ม.นเรศวร ส่งเสริมกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้น้ำแก่นักศึกษาและชุมชน

วันพุธที่ 18 ธันวาคม 2567 บุคลากรกองอาคารสถานที่ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ให้การต้อนรับคณะศึกษาดูงานจากนิสิตคณะสาธารณสุขศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 นำโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เสน่ห์ แสงเงิน อาจารย์ผู้รับผิดชอบรายวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อมในงานสาธารณสุข เพื่อเข้าศึกษาดูงานระบบการผลิตน้ำประปาและการบำบัดน้ำเสียของมหาวิทยาลัยนเรศวร

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อ ส่งเสริมกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้น้ำแก่นักศึกษาและชุมชน โดยให้นิสิตได้เรียนรู้กระบวนการผลิตน้ำประปาที่สะอาดและปลอดภัยต่อสุขภาพ รวมถึงการบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยกลับคืนสู่สิ่งแวดล้อมอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน

ภายในกิจกรรม มีการบรรยายและสาธิตกระบวนการผลิตน้ำประปา ตั้งแต่การรับน้ำดิบเข้าสู่ระบบ การกรอง การฆ่าเชื้อ ไปจนถึงการกระจายน้ำสะอาดไปใช้ในพื้นที่มหาวิทยาลัย เพื่อให้นักศึกษาเห็นภาพรวมของการบริหารจัดการน้ำที่มีคุณภาพและปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน

นอกจากนี้ยังได้พาเยี่ยมชม สถานีบำบัดน้ำเสียส่วนกลาง ซึ่งทำหน้าที่สำคัญในการจัดการน้ำทิ้งจากอาคารและกิจกรรมภายในมหาวิทยาลัย โดยผ่านกระบวนการบำบัดที่ทันสมัย ช่วยลดมลพิษและฟื้นฟูคุณภาพน้ำให้สามารถกลับคืนสู่ธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย

กิจกรรมดังกล่าวไม่เพียงแต่เพิ่มพูนความรู้ด้านวิชาการแก่นักศึกษาเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์น้ำและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมให้ตระหนักถึงคุณค่าของน้ำในฐานะทรัพยากรที่มีจำกัดและจำเป็นต่อการดำรงชีวิต

ในมิติด้านความยั่งยืน การจัดการระบบน้ำประปาและน้ำเสียของมหาวิทยาลัยนเรศวรถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการจัดการน้ำในระดับชุมชน ที่สามารถปรับใช้ในพื้นที่อื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงน้ำสะอาดและการจัดการสุขาภิบาลที่ดี

การเรียนรู้ครั้งนี้ยังช่วยต่อยอดองค์ความรู้ของนิสิตด้านสาธารณสุขศาสตร์ ให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานจริงในอนาคต ทั้งในด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การป้องกันโรคที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำ และการส่งเสริมสุขภาพชุมชนอย่างยั่งยืน

บรรยากาศการศึกษาดูงานเต็มไปด้วยความน่ารักและความอบอุ่น สะท้อนถึงความตั้งใจของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้ำที่มีคุณภาพ เพื่อร่วมกันสร้างสังคมที่ตระหนักถึงความสำคัญของน้ำและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

ม.นเรศวร ติดตั้งมาตรวัดน้ำครอบคลุมทุกอาคารภายในมหาวิทยาลัย ขับเคลื่อนการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

มหาวิทยาลัยนเรศวร ดำเนินการติดตั้ง มาตรวัดน้ำประปา จำนวน 108 จุด ครอบคลุมทุกอาคารภายในมหาวิทยาลัย เพื่อใช้ในการ ติดตามและรายงานปริมาณการใช้น้ำ อย่างเป็นระบบ ซึ่งข้อมูลที่ได้จะถูกนำมาประกอบการวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และ ส่งเสริมการใช้น้ำประปาให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า ตามแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนของมหาวิทยาลัย

โครงการนี้จัดทำขึ้นภายใต้นโยบายของมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นการเป็น มหาวิทยาลัยที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม (Green University) โดยเฉพาะในด้านการจัดการน้ำ ซึ่งถือเป็นทรัพยากรสำคัญต่อการดำเนินกิจกรรมทางการศึกษา การวิจัย และการใช้ชีวิตประจำวันของนิสิตและบุคลากร การติดตั้งมาตรวัดน้ำในทุกอาคารช่วยให้สามารถ ตรวจสอบและควบคุมการใช้น้ำได้อย่างแม่นยำ ลดการสูญเสียน้ำจากการรั่วไหลหรือใช้อย่างสิ้นเปลือง

นอกจากการติดตั้งมาตรวัดน้ำแล้ว มหาวิทยาลัยยังได้พัฒนาระบบ ฐานข้อมูลกลางสำหรับการรายงานผลการใช้น้ำแบบเรียลไทม์ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถติดตามสถิติการใช้น้ำได้อย่างต่อเนื่อง และนำข้อมูลไปใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มการใช้น้ำของแต่ละพื้นที่ในมหาวิทยาลัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเป็นข้อมูลสำคัญในการวางแผน การอนุรักษ์น้ำในระยะยาว

การดำเนินงานนี้ยังช่วยให้มหาวิทยาลัยสามารถบริหารงบประมาณด้านค่าน้ำประปาได้อย่างคุ้มค่า โดยการระบุจุดที่มีการใช้น้ำสูงผิดปกติหรือเกิดการรั่วซึม เพื่อให้สามารถเข้าดำเนินการแก้ไขได้ทันท่วงที ซึ่งเป็นการ ลดการสูญเสียทรัพยากรน้ำและลดค่าใช้จ่ายขององค์กร ไปพร้อมกัน ถือเป็นการผสานแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมเข้ากับการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ

ในมิติด้านการเรียนรู้และการวิจัย มหาวิทยาลัยนเรศวรมีแนวทางในการนำข้อมูลจากการติดตามการใช้น้ำไปใช้ในการพัฒนานวัตกรรมด้าน ระบบตรวจวัดและบริหารจัดการน้ำอัจฉริยะ (Smart Water Management) ซึ่งจะช่วยให้นิสิตและนักวิจัยสามารถเรียนรู้จากข้อมูลจริง และนำไปต่อยอดในงานวิจัยเพื่อการอนุรักษ์น้ำและพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

โครงการติดตั้งมาตรวัดน้ำในครั้งนี้ยังส่งเสริมให้เกิด การมีส่วนร่วมของบุคลากรและนิสิต ในการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ผ่านกิจกรรมและการรณรงค์ลดการใช้น้ำในชีวิตประจำวัน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของการสร้าง วัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบต่อสังคม

การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของมหาวิทยาลัยนเรศวร การดำเนินการติดตั้งมาตรวัดน้ำทั่วพื้นที่มหาวิทยาลัยไม่เพียงช่วยให้การจัดการทรัพยากรน้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่การเป็นต้นแบบของสถาบันการศึกษาที่มี การจัดการน้ำอย่างชาญฉลาดและยั่งยืน เพื่อรองรับการเติบโตของสังคมและสิ่งแวดล้อมในอนาคต

30

ม.นเรศวร ติดตั้งกังหันพลังงานแสงอาทิตย์ บำบัดน้ำเสีย ลดใช้พลังงานไฟฟ้า

วันที่ 22 สิงหาคม 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยมุ่งเน้นการจัดการน้ำสะอาดและสุขาภิบาล ตามเป้าหมาย SDG 6 ขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพันธกิจสำคัญที่มหาวิทยาลัยมุ่งมั่นดำเนินการเพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนและปลอดภัย

โครงการเครื่องเติมอากาศกังหันตีน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar-Powered Aerator) เป็นหนึ่งในโครงการเด่นที่สะท้อนความมุ่งมั่นนี้ กองอาคารสถานที่ของมหาวิทยาลัยนเรศวรได้ติดตั้งเครื่องเติมอากาศที่ใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ เพื่อเพิ่มออกซิเจนในน้ำ บำบัดน้ำเสีย และลดปัญหาน้ำเน่าเสียภายในพื้นที่มหาวิทยาลัย

เครื่องเติมอากาศพลังงานแสงอาทิตย์ใช้แทนมอเตอร์ AC 2 แรงม้า ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดวัน ช่วยลดต้นทุนพลังงานได้อย่างชัดเจน หากเปรียบเทียบกับการใช้มอเตอร์ AC วันละ 5-7 ชั่วโมง เครื่องเติมอากาศพลังงานแสงอาทิตย์สามารถช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 9,000 – 12,000 บาทต่อปีต่อเครื่อง

ปัจจุบันมีการติดตั้งเครื่องเติมอากาศทั้งหมด 16 เครื่อง ครอบคลุมพื้นที่น้ำสำคัญ ได้แก่ สระสองกษัตริย์ สระบรมดิลก สระเอกกษัตริย์ สระมณีรัตนา และสระน้ำประตู 6 ซึ่งช่วยปรับปรุงคุณภาพน้ำและสร้างระบบนิเวศน้ำที่สมดุลภายในมหาวิทยาลัย

โครงการนี้ไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน แต่ยังเสริมสร้างความตระหนักถึงการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน แสดงให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสีเขียวในภาคการศึกษา และเป็นตัวอย่างที่ดีของการพัฒนาสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการเรียนการสอน

มหาวิทยาลัยนเรศวรยังมุ่งเน้นการสร้างความรู้ความเข้าใจให้บุคลากรและนิสิตเห็นคุณค่าของการอนุรักษ์น้ำและพลังงาน พร้อมสนับสนุนให้เกิดการมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่สร้างเสริมความยั่งยืน ทั้งในด้านการจัดการน้ำสะอาด การประหยัดพลังงาน และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

การดำเนินโครงการเครื่องเติมอากาศพลังงานแสงอาทิตย์เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของมหาวิทยาลัยในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการขับเคลื่อนสังคมสู่ความยั่งยืนและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องในอนาคต

ม.นเรศวร นำน้ำเสียหมุนเวียน ลดการใช้น้ำใหม่ สนับสนุนอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านการจัดการน้ำ (Sustainable Development Goal 6: Clean Water and Sanitation) โดยเฉพาะการนำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ผ่านระบบน้ำหมุนเวียน (Water Recycling) เพื่อลดการใช้น้ำใหม่และสนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ

พื้นที่ทั้งหมดของมหาวิทยาลัยครอบคลุมกว่า 2,167,624 ตารางเมตร โดยมีพื้นที่สีเขียวคิดเป็น 55.35% ของพื้นที่รวม ซึ่งประกอบด้วยสนามหญ้า สวนดอกไม้ ต้นไม้ และพื้นที่ป่า พื้นที่เหล่านี้ต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการใช้น้ำในการรดต้นไม้และบำรุงรักษา

เพื่อให้การดูแลพื้นที่สีเขียวเป็นไปอย่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยได้ดำเนินการระบบบำบัดน้ำเสียและนำกลับมาใช้ใหม่ โดยในแต่ละปีมหาวิทยาลัยผลิตน้ำเสียประมาณ 1,090,752 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วถึง 72% หรือประมาณ 783,996 ลูกบาศก์เมตร ถูกนำกลับมาใช้เพื่อดูแลพื้นที่สีเขียวของมหาวิทยาลัย

ผลลัพธ์และความยั่งยืน การนำน้ำหมุนเวียนกลับมาใช้ในระบบนอกจากจะช่วยลดการใช้น้ำประปาใหม่แล้ว ยังช่วยลดต้นทุนในการจัดหาน้ำ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว มหาวิทยาลัยนเรศวรแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสนับสนุนแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมาย SDG 6

โครงการน้ำหมุนเวียนนี้ยังเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างชาญฉลาดในภาคการศึกษา และส่งเสริมการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการจัดการทรัพยากรน้ำในกลุ่มนักศึกษา บุคลากร และชุมชนโดยรอบ เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน

ม.นเรศวร แบ่งปันความสดใส สู่การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัดกิจกรรมในโครงการ “แบ่งปันความสดใส” ณ อาคารอุทยานองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และสร้างการมีส่วนร่วมของบุคลากร นิสิต และประชาชนทั่วไป ในการดูแลสิ่งแวดล้อมและสร้างพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน

โครงการนี้มีแนวคิดสำคัญคือการนำน้ำที่ผ่านกระบวนการ รีไซเคิล กลับมาใช้หมุนเวียนเพื่อดูแลต้นไม้ในพื้นที่ต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพช่วยลดการใช้น้ำประปาและเพิ่มคุณค่าของการจัดการทรัพยากรน้ำ ซึ่งสอดคล้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน

นอกจากการดูแลต้นไม้แล้ว กิจกรรมยังได้มีการ แจกจ่ายไม้ดอกกระถาง หลังจากเสร็จสิ้นงานพระราชทานปริญญาบัตร โดยนำไม้ดอกกระถางที่ใช้ตกแต่งงานมาแบ่งปันให้กับบุคลากร นิสิต และประชาชนที่สนใจ เพื่อนำกลับไปตกแต่งสวนภายในบ้านหรือที่ทำงาน ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของทรัพยากรและลดการสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์

การดำเนินการในลักษณะนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เกิดความสวยงามและความสดใสในพื้นที่ส่วนบุคคล แต่ยังเป็นแนวทางที่แสดงถึงการ ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดการทิ้งขยะจากไม้ดอกกระถาง และเป็นตัวอย่างที่ดีในการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างมีระบบ

ในด้านการจัดการเชิงปฏิบัติ กองอาคารสถานที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการลดภาระในการเก็บและขนย้ายไม้ดอกกระถางหลังจบงาน ทำให้การดำเนินงานมีความคล่องตัวมากขึ้น และลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บและกำจัดวัสดุเหลือใช้

โครงการยังสะท้อนถึงความร่วมมือของ ทีมงานคุณภาพ ที่มุ่งเน้นการสร้างกิจกรรมที่มีคุณค่า ไม่เพียงแต่ต่อสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัย แต่ยังขยายผลไปสู่ชุมชนโดยรอบ ผ่านการแบ่งปันต้นไม้และการสร้างความตระหนักรู้ในการใช้ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ

ในภาพรวม โครงการ “แบ่งปันความสดใส” เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการจัดการทรัพยากรที่ผสมผสานการอนุรักษ์ การลดขยะ และการใช้น้ำอย่างยั่งยืน อันเป็นส่วนสำคัญของการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยไปสู่การเป็นสถาบันที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และมีบทบาทเชิงบวกต่อสังคมในระยะยาว

ม.นเรศวร พัฒนานวัตกรรมตรวจเศษซากโควิดจากน้ำเสีย ส่งเสริมเพื่อเตือนภัยล่วงหน้าการระบาดในชุมชน

วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 สถานวิจัยเพื่อความเป็นเลิศเพื่อความยั่งยืนด้านสุขภาวะ สิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม (SHEI) คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร นำโดย รองศาสตราจารย์ ดร.ธนพล เพ็ญรัตน์ พร้อมด้วยคณะนักวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ วิทยาลัยนานาชาติ และบริษัท อิเลคทรอนิกส์ เชลล์ จำกัด นำเสนอสิ่งประดิษฐ์ “RE-Secure: COVID-19 Early Warning. V1” ในงาน “วันนักประดิษฐ์” ประจำปี 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ

โครงการดังกล่าวเป็นการต่อยอดงานวิจัยจากการตรวจหาเศษซากไวรัสโควิด-19 ในน้ำเสีย โดยได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในปีงบประมาณ 2564 และ 2565 เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่สามารถเฝ้าระวังการแพร่ระบาดในระดับชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางจากนักเรียน นิสิต ประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชนที่เข้าร่วมชมงาน

นวัตกรรม “RE-Secure: COVID-19 Early Warning. V1” พัฒนาขึ้นจากเทคนิค Aptamer ทำให้สามารถตรวจสอบเศษซากไวรัสในน้ำเสียได้อย่างแม่นยำ โดยไม่จำเป็นต้องสกัดตัวอย่างหรือใช้ห้องปฏิบัติการที่มีค่าใช้จ่ายสูง เช่น ห้องปฏิบัติการ BSL-2 enhanced ที่มักใช้ในการตรวจ RT-qPCR จึงช่วยลดขั้นตอนและต้นทุนการตรวจสอบได้อย่างมาก

นอกจากนั้น ทีมวิจัยยังได้พัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อประมวลผลจากชุดตรวจเคลื่อนที่ ทำให้สามารถตรวจจับการติดเชื้อในอาคาร โรงเรียน โรงงาน หรือชุมชนได้ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดจริงประมาณ 7-14 วัน ช่วยเพิ่มโอกาสในการจัดการควบคุมโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้นได้อย่างทันท่วงที

ผลงานนี้ยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการเฝ้าระวังโรคระบาดได้มากกว่า 90% เมื่อเทียบกับวิธีการเดิม จึงถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้เพื่อสนับสนุนระบบสาธารณสุขและการบริหารจัดการภัยสุขภาพในระดับชุมชนอย่างยั่งยืน

การพัฒนานวัตกรรมตรวจเศษซากไวรัสในน้ำเสียยังเป็นแนวทางสำคัญที่สอดคล้องกับการจัดการทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากช่วยให้สามารถใช้ระบบน้ำเสียเป็นฐานข้อมูลสำคัญในการติดตามการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้แบบไม่รุกรานและครอบคลุมพื้นที่ในวงกว้าง

สิ่งประดิษฐ์ “RE-Secure: COVID-19 Early Warning. V1” ยังได้รับการเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนหลายแขนง รวมถึงรายการข่าวสามมิติ ช่อง 3 เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 ตอกย้ำถึงความสำคัญของงานวิจัยนี้ต่อการสร้างระบบเตือนภัยล่วงหน้าการระบาดในชุมชน และเป็นแรงผลักดันให้ทีมวิจัยพัฒนานวัตกรรมต่อยอดในอนาคต

การทำงานครั้งนี้เป็นภาพสะท้อนของความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย ภาคเอกชน และหน่วยงานภาครัฐ ที่ช่วยกันขับเคลื่อนการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งสร้างแนวทางใหม่ในการ ส่งเสริมเพื่อเตือนภัยล่วงหน้าการระบาดในชุมชน และเพิ่มขีดความสามารถของประเทศในการรับมือกับโรคอุบัติใหม่

ม.นเรศวร พานิสิตเรียนรู้นอกห้องเรียน สำรวจระบบนิเวศน้ำจืดท้ายเขื่อนสิริกิติ์

ภาควิชาวิทยาศาสตร์การประมง คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้นอกห้องเรียนสำหรับนิสิตในรายวิชา สัตว์พื้นท้องน้ำ แพลงก์ตอนวิทยา และสาหร่ายและพรรณไม้น้ำทางการประมง ณ บริเวณท้ายเขื่อนสิริกิติ์ อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์

กิจกรรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นิสิตได้เรียนรู้ระบบนิเวศตามธรรมชาติ ผ่านการเก็บตัวอย่างและการวิเคราะห์ในภาคสนาม โดยเน้นการฝึกทักษะการสังเกต สะท้อนถึงการเรียนรู้ที่ผสมผสานระหว่างทฤษฎีและการปฏิบัติจริง ถือเป็นการ ส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียนและปลูกฝังจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์ระบบนิเวศ

นิสิตได้ลงพื้นที่เพื่อศึกษา สัตว์พื้นท้องน้ำ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความสมบูรณ์ของแหล่งน้ำ เน้นการจำแนกชนิดและการวิเคราะห์โครงสร้างของชุมชนสัตว์น้ำที่มีบทบาทสำคัญต่อความหลากหลายทางชีวภาพ

นอกจากนี้ยังได้ทำการเก็บตัวอย่าง แพลงก์ตอน และทำการตรวจวิเคราะห์ในเบื้องต้น เพื่อศึกษาประเภทและความหนาแน่นของแพลงก์ตอนที่มีผลต่อห่วงโซ่อาหารในระบบนิเวศน้ำจืด รวมถึงการเรียนรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างแพลงก์ตอนกับคุณภาพน้ำ

กิจกรรมยังครอบคลุมถึงการเก็บตัวอย่าง สาหร่ายและพรรณไม้น้ำทางการประมง ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศ และเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มีบทบาทในระบบอาหารของสัตว์น้ำ

การตรวจวัด ค่าคุณภาพน้ำ เช่น ค่าออกซิเจนละลายน้ำ ค่า pH และความขุ่นใส เป็นส่วนสำคัญในการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของแหล่งน้ำ โดยนิสิตได้เรียนรู้วิธีการเก็บข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการอนุรักษ์และการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน

การเรียนรู้ในพื้นที่จริงครั้งนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มพูนทักษะทางวิชาการ แต่ยังเป็นการปลูกฝังความตระหนักรู้ให้นิสิตเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์แหล่งน้ำและระบบนิเวศทางน้ำ ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับการพัฒนาที่ยั่งยืนและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม

มหาวิทยาลัยนเรศวรจึงมุ่งมั่นที่จะผลักดันกิจกรรมลักษณะนี้ต่อไป เพื่อให้นิสิตมีโอกาสเรียนรู้จากธรรมชาติจริง และสร้างแรงบันดาลใจในการมีส่วนร่วมอนุรักษ์ทรัพยากรทางน้ำเพื่อประโยชน์ของชุมชนและสังคมในอนาคต

นิสิตจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ ศึกษาดูงานเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียที่สถานีบำบัดน้ำเสีย

เมื่อวันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม 2566 เวลา 15.00 น. บุคลากรกองอาคารสถานที่ของมหาวิทยาลัยนเรศวรได้ให้การต้อนรับคณะศึกษาดูงานนิสิตจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม จำนวน 67 คน พร้อมด้วย ดร.กนกทิพย์ จักษุ ที่ได้เข้ามาศึกษาดูงานในรายวิชา “เทคโนโลยีการบำบัดและการจัดการน้ำเสีย” ที่สถานีบำบัดน้ำเสียส่วนกลางของมหาวิทยาลัยนเรศวร

กิจกรรมในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่คณะนิสิตเกี่ยวกับการจัดการน้ำเสียและการบำบัดน้ำเสียในระดับมหาวิทยาลัย โดยที่สถานีบำบัดน้ำเสียส่วนกลางของมหาวิทยาลัยนเรศวรถือเป็นต้นแบบที่สำคัญในการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการจัดการน้ำเสียอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 6) ที่มหาวิทยาลัยนเรศวรมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การศึกษาดูงานในครั้งนี้นิสิตได้เรียนรู้กระบวนการต่าง ๆ ในการบำบัดน้ำเสีย ตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บรวบรวมน้ำเสีย การกรอง การบำบัดทางชีวภาพไปจนถึงกระบวนการที่ช่วยในการผลิตน้ำสะอาดที่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ในกิจกรรมต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรที่ดูแลระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งช่วยให้คณะนิสิตมีความเข้าใจในเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

บรรยากาศของการศึกษาดูงานในครั้งนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นและน่ารัก โดยบุคลากรกองอาคารสถานที่ได้อธิบายและให้ข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อให้คณะนิสิตสามารถเข้าใจถึงกระบวนการที่ซับซ้อนในการบำบัดน้ำเสีย และการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการจัดการน้ำเสีย ซึ่งเป็นการส่งเสริมการจัดการทรัพยากรน้ำที่ยั่งยืนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 6) ของมหาวิทยาลัย

มหาวิทยาลัยนเรศวรยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการจัดการทรัพยากรน้ำ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการให้ความรู้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในด้านนี้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต

ม.นเรศวร มุ่งอนุรักษ์แหล่งน้ำและความหลากหลายทางชีวภาพ

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญต่อแนวทางการจัดการและอนุรักษ์แหล่งน้ำภายในมหาวิทยาลัย โดยตระหนักถึงความสำคัญของน้ำในฐานะทรัพยากรธรรมชาติที่เป็นหัวใจสำคัญของชีวิตและสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการพื้นที่แหล่งน้ำในมหาวิทยาลัยนเรศวรถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการสร้างมหาวิทยาลัยสีเขียว (Green University)

มหาวิทยาลัยนเรศวรมีพื้นที่แหล่งน้ำกว่า 225 ไร่ คิดเป็น 16.24% ของพื้นที่ทั้งหมด การดูแลและอนุรักษ์พื้นที่เหล่านี้ไม่เพียงแต่สร้างความร่มรื่นและความสวยงาม แต่ยังเป็นแหล่งพักผ่อนและสถานที่ออกกำลังกายของนิสิต บุคลากร และประชาชนโดยรอบ อีกทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของนกอพยพและสิ่งมีชีวิตน้ำหลายชนิด ซึ่งช่วยเสริมสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ

เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มหาวิทยาลัยได้ตั้งชื่อแหล่งน้ำภายในพื้นที่ให้มีความหมายและสอดคล้องกับประวัติศาสตร์และพระราชวงศ์ ได้แก่

  1. สระเอกกษัตรี (ข้างอาคารจอดรถ ซ้ายมือทางเข้าหอสมุด)
  2. สระมณีรัตนา (บริเวณเทเลทับบี้ ตรงข้ามอาคารเอกประสงค์)
  3. สระบรมดิลก (ตรงข้ามคณะแพทยศาสตร์)
  4. สระสุริโยทัย (พื้นที่หอพักนิสิต NU Dorm)
  5. สระสองกษัตริย์ (บริเวณหอพระเทพรัตน์)
  6. สระสุพรรณกัลยา (ข้างสระว่ายน้ำสุพรรณกัลยา)

การตั้งชื่อดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นการเทิดพระเกียรติและเชิดชูพระราชประวัติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและพระราชวงศ์ แต่ยังช่วยสร้างความตระหนักรู้แก่สังคมและผู้ใช้พื้นที่ถึงคุณค่าของน้ำและความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ

นอกจากการอนุรักษ์แหล่งน้ำแล้ว มหาวิทยาลัยนเรศวรยังดำเนินการปลูกต้นไม้และดูแลพันธุ์ไม้หลากหลายชนิดในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง การสร้างพื้นที่สีเขียวช่วยลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพิ่มคุณภาพอากาศ และสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมต่อการเรียนรู้ รวมถึงสนับสนุนสุขภาพที่ดีของนิสิตและบุคลากร

การดำเนินงานดังกล่าวยังสอดคล้องกับการส่งเสริมการอนุรักษ์แหล่งน้ำในด้านวิชาการ โดยมหาวิทยาลัยนำองค์ความรู้จากงานวิจัยมาประยุกต์ใช้เพื่อดูแลคุณภาพน้ำและระบบนิเวศ ตลอดจนจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจแก่นิสิต เยาวชน และชุมชนในเรื่องความสำคัญของน้ำและสิ่งแวดล้อม

ในเชิงปฏิบัติ มหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เปิดโอกาสให้นิสิตและบุคลากรเข้ามามีส่วนร่วม เช่น การปลูกต้นไม้ การดูแลพื้นที่รอบแหล่งน้ำ และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้เกิดการบูรณาการระหว่างการเรียนการสอน งานวิจัย และกิจกรรมเพื่อสังคม

มหาวิทยาลัยนเรศวรจึงไม่เพียงเป็นสถาบันการศึกษาที่มุ่งเน้นด้านวิชาการ แต่ยังเป็นต้นแบบในการสร้างความตระหนักรู้และการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพในท้องถิ่น โดยการบูรณาการแนวคิดพัฒนาที่ยั่งยืน

ม.นเรศวร จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ การจัดทำแผนที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมและการแพร่กระจายมลพิษทางอากาศฯ

เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2566 มหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการบริหารจัดการชุมชนในประเด็นภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ

โครงการดังกล่าวมุ่งเน้นการจัดทำแผนที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมและการแพร่กระจายของมลพิษทางอากาศด้านฝุ่นควัน เพื่อสนับสนุนการวางแผนและการบริหารจัดการชุมชนในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ทั้งนี้ยังได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขามาร่วมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์

บทบาทสำคัญของเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ
ดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย ได้กล่าวปฐมบทในหัวข้อ “บทบาทการใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศสำหรับพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย” โดยเน้นความสำคัญของการใช้ข้อมูลทางภูมิสารสนเทศ (GIS) ในการวิเคราะห์และคาดการณ์ความเสี่ยงต่อภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วมและฝุ่นควัน

ในส่วนของวิทยากร นำโดยนายวรฤทธิ์ ประเสริฐ และนางสาวกมลฉัตร ศรีจะตะ จากสถานภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ภาคเหนือตอนล่าง (GISTNU) ได้นำเสนอเทคนิคการใช้ซอฟต์แวร์และการวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยให้หน่วยงานท้องถิ่นสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในพื้นที่

ความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ
โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างหลายหน่วยงาน เช่น อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ สถานวิจัยความเป็นเลิศทางวิชาการด้านเทคโนโลยีพลังงานและสิ่งแวดล้อม และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยได้รับการสนับสนุนจากโปรแกรม ERASMUS+ ของสหภาพยุโรปผ่านโครงการ SECRA และ FOUNTAIN

การตอบโจทย์ SDG 13
กิจกรรมนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) เป้าหมายที่ 13: การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเน้นการเตรียมความพร้อมของชุมชนท้องถิ่น และส่งเสริมการพัฒนาสังคมที่ยั่งยืนและมีความต้านทานต่อภัยพิบัติ

การดำเนินงานนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับภูมิภาค และการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมในอนาคต

ที่มา: คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin