นวัตกรรมพลาสติกเพื่อการเกษตรที่ผลิตจากวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

จะดีแค่ไหน ถ้าบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่เราใช้กันทุกวัน จะไม่ไปจบที่หลุมฝังกลบ หรือลอยอยู่ในทะเล แต่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ทั้งหมด และสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืนได้ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้มอบรางวัลนักคิดสิ่งประดิษฐ์รุ่นใหม่ ประจำปี 2562 แก่ผลงานสิ่งประดิษฐ์ “NU Bio Bags นวัตกรรมพลาสติกเพื่อสิ่งแวดล้อม” แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรารัตน์ มหาศรานนท์ และคณะ แห่งคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อให้ผลงานจากนักวิจัยเป็นที่รู้จัก และได้รับการต่อยอดในภาคธุรกิจ และนำไปสู่การปรับใช้ในวงกว้างเพื่อแก้ปัญหาขยะมูลฝอยในประเทศ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรารัตน์ มหาศรานนท์ นักวิจัยมหาวิทยาลัยนเรศวร พัฒนานวัตกรรม “NU Bio Bags พลาสติกเพื่อสิ่งแวดล้อม” ถูกพัฒนาขึ้นโดยการผลิตจากไบโอคอมโพสิตฟิล์มของพอลิแลคติกแอซิดหรือพีแอลเอผสมกากกาแฟ และใช้วัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติปราศจากการใช้สารเคมี เป็นพลาสติกเพื่อการเกษตรที่สามารถย่อยสลายได้ 100% และไม่มีสารเคมีตกค้างในสิ่งแวดล้อม และสามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้

มีองค์ประกอบหลัก คือเซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส ลิกนิน และมีส่วนประกอบของน้ำมันกาแฟ ที่มีคุณสมบัติเป็นพลาสติกไซเซอร์ที่นำมาแทนพวกสารเคมีพาทาเลท อีกทั้งที่เลือกกากกาแฟ เนื่องจากมีธาตุอาหาร ไนโตรเจน โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ที่พืชต้องการสำหรับการเจริญเติบโตของพืช มีความสามารถในการป้องกันรังสียูวี ทำให้รากพืชสามารถเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่โดยที่ไม่โดนแสงแดดทำลายในขั้นตอนเพราะชำกล้า และกากกาแฟสามารถช่วยไล่ศัตรูพืชได้ เช่น มด รวมถึงสัตว์ที่มีผิวหนังเป็นเมือก เช่น หอยทาก ไส้เดือน และแมลงบางชนิด มักไม่ชอบความเป็นกรดที่อยู่ในกากกาแฟ คุณสมบัติเด่นของ NU Bio Bags จากไบโอคอมโพสิตฟิล์มพีแอลเอผสมกากกาแฟ สามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้ 100% ย่อยสลายแล้วไม่มีสารเคมีตกค้าง เนื่องจากในกาแฟนั้นมีน้ำมันกาแฟเป็นองค์ประกอบอยู่จึงเสมือนเป็นตัวช่วยในการผสมแบบธรรมชาติ ในการเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่พีเอลเอ

กระบวนการผลิตถุงปลูกพืชเริ่มจากผสมด้วยเครื่องหลอมอัดรีดแบบสกรูคู่ มาใช้ในกระบวนการเป่าฟิล์มด้วยเครื่องอัดรีดแบบเป่า โดยนำกากกาแฟมาใส่เป็นสารตัวเติม และมีการพัฒนาต่อยอดจากถุงปลูกพืช NU Bio Bags เป็นบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ในห้องน้ำตามโรงแรม อาทิ สบู่ก้อน รวมถึงต่อยอดไปสู่การทำถุงบรรจุภัณฑ์ข้าวกล้อง และถุงบรรจุช้อน-ส้อม จนปัจจุบันผลิตภัณฑ์จากไบโอคอมโพสิตฟิล์มพีแอลเอผสมกากกาแฟ ได้ถูกนำเข้าไปใช้จริงในบริษัท กาแฟพันธุ์ไทย เพื่อประชาสัมพันธ์ในเชิงการสร้างเรื่องราวความเป็นมาและการใช้ประโยชน์จากกาแฟที่เป็นของเหลือทิ้ง อีกด้วย

ที่มา: สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ

เปิดประสบการณ์ ศึกษาดูงานการจัดการขยะและของเสียอันตราย

วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 สาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โดย ผศ.ดร.วรวิทย์ อินทร์ชม ผู้รับผิดชอบโครงการ พร้อมด้วยคณาจารย์ในสาขาฯ จัดโครงการศึกษาดูงานการจัดการขยะและของเสียอันตราย ณ ศูนย์กำจัดขยะถูกหลักสุขาภิบาล เทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ตำบลตาลเตี้ย อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย โดยมีนิสิตสาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม ชั้นปีที่ 3 จำนวน 46 คน เข้าร่วมโครงการ การศึกษาดูงานดังกล่าวนี้ได้การต้อนรับเป็นอย่างดี จากท่านรองนายกเทศมนตรีเมืองสุโขทัยธานี คุณสมศักดิ์ เวชสุวรรณ ทั้งนี้ การศึกษาดูงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นิสิตได้รับประสบการณ์จากการได้เห็นการดำเนินการจัดการขยะมูลฝอยในพื้นที่จริง รวมทั้ง รับรู้รับทราบสภาพปัญหาและอุปสรรคในการจัดการขยะมูลฝอย และได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการดำเนินงานด้านการจัดการมูลฝอยและประสบการณ์กับผู้ปฏิบัติงานจริง ประสบการณ์ดังกล่าวนี้สามารถช่วยให้นิสิตมีทักษะในการใช้หลักวิชาในการปฏิบัติงานจริงในอนาคต และเกิดประโยชน์กับประชาชน ต่อไป

ที่มา: สาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม คณะสาธารณสุขศาสตร์ มน.

ให้ความรู้และสร้างความตระหนักตามมาตรฐานสำนักงานสีเขียว

วันที่ 24 มกราคม 2566 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ฐิติรัตน์ สุวรรณสม รองคณบดีฝ่ายบริหาร กล่าวต้อนรับวิทยากรและกล่าวเปิดโครงการสำนักงานสีเขียว เรื่อง การให้ความรู้และสร้างความตระหนักตามมาตรฐานสำนักงานสีเขียว (การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ การจัดการขยะ) วิทยากรโดย อาจารย์วรางค์ลักษณ์ ซ่อนกลิ่น อาจารย์ประจำสาขาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งได้ให้ความรู้และข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับการจัดการของเสียและมลพิษ การจัดซื้อจัดจ้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการสร้างบรรยากาศการทำงานในอาคารสำนักงานบริหาร ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการจัดการหน่วยงานตามนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมตามแก่บุคลากรสายสนับสนุนคณะมนุษยศาสตร์ ณ ห้องประชุม HU 2303 คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ที่มา: คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

นวัตกรรมใหม่! จาก “กากกาแฟ” สู่พลาสติกชีวภาพ ย่อยสลายเองได้ ช่วยบำรุงดิน

ปัจจุบัน ”ปัญหาขยะพลาสติก” เป็นหนึ่งปัญหาสำคัญแม้ในอุตสาหกรรมการเกษตร “ถุงเพาะปลูก” เป็นถุงพลาสติกสังเคราะห์ที่ไม่นิยมนำกลับมารีไซเคิล เนื่องจากมีการปนเปื้อนสูง ยากต่อการผลิตพลาสติกขึ้นมาใหม่ เมื่อต้นไม้โตขึ้น ถุงเพาะปลูกจึงกลายเป็นขยะที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ และทำลายสิ่งแวดล้อม

นักวิจัยมหาวิทยาลัยนเรศวร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรารัตน์ มหาศรานนท์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ จึงคิดค้นพลาสติกชีวภาพจาก “กากกาแฟ” มาเพื่อแก้ไขปัญหานี้ ถุงพลาสติกนี้มีความยืดหยุ่น มีต้นทุนการผลิตต่ำ และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ช่วยลดปัญหาขยะพลาสติก ไม่ก่อสารพิษให้โลก ถือเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมฝีมือคนไทยที่ตอบโจทย์ ใช้ต้นทุนต่ำในการผลิต และสามารถนำไปต่อยอดในธุรกิจอื่น ๆ ได้ เช่น ถุงบรรจุหมวกคลุมผม ถุงคอตตอนบัดในโรงแรม ถือเป็นวัสดุจากธรรมชาติที่ช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติได้อีกด้วย

ใช้ถุงพลาสติกชีวภาพจาก “กากกาแฟ” ดียังไง ?
– สะอาดปลอดภัย
– ย่อยสลายเองได้โดยไม่ต้องถอดถุงทิ้ง
– กากกาแฟมีคุณสมบัติเป็นปุ๋ย น้ำมันกากกาแฟช่วยเพิ่มธาตุอาหารที่พืชต้องการในดิน
– ถุงสามารถกันแสงยูวีได้ ช่วยยืดอายุของสิ่งของที่บรรจุในถุง

ที่มา: We Love PTT

ม.นเรศวร จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรการส่งเสริมการประยุกต์ใช้อากาศยานไร้คนขับสำหรับภาคอุตสาหกรรม รุ่นที่ 3 (Onsite)

NuSciPark จัดกิจกรรมการอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรการส่งเสริมการประยุกต์ใช้อากาศยานไร้คนขับสำหรับภาคอุตสาหกรรม รุ่นที่ 3 (Onsite) ภายใต้โครงการพัฒนาความสามารถทางเทคโนโลยีของบุคลากรภาคอุตสาหกรรม (Brain Power Skill Up) ในวันที่ 9 – 13 มกราคม 2566

🔰 โดยได้รับเกียรติจาก ดร.พิสุทธิ์ อภิชยกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี และรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานกล่าวเปิดกิจกรรมดังกล่าว

ที่มา: อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร จัดประชุมการหารือแนวทางการจัดการกากอุตสาหกรรม ระหว่างมหาวิทยาลัยร่วมกับภาคเอกชน

วันที่ 6 ธันวาคม 2565 ณ ห้องประชุมเสลา 1 สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร นำโดย ดร.พิสุทธิ์ อภิชยกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยีเเละรักษาการในตำเเหน่งผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับ บริษัท จีจีซี เคทิส ไบโออินดัสเทรียล จำกัด อาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย กองการถ่ายทอดเทคโนโลยีและบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา เเละกองการวิจัยและนวัตกรรม

ได้จัดประชุมหารือแนวทางการจัดการกากอุตสาหกรรม ระหว่างมหาวิทยาลัยร่วมกับ จีจีซี เคทิส ไบโออินดัสเทรียล จำกัด เนื่องจากบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งเเวดล้อม โอลิโอเคมีคอล เชื้อเพลิงชีวภาพ ชีวเคมี พลาสติกชีวภาพ เเละโรงไฟฟ้า ร่วมทุนระหว่างบริษัทในกลุ่มธุรกิจผลิตไบโอเคมีเเละเคมีชีวภาพ เเละธุรกิจเอทานอลจากกากน้ำตาล โดยมีอ้อยเป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิต เเละบริษัทฯ มีปัญหาในการจัดการกากอ้อยเเละเถ้าจากกระบวนการผลิต บริษัทฯ จึงมีความประสงค์ขอข้อมูลสนับสนุนงานวิจัยเพื่อเป็นแนวทางในการจัดการกากอุตสาหกรรม

ที่มา: อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร

“ของเก่ามีค่า” กระเป๋าทำมือ DIY มอบให้กับโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร

เช้าวันนี้ (20 ตุลาคม 2565) นางศิริวรรณ  กมลพัฒนะ ผู้อำนวยการกองกิจการนิสิต พร้อมด้วยหัวหน้างานกิจกรรมพัฒนานิสิต และบุคลากร นำกระเป๋าทำมือ DIY จากเสื้อยืดที่ไม่ใช้แล้ว จำนวน 1,100 ใบ มอบให้กับ ผศ.พญ.พิริยา นฤขัตรพิชัย คณบดีคณะแพทยศาสตร์  ณ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร พิษณุโลก

ที่มา: กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ขนย้ายและกำจัดของเสียอันตราย ประจำปี 2565

เมื่อวันที่ 29-30 สิงหาคม 2565 บุคลากรกองอาคารสถานที่ร่วมกับหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการขนย้ายของเสียอันตรายที่เกิดขึ้นภายในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ของคณะและหน่วยงานต่างๆ จำนวน 23 จุด ภายในมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งจะถูกนำไปกำจัดและทำลายอย่างถูกวิธีโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของบุคลากรที่ปฏิบัติการทางด้านวิทยาศาสตร์ รวมถึงผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายภายในมหาวิทยาลัยนเรศวร

ที่มา: กองอาคารสถานที่ มหาวิทยาลัยนเรศวร

เชิดชูคนดี กยศ. จิตอาสาคัดแยกขยะ

กิจกรรมจิตอาสาคัดแยกขยะเริ่มทำตั้งแต่ปี 2558 โดยเป็นการรวมกลุ่มของนิสิตแกนนำเพียง 10 คนซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกที่ร่วมทำกิจกรรมสะสมกว่า 4,000 คนโดยเงินที่ได้จากการจัดกิจกรรมคัดแยกขยะในช่วงแรกได้นำไปมอบให้กับหน่วยงานการกุศลและ กองทุนการศึกษาเพื่อนิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร

จากนั้นในปีต่อๆมาได้นำมาจัดสรรเป็นทุนการศึกษาให้กับนิสิตปัจจุบันมีนิสิตได้รับทุนดังกล่าวมากกว่า 60 คนถึงแม้จะเป็นจำนวนเงินไม่มากนักแต่ก็สร้างความภาคภูมิใจให้กับนิสิตที่ทำกิจกรรมและผู้รับทุนสนับสนุน

กิจกรรมจิตอาสาคัดแยกขยะทำเป็นกิจกรรมย่อย 4 กลุ่ม
1.จิตอาสาคัดแยกขยะวันพุธ
2.จิตอาสาคัดแยกขยะวันอาทิตย์
3.จิตอาสาปั่นจักรยานเก็บขยะวันเสาร์
4.จิตอาสาคัดแยกขยะหอพัก

ปัจจุบันยังคงมีนิสิตทำกิจกรรมดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ขอแรงใจให้น้องนิสิตกลุ่มนี้ เพื่อสืบสานกิจกรรมดีๆแบบนี้ต่อไป
ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

วช. สนับสนุนทีมวิจัย ม.นเรศวร ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตองุ่นไชน์มัสแคทเพื่อการพาณิชย์

วช. สนับสนุนทีมวิจัย ม.นเรศวร ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตองุ่นไชน์มัสแคทเพื่อการพาณิชย์ เผยจุดเด่นทำให้เป็นองุ่นไร้เมล็ด เพิ่มมูลค่า และเก็บเกี่ยวได้ 2 รอบต่อปี ซึ่งนอกจากจะเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกองุ่นแล้ว ยังทำให้คนไทยเข้าถึงการบริโภคองุ่นพันธุ์นี้ได้ง่ายขึ้นและลดการนำเข้าจากต่างประเทศเก็บตก… จากงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565 กับอีกหนึ่งบูธที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานเป็นอย่างมากจากการนำเสนอผลงานที่มุ่งยกระดับผลผลิตทางเกษตรเพื่อการพาณิชย์และการส่งออกในอนาคตของทีมวิจัยจากคณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวรที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า ในภาคการเกษตร การปลูกผลไม้ให้มีคุณภาพสูง และได้มาตรฐานจนเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศได้นั้น เกษตรกรผู้ปลูกจำเป็นต้องอาศัยองค์ความรู้ เทคโนโลยี และเงินลงทุนค่อนข้างสูง อย่างเช่น การปลูกองุ่นไชน์มัสแคทที่จำเป็นต้องสร้างโรงเรือนและต้นพันธุ์องุ่น รวมทั้งอาศัยหลักการจัดการที่ถูกต้อง โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตและหลังการเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม

สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จึงได้สนับสนุนทุนวิจัยให้กับโครงการ “การจัดการความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตองุ่นไชน์มัสแคทเพื่อการพาณิชย์” ในปีงบประมาณ 2563  ภายใต้โครงการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อชุมชน เพื่อยกระดับกระบวนการผลิตพร้อมทั้งถ่ายทอด สร้างความรู้ความเข้าใจให้เกิดแก่เกษตรกร ตลอดจนเพิ่มศักยภาพและสร้างมาตรฐานการผลิตองุ่นไชน์มัสแคท  เพื่อการพาณิชย์และการส่งออกในอนาคต

โดยมี “รศ.ดร.พีระศักดิ์  ฉายประสาท” ผู้อำนวยการสถานความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นหัวหน้าโครงการ เปิดเผย ถึงที่มาของโครงการดังกล่าวว่า  เนื่องจากทีมวิจัยได้รับการสนับสนุนจากสโมสรโรตารี่สากลในการไปฝึกอบรมพร้อมกับเกษตรกรที่ประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่จะกลับมาช่วยพัฒนาการผลิตองุ่นไชน์มัสแคทในประเทศไทย  หลังจากนั้นจึงได้รับทุนวิจัยจาก วช.ในการจัดอบรมเพื่อถ่ายทอดความรู้แก่นักวิชาการ เกษตรกรผู้ปลูกองุ่นไชน์มัสแคทและผู้ที่สนใจในปี 2564

“จากที่เราไปศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่นทั้งเรื่องเทคโนโลยีการปลูก การเก็บเกี่ยว และการเก็บรักษา ซึ่งก็ได้นำมาถ่ายทอดให้กับเกษตรกรจริงๆ ที่เมืองไทยและได้ผลผลิตเรียบร้อยแล้ว  โดยที่ผ่านมามีการถ่ายทอดองค์ความรู้ไปแล้ว 2 รุ่น  เช่น การใช้องุ่นพันธุ์ไชน์มัสแคทต่อยอดกับองุ่นป่า และกระบวนการในการทำให้องุ่นออกดอก และติดผล ซึ่งจุดเด่นของโครงการนื้คือ สามารถทำให้เกิดเป็นองุ่นไร้เมล็ดที่มีราคาสูงขึ้นได้ เกษตรกรผู้ปลูกองุ่นในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างสามารถปลูกจนจำหน่ายได้จริงแล้วในเชิงพาณิชย์  และสามารถเก็บเกี่ยวผลองุ่นได้ถึง 2 รอบต่อปี”รศ.ดร.พีระศักดิ์ กล่าวว่า การพัฒนาการปลูกองุ่นพันธุ์ไชน์มัสแคท ซึ่งมีราคาสูง นอกจากจะทำให้คนไทยเข้าถึงการบริโภคองุ่นพันธ์นี้ง่ายขึ้นแล้ว ยังทำให้กลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกองุ่น เช่น ในพื้นตำบลวงฆ้อง อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก มีคุณภาพชีวิตหรือเศรษฐกิจดีขึ้น เนื่องจากมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 15 % และสามารถลดการนำเข้าองุ่นไชน์มัสแคทได้ ซึ่งในอนาคตทีมวิจัยอยากให้โครงการนี้ขยายพื้นที่ปลูกไปยังจังหวัดอื่นๆ  เพื่อมีการผลิตที่เพียงพอกับความต้องการบริโภคภายในประเทศอย่างไรก็ดี  ภายในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2565 คณะเกษตรศาสตร์ฯ จากมหาวิทยาลัยนเรศวร  ยังได้ นำผลงาน “การจัดการความรู้และถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตทุเรียนหลงลับแลและหมอนทองเชิงพาณิชย์ในเขตภาคเหนือตอนล่าง” ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจาก วช. มาจัดแสดง

นอกจากจะมีการฝึกอบรมเกษตรกรในการเรื่องของเทคโนโลยีการปลูก การดูแลรักษา การแก้ปัญหาแพร่ระบาดของแมลง และการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว  ยังมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการตรวจสอบคุณภาพของผลทุเรียน  ทดแทนวิธีการเดิมที่เกษตรกรดูจากสีผิว หนาม และใช้ไม้เคาะ เพื่อประเมินความแก่ของผลทุเรียน โดยเครื่องตรวจสอบความแก่ของผลทุเรียน เป็นเทคโนโลยี NIR (Near Infrared ) ที่นำเข้าจากต่างประเทศ และนำมาพัฒนาเพิ่มเติมในส่วนของสมการที่พัฒนาขึ้นโดยอาศัยการเก็บข้อมูลจริงกว่า 400 ตัวอย่างเพื่อให้การตรวจวัดหาค่าน้ำหนักแห้งในผลทุเรียนที่มีความอ่อน-แก่ในระดับต่าง ๆ  มีความแม่นยำมากขึ้น

ที่มา: เทคโนโลยีเกษตร

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin