NU Playground Zero Waste: Event ดีๆ ที่ไม่มีขยะ

NU PLAYGROUND แลนด์มาร์คแห่งใหม่มหาลัยนเรศวร กิจกรรมดีๆ ที่สร้างความสุขในการจับจ่ายซื้ออาหาร และเป็นพื้นที่ซื้อสินค้าและการผักผ่อน โดยไม่สร้างขยะเหลือทิ้ง ด้วยการใช้ภาชนะใส่อาหารส่วนตัวมาใช้เพื่อลดการใช้ถุงพลาสติก โดยจัดกจกรรมวันที่ 23 – 25 กันยายน 2567 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ณ ลาน Playground หอในมอนอ

รณรงค์การลดขยะภายในมหาวิทยาลัย

คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ขอเชิญคณาจารย์ บุคลากร และนิสิตร่วมรณรงค์การลดขยะภายในคณะฯ อันเนื่องมาจากวิกฤติสถานการณ์การจัดการขยะภายในจังหวัดพิษณุโลก ดังนี้
1.ลดการใช้พลาสติก โดยลดการใช้กล่อง ช้อนส้อม แก้ว และถุงพลาสติก แล้วหันมาใช้แก้ว จาน ช้อนส้อม ถุงผ้า ฯลฯ
2.ร่วมกันคัดแยกขยะก่อนทิ้งลงถังขยะทั้ง 4 สี
3.ทิ้งขยะตามจุดที่คณะฯกำหนด

มหาวิทยาลัยนเรศวร สร้างพื้นที่แห่งความสุข “ตลาดโบราณย้อนยุค”

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีการสร้างพื้นที่แห่งความสุข “ตลาดโบราณย้อนยุค” เพื่อเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างคนในมหาวิทยาลัย, ชุมชนโดยรอบ, และผู้ประกอบการท้องถิ่น สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนในหลายมิติ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ, สังคม, และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมาย SDGs ที่มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญในการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ตลาดโบราณย้อนยุคไม่เพียงแต่เป็นแหล่งเลือกซื้ออาหารที่สะอาด ปลอดภัย และมีราคาที่เข้าถึงได้ แต่ยังเป็นพื้นที่ที่สะท้อนถึงการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น ผ่านการร้อยเรียงเรื่องราวของขนมและอาหารโบราณที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม การสร้างพื้นที่เช่นนี้ช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในด้านวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งเป็นการส่งเสริมเป้าหมาย SDG 4 “การศึกษาที่มีคุณภาพ” และ SDG 11 “เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน”

นอกจากนี้ ตลาดโบราณย้อนยุคยังเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน การเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นมีโอกาสสร้างรายได้ถือเป็นการส่งเสริม SDG 8 “การทำงานที่ดีและการเติบโตทางเศรษฐกิจ” โดยการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับธุรกิจขนาดเล็กและผู้ประกอบการในชุมชน อีกทั้งยังช่วยให้เกิดการหมุนเวียนของเงินภายในพื้นที่ ซึ่งส่งผลดีต่อการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนในท้องถิ่น

ในด้านสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวรยังมีกิจกรรมร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยการนำขวดพลาสติกใช้แล้วมาใช้ใหม่เป็นภาชนะในการปลูกต้นไม้ เช่น การปลูกต้นไม้ในขวดพลาสติกที่เป็นวัสดุรีไซเคิล ช่วยลดการใช้พลาสติกใหม่และลดขยะในพื้นที่ ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 12 “การบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน” โดยส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การสร้างพื้นที่แห่งความสุขเช่นนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการพัฒนาความยั่งยืนในด้านเศรษฐกิจและสังคมเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนอีกด้วย มหาวิทยาลัยนเรศวรจึงเป็นต้นแบบของการพัฒนาชุมชนและสังคมที่ยั่งยืน ผ่านการใช้ความรู้ วัฒนธรรม และนวัตกรรมในทุกมิติของการพัฒนา

NU Playground Zero Waste

กองกิจการนิสิต จัดโครงการ NU Zero Waste เพื่อส่งเสริมกิจกรรมตามหลัก 3 Rs คือ Reduce Reuse และ Recycle อบรมให้ความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติให้แก่นิสิต ได้นำความรู้กลับไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน โดยได้รับเกียรติจากคุณสมหมาย แก้วเกตุศรี ผู้จัดการวงศ์พานิชย์ สาขาย่อย มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมทีมงาน มาบรรยายให้ความรู้เรื่องการจัดการขยะ หัวข้อ “Go Zero Waste” และลงภาคปฏิบัติการ เรื่อง การคัดแยกขยะช่วยโลก

ในช่วงบ่ายได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรารัตน์ มหาศรานนท์พร้อมทีมงาน มาบรรยายให้ความรู้เรื่อง “ลดขยะลดโลกร้อนด้วยนวัตกรรม Recycle” ซึ่งโครงการดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น มากกว่า 200 คน ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 ณ ห้องล้อบบี้ ชั้น 2 อาคารขวัญเมือง

ม.นเรศวร ผนึกกำลังนิคมสร้างตนเองบางระกำฯ จัดประชุมสร้างความเข้าใจในการดำเนินโครงการฯ พร้อมลงพื้นที่สำรวจกลุ่มเป้าหมาย

มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ร่วมมือกับ นิคมสร้างตนเองบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ในการจัดประชุมเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินโครงการพัฒนาทุนมนุษย์และส่งเสริมอัตลักษณ์ในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพและการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมถึงการพัฒนาทักษะที่เหมาะสมต่อการสร้างโอกาสในการทำงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจของชุมชนในระยะยาว

การประชุมที่จัดขึ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ออกหน่วยบริการวิชาการมหาวิทยาลัยนเรศวร” ซึ่งมุ่งเน้นการบูรณาการองค์ความรู้จากคณาจารย์และนักวิจัยของมหาวิทยาลัยในการแก้ไขปัญหาและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในชุมชน โดยโครงการนี้เน้นการสร้างมูลค่าในด้านเศรษฐกิจและสังคมในระดับบุคคลและชุมชนที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบนิคมสร้างตนเองบางระกำ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการเกษตร

1. การพัฒนาทุนมนุษย์และเศรษฐกิจชุมชน (SDG 1, SDG 8) การพัฒนาทุนมนุษย์และเศรษฐกิจชุมชนเป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายสำคัญของการดำเนินโครงการร่วมกับนิคมสร้างตนเองบางระกำ ซึ่งมุ่งเน้นการเสริมสร้างทักษะและความรู้ให้กับสมาชิกในชุมชน เช่น กลุ่มผู้เลี้ยงไก่, กลุ่มผู้ปลูกอ้อย, กลุ่มผู้เลี้ยงปลา, และกลุ่มผู้เลี้ยงสุกร โดยการถ่ายทอดความรู้ด้านการพัฒนาอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การเกษตรยั่งยืนและการเลี้ยงสัตว์ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับชุมชน ลดความยากจนในพื้นที่ ซึ่งเป็นการสนับสนุน SDG 1: การขจัดความยากจน โดยการให้โอกาสทางการศึกษาที่เสริมสร้างอาชีพและพัฒนาความสามารถในการแข่งขันในตลาดแรงงาน นอกจากนี้ การพัฒนาอาชีพที่ยั่งยืนยังช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาวและช่วยให้ชุมชนมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ดียิ่งขึ้น

2. การส่งเสริมการเกษตรและการผลิตที่ยั่งยืน (SDG 2, SDG 12) : SDG 2: การขจัดความหิวโหยและความมั่นคงทางอาหาร เป็นเป้าหมายที่ได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากโครงการนี้ โดยการส่งเสริมการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ในลักษณะที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถสร้างความมั่นคงทางอาหารและลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนอาหารในชุมชน การเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่ยั่งยืนและการใช้วิธีการเลี้ยงสัตว์ที่ลดการใช้สารเคมี จะช่วยให้ผลผลิตทางการเกษตรมีความปลอดภัยและมีคุณภาพสูง

โครงการนี้ยังส่งเสริม SDG 12: การบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน โดยการสอนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถผลิตสินค้าในแบบที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน การใช้วิธีการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้ปุ๋ยธรรมชาติ การจัดการน้ำอย่างประหยัด และการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ จะช่วยให้การผลิตมีความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

3. การพัฒนาแรงงานและการสร้างอาชีพ (SDG 8) โครงการนี้ยังมุ่งเน้นการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของบุคลากรในชุมชน โดยการเสริมทักษะทางการเกษตรและการผลิตที่ยั่งยืน เพื่อให้ผู้ประกอบการในชุมชนสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน โครงการนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการพัฒนาอาชีพในระดับบุคคล แต่ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนโดยรวม

การเสริมสร้างความรู้ด้านการทำธุรกิจและการพัฒนาอาชีพที่ยั่งยืนมีส่วนช่วยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการสร้างโอกาสในการสร้างอาชีพใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นไปในทิศทางที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการสนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นให้สามารถพัฒนาอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 8: การทำงานที่ดีและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

4. การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (SDG 13, SDG 15) โครงการนี้ยังมีเป้าหมายในการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยการสนับสนุน SDG 13: การดำเนินการเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ SDG 15: ชีวิตบนบก การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเกษตรยั่งยืนและวิธีการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานทดแทน การจัดการขยะในฟาร์ม และการเกษตรที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

5. การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 17) โครงการนี้ยังเป็นการสร้างความร่วมมือที่สำคัญระหว่าง มหาวิทยาลัยนเรศวร, หน่วยงานภาครัฐ, และ ชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นการสนับสนุน SDG 17: การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการร่วมมือกันนี้ช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนได้อย่างแท้จริง การสร้างพันธมิตรระหว่างภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคประชาสังคมเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาและสร้างโอกาสในการพัฒนาที่ยั่งยืน

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านกิจกรรม Waste Towers ครั้งที่ 2

มหาวิทยาลัยนเรศวรจัดกิจกรรม Waste Towers ครั้งที่ 2 เพื่อตอกย้ำความมุ่งมั่นในการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมุ่งเน้นเป้าหมายที่ 11 (SDG 11) การสร้างเมืองและชุมชนที่ยั่งยืน และเป้าหมายที่ 12 (SDG 12) การบริโภคและการผลิตอย่างยั่งยืน

จุดมุ่งหมายของกิจกรรม กิจกรรม Waste Towers มุ่งสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้กับนิสิตและบุคลากร ผ่านการแข่งขันเก็บขยะในพื้นที่มหาวิทยาลัย ซึ่งไม่เพียงช่วยลดปริมาณขยะ แต่ยังส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ

รูปแบบการจัดกิจกรรม งานครั้งนี้เปิดโอกาสให้ผู้สมัครแข่งขันเป็นทีม ทีมละ 1-3 คน โดยเป้าหมายคือการเก็บขยะภายในรั้วมหาวิทยาลัย แล้วนำมาชั่งน้ำหนัก ทีมที่รวบรวมขยะได้มากที่สุดจะได้รับรางวัลตามลำดับดังนี้:

  • รางวัลชนะเลิศ: 2,000 บาท
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1: 1,500 บาท
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2: 1,000 บาท
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 3: 500 บาท
  • รางวัลชมเชย: 200 บาท (3 รางวัล)
กำหนดการ
  • สมัครเข้าร่วม: ได้ที่ แบบฟอร์มออนไลน์ ภายในวันศุกร์ที่ 19 มกราคม 2567 เวลา 20:00 น.
  • วันจัดกิจกรรม: วันเสาร์ที่ 20 มกราคม 2567
    • ลงทะเบียน: 09:00 – 09:30 น.
    • สถานที่: โถงใต้อาคารเรียนรวม คณะวิศวกรรมศาสตร์ (ตึก EN)

ความสำคัญของกิจกรรม กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเป้าหมาย SDG 11 และ 12 ของมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยเน้นการสร้างชุมชนที่สะอาดและเป็นระเบียบ พร้อมส่งเสริมการจัดการขยะอย่างยั่งยืน ทั้งยังช่วยสร้างความสามัคคีและจิตอาสาในชุมชนมหาวิทยาลัย

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน และสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีไปพร้อมกันใน Waste Towers ครั้งที่ 2!

“พกภาชนะ ลดขยะ สร้างสังคมยั่งยืน” ม.นเรศวร ขับเคลื่อนการผลิตและบริโภคอย่างมีความรับผิดชอบ

มหาวิทยาลัยนเรศวรเดินหน้าสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDG) โดยเฉพาะ SDG 12: การผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน ผ่านโครงการส่งเสริมจิตสำนึกในการจัดการทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยการรณรงค์ให้ชุมชนในมหาวิทยาลัยมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่สร้างความเปลี่ยนแปลง

พกภาชนะมาเอง ลดพลาสติกครั้งเดียวทิ้ง มหาวิทยาลัยนเรศวรสนับสนุนให้ทั้งนิสิตและบุคลากรพกพาภาชนะส่วนตัวมาใช้ในโรงอาหาร NU Canteen เพื่อช่วยลดปริมาณขยะพลาสติก โดยร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการจะมอบส่วนลดพิเศษ 2-5 บาท ให้แก่ผู้ที่นำภาชนะมาเอง ความร่วมมือนี้ไม่เพียงช่วยลดการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลือง แต่ยังสร้างจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในทุกมื้ออาหาร

จัดการเศษอาหารอย่างสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยยังตระหนักถึงปัญหาการสูญเสียอาหารและขยะอินทรีย์ในโรงอาหาร จึงได้ดำเนินโครงการคัดแยกเศษอาหารจากร้านค้าที่เข้าร่วม เพื่อนำไปใช้เป็นอาหารสัตว์และผลิตปุ๋ยอินทรีย์ การดำเนินงานนี้ช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัด พร้อมทั้งสร้างประโยชน์ต่อชุมชนและเกษตรกรในพื้นที่

ความร่วมมือเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน มหาวิทยาลัยนเรศวรขอขอบคุณนิสิตและบุคลากรที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน ผ่านการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การพกภาชนะมาเอง และการจัดการเศษอาหารอย่างเหมาะสม กิจกรรมเหล่านี้เป็นตัวอย่างที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของชุมชนมหาวิทยาลัยในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม

เพราะอนาคตที่ยั่งยืนเริ่มต้นที่ตัวเรา ร่วมกันสร้างสรรค์มหาวิทยาลัยสีเขียวเพื่ออนาคตที่ดีของทุกคน

มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมพัฒนาสารกำจัดวัชพืชชีวภาพจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืนและการผลิตที่ปลอดภัย

มหาวิทยาลัยนเรศวร ภายใต้การนำของ ดร.ณิชากร คอนดี อาจารย์ประจำภาควิชาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะเกษตรศาสตร์ ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน (SDG 12) ผลงานของท่านคือการคิดค้น “สารกำจัดวัชพืชชีวภาพ (Bioherbicide)” ที่ผลิตจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร โดยใช้แบคทีเรียเป็นส่วนประกอบหลัก เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม

พัฒนาการสารกำจัดวัชพืชชีวภาพจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ตั้งแต่ปี 2561 ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนเรศวรได้ร่วมมือกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเกษตรในการพัฒนาการใช้วัสดุเหลือทิ้งจากการเกษตรและผลพลอยได้จากการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร เช่น กากสับปะรด กากถั่วเหลือง เปลือกทุเรียน และกากมะพร้าว เป็นต้น มาใช้เป็นแหล่งอาหารและพลังงานสำหรับแบคทีเรียในการผลิตสารลดแรงตึงผิวชีวภาพ (biosurfactant) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการผลิตสารกำจัดวัชพืชชีวภาพที่มีความปลอดภัยสูง และไม่ก่อให้เกิดการตกค้างในสิ่งแวดล้อม

คุณสมบัติของสารกำจัดวัชพืชชีวภาพ สารกำจัดวัชพืชชีวภาพที่พัฒนาขึ้นนั้นมีความสามารถในการกำจัดวัชพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับสารกำจัดวัชพืชเคมีในตลาด แต่แตกต่างตรงที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งยังย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์นี้จะอยู่ในรูปของสารละลายไมโครอิมัลชันที่ประกอบด้วยสารสำคัญที่ถูกห่อหุ้มในระดับนาโน ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกระจายตัวและการซึมผ่านของสารเข้าไปในเนื้อเยื่อของใบวัชพืชได้อย่างรวดเร็ว

ผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม สารกำจัดวัชพืชชีวภาพที่พัฒนาขึ้นนี้ยังสามารถทำงานได้ในสภาวะที่ท้าทาย เช่น pH, อุณหภูมิ หรือความเค็มสูง และมีข้อดีคือสามารถผลิตจากวัสดุที่มีต้นทุนต่ำ โดยใช้ของเสียจากการเกษตรและผลพลอยได้จากการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดของเสียที่เป็นอันตราย แต่ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Net Zero Greenhouse Gas Emissions) ได้อีกด้วย

การส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน การพัฒนาสารกำจัดวัชพืชชีวภาพจากมหาวิทยาลัยนเรศวรนี้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเน้นการผลิตและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับประเทศ ทั้งยังช่วยส่งเสริมการเกษตรอินทรีย์ที่ไม่ใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการพัฒนาการเกษตรที่ยั่งยืนในประเทศไทย

แนวทางต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ สารกำจัดวัชพืชชีวภาพที่พัฒนาขึ้นมีศักยภาพในการต่อยอดสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ โดยการนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในภาคเกษตรกรรมอย่างแพร่หลาย และสามารถลดต้นทุนการผลิตในระยะยาว นอกจากนี้ยังช่วยให้เกษตรกรสามารถใช้สารกำจัดวัชพืชที่ปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้ใช้และผู้บริโภค ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสใหม่ในตลาดและเสริมสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจในภาคการเกษตรได้อย่างยั่งยืน

สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการต่อยอดเทคโนโลยีนี้ สามารถติดต่อได้ที่ กองการถ่ายทอดเทคโนโลยีและบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา หมายเลขโทรศัพท์ 0 5596 8727

การพัฒนาสารกำจัดวัชพืชชีวภาพนี้ไม่เพียงแต่เป็นการวิจัยที่นำไปสู่ความยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการเสริมสร้างทิศทางใหม่ในการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบจากการใช้สารเคมี และสนับสนุนการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

ผ้าคลุมไหล่มัดย้อม: สร้างประสบการณ์ศิลปะและวัฒนธรรมให้แก่ผู้เข้าเยี่ยมชมทุกเพศทุกวัย

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2566, นางนิพัทธ์ เกษาพร ผู้อำนวยการกองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้มอบหมายให้บุคลากรกองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมดูแลต้อนรับและนำชมกลุ่มลูกค้าและพนักงานจากบริษัท เอ็มวันพิษณุโลก จำกัด จำนวน 50 คน ในการเข้าชม ผลงานศิลปะจากคลังสะสม “Color light” ซึ่งจัดแสดง ณ หอศิลป์มหาวิทยาลัยนเรศวรและพิพิธภัณฑ์ผ้า มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมทั้งเข้าร่วมกิจกรรม “ผ้าคลุมไหล่มัดย้อม” เพื่อสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ด้านศิลปะและวัฒนธรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าเยี่ยมชมทุกเพศทุกวัยได้สัมผัสการสร้างสรรค์ผ้าแบบดั้งเดิม และมีกระบวนการในการเรียนรู้ศิลปะผสมผสานกับวัฒนธรรมท้องถิ่น.

กิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริม ประสบการณ์ด้านศิลปะ (Learning Experience) ซึ่งมีเป้าหมายในการเผยแพร่และอนุรักษ์ศิลปะพื้นบ้าน พร้อมทั้งเสริมสร้างความเข้าใจในคุณค่าของการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยในทุกยุคทุกสมัย โดยผ่านการสัมผัสกับกระบวนการและเทคนิคการทำผ้าด้วยมือ รวมถึงการใช้สีจากธรรมชาติในการมัดย้อม ที่สะท้อนถึง ภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่มีความยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ และ SDG 12: การบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน.

กิจกรรม “ผ้าคลุมไหล่มัดย้อม” ช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่มีคุณค่า โดยการสัมผัสกระบวนการสร้างสรรค์ผ้าด้วยมือและการใช้สีจากธรรมชาติในการมัดย้อม ทำให้ผู้เข้าร่วมสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคการทำผ้าแบบดั้งเดิมที่เป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมไทยและสามารถสืบทอดความรู้เหล่านี้ได้ในอนาคต การศึกษาเกี่ยวกับการทำผ้าและการใช้วัสดุธรรมชาติยังช่วยให้ผู้เรียนมีความเข้าใจในกระบวนการผลิตที่สามารถทำได้อย่างยั่งยืน และเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกวัยได้เรียนรู้ศิลปะที่มีคุณค่า.

กิจกรรมในครั้งนี้ยังช่วยเสริมสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการใช้วัสดุท้องถิ่นในกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน โดยการใช้ สีจากธรรมชาติ ในการมัดย้อมผ้า ซึ่งเป็นเทคนิคที่ไม่เพียงแต่ช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังส่งเสริมการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่มีความยั่งยืนและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม.

การใช้ วัตถุดิบท้องถิ่น และกระบวนการผลิตที่ไม่ใช้สารเคมีในกิจกรรมการมัดย้อมเป็นการส่งเสริมการผลิตที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างยั่งยืน ช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้ตระหนักถึงคุณค่าของการใช้วัตถุดิบธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน.

กิจกรรมนี้สะท้อนถึงการสร้างความร่วมมือที่มีความสำคัญระหว่าง มหาวิทยาลัย ภาครัฐและ ชุมชนท้องถิ่น ในการอนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรมไทยที่สามารถสืบสานไปยังอนาคต. การส่งเสริมให้ทุกคนในชุมชนได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้และสร้างสรรค์ศิลปะไทยไม่เพียงแต่สร้างความสนุกสนาน แต่ยังช่วยให้เกิดความร่วมมือระหว่างองค์กรต่าง ๆ ที่มุ่งมั่นในการส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นและธรรมชาติ.

นอกจากนี้ การจัดกิจกรรมนี้ยังเสริมสร้าง ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย กับ ภาคธุรกิจ เช่นบริษัท เอ็มวันพิษณุโลก จำกัด ซึ่งทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้และเสริมสร้างประสบการณ์ด้านศิลปะและวัฒนธรรมร่วมกัน ส่งเสริมการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างความยั่งยืนทั้งในแง่ของการศึกษาศิลปะและการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่น.

ที่มา: กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร

ฝึกทักษะการทำ D.I.Y. กระเป๋าผ้าจากกางเกงยีนส์ตัวเก่า ส่งเสริมการพัฒนาการศึกษาและสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

ในวันที่ 14 กันยายน 2566, งานกิจการนิสิตและศิษย์เก่าสัมพันธ์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดกิจกรรม ส่งเสริมทักษะด้านวิชาชีพและการเป็นผู้ประกอบการ ครั้งที่ 2 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมทักษะการประกอบอาชีพและการสร้างธุรกิจในรูปแบบที่ยั่งยืน โดยในกิจกรรมนี้ได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุจิตรา สงวนสิน เป็นวิทยากรในการจัด Workshop “ฝึกทักษะการทำ D.I.Y. กระเป๋าผ้า จากกางเกงยีนส์ตัวเก่า” ซึ่งจัดขึ้น ณ โถงอาคารเรียนรวม คณะวิทยาศาสตร์.

กิจกรรมในครั้งนี้มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับนิสิตและบุคคลทั่วไปในการประกอบอาชีพ โดยการฝึกทำกระเป๋าผ้าจาก กางเกงยีนส์เก่า เป็นการนำวัสดุที่ไม่ได้ใช้แล้วกลับมาใช้ประโยชน์ ซึ่งเป็นทักษะที่สามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้และมีโอกาสในการสร้างรายได้ นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดการสร้างขยะจากสิ่งของที่ใช้แล้ว. การจัดกิจกรรมนี้สะท้อนถึงการมุ่งส่งเสริม การศึกษาที่มีคุณภาพ (SDG 4) โดยการเปิดโอกาสให้นิสิตและประชาชนได้เรียนรู้วิธีการนำสิ่งของที่ใช้แล้วมารีไซเคิลเพื่อสร้างสิ่งใหม่ที่มีประโยชน์.

การเรียนรู้ทักษะการทำกระเป๋าผ้าจากกางเกงยีนส์เก่าผ่านกิจกรรม Workshop D.I.Y. นี้ ช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบและผลิตสินค้าที่สามารถใช้ในชีวิตประจำวัน โดยไม่จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรใหม่ เป็นการสร้างพื้นฐานทักษะวิชาชีพให้กับนิสิต ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดในการทำธุรกิจส่วนตัวหรือการประกอบอาชีพในอนาคตได้.

กิจกรรมนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการสร้าง ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย, นักศึกษา, และชุมชน เพื่อพัฒนาทักษะการประกอบอาชีพและเสริมสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้าน การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน (SDG 12) และ การส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 17). การใช้วัสดุที่เหลือใช้แล้วในกิจกรรมนี้ยังส่งเสริมให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการ รีไซเคิล และการนำของเก่ากลับมาสร้างประโยชน์ใหม่ โดยการสร้างสิ่งของที่มีคุณค่าทางการใช้งานและสามารถจำหน่ายได้.

การนำความรู้และเทคนิคมาฝึกฝนร่วมกันในกิจกรรมนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงการสร้าง เครือข่ายความร่วมมือ ระหว่างบุคลากรจากคณะวิทยาศาสตร์และผู้เข้าร่วมที่หลากหลาย ซึ่งมีส่วนช่วยในการ ส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งในด้านการศึกษาและการประกอบอาชีพให้กับนิสิตและชุมชน โดยการนำแนวคิดที่เกี่ยวกับ การพัฒนาที่ยั่งยืน มาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง.

กิจกรรมการทำ กระเป๋าผ้าจากกางเกงยีนส์เก่า เป็นการสนับสนุนการ ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน (SDG 12)โดยการนำวัสดุที่ไม่ใช้แล้วมารีไซเคิล ทำให้สามารถลดการสร้างขยะและการใช้วัสดุใหม่ นอกจากนี้ยังช่วยให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเห็นถึงคุณค่าของการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในมือและการปรับใช้เทคนิคการผลิตที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม.

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin