Archives December 2024

ม.นเรศวร หน่วยทันตกรรมพระราชทาน ส่งเสริมสุขภาพอย่างเท่าเทียม มอบรอยยิ้มแก่ประชาชน

วันอังคารที่ 17 ธันวาคม 2567 หน่วยทันตกรรมพระราชทาน คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ลงพื้นที่ให้บริการใส่ฟันเทียมพระราชทานแก่ประชาชน ณ โรงพยาบาลอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-19 ธันวาคม 2567 รวมผู้รับบริการจำนวนทั้งสิ้น 46 ราย โดยทีมงานประกอบด้วยอาจารย์ทันตแพทย์ นิสิตระดับบัณฑิตศึกษา ผู้ช่วยทันตแพทย์ และช่างทันตกรรม นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ (พิเศษ) ทันตแพทย์หญิง ดร.วิสาขะ ลิ่มวงศ์ อดีตคณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ยังได้ร่วมลงพื้นที่เป็นขวัญและกำลังใจให้กับทีมงานด้วย

การให้บริการครั้งนี้ แบ่งเป็นการใส่ฟันเทียมแบบ Conventional denture จำนวน 26 ราย และ Digital denture จำนวน 20 ราย ซึ่งถือเป็นครั้งที่สองที่นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในหน่วยทันตกรรมพระราชทาน การประยุกต์ Digital denture ทำให้การขึ้นรูปชิ้นงานแม่นยำมากขึ้น ลดการกรอปรับแต่งในช่องปาก และช่วยให้ผู้ป่วยได้รับฟันเทียมที่มีคุณภาพ สวมใส่สบายและพอดี

สิ่งสำคัญของการดำเนินงานครั้งนี้ คือการผสมผสานเทคโนโลยี CAD Design และการพิมพ์สามมิติ (3D Printing) ในการผลิตฟันเทียม โดยทีมทันตแพทย์และนิสิตปริญญาโทสามารถผลิตฟันเทียมได้ครบตามเป้าหมาย 20 รายภายในระยะเวลาอันจำกัด แสดงถึงศักยภาพของบุคลากรรุ่นใหม่ที่สามารถใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพการรักษา

แม้ว่าการผลิต Digital denture ยังมีข้อจำกัด เช่น เรื่องความสวยงามของชิ้นงานและความรวดเร็วในการขึ้นรูป แต่ความสำเร็จในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนางานด้านทันตกรรมเชิงนวัตกรรม ที่สามารถต่อยอดเพื่อยกระดับบริการสุขภาพช่องปากในอนาคต

โครงการหน่วยทันตกรรมพระราชทานครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการ ส่งเสริมสุขภาพอย่างเท่าเทียม ให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลได้รับโอกาสเข้าถึงบริการทางทันตกรรมที่มีคุณภาพ โดยไม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นการลดความเหลื่อมล้ำด้านการเข้าถึงบริการสาธารณสุข

นอกจากนี้ การออกหน่วยยังเป็นเวทีให้นิสิตทันตแพทย์ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง ฝึกปฏิบัติจริงร่วมกับทีมอาจารย์และผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาทักษะวิชาชีพ แต่ยังปลูกฝังจิตสำนึกแห่งการรับผิดชอบต่อสังคม และการมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่เป็นธรรมและโปร่งใสด้านสุขภาพ

มหาวิทยาลัยนเรศวรยังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าสนับสนุนกิจกรรมด้านการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อสร้างสังคมที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดความไม่เสมอภาคด้านการเข้าถึงบริการ และร่วมกันขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ

ม.นเรศวร รับเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติ หน่วยงานภาครัฐที่ให้การสนับสนุนงานด้านคนพิการอย่างต่อเนื่อง

วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม 2567 รองศาสตราจารย์ ดร.วัฒนา พัดเกตุ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยนเรศวร และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นภิสา ไวฑูรเกียรติ คณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เข้ารับเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติ “รางวัลหน่วยงานภาครัฐที่ให้การสนับสนุนงานด้านคนพิการอย่างดีเสมอมา” จากนายทวี เสริมภักดีกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก

พิธีมอบรางวัลจัดขึ้นในงาน “วันคนพิการสากลจังหวัดพิษณุโลก ประจำปี 2567” (International Day of Persons with Disabilities, Phitsanulok Province, year 2024) ภายใต้หัวข้อ “ส่งเสริมการเป็นผู้นำคนพิการเพื่ออนาคตที่ครอบคลุมและยั่งยืน” (Amplifying the leadership of persons with disabilities for an inclusive and sustainable future) ณ ห้องคอนเวนชั่นฮอลล์ ชั้น 5 โรงแรมท็อปแลนด์ จังหวัดพิษณุโลก โดยมีหน่วยงานและองค์กรเครือข่ายด้านคนพิการเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญต่อการ สนับสนุนงานด้านคนพิการ มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเชิงนโยบายและการปฏิบัติ โดยยึดถือแนวคิดการสร้างโอกาสที่เท่าเทียมให้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงการศึกษา สิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงการส่งเสริมศักยภาพด้านการเรียนรู้และการทำงาน

รางวัลเชิดชูเกียรติในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็นต้นแบบของสถาบันการศึกษาที่ไม่เพียงผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ความสามารถ แต่ยังผลักดันให้สังคมเห็นคุณค่าในความหลากหลาย และร่วมมือสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อผู้พิการ

การสนับสนุนงานด้านคนพิการของมหาวิทยาลัยนเรศวรครอบคลุมทั้งการพัฒนาบริการด้านการเรียนการสอน การวิจัยที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตคนพิการ และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และขับเคลื่อนนโยบายเชิงบูรณาการ

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังจัดกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ ที่เปิดโอกาสให้คนพิการได้มีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นการฝึกทักษะ การแนะแนวอาชีพ และการพัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณค่า และเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาสังคม

การได้รับเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นความภาคภูมิใจของมหาวิทยาลัยนเรศวร แต่ยังเป็นแรงผลักดันให้มหาวิทยาลัยเดินหน้าสนับสนุนและสร้างโอกาสที่เท่าเทียมต่อไป เพื่อร่วมสร้างสังคมที่ลดความเหลื่อมล้ำ และก้าวสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง

ตั้งชื่อเรื่องเป็นแคปชั่นขึ้นต้นด้วย Workshop : DIY เครื่องประดับและที่คั่นหนังสือจากฝาขวดพลาสติก

วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม 2567 สำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยนเรศวร จัดกิจกรรม Workshop : DIY เครื่องประดับและที่คั่นหนังสือจากฝาขวดพลาสติก โดยเชิญบุคลากรกองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ได้แก่ นางสาววรรณชลี กุลศรีไชย หัวหน้างานศิลปวัฒนธรรม และนางสาวเยาวทัศน์ อรรถาชิต เป็นวิทยากรในการสาธิตและบรรยาย

กิจกรรมดังกล่าวมีหัวข้อหลักว่า “การประดิษฐ์ของเหลือใช้กลับนำมาใช้ประโยชน์ ลดโลกร้อน” เพื่อให้นิสิตและผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้การใช้วัสดุเหลือใช้ให้เกิดคุณค่าใหม่ รวมทั้งสร้างสรรค์เครื่องประดับและที่คั่นหนังสือที่สามารถใช้งานได้จริง

การนำฝาขวดพลาสติกและเศษวัสดุอื่น ๆ มาประดิษฐ์เป็นผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ มีส่วนช่วยลดปริมาณขยะในมหาวิทยาลัยและในชุมชน นอกจากนี้ยังเสริมสร้างทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ การประยุกต์ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และสามารถต่อยอดเป็นงานอดิเรกหรืออาชีพเสริมเพื่อสร้างรายได้

นิสิตและผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เรียนรู้กระบวนการคัดเลือกวัสดุ การออกแบบ การประกอบ และการตกแต่งเครื่องประดับและที่คั่นหนังสือ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการเรียนรู้แบบบูรณาการและการศึกษาเพื่อความยั่งยืน

กิจกรรมนี้จัดขึ้นในงานมหกรรมหนังสือ NU Book Fair ครั้งที่ 25 ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บรมราชินีนาถ (QS) โดยมุ่งหวังให้ผู้เข้าร่วมเกิดความตระหนักเรื่องการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถต่อยอดเป็นรายได้เสริม

การเรียนรู้ผ่าน Workshop ช่วยสนับสนุนเป้าหมายด้านการศึกษาให้ผู้เข้าร่วมมีความรู้ ความสามารถ และทักษะที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งด้านความคิดสร้างสรรค์ การจัดการทรัพยากร และการสร้างรายได้เสริม

สำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยนเรศวร ยังคงให้ความสำคัญกับการส่งเสริมกิจกรรมที่เชื่อมโยงการเรียนรู้ ศิลปวัฒนธรรม และความยั่งยืน เพื่อสร้างนิสิตและบุคลากรที่ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน และสามารถนำทักษะไปสร้างรายได้ได้อย่างยั่งยืน

ม.นเรศวร จับมือ WelO เดินหน้าระบบขนส่งสีเขียว หนุนเมืองยั่งยืน ลดโลกร้อน

วันพุธที่ 18 ธันวาคม 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวร จับมือกับ WelO แพลตฟอร์มมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสาธารณะ เปิดให้บริการยานพาหนะทางเลือกเพื่อสิ่งแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัย โดยมุ่งเน้นการเดินทางที่ ไม่สร้างมลพิษ ลดการพึ่งพารถยนต์และจักรยานยนต์ส่วนบุคคล พร้อมทั้งวางเป้าหมายสู่การเป็น เมืองยั่งยืน ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

บริการมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า WelO เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานของนิสิต บุคลากร และประชาชนทั่วไป จุดเด่นสำคัญคือความสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องการเติมน้ำมันหรือการชาร์จแบตเตอรี่เอง โดยมี จุดจอดมากกว่า 300 จุด ครอบคลุมพื้นที่ในมหาวิทยาลัย รองรับการเดินทางที่สะดวกและรวดเร็ว

นอกจากจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการเดินทางแล้ว บริการ WelO ยังช่วย ลดค่าใช้จ่าย ในชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน และมีส่วนสำคัญในการ ลดโลกร้อน เนื่องจากลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 การใช้พลังงานไฟฟ้าแทนน้ำมันจึงเป็นการเดินทางที่ทั้งคุ้มค่าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การนำมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า WelO มาให้บริการยังสอดคล้องกับแนวทางของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการ ลดพื้นที่จอดรถส่วนบุคคล ภายในมหาวิทยาลัย เพื่อลดจำนวนการใช้รถยนต์และจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมัน และปรับสมดุลการใช้พื้นที่ให้เหมาะสมต่อการเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว

ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรกับ WelO ยังเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของ การมีส่วนร่วม ระหว่างภาคการศึกษาและภาคเอกชน ในการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน ไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน แต่ยังสามารถต่อยอดไปสู่การขยายผลในระดับชุมชนและเมือง

โครงการนี้ยังเป็นการสร้างวัฒนธรรมใหม่ของการเดินทางที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมในหมู่นิสิตและบุคลากร โดยการเลือกใช้ยานพาหนะที่สะอาดและปลอดภัย สะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยระบบขนส่งที่ไม่สร้างมลพิษ บวกกับการจัดการพื้นที่ภายในที่สอดคล้องกับแนวคิดสีเขียว มหาวิทยาลัยนเรศวรตอกย้ำบทบาทของตนในการเป็นมหาวิทยาลัยต้นแบบด้านการพัฒนา เมืองยั่งยืน ลดโลกร้อน และส่งเสริมความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่ออนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

ม.นเรศวร ส่งเสริมกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้น้ำแก่นักศึกษาและชุมชน

วันพุธที่ 18 ธันวาคม 2567 บุคลากรกองอาคารสถานที่ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ให้การต้อนรับคณะศึกษาดูงานจากนิสิตคณะสาธารณสุขศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 นำโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เสน่ห์ แสงเงิน อาจารย์ผู้รับผิดชอบรายวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อมในงานสาธารณสุข เพื่อเข้าศึกษาดูงานระบบการผลิตน้ำประปาและการบำบัดน้ำเสียของมหาวิทยาลัยนเรศวร

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อ ส่งเสริมกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้น้ำแก่นักศึกษาและชุมชน โดยให้นิสิตได้เรียนรู้กระบวนการผลิตน้ำประปาที่สะอาดและปลอดภัยต่อสุขภาพ รวมถึงการบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยกลับคืนสู่สิ่งแวดล้อมอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน

ภายในกิจกรรม มีการบรรยายและสาธิตกระบวนการผลิตน้ำประปา ตั้งแต่การรับน้ำดิบเข้าสู่ระบบ การกรอง การฆ่าเชื้อ ไปจนถึงการกระจายน้ำสะอาดไปใช้ในพื้นที่มหาวิทยาลัย เพื่อให้นักศึกษาเห็นภาพรวมของการบริหารจัดการน้ำที่มีคุณภาพและปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน

นอกจากนี้ยังได้พาเยี่ยมชม สถานีบำบัดน้ำเสียส่วนกลาง ซึ่งทำหน้าที่สำคัญในการจัดการน้ำทิ้งจากอาคารและกิจกรรมภายในมหาวิทยาลัย โดยผ่านกระบวนการบำบัดที่ทันสมัย ช่วยลดมลพิษและฟื้นฟูคุณภาพน้ำให้สามารถกลับคืนสู่ธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย

กิจกรรมดังกล่าวไม่เพียงแต่เพิ่มพูนความรู้ด้านวิชาการแก่นักศึกษาเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์น้ำและสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมให้ตระหนักถึงคุณค่าของน้ำในฐานะทรัพยากรที่มีจำกัดและจำเป็นต่อการดำรงชีวิต

ในมิติด้านความยั่งยืน การจัดการระบบน้ำประปาและน้ำเสียของมหาวิทยาลัยนเรศวรถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการจัดการน้ำในระดับชุมชน ที่สามารถปรับใช้ในพื้นที่อื่น ๆ เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงน้ำสะอาดและการจัดการสุขาภิบาลที่ดี

การเรียนรู้ครั้งนี้ยังช่วยต่อยอดองค์ความรู้ของนิสิตด้านสาธารณสุขศาสตร์ ให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการทำงานจริงในอนาคต ทั้งในด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การป้องกันโรคที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำ และการส่งเสริมสุขภาพชุมชนอย่างยั่งยืน

บรรยากาศการศึกษาดูงานเต็มไปด้วยความน่ารักและความอบอุ่น สะท้อนถึงความตั้งใจของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้ำที่มีคุณภาพ เพื่อร่วมกันสร้างสังคมที่ตระหนักถึงความสำคัญของน้ำและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

ม.นเรศวร จัดประชุมวิชาการเครือข่ายปรัชญาสังคมศาสตร์ไทย ครั้งที่ 2

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม 2567 ภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับเครือข่ายปรัชญาสังคมศาสตร์ไทย (Thai Network for the Philosophy of Social Sciences: TNPOSS) ได้จัดการประชุมวิชาการเครือข่ายปรัชญาสังคมศาสตร์ไทย ครั้งที่ 2 ภายใต้หัวข้อ “ปรัชญาสำหรับสังคมศาสตร์และสังคมศาสตร์สำหรับปรัชญา” ณ ห้อง Main Conferences อาคารกองบริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก

เครือข่ายปรัชญาสังคมศาสตร์ไทยถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการศึกษาและการวิจัยด้านปรัชญาสังคมศาสตร์ในประเทศไทย โดยมุ่งเสริมสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งในประเด็นสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ ผ่านมุมมองทางปรัชญา และเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างนักวิชาการทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งช่วยขยายความร่วมมือและสร้างเครือข่ายวิชาการที่แข็งแกร่ง

การจัดประชุมครั้งนี้มีรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งการสัมมนา การบรรยาย และการนำเสนอผลงานวิจัย โดยเปิดโอกาสให้นักวิจัย นิสิตระดับบัณฑิตศึกษา และผู้สนใจ ได้ร่วมเสนอผลงานบทความวิชาการ ซึ่งช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงวิพากษ์และมุมมองใหม่ ๆ อันเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาความรู้ด้านสังคมศาสตร์

ภายในงานยังมีการปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Organisations as Actors: Microfoundations of Organisational Intentionality” โดย Professor Daniel Little จาก University of Michigan-Dearborn ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้อธิบายถึงบทบาทขององค์กรที่เกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันของบุคคลภายใน ผ่านกระบวนการที่เรียกว่าพื้นฐานระดับจุลภาค (Microfoundations) โดยเน้นว่าการตัดสินใจขององค์กรล้วนต้องอาศัยการเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ และการกำหนดเป้าหมายเพื่อให้บรรลุภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การประชุมครั้งนี้ยังนำเสนอผลงานที่น่าสนใจจากนักวิชาการและนิสิตระดับบัณฑิตศึกษาจากหลายสถาบันทั่วประเทศ หัวข้อที่หลากหลายครอบคลุมทั้งด้านปรัชญาสังคมศาสตร์ ประเด็นร่วมสมัย และการประยุกต์ใช้แนวคิดปรัชญาในการแก้ปัญหาสังคมที่ซับซ้อน ซึ่งทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่และการแลกเปลี่ยนมุมมองในวงกว้าง

การประชุมวิชาการดังกล่าวถือเป็นเวทีสำคัญในการขยายเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการระดับชาติและนานาชาติ ซึ่งสอดคล้องกับการสร้าง สังคมที่ยั่งยืน ผ่านการส่งเสริมองค์ความรู้ การพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางวิชาการ และการเชื่อมโยงประเด็นทางสังคมศาสตร์กับการพัฒนาประเทศ

นอกจากนี้ การจัดงานยังสะท้อนถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการสร้างเวทีวิชาการที่สามารถตอบสนองต่อความท้าทายของโลกยุคปัจจุบัน พร้อมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้นักวิจัยรุ่นใหม่มุ่งมั่นพัฒนาความรู้เพื่อสังคมที่เป็นธรรม ครอบคลุม และยั่งยืน

ม.นเรศวร เปิดคอร์สออนไลน์ “สุขภาพทางเพศวัยรุ่น” ส่งเสริมสุขภาพที่ดีและการเรียนรู้อย่างยั่งยืน

มหาวิทยาลัยนเรศวร โดย กองบริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (CITCOMS) ได้เปิดคอร์สเรียนออนไลน์ เรื่อง “สุขภาพทางเพศวัยรุ่น Sexual Health for Adolescence” ซึ่งเป็นหนึ่งในรายวิชาภายใต้ NU MOOC เพื่อส่งเสริมสุขภาพทางเพศวัยรุ่น และสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลตนเองทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

คอร์สเรียนนี้มุ่งเน้นการถ่ายทอด แนวคิดสุขภาพทางเพศ ที่เหมาะสมกับวัยรุ่นและเยาวชน รวมถึงการเรียนรู้เรื่อง การคุมกำเนิด และการป้องกัน การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การศึกษา และอนาคตของเยาวชน การให้ความรู้ในเชิงป้องกันถือเป็นหัวใจสำคัญของการแก้ไขปัญหาในระยะยาว

เนื้อหาในคอร์สยังครอบคลุมถึง โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งยังคงเป็นความท้าทายที่พบได้ในกลุ่มวัยรุ่น การเรียนรู้ที่รอบด้านช่วยให้ผู้เรียนสามารถตระหนักถึงความเสี่ยงและเรียนรู้วิธีการป้องกันอย่างเหมาะสม อันจะช่วยลดปัญหาด้านสาธารณสุขและสร้างสังคมที่มีคุณภาพมากขึ้น

อีกประเด็นสำคัญคือ พระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของวัยรุ่นในการเข้าถึงบริการสุขภาพและการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม การเรียนรู้ด้านกฎหมายจะช่วยสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และส่งเสริมให้เยาวชนสามารถตัดสินใจได้อย่างรับผิดชอบต่อสุขภาพและชีวิตของตนเอง

คอร์สเรียนนี้มีระยะเวลา 5 ชั่วโมง ถ่ายทอดโดย ดร.ศิริกนก กลั่นขจร อาจารย์ประจำภาควิชาพยาบาลศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพวัยรุ่น เนื้อหาถูกออกแบบให้เหมาะสมกับผู้เรียนทุกกลุ่ม ทั้งนักเรียน นักศึกษา บุคลากรด้านการศึกษา บุคลากรด้านสุขภาพ และประชาชนทั่วไปที่สนใจ

ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าเรียนได้ที่ lifelong.nu.ac.th ขั้นตอนการลงทะเบียนมีความสะดวก ตั้งแต่การสมัครสมาชิก การยืนยันตัวตนด้วยรหัส OTP จนถึงการเลือกและลงทะเบียนเรียน ซึ่งทำให้ผู้เรียนสามารถเริ่มต้นการเรียนรู้ได้ทันที คอร์สเรียนออนไลน์ใน NU MOOC เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ได้ฟรีและต่อเนื่อง

โครงการนี้สะท้อนถึงการให้ความสำคัญของมหาวิทยาลัยนเรศวรต่อการส่งเสริมสุขภาพที่ดีของวัยรุ่นและเยาวชน และแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นตามนโยบายของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และองค์การอนามัยโลก ทั้งยังมุ่งสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ที่เป็นกรอบความร่วมมือระดับโลก

ม.นเรศวร ส่งเสริมเป็นมหาวิทยาลัยแนวหน้าด้านเทคโนโลยีการอาหาร

มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยหลักสูตรปริญญาตรี สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร ภาควิชาอุตสาหกรรมเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับการอนุมัติรับรองหลักสูตรมาตรฐานระดับนานาชาติจาก Institute of Food Technologists (IFT), USA ถือเป็นก้าวสำคัญของมหาวิทยาลัยไทยในการยกระดับคุณภาพการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหารสู่มาตรฐานสากล

การรับรองดังกล่าวมีผลระหว่างปี ค.ศ. 2025-2030 โดยหลักสูตรนี้เป็นหนึ่งในเพียง 4 สถาบันของประเทศไทยที่ผ่านเกณฑ์การรับรองจาก IFT ซึ่งเป็นองค์กรนานาชาติที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร รวมถึงการสร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารทั่วโลก

หลักสูตรที่ได้รับการรับรองนี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพและมาตรฐานที่สูงของการเรียนการสอน และยังเป็นการยืนยันถึงศักยภาพของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านวิทยาศาสตร์อาหาร ที่สามารถสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อ ส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร และความยั่งยืนในอนาคต

การเรียนการสอนในหลักสูตรเน้นการบูรณาการองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์การอาหารกับการประยุกต์ใช้จริง เพื่อให้นักศึกษามีทักษะพร้อมปฏิบัติ สามารถก้าวสู่ตลาดแรงงานทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติได้อย่างมั่นใจ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา การศึกษาที่มีคุณภาพ ให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงในระดับโลก

คณะกรรมการประเมินจาก IFT ได้ทำการตรวจสอบคุณภาพหลักสูตรในหลายมิติ ทั้งด้านโครงสร้างการเรียนการสอน การวิจัย การสนับสนุนจากหน่วยงานภายนอก ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพของนักศึกษา ซึ่งผลลัพธ์สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็งของหลักสูตรและการทำงานอย่างเป็นระบบของคณาจารย์และบุคลากร

ความสำเร็จครั้งนี้ยังเกิดจากความร่วมมือของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นคณาจารย์ พนักงาน ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน ผู้บริหารมหาวิทยาลัย รวมถึงหน่วยงานภายนอกทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนและผลักดันให้หลักสูตรมีความเข้มแข็งและสามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ

การได้รับการรับรองหลักสูตรในครั้งนี้ จึงไม่เพียงแต่เป็นความภาคภูมิใจของคณะเกษตรศาสตร์ฯ เท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการ ส่งเสริมเป็นมหาวิทยาลัยแนวหน้าด้านเทคโนโลยีการอาหาร เพื่อสร้างกำลังคนที่สามารถตอบสนองต่อความท้าทายด้านความมั่นคงทางอาหาร และสนับสนุนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต


ม.นเรศวร ร่วมงาน “SPARK UP!” ส่งเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อวงการสตาร์ทอัพไทย

วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2567 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมลักษณ์ วรรณฤมล กีเยลาโรว่า ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร (NU SciPark) ร่วมกิจกรรม Pre-Ignite “SPARK UP” ภายใต้โครงการ Organic Tech Accelerator Platform (OTAP) แพลตฟอร์มที่มุ่งเร่งการเติบโตทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมสร้างสรรค์ให้ยั่งยืนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง โดยมี รศ.ดร.สุขกิจ ยะโสธรศรีกุล ผู้อำนวยการโครงการ OTAP และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาณุ พุทธวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวเปิดกิจกรรมและต้อนรับผู้เข้าร่วม ณ ห้องประชุม ชั้น 2 ร้านสเต็กปีนัง จังหวัดพิษณุโลก

กิจกรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจและเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ภาครัฐ และภาคเอกชน ผ่านการบรรยาย การเสวนา และการแบ่งปันประสบการณ์ตรงจากผู้เชี่ยวชาญในด้านธุรกิจและนวัตกรรม โดย NU SEED ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการผลักดันการสร้างระบบนิเวศสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่

หนึ่งในไฮไลท์สำคัญคือการบรรยายในหัวข้อ “Empowering Startups THRU Understanding Markets” โดย ดร.สมชาติ วิศิษฐ์ชัยชาญ Fellow of Institute of Marketing Malaysia (FIMM) และ Vice President and Chief of Learning Architect & Marketing Innovation ซึ่งช่วยเปิดมุมมองด้านการตลาดและกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืน

ต่อด้วยหัวข้อ “Catalysts for Change” โดย คุณธนวิชญ์ ต้นกันยา CEO & Co-Founder ของ Horganice และนายกสมาคมสตาร์ทอัพไทย ที่ได้ถ่ายทอดแนวคิดการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงและการสร้างโอกาสในโลกธุรกิจสมัยใหม่ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอ กรณีศึกษาความสำเร็จ (Victory Voices/Sharing from Success Cases) โดย คุณจักรพันธ์ สาตุ้ม CEO บริษัท เฟิร์สลี่เทค จำกัด และบริษัท เอ็นฟีด พลัส จำกัด ร่วมกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ดวงเดือน อัศวสุธีรกุล Co-founder & CTO บริษัท แมพพิเดีย จำกัด ที่ได้แบ่งปันประสบการณ์จริงจากการสร้างและขยายธุรกิจสตาร์ทอัพจนประสบความสำเร็จ

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความคึกคัก ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนมุมมองและสร้างเครือข่ายใหม่ ๆ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจในอนาคต อีกทั้งยังได้เรียนรู้บทบาทของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการผลักดันธุรกิจให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล

การเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้สะท้อนถึงพันธกิจของ NU SEED และอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวรในการ ส่งเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อวงการสตาร์ทอัพไทย สนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในการต่อยอดนวัตกรรม และพัฒนาธุรกิจให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้จริง

ท้ายที่สุด กิจกรรม “SPARK UP” นับเป็นเวทีที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เปิดโอกาสการเรียนรู้ และสนับสนุนการสร้างพันธมิตรใหม่ ๆ ที่จะขับเคลื่อนวงการสตาร์ทอัพไทยสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต

ม.นเรศวร ร่วมเฉลิมฉลอง 10 ปี AUN-HPN เสริมสร้างสุขภาพยั่งยืนในอาเซียน

วันอังคารที่ 3 ธันวาคม 2567 คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เข้าร่วมงานครบรอบ 10 ปี เครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนด้านการส่งเสริมสุขภาพ (AUN-HPN) ณ โรงแรม Millennium Hilton Bangkok กรุงเทพมหานคร โดย รศ.ดร.นิทรา กิจธีระวุฒิวงษ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ พร้อมด้วย ดร.รมย์นลิน เขียนจูม ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ เป็นผู้แทนมหาวิทยาลัยเข้าร่วมงาน

งานครบรอบ 10 ปี AUN-HPN จัดขึ้นโดย AUN-HPN Secretariat ร่วมกับสถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือและแลกเปลี่ยนแนวคิดด้านการส่งเสริมสุขภาพระหว่างมหาวิทยาลัยสมาชิกในภูมิภาคอาเซียน พร้อมกำหนดแผนงานและกลยุทธ์ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยการแบ่งปันทรัพยากรและแนวปฏิบัติที่สนับสนุนสุขภาพที่ยั่งยืน การพัฒนานโยบายด้านสุขภาพที่ตอบโจทย์ปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคม และการสร้างมาตรฐานที่สนับสนุนการพัฒนาสุขภาพของประชากรในภูมิภาค ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมาย SDG3: สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

ภายในงานยังมีพิธีมอบรางวัล Healthy University Rating System (HURS) 2023 ให้แก่มหาวิทยาลัยที่มีผลงานโดดเด่นด้านการส่งเสริมสุขภาพ การประชุมคณะกรรมการบริหารและสมาชิกเครือข่าย การบรรยายความสำคัญของระบบประเมิน HURS และการนำเสนอผลงานดีเด่นของมหาวิทยาลัยสมาชิก

การเข้าร่วมงานครั้งนี้เปิดโอกาสให้มหาวิทยาลัยนเรศวรแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการส่งเสริมสุขภาพ เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยสมาชิก และสนับสนุนการสร้างเครือข่ายด้านสุขภาพในระดับภูมิภาค ตอกย้ำความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างสถาบันการศึกษาและองค์กรภายนอก

การเข้าร่วมงานครบรอบ 10 ปี AUN-HPN ของมหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยในภูมิภาคอาเซียนเพื่อพัฒนาสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชากร ทั้งยังสนับสนุนเป้าหมาย SDG17: ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

คณะสาธารณสุขศาสตร์มุ่งหวังว่าข้อมูล แนวทาง และนโยบายที่ได้จากการประชุมจะสามารถนำมาปรับใช้กับนิสิต บุคลากร และชุมชน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมและกิจกรรมที่เอื้อต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีอย่างยั่งยืน พร้อมขยายเครือข่ายความร่วมมือด้านสุขภาพในระดับภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin