ม.นเรศวร พัฒนานวัตกรรมตรวจเศษซากโควิดจากน้ำเสีย ส่งเสริมเพื่อเตือนภัยล่วงหน้าการระบาดในชุมชน

วันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 สถานวิจัยเพื่อความเป็นเลิศเพื่อความยั่งยืนด้านสุขภาวะ สิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม (SHEI) คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร นำโดย รองศาสตราจารย์ ดร.ธนพล เพ็ญรัตน์ พร้อมด้วยคณะนักวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ วิทยาลัยนานาชาติ และบริษัท อิเลคทรอนิกส์ เชลล์ จำกัด นำเสนอสิ่งประดิษฐ์ “RE-Secure: COVID-19 Early Warning. V1” ในงาน “วันนักประดิษฐ์” ประจำปี 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ

โครงการดังกล่าวเป็นการต่อยอดงานวิจัยจากการตรวจหาเศษซากไวรัสโควิด-19 ในน้ำเสีย โดยได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในปีงบประมาณ 2564 และ 2565 เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่สามารถเฝ้าระวังการแพร่ระบาดในระดับชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางจากนักเรียน นิสิต ประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชนที่เข้าร่วมชมงาน

นวัตกรรม “RE-Secure: COVID-19 Early Warning. V1” พัฒนาขึ้นจากเทคนิค Aptamer ทำให้สามารถตรวจสอบเศษซากไวรัสในน้ำเสียได้อย่างแม่นยำ โดยไม่จำเป็นต้องสกัดตัวอย่างหรือใช้ห้องปฏิบัติการที่มีค่าใช้จ่ายสูง เช่น ห้องปฏิบัติการ BSL-2 enhanced ที่มักใช้ในการตรวจ RT-qPCR จึงช่วยลดขั้นตอนและต้นทุนการตรวจสอบได้อย่างมาก

นอกจากนั้น ทีมวิจัยยังได้พัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อประมวลผลจากชุดตรวจเคลื่อนที่ ทำให้สามารถตรวจจับการติดเชื้อในอาคาร โรงเรียน โรงงาน หรือชุมชนได้ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดจริงประมาณ 7-14 วัน ช่วยเพิ่มโอกาสในการจัดการควบคุมโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้นได้อย่างทันท่วงที

ผลงานนี้ยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านการเฝ้าระวังโรคระบาดได้มากกว่า 90% เมื่อเทียบกับวิธีการเดิม จึงถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการนำนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้เพื่อสนับสนุนระบบสาธารณสุขและการบริหารจัดการภัยสุขภาพในระดับชุมชนอย่างยั่งยืน

การพัฒนานวัตกรรมตรวจเศษซากไวรัสในน้ำเสียยังเป็นแนวทางสำคัญที่สอดคล้องกับการจัดการทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม เนื่องจากช่วยให้สามารถใช้ระบบน้ำเสียเป็นฐานข้อมูลสำคัญในการติดตามการแพร่ระบาดของเชื้อโรคได้แบบไม่รุกรานและครอบคลุมพื้นที่ในวงกว้าง

สิ่งประดิษฐ์ “RE-Secure: COVID-19 Early Warning. V1” ยังได้รับการเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนหลายแขนง รวมถึงรายการข่าวสามมิติ ช่อง 3 เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2567 ตอกย้ำถึงความสำคัญของงานวิจัยนี้ต่อการสร้างระบบเตือนภัยล่วงหน้าการระบาดในชุมชน และเป็นแรงผลักดันให้ทีมวิจัยพัฒนานวัตกรรมต่อยอดในอนาคต

การทำงานครั้งนี้เป็นภาพสะท้อนของความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย ภาคเอกชน และหน่วยงานภาครัฐ ที่ช่วยกันขับเคลื่อนการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งสร้างแนวทางใหม่ในการ ส่งเสริมเพื่อเตือนภัยล่วงหน้าการระบาดในชุมชน และเพิ่มขีดความสามารถของประเทศในการรับมือกับโรคอุบัติใหม่