Archives July 2024

NU Art & Craft Fun Fair 2024 พื้นที่แสดงออกด้านศิลปวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม กองกิจการนิสิต และงานประชาสัมพันธ์ กองกลาง มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดพิธีเปิดงาน “NU Art & Craft Fun Fair 2024” ภายใต้แนวคิด “Eco x Friendly x Mental Well-being” โดยมี ดร.จรัสดาว คงเมือง รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต ศิษย์เก่า และศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานในพิธีเปิด งานดังกล่าวจัดขึ้น ณ พิพิธภัณฑ์ผ้า หอศิลป์มหาวิทยาลัยนเรศวร และมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2567

กิจกรรมภายในงานมีความหลากหลายและตอบสนองความสนใจทั้งด้านศิลปะ วัฒนธรรม และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การจัดแฟชั่นโชว์เครื่องแต่งกายจากผ้าไทยและผ้าชาติพันธุ์ โดยนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวรและนิสิตชมรมสืบสานวัฒนธรรมม้ง การเสวนาเรื่อง “Mental Well-being” เพื่อสร้างความสุขและเสริมสร้างคุณภาพชีวิต และการแสดงดนตรีร่วมกับกิจกรรมนันทนาการจากนิสิต

การจัดกิจกรรมยังสะท้อนถึงการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG5 และ SDG11 ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและการสร้างสังคมที่ยั่งยืน ผ่านการส่งเสริมการเรียนรู้และการแสดงออกอย่างเท่าเทียม โดยกิจกรรมต่างๆ ภายในงานช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้แสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์และสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมที่ให้ความเคารพในความแตกต่างและความหลากหลาย

นอกจากนี้ยังมีเวิร์คชอปด้านศิลปะและหัตถกรรม ซึ่งเปิดโอกาสให้นิสิตได้ฝึกฝนทักษะด้านศิลปะและงานฝีมือ รวมถึงการร่วมกิจกรรมออกแบบและระบายสีกระเป๋ารักโลก เป็นการส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมได้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์และฝึกฝนประสบการณ์ใหม่ๆ สำหรับการสร้างรายได้ระหว่างเรียน งานนี้ยังมอบโอกาสให้นิสิตได้ฝึกวาดภาพศิลปะในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ

กิจกรรมยังคงเน้นย้ำเรื่องการอนุรักษ์ผ้าท้องถิ่นและการสร้างสังคมที่ยั่งยืน ผ่านการเดินแฟชั่นเสื้อผ้าชนเผ่าและผ้าท้องถิ่น ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ผ้าไทยและผ้าท้องถิ่น โดยมุ่งเน้นการสร้างความตระหนักในความสำคัญของการรักษามรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าและการอนุรักษ์ผ้าไทยให้คงอยู่สืบไป

งาน “NU Art & Craft Fun Fair 2024” ถือเป็นพื้นที่แสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ที่มีความสำคัญ โดยไม่เพียงแต่เป็นโอกาสสำหรับนิสิตในการฝึกทักษะและสร้างรายได้ ยังเปิดโอกาสให้พวกเขาได้เรียนรู้และสัมผัสกับความหลากหลายทางวัฒนธรรม พร้อมทั้งเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและจิตใจให้มีความสุขยิ่งขึ้น เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนสังคมแห่งความยั่งยืนในมหาวิทยาลัยนเรศวร

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ร่วมมือ อบต. ท่าโพธิ์ ยกระดับมาตรฐานร้านอาหารรอบชุมชน สู่ความปลอดภัยยั่งยืน

มหาวิทยาลัยนเรศวรตอกย้ำความมุ่งมั่นในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมาย SDG 2 (การขจัดความหิวโหย) และ SDG 17 (ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน) โดยในวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 กลุ่มสาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม คณะสาธารณสุขศาสตร์ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ จัดพิธีปิดโครงการ “พัฒนามาตรฐานร้านอาหารและแผงลอยจำหน่ายอาหารรอบมหาวิทยาลัยนเรศวร” ณ ห้อง Main Conference อาคารกองบริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชั้น 1 มหาวิทยาลัยนเรศวร

โครงการนี้มีเป้าหมายยกระดับมาตรฐานร้านค้าและแผงลอยอาหารในชุมชนตำบลท่าโพธิ์ให้มีความปลอดภัยและคุณภาพ โดยมีการมอบรางวัลให้แก่ร้านค้าที่ได้รับคัดเลือกดีเด่นจำนวน 33 ร้าน ซึ่งได้รับป้ายเชิดชูเกียรติรูปช้างลิมิเต็ด ภายใต้สโลแกน “Quality you can taste, Plate you can trust” หรือ “คุณภาพที่สัมผัสได้ จานที่คุณไว้ใจ” นอกจากนี้ ผู้ประกอบการร้านค้าจำนวน 100 ร้านที่ผ่านการอบรมและพัฒนามาตรฐานจะได้รับป้าย Clean Food Good Taste และใบประกาศนียบัตร

งานนี้ได้รับเกียรติจากนายธวัช สิงหเดช นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ และรองศาสตราจารย์ ดร.นิทรา กิจธีระวุฒิวงษ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ เป็นผู้มอบรางวัลและประกาศนียบัตรให้แก่ผู้ประกอบการร้านค้า การดำเนินโครงการครั้งนี้สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและชุมชนในการส่งเสริมสุขาภิบาลอาหารและคุณภาพชีวิต พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคและผลักดันให้ร้านค้าในพื้นที่รอบมหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นต้นแบบของร้านอาหารที่ได้มาตรฐานในอนาคต

ม.นเรศวร ดำเนินโครงการทันตกรรมพระราชทานฯ ให้บริการผู้ต้องขังเรือนจำพิษณุโลก

มหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ มุ่งเน้นการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนของสังคม เพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน SDGs 3 (สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) และ SDGs 10 (การลดความเหลื่อมล้ำ) ซึ่งมุ่งเน้นการลดความไม่เสมอภาคและการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพสำหรับทุกคนในทุกช่วงวัย โดยมหาวิทยาลัยนเรศวรได้ดำเนินการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่เน้นการส่งเสริมสุขภาพให้กับผู้คนที่อาจไม่ได้รับการดูแลสุขภาพตามปกติ เช่น การให้บริการทางทันตกรรมแก่ผู้ต้องขัง ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มประชากรที่มักจะไม่ได้รับการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม

โครงการบริการทันตกรรมพระราชทานฯ ที่เรือนจำกลางพิษณุโลก หนึ่งในโครงการที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสนับสนุนการเข้าถึงบริการสุขภาพที่เท่าเทียมกันคือ การให้บริการรักษาทางทันตกรรมแก่ผู้ต้องขัง โดยผ่าน หน่วยทันตกรรมพระราชทานฯ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่ได้ออกให้บริการทันตกรรมใน เรือนจำกลางพิษณุโลก ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมที่ไม่เพียงแต่ดูแลสุขภาพของผู้ต้องขัง แต่ยังเป็นการส่งเสริมความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการสุขภาพให้กับกลุ่มคนที่อาจขาดโอกาสในการรับการรักษา

ในกิจกรรมนี้ มีผู้ต้องขังมารับการรักษาทางทันตกรรมทั้งหมด 498 ราย โดยการรักษามีหลากหลายประเภท เช่น การถอนฟัน, การผ่าฟันคุด, การตัดไหม, การแต่งกระดูก และการตัดก้อน Fibroma ซึ่งเป็นการให้บริการทันตกรรมที่ครบวงจรเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและปรับปรุงสุขภาพช่องปากของผู้ต้องขังในเรือนจำ

รายละเอียดการรักษาและผลตอบรับจากผู้ต้องขัง การให้บริการนี้ไม่เพียงแค่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากปัญหาฟันและเหงือกของผู้ต้องขัง แต่ยังช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตโดยรวมของผู้ต้องขังในเรือนจำ ซึ่งส่วนใหญ่ได้แสดงความรู้สึกดีใจและขอบคุณที่ได้รับการรักษาจากทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและดูแลอย่างใกล้ชิด ผู้ต้องขังหลายคนได้แสดงความต้องการให้มีการจัดบริการทางทันตกรรมในเรือนจำอย่างต่อเนื่อง เพราะการเข้าถึงการรักษาทางทันตกรรมในสถานที่เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้โดยง่ายในชีวิตประจำวันของพวกเขา

การรักษาทางทันตกรรมที่ให้บริการนี้ช่วยลดปัญหาความเจ็บปวดจากฟันผุและฟันคุดที่ผู้ต้องขังต้องเผชิญอยู่ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของผู้ต้องขังในเรือนจำ ที่สามารถรับการรักษาอย่างมีคุณภาพ เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือเดินทางไปรับบริการที่อื่น

โครงการนี้มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 3) ซึ่งมุ่งส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับทุกคนในทุกกลุ่มประชากร โดยเฉพาะการให้บริการสุขภาพที่เข้าถึงได้ง่ายและเท่าเทียมกันในทุกๆ ชุมชน รวมถึงผู้ต้องขังซึ่งเป็นกลุ่มที่มักจะถูกมองข้ามในแง่ของการดูแลสุขภาพ

นอกจากนี้ โครงการนี้ยังสอดคล้องกับ SDGs 10 (ลดความเหลื่อมล้ำ) ที่มุ่งเน้นการลดความไม่เสมอภาคในสังคมและส่งเสริมการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพสำหรับทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการสุขภาพ เช่น ผู้ต้องขังในเรือนจำ การให้บริการทันตกรรมพระราชทานฯ นี้เป็นการเสริมสร้างความเท่าเทียมในการดูแลสุขภาพ ซึ่งช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม

ผลกระทบในระยะยาวและความสำคัญของโครงการ การดำเนินโครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเจ็บปวดของผู้ต้องขัง แต่ยังส่งเสริมสุขภาพช่องปากที่ดี ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพโดยรวมในระยะยาว เมื่อผู้ต้องขังได้รับการรักษาที่มีคุณภาพ จะสามารถลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับช่องปากและฟัน เช่น โรคเหงือกอักเสบ และฟันผุ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบถึงสุขภาพร่างกายในภาพรวม

การให้บริการทันตกรรมในเรือนจำยังเป็นการสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากในกลุ่มผู้ต้องขัง ซึ่งอาจนำไปสู่การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของตนเองในอนาคต นอกจากนี้ การให้บริการที่มีคุณภาพยังช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตของผู้ต้องขัง โดยการดูแลที่ดีช่วยให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่าและได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม

การสร้างความยั่งยืนในชุมชน โครงการทันตกรรมพระราชทานฯ นี้ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อผู้ต้องขังในเรือนจำกลางพิษณุโลกเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการใช้ความรู้และทรัพยากรที่มีในการสร้างผลกระทบทางบวกในสังคม โดยการให้บริการด้านสุขภาพที่เป็นไปตามหลักการของ การพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) มหาวิทยาลัยนเรศวรมีบทบาทในการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ผ่านการให้บริการทางการแพทย์ที่เข้าถึงได้สำหรับทุกกลุ่มประชากร แม้แต่ผู้ต้องขังที่อาจขาดโอกาสในการรับการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม

การดำเนินโครงการนี้ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือที่ดีระหว่างมหาวิทยาลัย, หน่วยงานราชการ, และภาคสังคมในการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและยั่งยืนในชุมชน โดยการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับผู้ที่ด้อยโอกาสในสังคม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ต้องขังที่มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลสุขภาพอย่างทั่วถึง

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันทำให้โครงการนี้เกิดขึ้น และจะยังคงมุ่งมั่นในการให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพต่อไปเพื่อสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีและยั่งยืน

ม.นเรศวรเสริมศักยภาพนิสิตสู่ผู้นำการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง มุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 14 (SDG 14) “การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเล และทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน” ผ่านกิจกรรมศึกษาดูงานของนิสิตในสาขาวิทยาศาสตร์การประมง คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นิสิตชั้นปีที่ 2 และ 3 ได้เดินทางไปยัง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.จันทบุรี เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่งทะเล รวมถึงวิธีการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกิจกรรมที่เน้นด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนดังนี้:

  1. การบริหารจัดการทรัพยากรชายฝั่ง SEP for SDGs
    นิสิตได้เรียนรู้การประยุกต์ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง (SEP) ในการบริหารจัดการทรัพยากรชายฝั่ง เช่น การจัดสมดุลระหว่างการใช้ประโยชน์และการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว
  2. การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน
    เรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทของป่าไม้ชายฝั่งในการสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล เช่น การเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ การลดผลกระทบจากการกัดเซาะชายฝั่ง และการกักเก็บคาร์บอนในระบบนิเวศ
  3. การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนตามแนวพระราชดำริ
    กิจกรรมปลูกป่าชายเลนช่วยสร้างความเข้าใจถึงความสำคัญของป่าชายเลนที่มีต่อระบบนิเวศทางทะเล โดยเฉพาะการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งและการเป็นแหล่งอนุบาลของสัตว์น้ำ

บทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการส่งเสริม SDG 14 กิจกรรมดังกล่าวไม่เพียงมุ่งเน้นการสร้างความรู้และทักษะเชิงวิชาการให้กับนิสิต แต่ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านการศึกษาและการปฏิบัติจริงในพื้นที่ นิสิตได้รับโอกาสในการทำความเข้าใจบทบาทของทรัพยากรทางทะเลที่มีต่อชุมชนและเศรษฐกิจ พร้อมทั้งเรียนรู้แนวทางในการลดผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล

ส่งเสริมความรู้คู่การอนุรักษ์ มหาวิทยาลัยนเรศวรมุ่งมั่นที่จะสร้างนักวิชาการรุ่นใหม่ที่มีความเข้าใจถึงความสำคัญของทรัพยากรทางทะเลในบริบทที่กว้างขวางขึ้น เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลอย่างสมดุลและยั่งยืนในอนาคต

ที่มา: ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

ม.นเรศวร เป็นเจ้าภาพจัดประชุมวิชาการ “ฟื้นฟูดินเพื่อเกษตรกรรมและสิ่งแวดล้อม”

คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพร่วมจัดการประชุมวิชาการดินและปุ๋ยแห่งชาติ ครั้งที่ 8 ร่วมกับสมาคมดินและปุ๋ยแห่งประเทศไทย ภายใต้หัวข้อ “ฟื้นฟูดินเพื่อเกษตรกรรมและสิ่งแวดล้อม” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-12 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมสมเด็จพระนเรศวร มหาวิทยาลัยนเรศวร

การประชุมครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเผยแพร่ความรู้และนวัตกรรมให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับความก้าวหน้าของดินและปุ๋ย โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ส่งเสริมการปรับตัว สร้างความยืดหยุ่นภายใต้การเปลี่ยนแปลงของโลก และบรรลุการจัดการทรัพยากรดินที่สมดุลและยั่งยืน นอกจากนี้ การประชุมยังมุ่งหวังที่จะเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและเพิ่มรายได้ทางการเกษตรผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ

รองศาสตราจารย์ ดร.สรินทิพย์ ตันตาณี รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวในพิธีเปิดว่า มหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นการกระจายโอกาสทางการศึกษาและความเท่าเทียมกันให้กับประชาชนโดยเฉพาะใน 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย โดยมุ่งผลิตบัณฑิตที่ตอบสนองความต้องการของสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทรัพยากรดินมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำรงชีพทางการเกษตรของประชาชนในภูมิภาคนี้ งานนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูทรัพยากรดินร่วมกับภาคีเครือข่าย มุ่งส่งเสริมการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในระบบการผลิตที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างมูลค่าเพิ่ม และลดต้นทุนการผลิตทางการเกษตร นอกจากนี้ยังเน้นการใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ ลดของเสียและของเสียจากการเกษตร ตลอดจนส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าถึงข้อมูล ทำให้สามารถบริหารจัดการฟาร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มรายได้

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วรสิทธิ์ โตจำปา คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ภายในงานมีการบรรยายพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญด้านดินที่มีชื่อเสียง นิทรรศการจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน การนำเสนอและการฝึกอบรมแก่เกษตรกรในหัวข้อที่กำลังเป็นกระแสต่างๆ

สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ‘เมืองแผ่นดิน ถิ่นสองแคว’ ขับเคลื่อนการส่งเสริมการจ้างงานและความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566, มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีส่วนร่วมในการจัดงาน มหกรรมอาชีพ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เมืองแผ่นดิน ถิ่นสองแควหอประชุมมหาราช อาคารอุทยานองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดพิษณุโลก โดยงานนี้จัดขึ้นเพื่อ ส่งเสริมการสร้างงานและอาชีพที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 8) โดยเฉพาะในด้าน การส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และ การส่งเสริมการมีงานทำที่ดี สำหรับทุกคน.

การส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและการสร้างอาชีพที่ยั่งยืน (SDG 8): นี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ ส่งเสริมการพัฒนาทักษะด้านอาชีพ และ การสร้างรายได้ อย่างยั่งยืนให้แก่ชุมชนท้องถิ่น และผู้ที่สนใจเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ โดยผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นในงาน ซึ่งจะช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้รับความรู้เกี่ยวกับการสร้างอาชีพใหม่ ๆ และการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น:

  • การสาธิตอาชีพและฝึกปฏิบัติอาชีพ: ผู้เข้าร่วมจะได้ทดลองทำงานฝีมือหรือกิจกรรมอาชีพที่สามารถนำไปใช้สร้างรายได้ เช่น การทำสินค้าหัตถกรรม การทำอาหาร การทำน้ำหอม หรือแม้แต่การเกษตร ซึ่งช่วยให้ทุกคนได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปประกอบอาชีพในอนาคต.
  • การจัดแสดงอาชีพนวัตกรรม: มหาวิทยาลัยนเรศวรได้นำเสนอแนวคิด อาชีพนวัตกรรม ซึ่งไม่เพียงแต่การทำงานตามอาชีพทั่วไป แต่ยังสามารถนำเทคโนโลยีหรือ นวัตกรรมใหม่ มาใช้ในการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการในตลาดและสามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน.
  • การแจกของรางวัล: เพื่อเพิ่มแรงจูงใจและกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความสนใจในด้านการพัฒนาทักษะอาชีพและการสร้างรายได้ โดยการแจกของรางวัลที่มีคุณค่า ซึ่งอาจเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการประกอบอาชีพหรือผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง.
  • สินค้าจาก 8 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง: การจัดแสดงและขาย ผลิตภัณฑ์เด่น จาก 8 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งรวมถึง สินค้า OTOP และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่สะท้อนถึง ภูมิปัญญาท้องถิ่น การใช้ทรัพยากรในพื้นที่อย่าง ยั่งยืน และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าท้องถิ่น ซึ่งเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับชุมชนและภูมิภาค.

การสร้างความร่วมมือและเครือข่าย (SDG 17): จัดงานในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึง การสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยมีการนำเสนอ ทักษะและความรู้ ที่จำเป็นในการพัฒนาอาชีพในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งช่วยเสริมสร้าง เครือข่ายความร่วมมือ ที่เป็นประโยชน์ทั้งในด้านการพัฒนาทักษะของบุคคลและการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับชุมชนผ่านการเรียนรู้ร่วมกัน.

มหาวิทยาลัยนเรศวรไม่เพียงแต่จัดงานเพื่อเผยแพร่ความรู้ แต่ยังส่งเสริมการ สร้างเครือข่าย และ การเชื่อมโยง ระหว่าง นักศึกษา, ชุมชน, ภาครัฐ, และเอกชน ที่จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาอาชีพและการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน โดยการนำทักษะต่าง ๆ ที่ได้เรียนรู้จากการฝึกอบรมไปปรับใช้ในชีวิตจริงและสามารถขยายขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของพื้นที่และประเทศ.

งานนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการ สนับสนุนการสร้างงาน ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผู้คนมีรายได้ แต่ยังมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมที่ยั่งยืนและเสถียร โดยการสนับสนุนการประกอบอาชีพที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม, การพัฒนาอาชีพใหม่ ๆ ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของสังคม, และการสนับสนุน การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจสามารถคงอยู่ได้ในระยะยาว.

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

โรงพยาบาลทันตกรรม ม.นเรศวร ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงการร่วมเป็นสถานพยาบาลในการให้บริการทางทันตกรรมไม่ต้องสำรองจ่าย

รองศาสตราจารย์ ดร.ทันตแพทย์หญิงพีรยา ภูอภิชาติดำรง คณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วย ผศ.ดร.ทพญ.จิตติมา พุ่มกลิ่น รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลทันตกรรม ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสำนักงานประกันสังคมจังหวัดพิษณุโลก ภายใต้โครงการให้บริการทางทันตกรรมโดยไม่ต้องสำรองจ่ายแก่ผู้ประกันตน ในการใช้สิทธิ์ 900 บาทต่อปี

การลงนามในครั้งนี้มีขึ้นที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดพิษณุโลก โดยมี นางอาภรณ์ แว่วสอน ประกันสังคมจังหวัดพิษณุโลก เป็นผู้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกัน ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมได้รับสิทธิในการใช้บริการทันตกรรมโดยไม่ต้องสำรองจ่าย ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการดูแลสุขภาพช่องปากที่มีคุณภาพ โดยสามารถใช้สิทธิ์นี้ได้ทุกปี ในวงเงิน 900 บาท

โครงการนี้สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้าน SDG 3: การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งมุ่งเน้นการให้ทุกคนเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพและสามารถจ่ายได้ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลสุขภาพทั่วไปหรือการรักษาเฉพาะทาง รวมถึงการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการบริการสุขภาพระหว่างชนชั้นและกลุ่มประชากรต่างๆ

การที่มหาวิทยาลัยนเรศวรและโรงพยาบาลทันตกรรมเข้าร่วมโครงการนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการเสริมสร้างการเข้าถึงบริการสุขภาพช่องปากที่มีคุณภาพ แต่ยังเป็นการสนับสนุนให้คนในชุมชนได้รับการดูแลสุขภาพที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการส่งเสริมความยั่งยืนในด้านสุขภาพของสังคมในระยะยาว

สำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่สนใจสามารถใช้สิทธิ์ในการรับบริการทันตกรรมได้ที่โรงพยาบาลทันตกรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งได้รับการรับรองให้เป็นสถานพยาบาลในการให้บริการตามโครงการนี้ และสามารถใช้สิทธิ์ได้ตามข้อกำหนดที่ระบุในบันทึกข้อตกลง.

การประชุมวิชาการวิจัยระดับชาติและนานาชาติ “ความยืดหยุ่นรับภัยพิบัติเพื่อสังคมที่ดีขึ้น

การประชุมวิชาการวิจัยระดับชาติและนานาชาติ:The 2nd TNDR Conference (National & International) “ความยืดหยุ่นรับภัยพิบัติเพื่อสังคมที่ดีขึ้น (Be Better: Disaster Resilience for Better Society)” จัดโดย มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับ มหาวิทยาลัยในเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการ การจัดประชุมนเรศวรมหาราช (KNECC) มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยได้รับเกียรติจากดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย (TNDR) เป็นประธานในการเปิดการประชุม

หลังจากนั้นมีการเสวนาที่น่าสนใจ
1 ประเด็น “ระบบนิเวศของการสนับสนุนการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ “
1. ดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย
2. รศ.ดร.อภิชาต โสภาแดง คณบดีวิทยาลัยพหุวิทยาการและสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
3. คุณเอกพงศ์ มุสิกะเจริญ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและประสานเพื่อประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม (กปว.)
4. ดร.ก่อศักดิ์ โตวรรธกวณิชย์ ผู้จัดการแพล็ตฟอร์มสร้างธุรกิจนวัตกรรม ศูนย์ธุรกิจระหว่างประเทศ บจม.พีทีที โกลบอล เคมิคัล ผู้ดำเนินรายการ: ดร.พิสุทธิ์ อภิชยกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี

2. เสวนาเครือข่าย TNDR ประเด็น “โลกเดือด-สุดขั้วภัยพิบัติ จัดการน้ำอย่างไรให้รอด!!!”
1. คุณวรรธนศักดิ์ สุปะกิ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศ ทรัพยากรน้ำ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์กรมหาชน)
2. คุณสุขธวัช พัทธวรากร ผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและพันธกิจสังคม บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
3. คุณวีฤทธิ กวยะปาณิก หัวหน้าศูนย์บริหารจัดการน้ำ องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่
4. รศ.ดร.เดช วัฒนชัยยิ่งเจริญ นักวิชาการด้านการบริหารจัดการน้ำ มหาวิทยาลัยนเรศวร ผู้ดำเนินรายการ: นายสมคิด สะเภาคำ ผู้อำนวยการศูนย์อุทกวิทยาชลประทานภาคเหนือตอนล่าง

นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ และนานาชาติ พร้อมทั้งนิทรรศการโปสเตอร์และบูธเครือข่าย TNDR

NU Playground Zero Waste

ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดโครงการ NU Zero Waste ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมกิจกรรมตามหลัก 3Rs คือ Reduce, Reuse, Recycle เพื่อสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจในการจัดการขยะให้กับนิสิต โดยได้รับเกียรติจาก คุณสมหมาย แก้วเกตุศรี ผู้จัดการวงศ์พานิชย์ สาขาย่อย มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมทีมงาน ซึ่งมาบรรยายให้ความรู้ในหัวข้อ “Go Zero Waste” และลงภาคปฏิบัติการในการคัดแยกขยะเพื่อช่วยโลก

ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรารัตน์ มหาศรานนท์ พร้อมทีมงาน ได้มาบรรยายให้ความรู้ในหัวข้อ “ลดขยะลดโลกร้อนด้วยนวัตกรรม Recycle” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่มีการจัดการเรียนการสอนทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการลดขยะและจัดการสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจำวันได้จริง

โครงการ NU Zero Waste ได้รับความสนใจจากนิสิตจำนวนมาก โดยมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 200 คน ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการพัฒนาและส่งเสริมการดำเนินงานที่ยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับ SDG12 (การบริโภคและการผลิตอย่างรับผิดชอบ) โดยมีการใช้การอบรมและกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจในการจัดการขยะและการลดปริมาณขยะให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการส่งเสริมการตระหนักรู้ในความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมในระดับมหาวิทยาลัยและชุมชนโดยรวม

โครงการนี้จัดขึ้นที่ ห้องล้อบบี้ ชั้น 2 อาคารขวัญเมือง ซึ่งเป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีความรับผิดชอบและเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับนิสิตในการมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในอนาคต โดยมีความร่วมมือจาก นิสิตที่สนใจ, นิสิตจิตอาสา, สโมสร, ชมรม และหน่วยงานต่าง ๆ ในการสร้างการมีส่วนร่วมด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในทั้งระดับมหาวิทยาลัยและชุมชน

ม.นเรศวร จัดประชุมวิจัยนานาชาติ เสริมพัฒนาอุตสาหกรรมและความยืดหยุ่นรับภัยพิบัติ

มหาวิทยาลัยนเรศวรมุ่งมั่นในการพัฒนาและส่งเสริมการวิจัยด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรม (SDG 9) ด้วยการสร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและองค์กรระดับนานาชาติ เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมและการสร้างความยืดหยุ่นต่อภัยพิบัติ

หนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญในการส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยนเรศวร คือการจัดการประชุมวิชาการวิจัยระดับชาติและนานาชาติ “The 2nd TNDR Conference (National & International)” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการการจัดประชุมนเรศวรมหาราช (KNECC) มหาวิทยาลัยนเรศวร งานนี้จัดขึ้นร่วมกับมหาวิทยาลัยในเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย (TNDR) และได้รับเกียรติจากดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่าย TNDR เป็นประธานในการเปิดการประชุม

การประชุมครั้งนี้จะมีเสวนาที่น่าสนใจหลายหัวข้อ โดยเฉพาะประเด็นที่สำคัญ เช่น “ระบบนิเวศของการสนับสนุนการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์” ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญจากหลายองค์กรและสถาบันเข้าร่วมการเสวนา รวมถึงประเด็น “โลกเดือด-สุดขั้วภัยพิบัติ จัดการน้ำอย่างไรให้รอด” ที่จะนำเสนอแนวทางการจัดการทรัพยากรน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติและวิกฤติการณ์ต่างๆ

ในงานนี้ยังมีการนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติและนานาชาติ พร้อมทั้งการจัดนิทรรศการโปสเตอร์และบูธจากเครือข่าย TNDR เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเรียนรู้จากผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการบริหารจัดการภัยพิบัติ

การประชุมนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความร่วมมือที่สำคัญระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรและองค์กรต่างๆ เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรม และการสร้างความยืดหยุ่นต่อภัยพิบัติ ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 9 ในการสร้างความสามารถทางนวัตกรรมและอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน โดยมุ่งหวังที่จะสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin