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมในโครงการ

โครงการพัฒนามาตรฐานร้านอาหารและแผงลอยจำหน่ายอาหารในครั้งนี้ มุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการตระหนักถึงความสำคัญของความสะอาด ปลอดภัย และคุณภาพอาหาร ทั้งในด้านกายภาพและชีวภาพ รวมถึงการเสริมสร้างทักษะในการดูแลสุขาภิบาลร้านอาหารให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อให้เกิดความมั่นใจต่อผู้บริโภค

นอกจากการพัฒนาความรู้และทักษะแล้ว โครงการยังเป็นเวทีในการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ประกอบการร้านอาหารและแผงลอยในการยกระดับมาตรฐานธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงพาณิชย์ และตอบโจทย์ต่อการสร้างระบบอาหารที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืน

การดำเนินงานยังแสดงถึงบทบาทสำคัญของความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ประกอบการในชุมชน ที่ร่วมกันผลักดันให้เกิดมาตรฐานอาหารสะอาดและปลอดภัยในระดับพื้นที่ ซึ่งเป็นต้นแบบการทำงานเชิงบูรณาการที่สามารถขยายผลไปยังพื้นที่อื่นได้ในอนาคต

การจัดโครงการครั้งนี้ไม่เพียงสร้างผลลัพธ์ด้านคุณภาพอาหาร แต่ยังสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในตำบลท่าโพธิ์ ด้วยการสนับสนุนผู้ประกอบการให้พัฒนาศักยภาพ และเพิ่มคุณค่าของร้านค้าและแผงลอยในพื้นที่อย่างมีระบบและมาตรฐานที่ยั่งยืน

โครงการ พัฒนามาตรฐานร้านอาหารและแผงลอยจำหน่ายอาหาร จึงเป็นกลไกสำคัญที่เชื่อมโยงการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ผ่านการสร้างความมั่นใจด้านอาหารปลอดภัย และการยกระดับมาตรฐานร้านอาหารและแผงลอยให้ก้าวสู่ความยั่งยืนในระยะยาว

ม.นเรศวร ร่วมโครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่า เติมพื้นที่สีเขียว เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ธรรมชาติ

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2567 เวลา 15.00 น. นายรุ่งรัตน์ พระนาค ผู้อำนวยการกองอาคารสถานที่ มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วยบุคลากร ได้รับมอบกล้าไม้นานาพันธุ์จำนวน 1,000 ต้น จากนายวิศวัฒน์ เวชวินิจ หัวหน้าสถานีเพาะชำกล้าไม้ชาติตระการ เพื่อนำไปดำเนินการตาม “โครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่า เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567”

โครงการดังกล่าวจัดทำขึ้นโดยรัฐบาลเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการรวมพลังทุกภาคส่วนของสังคมในการ ปลูกป่าและบำรุงรักษาต้นไม้ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 72 ล้านต้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีและการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างยั่งยืน

การได้รับมอบกล้าไม้ครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการ ส่งเสริมพื้นที่สีเขียวภายในมหาวิทยาลัย และสร้างความตระหนักให้บุคลากรและนักศึกษาเห็นคุณค่าของการดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มความร่มรื่นแก่สิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และฟื้นฟูคุณภาพอากาศให้สะอาดยิ่งขึ้น

การปลูกป่ามีบทบาทสำคัญต่อการสร้างสมดุลของระบบนิเวศ ทั้งการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ การป้องกันการชะล้างหน้าดิน และการกักเก็บน้ำตามธรรมชาติ การดำเนินโครงการนี้จึงเป็นการ เติมพื้นที่สีเขียว เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ธรรมชาติ และช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำลังเป็นปัญหาสำคัญของโลก

นอกจากการปลูกต้นไม้แล้ว โครงการยังเน้นการบำรุงรักษาและดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กล้าไม้เจริญเติบโตแข็งแรง และกลายเป็นผืนป่าที่สามารถสร้างประโยชน์ในระยะยาว ทั้งต่อระบบนิเวศและคุณภาพชีวิตของประชาชนในอนาคต

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยการเข้าร่วมในโครงการระดับประเทศครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นด้าน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังเป็นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ตระหนักถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ม.นเรศวร ดำเนินโครงการทันตกรรมพระราชทานฯ ให้บริการผู้ต้องขังเรือนจำพิษณุโลก

มหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ มุ่งเน้นการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนของสังคม เพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน SDGs 3 (สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) และ SDGs 10 (การลดความเหลื่อมล้ำ) ซึ่งมุ่งเน้นการลดความไม่เสมอภาคและการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพสำหรับทุกคนในทุกช่วงวัย โดยมหาวิทยาลัยนเรศวรได้ดำเนินการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่เน้นการส่งเสริมสุขภาพให้กับผู้คนที่อาจไม่ได้รับการดูแลสุขภาพตามปกติ เช่น การให้บริการทางทันตกรรมแก่ผู้ต้องขัง ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มประชากรที่มักจะไม่ได้รับการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม

โครงการบริการทันตกรรมพระราชทานฯ ที่เรือนจำกลางพิษณุโลก หนึ่งในโครงการที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสนับสนุนการเข้าถึงบริการสุขภาพที่เท่าเทียมกันคือ การให้บริการรักษาทางทันตกรรมแก่ผู้ต้องขัง โดยผ่าน หน่วยทันตกรรมพระราชทานฯ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่ได้ออกให้บริการทันตกรรมใน เรือนจำกลางพิษณุโลก ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมที่ไม่เพียงแต่ดูแลสุขภาพของผู้ต้องขัง แต่ยังเป็นการส่งเสริมความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการสุขภาพให้กับกลุ่มคนที่อาจขาดโอกาสในการรับการรักษา

ในกิจกรรมนี้ มีผู้ต้องขังมารับการรักษาทางทันตกรรมทั้งหมด 498 ราย โดยการรักษามีหลากหลายประเภท เช่น การถอนฟัน, การผ่าฟันคุด, การตัดไหม, การแต่งกระดูก และการตัดก้อน Fibroma ซึ่งเป็นการให้บริการทันตกรรมที่ครบวงจรเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและปรับปรุงสุขภาพช่องปากของผู้ต้องขังในเรือนจำ

รายละเอียดการรักษาและผลตอบรับจากผู้ต้องขัง การให้บริการนี้ไม่เพียงแค่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากปัญหาฟันและเหงือกของผู้ต้องขัง แต่ยังช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตโดยรวมของผู้ต้องขังในเรือนจำ ซึ่งส่วนใหญ่ได้แสดงความรู้สึกดีใจและขอบคุณที่ได้รับการรักษาจากทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและดูแลอย่างใกล้ชิด ผู้ต้องขังหลายคนได้แสดงความต้องการให้มีการจัดบริการทางทันตกรรมในเรือนจำอย่างต่อเนื่อง เพราะการเข้าถึงการรักษาทางทันตกรรมในสถานที่เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้โดยง่ายในชีวิตประจำวันของพวกเขา

การรักษาทางทันตกรรมที่ให้บริการนี้ช่วยลดปัญหาความเจ็บปวดจากฟันผุและฟันคุดที่ผู้ต้องขังต้องเผชิญอยู่ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของผู้ต้องขังในเรือนจำ ที่สามารถรับการรักษาอย่างมีคุณภาพ เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือเดินทางไปรับบริการที่อื่น

โครงการนี้มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 3) ซึ่งมุ่งส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับทุกคนในทุกกลุ่มประชากร โดยเฉพาะการให้บริการสุขภาพที่เข้าถึงได้ง่ายและเท่าเทียมกันในทุกๆ ชุมชน รวมถึงผู้ต้องขังซึ่งเป็นกลุ่มที่มักจะถูกมองข้ามในแง่ของการดูแลสุขภาพ

นอกจากนี้ โครงการนี้ยังสอดคล้องกับ SDGs 10 (ลดความเหลื่อมล้ำ) ที่มุ่งเน้นการลดความไม่เสมอภาคในสังคมและส่งเสริมการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพสำหรับทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการสุขภาพ เช่น ผู้ต้องขังในเรือนจำ การให้บริการทันตกรรมพระราชทานฯ นี้เป็นการเสริมสร้างความเท่าเทียมในการดูแลสุขภาพ ซึ่งช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม

ผลกระทบในระยะยาวและความสำคัญของโครงการ การดำเนินโครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเจ็บปวดของผู้ต้องขัง แต่ยังส่งเสริมสุขภาพช่องปากที่ดี ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพโดยรวมในระยะยาว เมื่อผู้ต้องขังได้รับการรักษาที่มีคุณภาพ จะสามารถลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับช่องปากและฟัน เช่น โรคเหงือกอักเสบ และฟันผุ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบถึงสุขภาพร่างกายในภาพรวม

การให้บริการทันตกรรมในเรือนจำยังเป็นการสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากในกลุ่มผู้ต้องขัง ซึ่งอาจนำไปสู่การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของตนเองในอนาคต นอกจากนี้ การให้บริการที่มีคุณภาพยังช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตของผู้ต้องขัง โดยการดูแลที่ดีช่วยให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่าและได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม

การสร้างความยั่งยืนในชุมชน โครงการทันตกรรมพระราชทานฯ นี้ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อผู้ต้องขังในเรือนจำกลางพิษณุโลกเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการใช้ความรู้และทรัพยากรที่มีในการสร้างผลกระทบทางบวกในสังคม โดยการให้บริการด้านสุขภาพที่เป็นไปตามหลักการของ การพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) มหาวิทยาลัยนเรศวรมีบทบาทในการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ผ่านการให้บริการทางการแพทย์ที่เข้าถึงได้สำหรับทุกกลุ่มประชากร แม้แต่ผู้ต้องขังที่อาจขาดโอกาสในการรับการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม

การดำเนินโครงการนี้ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือที่ดีระหว่างมหาวิทยาลัย, หน่วยงานราชการ, และภาคสังคมในการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและยั่งยืนในชุมชน โดยการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับผู้ที่ด้อยโอกาสในสังคม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ต้องขังที่มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลสุขภาพอย่างทั่วถึง

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันทำให้โครงการนี้เกิดขึ้น และจะยังคงมุ่งมั่นในการให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพต่อไปเพื่อสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีและยั่งยืน

NU Art & Craft Fun Fair 2024 พื้นที่แสดงออกด้านศิลปวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม กองกิจการนิสิต และงานประชาสัมพันธ์ กองกลาง มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดพิธีเปิดงาน “NU Art & Craft Fun Fair 2024” ภายใต้แนวคิด “Eco x Friendly x Mental Well-being” โดยมี ดร.จรัสดาว คงเมือง รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต ศิษย์เก่า และศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานในพิธีเปิด งานดังกล่าวจัดขึ้น ณ พิพิธภัณฑ์ผ้า หอศิลป์มหาวิทยาลัยนเรศวร และมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2567

กิจกรรมภายในงานมีความหลากหลายและตอบสนองความสนใจทั้งด้านศิลปะ วัฒนธรรม และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การจัดแฟชั่นโชว์เครื่องแต่งกายจากผ้าไทยและผ้าชาติพันธุ์ โดยนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวรและนิสิตชมรมสืบสานวัฒนธรรมม้ง การเสวนาเรื่อง “Mental Well-being” เพื่อสร้างความสุขและเสริมสร้างคุณภาพชีวิต และการแสดงดนตรีร่วมกับกิจกรรมนันทนาการจากนิสิต

การจัดกิจกรรมยังสะท้อนถึงการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG5 และ SDG11 ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและการสร้างสังคมที่ยั่งยืน ผ่านการส่งเสริมการเรียนรู้และการแสดงออกอย่างเท่าเทียม โดยกิจกรรมต่างๆ ภายในงานช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้แสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์และสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมที่ให้ความเคารพในความแตกต่างและความหลากหลาย

นอกจากนี้ยังมีเวิร์คชอปด้านศิลปะและหัตถกรรม ซึ่งเปิดโอกาสให้นิสิตได้ฝึกฝนทักษะด้านศิลปะและงานฝีมือ รวมถึงการร่วมกิจกรรมออกแบบและระบายสีกระเป๋ารักโลก เป็นการส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมได้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์และฝึกฝนประสบการณ์ใหม่ๆ สำหรับการสร้างรายได้ระหว่างเรียน งานนี้ยังมอบโอกาสให้นิสิตได้ฝึกวาดภาพศิลปะในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ

กิจกรรมยังคงเน้นย้ำเรื่องการอนุรักษ์ผ้าท้องถิ่นและการสร้างสังคมที่ยั่งยืน ผ่านการเดินแฟชั่นเสื้อผ้าชนเผ่าและผ้าท้องถิ่น ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ผ้าไทยและผ้าท้องถิ่น โดยมุ่งเน้นการสร้างความตระหนักในความสำคัญของการรักษามรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าและการอนุรักษ์ผ้าไทยให้คงอยู่สืบไป

งาน “NU Art & Craft Fun Fair 2024” ถือเป็นพื้นที่แสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ที่มีความสำคัญ โดยไม่เพียงแต่เป็นโอกาสสำหรับนิสิตในการฝึกทักษะและสร้างรายได้ ยังเปิดโอกาสให้พวกเขาได้เรียนรู้และสัมผัสกับความหลากหลายทางวัฒนธรรม พร้อมทั้งเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและจิตใจให้มีความสุขยิ่งขึ้น เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนสังคมแห่งความยั่งยืนในมหาวิทยาลัยนเรศวร

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร เสริมศักยภาพนิสิตสู่ผู้นำการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง มุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 14 (SDG 14) “การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเล และทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน” ผ่านกิจกรรมศึกษาดูงานของนิสิตในสาขาวิทยาศาสตร์การประมง คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นิสิตชั้นปีที่ 2 และ 3 ได้เดินทางไปยัง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.จันทบุรี เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่งทะเล รวมถึงวิธีการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกิจกรรมที่เน้นด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนดังนี้:

  1. การบริหารจัดการทรัพยากรชายฝั่ง SEP for SDGs
    นิสิตได้เรียนรู้การประยุกต์ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง (SEP) ในการบริหารจัดการทรัพยากรชายฝั่ง เช่น การจัดสมดุลระหว่างการใช้ประโยชน์และการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว
  2. การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน
    เรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทของป่าไม้ชายฝั่งในการสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล เช่น การเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ การลดผลกระทบจากการกัดเซาะชายฝั่ง และการกักเก็บคาร์บอนในระบบนิเวศ
  3. การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนตามแนวพระราชดำริ
    กิจกรรมปลูกป่าชายเลนช่วยสร้างความเข้าใจถึงความสำคัญของป่าชายเลนที่มีต่อระบบนิเวศทางทะเล โดยเฉพาะการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งและการเป็นแหล่งอนุบาลของสัตว์น้ำ

บทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการส่งเสริม SDG 14 กิจกรรมดังกล่าวไม่เพียงมุ่งเน้นการสร้างความรู้และทักษะเชิงวิชาการให้กับนิสิต แต่ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านการศึกษาและการปฏิบัติจริงในพื้นที่ นิสิตได้รับโอกาสในการทำความเข้าใจบทบาทของทรัพยากรทางทะเลที่มีต่อชุมชนและเศรษฐกิจ พร้อมทั้งเรียนรู้แนวทางในการลดผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล

ส่งเสริมความรู้คู่การอนุรักษ์ มหาวิทยาลัยนเรศวรมุ่งมั่นที่จะสร้างนักวิชาการรุ่นใหม่ที่มีความเข้าใจถึงความสำคัญของทรัพยากรทางทะเลในบริบทที่กว้างขวางขึ้น เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลอย่างสมดุลและยั่งยืนในอนาคต

ที่มา: ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

ม.นเรศวร จัดบรรยายพิเศษ “Thai Democratization in Historical Perspective” ส่งเสริมประชาธิปไตย

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2567 งานวิจัยและบริการวิชาการ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดโครงการบริการวิชาการแก่สังคม ในรูปแบบการบรรยายหัวข้อ “Thai Democratization in Historical Perspective” โดยได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นวิทยากรบรรยาย

การดำเนินรายการจัดโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรไท โสภารัตน์ รองคณบดีฝ่ายพัฒนานิสิตและส่งเสริมพหุวัฒนธรรม และ Dr. Paul Wesley Chambers อาจารย์ประจำสถานประชาคมอาเซียนศึกษา คณะสังคมศาสตร์ ซึ่งทำให้การบรรยายมีความหลากหลายทั้งเชิงวิชาการและเชิงประสบการณ์ สอดคล้องกับเป้าหมายของมหาวิทยาลัยในการสร้างพื้นที่การเรียนรู้เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย

การบรรยายครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้รับความรู้และความเข้าใจในกระบวนการประชาธิปไตยของประเทศไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมุ่งนำเสนอผ่านมุมมองทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย เหตุการณ์สำคัญ บุคคลสำคัญ และปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อการพัฒนาการเมืองไทย

ผู้เข้าร่วมได้รับประโยชน์จากการบรรยายทั้งในแง่การสร้างพื้นฐานความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเมืองไทย และการเสริมสร้างทักษะการวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ความรู้นี้ยังช่วยสนับสนุนการพัฒนาความคิดเชิงวิพากษ์และการเชื่อมโยงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์เข้ากับการแก้ไขปัญหาสังคมร่วมสมัย

กิจกรรมนี้ยังเป็นเวทีสำคัญสำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ระหว่างผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ นิสิต และผู้สนใจทั่วไป การเปิดโอกาสให้เกิดการถกเถียงเชิงสร้างสรรค์ถือเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมประชาธิปไตยในสังคม และสร้างการเรียนรู้ร่วมกันอย่างมีคุณภาพ

นอกจากนี้ การจัดบรรยายยังสะท้อนถึงความร่วมมือทางวิชาการที่เข้มแข็ง ทั้งภายในมหาวิทยาลัยและกับเครือข่ายนักวิชาการจากสถาบันอื่น ๆ การสร้างความร่วมมือเช่นนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้และขับเคลื่อนประชาธิปไตยอย่างยั่งยืนในระดับชาติและนานาชาติ

โครงการดังกล่าวไม่เพียงเป็นกิจกรรมบริการวิชาการแก่สังคม แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาสังคมที่เน้นการสร้าง ความรู้ ความเข้าใจ และความร่วมมือ ในการผลักดันกระบวนการประชาธิปไตยให้มีความมั่นคง โปร่งใส และสอดคล้องกับการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน

การจัดกิจกรรมครั้งนี้มีขึ้น ณ ห้องประชุม Main Conference ชั้น 1 อาคารกองบริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (CITCOMS) มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยได้รับการตอบรับจากผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก แสดงถึงความสนใจในประเด็นประชาธิปไตยและความตั้งใจที่จะร่วมสร้างสังคมที่โปร่งใสและเข้มแข็งต่อไป

ม.นเรศวร ส่งเสริมสุขภาพใจและกายเพื่อการเรียนรู้อย่างยั่งยืน

มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ตอกย้ำความสำคัญของการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจของนิสิต ด้วยการเปิดให้บริการด้านสุขภาวะที่ครอบคลุมและเข้าถึงง่าย เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพและสร้างสมดุลในชีวิตการศึกษาและการใช้ชีวิตประจำวันของนิสิตทุกคน

ศูนย์สุขภาวะนิสิต เป็นหน่วยงานหลักที่ให้บริการด้านการปรึกษา โดยเปิดบริการวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 08.30 – 20.00 น. ณ อาคารขวัญเมือง ชั้น 1 ศูนย์แห่งนี้ทำหน้าที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับนิสิตที่ต้องการรับคำแนะนำทั้งด้านร่างกายและจิตใจ พร้อมด้วยช่องทางการติดต่อผ่าน Facebook ศูนย์สุขภาวะนิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึง

นอกจากนี้ยังมี NU Friendzone Clinic คลินิกเพื่อการประเมินและให้คำปรึกษา โดยเปิดให้บริการทุกวันอังคารและวันพุธ เวลา 09.00 – 16.00 น. ผ่านทีมผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมช่วยเหลือในด้านการจัดการอารมณ์ ความเครียด และการสร้างทักษะชีวิตสำหรับนิสิตที่ต้องการความช่วยเหลือเฉพาะด้าน

สำหรับด้านการแพทย์เฉพาะทาง มหาวิทยาลัยได้จัดตั้ง คลินิกจิตเวช โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 3 อาคารสิรินธร โทร. 0-5596-5702-3 โดยเปิดบริการเพื่อให้การรักษาและดูแลด้านสุขภาพจิตอย่างเป็นระบบ ครอบคลุมตั้งแต่การวินิจฉัย ไปจนถึงการบำบัดและฟื้นฟู

อีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจคือ ดูแลใจ by NU Nurses (Mind your heart by NU Nurses) ซึ่งมุ่งเน้นการรับฟังและให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตทั้งนิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ผ่าน Facebook: ดูแลใจ by NU Nurses โดยทีมพยาบาลผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะให้คำแนะนำและแนวทางในการดูแลใจอย่างถูกต้อง

เพื่อการเข้าถึงความช่วยเหลือที่เร่งด่วน นิสิตยังสามารถใช้บริการ สายด่วนสุขภาพจิต 1332 ที่เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญที่ช่วยให้นิสิตและประชาชนได้รับการดูแลในยามฉุกเฉินหรือเมื่อเกิดภาวะเครียดกดดัน

การมีระบบบริการด้านสุขภาวะที่ครบวงจรเช่นนี้ ช่วยส่งเสริมให้นิสิตมีสุขภาพกายและใจที่สมดุล ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของการเรียนรู้และการพัฒนาตนเองอย่างเต็มศักยภาพ อีกทั้งยังสร้างสังคมการศึกษาเชิงบวกที่เอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

ม.นเรศวร จัดประชุมวิชาการ TNDR Conference เสริมความยืดหยุ่นรับภัยพิบัติ และสร้างความร่วมมือระดับเครือข่ายเพื่อสังคมที่ยั่งยืน

วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับมหาวิทยาลัยในเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย จัดการประชุมวิชาการวิจัยระดับชาติและนานาชาติ The 2nd TNDR Conference (National & International) ภายใต้หัวข้อ “ความยืดหยุ่นรับภัยพิบัติเพื่อสังคมที่ดีขึ้น (Be Better: Disaster Resilience for Better Society)” ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการและการประชุมนเรศวรมหาราช (KNECC) โดยมี ดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่าย TNDR เป็นประธานเปิดงาน

การประชุมครั้งนี้ประกอบด้วยเวทีเสวนาที่หลากหลาย เริ่มจากประเด็น “ระบบนิเวศของการสนับสนุนการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์” โดยผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายภาคส่วน ทั้งภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคเอกชน เช่น ดร.พิจิตต รัตตกุล, รศ.ดร.อภิชาต โสภาแดง, คุณเอกพงศ์ มุสิกะเจริญ และดร.ก่อศักดิ์ โตวรรธกวณิชย์ ซึ่งได้แลกเปลี่ยนมุมมองการนำองค์ความรู้ไปต่อยอดสู่การสร้างเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม

อีกหนึ่งประเด็นที่ได้รับความสนใจคือการเสวนาเครือข่าย TNDR ในหัวข้อ “โลกเดือด-สุดขั้วภัยพิบัติ จัดการน้ำอย่างไรให้รอด!!!” โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการน้ำจากหลายองค์กร ทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจ เช่น สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์กรมหาชน) บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ และมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งร่วมกันแลกเปลี่ยนแนวทางการจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นอกจากการเสวนาแล้ว ยังมีการนำเสนอผลงานวิจัยทั้งระดับชาติและนานาชาติ ที่สะท้อนถึงการสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยพิบัติ รวมถึงการจัดนิทรรศการโปสเตอร์และบูธจากเครือข่าย TNDR ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้และสร้างเครือข่ายวิชาการและวิชาชีพที่เข้มแข็ง

การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพด้าน การรับมือภัยพิบัติ โดยเชื่อมโยงงานวิจัยกับการปฏิบัติจริง และผลักดันให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ จากวิกฤตสิ่งแวดล้อมและภัยธรรมชาติ

มหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะเจ้าภาพ ได้ตอกย้ำบทบาทของตนในการเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ด้านภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยไม่เพียงเน้นการผลิตงานวิจัยเชิงวิชาการ แต่ยังให้ความสำคัญกับการนำไปใช้ประโยชน์จริงในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจให้เข้มแข็งขึ้น

ความร่วมมือจากเครือข่าย TNDR ซึ่งประกอบด้วยมหาวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน แสดงถึงพลังการทำงานร่วมกันที่เป็นรูปธรรม เพื่อพัฒนากลไกการจัดการภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ และสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมในระยะยาว

ท้ายที่สุด การประชุม TNDR Conference ครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างสังคมที่มีความยืดหยุ่นต่อภัยพิบัติ ควบคู่กับการสร้างความร่วมมือระดับเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของชุมชน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin