ม.นเรศวร จับมือ depa ลงนาม MOU ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและ Soft Power ขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค

วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วันสุรีย์ มาศกรัม รองคณบดีฝ่ายข้อมูลและนวัตกรรมดิจิทัล คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (Memorandum of Understanding : MOU) ระหว่างสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและ Soft Power ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระดับภูมิภาค

พิธีลงนามจัดขึ้น ณ อาคารสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สาขาภาคเหนือตอนล่าง จังหวัดพิษณุโลก โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากมหาวิทยาลัยนเรศวรเข้าร่วมเป็นสักขีพยาน ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาณุ พุทธวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร ศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกรหญิงกรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กำพล ทรัพย์สมบูรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยนเรศวร

ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการบูรณาการระหว่างสถาบันการศึกษาและหน่วยงานด้านเศรษฐกิจดิจิทัล โดยมีเป้าหมายในการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของสังคมในยุคดิจิทัลและการสร้างโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจให้กับภูมิภาค

ภายในงานยังมีกิจกรรมบรรยายและเสวนาพิเศษในหัวข้อ “Digital Soft Power Forum” ที่มุ่งเน้นการใช้ Soft Power เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่น

เวทีเสวนามีผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง เช่น คุณสุวิตา จรัญวงศ์ CEO & Co-Founder ของ Tellscore Co., Ltd. คุณพนธ์ พิลา ผู้ก่อตั้ง PILA Farm Studio คุณธรรมสถิตย์ บูรณเขตต์ ผู้จัดการพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี รองศาสตราจารย์ ดร.ทิพรัตน์ สิทธิวงศ์ อาจารย์คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และคุณอ้วน เจ้าของเพจ “พิษณุโลกจัดเต็ม” ซึ่งนำเสนอแนวทางการผสานพลังระหว่างเทคโนโลยีและวัฒนธรรมท้องถิ่น

การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวคิดในครั้งนี้ไม่เพียงช่วยสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้เข้าร่วม แต่ยังเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการสร้างความร่วมมือ (Partnership) เพื่อขยายผลการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ Soft Power ไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในมิติเศรษฐกิจและสังคม

มหาวิทยาลัยนเรศวรและ depa จึงแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะเดินหน้าสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล การสร้างสรรค์นวัตกรรม และการใช้ Soft Power เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค เพื่อสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอนาคต

ความร่วมมือดังกล่าวสะท้อนถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะสถาบันการศึกษาที่ไม่เพียงมุ่งเน้นด้านวิชาการ แต่ยังเป็นกำลังสำคัญในการ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและ Soft Power ต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ เพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมในระดับภูมิภาคและระดับประเทศอย่างแท้จริง

ม.นเรศวร ร่วมประชุม Thailand’s Innovation Policy Week 2027

วันพุธที่ 27 – วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ดร.พิสุทธิ์ อภิชยกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วยนายภวัต ภาชนะ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการกองการถ่ายทอดเทคโนโลยีและบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา เข้าร่วมประชุม “Thailand’s Innovation Policy Week” จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี สมาคมวิชาชีพนักจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและถ่ายทอดเทคโนโลยี (AITP) องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) และสมาคมอนุญาตให้ใช้สิทธิประเทศไทย (LES Thailand)

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเปิดตัว สมาคมวิชาชีพนักจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและถ่ายทอดเทคโนโลยี (AITP) ซึ่งถือเป็นเวทีสำคัญที่สร้างเครือข่ายนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ปฏิบัติงานด้านการจัดการทรัพย์สินทางปัญญาจากหลากหลายภาคส่วน เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศการจัดการเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้มแข็งและยั่งยืน

ภายในงานยังมีการนำเสนอผลการศึกษา “Patent Landscape ในสาขาเกษตรอาหาร” ซึ่งจัดทำโดยคณะผู้เชี่ยวชาญจาก WIPO โดยผลการศึกษาได้สะท้อนภาพรวมด้านสิทธิบัตรและทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีในสาขาเกษตรและอาหาร อันเป็นฐานข้อมูลเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถกำหนดแนวทางวิจัยและพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศและตลาดโลก

นอกจากนี้ยังมีการประชุมประจำปีของ สมาคมอนุญาตให้ใช้สิทธิประเทศไทย (LES Thailand) ภายใต้หัวข้อการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ช่วยเสริมศักยภาพขององค์กรให้สามารถแข่งขันและเติบโตในเวทีนานาชาติได้อย่างมั่นคง

การเข้าร่วมของมหาวิทยาลัยนเรศวรในครั้งนี้ เป็นการยืนยันบทบาทของมหาวิทยาลัยในฐานะ ศูนย์กลางความรู้ด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการจัดการทรัพย์สินทางปัญญา ที่พร้อมสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ เพื่อยกระดับการวิจัยและนวัตกรรมไทยสู่มาตรฐานสากล

อีกทั้งยังเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการจัดการเทคโนโลยี การถ่ายทอดองค์ความรู้ และการพัฒนานโยบายนวัตกรรม ซึ่งล้วนเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

การประชุม “Thailand’s Innovation Policy Week” จึงมีความหมายอย่างยิ่งต่อการพัฒนาระบบการจัดการนวัตกรรมของประเทศ ทั้งในแง่การยกระดับศักยภาพนักวิจัยและผู้ประกอบการ ตลอดจนการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับนานาชาติ และยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศในการ ส่งเสริมด้านการจัดการเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญา

นักวิจัย ม.นเรศวร คว้ารางวัลผลงานวิจัยและนวัตกรรมตอบโจทย์ประเทศ

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้จัดพิธีมอบรางวัล NRCT Award เพื่อยกย่องเชิดชูผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่สามารถแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ โดยได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานมอบรางวัล ณ ห้องจอมพลสฤกษดิ์ ธนะรัชต์ อาคาร วช.1 ซึ่งถือเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนบทบาทของงานวิจัยไทยในการพัฒนาประเทศ

มหาวิทยาลัยนเรศวร ขอแสดงความยินดีกับ รองศาสตราจารย์ ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ที่ได้รับ 2 รางวัลผลงานวิจัยและนวัตกรรมตอบโจทย์ประเทศ NRCT Award เนื่องในโอกาสครบรอบ 65 ปี การก่อตั้งสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

ผลงานแรกที่ได้รับรางวัลคือ “ส้มโอฉายรังสีเพื่อการส่งออกประเทศสหรัฐอเมริกา” ดำเนินการโดยทีมวิจัยนำโดย ดร.หาญณรงค์ ฉ่ำทรัพย์, ดร.สุวิมล เจตะวัฒนะ, ดร.นุชนาถ ภักดี และคุณพุทธพงษ์ สร้อยเพชรเกษม งานวิจัยนี้ช่วยเพิ่มศักยภาพการส่งออกผลไม้ไทย ด้วยการใช้เทคโนโลยีฉายรังสีเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาและคงคุณภาพตามมาตรฐานสากล สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ

อีกหนึ่งผลงานสำคัญคือ “สตรอว์เบอร์รี่พันธุ์พระราชทาน 89” ที่พัฒนาร่วมกับทีมวิจัย ได้แก่ ดร.ณรงค์ชัย พิพัฒน์ธนวงศ์, ดร.มงคล ศิริจันทร์, ดร.นุชนาฏ ภักดี, ดร.นพรัตน์ อินถา, คุณพุทธพงษ์ สร้อยเพชรเกษม และคุณสายัณห์ อักขระ ซึ่งเป็นการพัฒนาพันธุ์สตรอว์เบอร์รี่คุณภาพสูงที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่สูงของไทย ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด เพิ่มรายได้และความมั่นคงให้แก่เกษตรกรผู้ปลูก

รางวัล NRCT Award มีวัตถุประสงค์เพื่อเชิดชูผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อ เศรษฐกิจ สังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม อีกทั้งยังเป็นการสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของการวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมที่สามารถประยุกต์ใช้ได้จริง

ความสำเร็จของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนเรศวรในครั้งนี้ สะท้อนถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยในการ ส่งเสริมนวัตกรรมตอบโจทย์ประเทศ โดยไม่เพียงแต่สร้างองค์ความรู้ใหม่ แต่ยังเชื่อมโยงไปสู่การประยุกต์ใช้เชิงพาณิชย์และการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน

การคว้ารางวัลในครั้งนี้ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความพร้อมของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการขับเคลื่อนงานวิจัยที่มีศักยภาพสูง โดยการบูรณาการองค์ความรู้ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและแข่งขันได้ในระดับสากล

ในภาพรวม รางวัลที่ได้รับไม่เพียงเป็นเกียรติยศแก่นักวิจัยและมหาวิทยาลัยนเรศวร แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนางานวิจัยที่มีคุณภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาที่สำคัญของประเทศและสร้างประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง

ม.นเรศวร จัดกิจกรรม Bootcamp R2M2024 ภาคเหนือ ส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยสู่เส้นทางนวัตวณิชย์

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567 อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร เครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคเหนือ ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัด กิจกรรม Bootcamp ระดับภูมิภาค (ภาคเหนือ) ภายใต้โครงการเส้นทางสู่นวัตวณิชย์ (Research to Market: R2M2024) ครั้งที่ 12 ณ โรงแรม The Imperial Hotel & Convention Centre Phitsanulok จังหวัดพิษณุโลก โดยมี ดร.ปัญญวัณ ลำเพาพงศ์ รองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างอบอุ่น

กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีสร้างองค์ความรู้และประสบการณ์เชิงปฏิบัติการด้านการพัฒนางานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ โดยมุ่งเน้นการยกระดับผลงานวิจัยให้เกิดการต่อยอด และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงธุรกิจได้จริง อันเป็นกลไกสำคัญในการ ส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยสู่เส้นทางนวัตวณิชย์ และสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมอย่างยั่งยืน

สำหรับกิจกรรม Bootcamp ครั้งนี้ มีมหาวิทยาลัยเครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือเข้าร่วมทั้งสิ้น 7 มหาวิทยาลัย รวมจำนวน 21 ทีม ได้แก่ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยพะเยา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม และมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งถือเป็นการรวมพลังเครือข่ายวิจัยและนวัตกรรมในระดับภูมิภาค

ภายในงานมีกิจกรรมที่โดดเด่น เช่น Highlight Session และกิจกรรม ICE Breaking ที่จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างทักษะการทำงานเป็นทีม กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้สร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่ง นับเป็นการสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนที่เต็มไปด้วยพลังของเยาวชนและนักวิจัยรุ่นใหม่

กิจกรรมการอบรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.อนวัช มีเคลือบ รักษาการหัวหน้างานประชาสัมพันธ์ กองกลาง มหาวิทยาลัยนเรศวร ทำหน้าที่วิทยากร ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนางานวิจัยไปสู่เชิงธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

โครงการ R2M หรือ Research to Market ถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่ช่วยยกระดับศักยภาพงานวิจัยของประเทศไทย โดยเปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา และนักวิจัยได้นำผลงานวิจัยมาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ และสร้างคุณค่าให้กับสังคม ตลอดจนช่วยสนับสนุนการพัฒนาประเทศสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม

การจัดกิจกรรม Bootcamp ในครั้งนี้ ยังเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความสำเร็จของความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและหน่วยงานพันธมิตรในเครือข่าย ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยส่งเสริมงานวิจัยให้ก้าวสู่ตลาด แต่ยังช่วยสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่ง เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ

มหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะเจ้าภาพ ยังคงมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม ตลอดจนผลักดันผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว

คณะสหเวชฯ จัดเวที Pitching Contest ประชันไอเดียวิจัยและนวัตกรรม

คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดกิจกรรม Pitching Contest ในงาน AHS Research & Innovation Day 2024 ภายใต้ธีม Race to The Finish Line ณ ห้องประชุมมหาราช ศูนย์แสดงนิทรรศการและการจัดประชุมนานาชาติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกรหญิงกรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมด้วยคณบดีและผู้แทนจากคณะกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดเวทีให้นิสิตได้พัฒนาทักษะการนำเสนอผลงานวิจัยและนวัตกรรม โดยเน้นการนำเสนอที่น่าสนใจทั้งด้านการพูด การเล่าเรื่อง และการออกแบบสไลด์ Pitch Deck ภายใต้ระยะเวลาที่จำกัด เพื่อสร้างประสบการณ์ตรงในการสื่อสารเชิงวิชาการและเชิงธุรกิจต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

การแข่งขัน Pitching Contest ไม่เพียงเป็นการนำเสนอผลงานวิจัยเชิงนวัตกรรมเท่านั้น แต่ยัง มุ่งเสริมทักษะการเป็นผู้ประกอบการ ให้กับนิสิตที่เข้าร่วม โดยในปีนี้มีทีมนิสิตเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 9 ทีม ซึ่งแต่ละทีมได้รับการบ่มเพาะทักษะด้านการวิจัย การคิดเชิงนวัตกรรม การทำงานเป็นทีม และการนำเสนอเชิงธุรกิจจากการเข้าร่วมค่าย I&E Boot Camp ที่ได้รับการดูแลโดยทีมวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ

ภายในงาน นิสิตแต่ละทีมได้แสดงศักยภาพและความคิดสร้างสรรค์ในการนำเสนอผลงานต่อหน้าคณะกรรมการและผู้ชม บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักและการสนับสนุนจากคณาจารย์ เพื่อนนิสิต และผู้เข้าร่วมจากโรงเรียนในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยในการเป็นพื้นที่บ่มเพาะการเรียนรู้ที่หลากหลาย

นอกจากนี้ ภายในกิจกรรมยังจัดให้มีการบรรยายเสริมสร้างองค์ความรู้ด้านการนำเสนอและการต่อยอดงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ โดยหัวข้อ The Art of Pitching: Tips for Grant Pitches ถ่ายทอดโดย คุณตรีชิต เมธารัตนโชติ CEO & Co-founder บริษัท มีผักดี จำกัด และหัวข้อ From Lab to Market: Turning Academic Research into Profitable Products โดย ดร.ธีรพงศ์ ยะทา ผู้ก่อตั้งบริษัท นาอีฟ อินโนว่า จำกัด และกรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีเมียร์ อินโนว่า จำกัด

การแบ่งปันประสบการณ์จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญทั้งสองท่าน ไม่เพียงช่วยพัฒนาทักษะการสื่อสารและการนำเสนอเชิงวิจัย แต่ยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้นิสิตเข้าใจถึงกระบวนการแปลงผลงานวิจัยให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่เน้นการสร้างมูลค่าจากนวัตกรรม

กิจกรรมนี้ยังมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาทักษะด้านการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการทำงานเป็นทีมของนิสิต โดยเฉพาะการฝึกทักษะเชิงธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างบัณฑิตที่มีความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานและสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม

คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร มีความตั้งใจให้เวทีนี้เป็นต้นแบบของการบูรณาการการเรียนการสอน งานวิจัย และนวัตกรรมเข้ากับทักษะด้านการประกอบการ เพื่อสร้างบัณฑิตที่มีความสามารถรอบด้าน สามารถตอบสนองความต้องการของสังคมและตลาดแรงงานในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างแท้จริง

ดังนั้น การจัด Pitching Contest ในครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการแข่งขันนำเสนอผลงาน แต่ยังเป็นการวางรากฐานสำคัญในการสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ทักษะ และทัศนคติที่พร้อมต่อการพัฒนานวัตกรรมและเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน

NU SEED ม.นเรศวร ร่วมขับเคลื่อน Startup Thailand League พัฒนานวัตกรรุ่นใหม่สู่การเป็นผู้ประกอบการ

วันพุธที่ 30 ตุลาคม 2567 อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร (NU SEED) นำโดย ดร.ปัญญวัณ ลำเพาพงศ์ รองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วยบุคลากร เข้าร่วมการประชุมชี้แจงแผนการดำเนินโครงการ Startup Thailand League ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ณ โรงแรม เดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ

การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญที่ได้รับความสนใจจากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศกว่า 55 แห่ง ทั้งมหาวิทยาลัยในเครือข่ายที่เข้าร่วมต่อเนื่องและมหาวิทยาลัยใหม่ที่พร้อมก้าวเข้าสู่สนามแห่งนวัตกรรม สะท้อนถึงพลังความร่วมมือและการตื่นตัวด้านการสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในระดับอุดมศึกษา

โครงการ Startup Thailand League มีเป้าหมายหลักเพื่อ ส่งเสริม Startup และยกระดับศักยภาพของเยาวชนในมหาวิทยาลัย ให้มีทั้งทักษะเชิงนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการสร้างธุรกิจที่พร้อมแข่งขันในตลาดจริง การบ่มเพาะเช่นนี้ถือเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจฐานความรู้และนวัตกรรม

สำหรับมหาวิทยาลัยนเรศวร การเข้าร่วมในโครงการนี้สอดคล้องกับพันธกิจในการพัฒนามหาวิทยาลัยสู่การเป็น “มหาวิทยาลัยแห่งการประกอบการ” โดยใช้กลไกของอุทยานวิทยาศาสตร์เป็นตัวขับเคลื่อน พร้อมสนับสนุนให้นิสิตและเยาวชนสามารถเปลี่ยนแนวคิดเชิงนวัตกรรมไปสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพจริง

การประชุมครั้งนี้ยังเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อให้การพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ และสามารถต่อยอดเป็นธุรกิจที่มีความยั่งยืน ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ

โครงการ Startup Thailand League ยังช่วยเปิดพื้นที่ให้นักศึกษาทดลองทำงานในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับการทำธุรกิจจริง ได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และเรียนรู้การปรับตัวในสภาวะการแข่งขัน ซึ่งถือเป็นการพัฒนาทักษะที่สำคัญสำหรับการเป็นผู้ประกอบการในอนาคต

การมีส่วนร่วมของ NU SEED ในครั้งนี้จึงเป็นการยืนยันบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ด้วยการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการทดลอง พร้อมทั้งพัฒนานวัตกรเยาวชนสู่การเป็น Startup ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างแท้จริง

NU SEED ม.นเรศวร นำทีมผู้ประกอบการ Startup ร่วมการประชุมติดตามและประเมินผลการบ่มเพาะวิสาหกิจภาคเหนือตอนล่าง

วันอังคารที่ 15 – วันพุธที่ 16 ตุลาคม 2567 อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร (NU SEED) นำโดย ดร.ปัญญวัณ ลำเพาพงศ์ รองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วยบุคลากรงานบ่มเพาะธุรกิจ ได้นำทีมผู้ประกอบการ Startup 2 ราย และ Pre-incubation 3 ราย เข้าร่วมการประชุมติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของหน่วยบ่มเพาะวิสาหกิจในสถาบันอุดมศึกษา เครือข่ายภาคเหนือตอนล่าง รอบ 24 เดือน ณ ห้องประชุมเทาแสด อาคารศูนย์แสดงนิทรรศการและการจัดประชุมสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (KNECC) มหาวิทยาลัยนเรศวร

การประชุมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นผู้กล่าวเปิดงาน และมีนายนรินทร์ พสุนธราธรรม เป็นประธานกรรมการประเมินฯ โดยมีมหาวิทยาลัยในเครือข่ายภาคเหนือตอนล่างเข้าร่วมทั้งสิ้น 6 สถาบัน

ภายในงานยังมีคณะกรรมการและผู้เชี่ยวชาญจากหลายหน่วยงานร่วมประเมิน อาทิ กองส่งเสริมและประสานเพื่อประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กปว.), โครงการบ่มเพาะวิสาหกิจในสถาบันอุดมศึกษา (กปว.), ศูนย์กลางนวัตกรรมแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้เชี่ยวชาญจากภาคเอกชน รวมทั้งผู้สังเกตการณ์จากสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

การเข้าร่วมของผู้ประกอบการภายใต้การดูแลของ NU SEED แบ่งเป็น Startup 2 ราย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์หัวเชื้อจุลินทรีย์ และผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนสูงจากไข่ขาว และ Pre-incubation 3 ราย ได้แก่ บริการติดตั้งและออกแบบโซล่ารูฟท็อป ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมบำรุงน้ำนมแม่ และผลิตภัณฑ์บริการการท่องเที่ยวเชิงเกษตร ซึ่งสะท้อนถึงความหลากหลายและศักยภาพของธุรกิจที่อยู่ระหว่างการบ่มเพาะ

การประชุมติดตามและประเมินผลในครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญที่ช่วยสะท้อนความก้าวหน้าของกระบวนการบ่มเพาะธุรกิจในมหาวิทยาลัย อีกทั้งยังเป็นการสร้างมาตรฐานการดำเนินงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านการพัฒนานวัตกรรมและการสร้างผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสูง

การนำผู้ประกอบการเข้าร่วมเวทีประเมิน ยังเป็นส่วนหนึ่งของการ ส่งเสริม Startup ให้ได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ได้รับคำแนะนำเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ และสามารถนำไปปรับใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และขยายธุรกิจในอนาคต ตอกย้ำบทบาทของ NU SEED ในการพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่พร้อมแข่งขันทั้งในระดับประเทศและระดับสากล

นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ เพื่อขับเคลื่อนระบบนิเวศธุรกิจนวัตกรรมในภูมิภาคภาคเหนือตอนล่าง ให้เกิดความเข้มแข็งและยั่งยืนตามแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยองค์ความรู้และเทคโนโลยี

NU SEED ยังคงยึดมั่นในพันธกิจการเป็นศูนย์กลางการบ่มเพาะธุรกิจนวัตกรรม เพื่อสร้างผู้ประกอบการที่มีความคิดสร้างสรรค์ ใช้นวัตกรรมเป็นเครื่องมือสำคัญ และพร้อมเติบโตไปสู่ความสำเร็จในตลาดที่มีการแข่งขันสูง

ม.นเรศวร ติดอันดับนักวิจัยศักยภาพสูงใน AD Scientific Index 2025

มหาวิทยาลัยนเรศวร ขอแสดงความยินดีกับคณาจารย์นักวิจัย 10 อันดับแรกของมหาวิทยาลัย ที่ได้รับการจัดอันดับในฐานข้อมูล AD Scientific Index 2025: World Scientist and University Rankings 2025 ซึ่งเป็นการจัดอันดับนักวิจัยที่มีศักยภาพในระดับมหาวิทยาลัย ระดับประเทศ และระดับโลก

การจัดอันดับ AD Scientific Index – Scientist Rankings ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยพิจารณาจากดัชนีทางวิชาการที่สะท้อนถึงคุณภาพและศักยภาพของนักวิจัย ได้แก่ ค่า h-Index ซึ่งสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนงานที่ได้รับการอ้างอิงกับผลงานตีพิมพ์, ค่า i10-Index ที่วิเคราะห์จำนวนบทความที่ถูกอ้างอิงตั้งแต่ 10 ครั้งขึ้นไป และจำนวน Citation หรือจำนวนครั้งที่ผลงานถูกนำไปอ้างอิงในงานวิชาการอื่น ๆ

ผลการจัดอันดับครั้งนี้เป็นการยืนยันถึงคุณภาพงานวิจัยของบุคลากรสายวิชาการในมหาวิทยาลัยนเรศวร ที่ไม่เพียงแต่สร้างผลงานวิจัยเชิงลึก แต่ยังสามารถเผยแพร่และนำไปใช้ประโยชน์ได้ในระดับนานาชาติ สะท้อนถึงความก้าวหน้าทางวิชาการที่เป็นรูปธรรม

การได้รับการจัดอันดับใน AD Scientific Index 2025 ยังเป็นแรงบันดาลใจสำคัญต่อบุคลากรและนักวิจัยรุ่นใหม่ ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการผลิตงานวิชาการที่มีคุณภาพและมีผลกระทบในวงกว้าง ตลอดจนส่งเสริมการต่อยอดงานวิจัยให้เชื่อมโยงกับการแก้ไขปัญหาสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ การจัดอันดับยังแสดงถึงความสามารถของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็นศูนย์กลางทางวิชาการที่เชื่อมโยงความร่วมมือกับเครือข่ายระดับประเทศและระดับโลก ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการ ส่งเสริมด้านการวิจัยและนวัตกรรม สู่การพัฒนามหาวิทยาลัยที่มีขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งในระดับประเทศและสากล

นักวิจัยที่ได้รับการจัดอันดับในครั้งนี้นับเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับมาตรฐานของมหาวิทยาลัยนเรศวรให้ก้าวสู่การเป็นสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำที่มุ่งเน้นการสร้างผลงานวิจัยคุณภาพสูงและการสร้างเครือข่ายวิชาการเพื่อการพัฒนาร่วมกันในระยะยาว

ความสำเร็จนี้สะท้อนถึงวิสัยทัศน์และพันธกิจของมหาวิทยาลัยนเรศวร ที่มุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้ใหม่เพื่อสังคม ต่อยอดงานวิจัยไปสู่การประยุกต์ใช้จริง และร่วมมือกับพันธมิตรในทุกระดับเพื่อผลักดันการพัฒนาที่ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศและโลก

NU Hackathon & Pitching 2024 ส่งเสริมทักษะด้านการคิดค้นนวัตกรรมของนิสิต

วันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2567 อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับบริษัท เอ็กซ์โตซอฟท์ จำกัด จัดโครงการ “NU Hackathon & Pitching 2024” ภายใต้หัวข้อ การพัฒนาเครื่องมือ Performance Test ด้วยเทคโนโลยี Cloud, AI และ Machine Learning โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานกล่าวเปิดกิจกรรม ดร.ปัญญวัณ ลำเพาพงศ์ รองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวรายงาน และคุณณัฐพล กล้าหาญ ผู้บริหารจากบริษัทเอ็กซ์โตซอฟท์ จำกัด กล่าวต้อนรับ ณ อาคารขวัญเมือง มหาวิทยาลัยนเรศวร

กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีให้นิสิตได้เรียนรู้การพัฒนาเครื่องมือด้านเทคโนโลยีและซอฟต์แวร์จริง ผ่านรูปแบบ Hackathon ที่มีเวลาเพียง 48 ชั่วโมงสำหรับการสร้างสรรค์ผลงาน โดยเน้นการฝึกทักษะการแก้ไขปัญหาเชิงระบบและการทำงานเป็นทีม ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับบุคลากรยุคดิจิทัล

ภายในงานยังได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญด้าน Performance Testing มาร่วมบรรยายและเสวนา เช่น การชี้ทิศทางและความสำคัญของการทดสอบประสิทธิภาพซอฟต์แวร์ในยุคปัจจุบัน การกำหนดแนวทางการทดสอบและการค้นพบที่สำคัญ ตลอดจนการนำเทคโนโลยี Cloud, AI และ Machine Learning มาใช้ในอนาคตของการทดสอบระบบ ซึ่งช่วยเปิดมุมมองใหม่ให้นิสิตเข้าใจถึงบทบาทของเทคโนโลยีล้ำสมัยในอุตสาหกรรม

การจัดโครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของหลายภาคส่วนในมหาวิทยาลัยนเรศวร ทั้งกองกิจการนิสิต กองกลาง คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์และการสื่อสาร และอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร ความร่วมมือดังกล่าวสะท้อนถึงการบูรณาการทรัพยากรและองค์ความรู้เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดแก่นิสิต

เป้าหมายสำคัญของกิจกรรมคือการพัฒนาทักษะด้าน Performance Testing และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Technology) เช่น AI และ Machine Learning ซึ่งจะช่วยให้นิสิตมีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี สามารถต่อยอดองค์ความรู้ไปสู่การทำงานจริงในภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมั่นใจ

โครงการนี้ยังเป็นการเชื่อมโยงระหว่างมหาวิทยาลัยกับภาคเอกชน โดยสร้างเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญกับนักศึกษา อันจะนำไปสู่การพัฒนาระบบนิเวศด้านนวัตกรรมที่แข็งแกร่ง และสนับสนุนการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในระดับภูมิภาคและนานาชาติ

การจัด NU Hackathon & Pitching 2024 จึงไม่เพียงเป็นกิจกรรมเชิงวิชาการ แต่ยังเป็นการส่งเสริมทักษะด้านการคิดค้นนวัตกรรมของนิสิต เพื่อสร้างกำลังคนที่มีความรู้ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและสังคมไทยไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

ม.นเรศวร จับมือ TCELS และเครือข่าย TOPT ผลักดันงานทดสอบสารสกัดและผลิตภัณฑ์สุขภาพสู่มาตรฐาน OECD

วันพุธที่ 11 กันยายน 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวร นำโดย ศาสตราจารย์ ดร.กรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรนรินทร์ เทพาวราพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถานสัตว์ทดลองเพื่อการวิจัย มหาวิทยาลัยนเรศวร เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการวิจัยร่วมกับ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) และเครือข่าย Thailand OECD GLP Preclinical Testing (TOPT) Network จากทั่วประเทศ ความร่วมมือนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อผลักดันการทดสอบสารสกัดและผลิตภัณฑ์สุขภาพของไทยสู่มาตรฐานสากล และเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมการสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ของประเทศไทย

ความร่วมมือนี้มีความสำคัญต่อการ ส่งเสริมเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ โดยมุ่งเน้นการตรวจทดสอบคุณภาพของยา อาหาร เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ เคมีเกษตร และเคมีอุตสาหกรรม ผ่านเครือข่าย TOPT ซึ่งเป็นที่ยอมรับของ OECD กว่า 45 ประเทศทั่วโลก การยกระดับมาตรฐานการทดสอบดังกล่าวจะช่วยลดข้อกีดกันทางการค้า เพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย และสร้างความเชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพในระดับนานาชาติ

ในปัจจุบันเครือข่ายห้องปฏิบัติการ TOPT ที่อยู่ภายใต้มาตรฐานการรับรองของ OECD ครอบคลุมสถาบันสำคัญ เช่น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข, ศูนย์สัตว์ทดลองแห่งชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.), ศูนย์วิจัยไพรเมทแห่งชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เครือข่ายเหล่านี้เป็นฐานสำคัญในการพัฒนางานวิจัยและการบริการทดสอบที่มีคุณภาพ

สำหรับปี 2567 ได้มีการเพิ่มสมาชิกเครือข่ายใหม่อีก 4 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยนเรศวร, บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด และบริษัท ราวิส เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบทดสอบสารสกัดและผลิตภัณฑ์สุขภาพของประเทศ

ขอบเขตการดำเนินงานของเครือข่าย TOPT ครอบคลุมการทดสอบที่หลากหลาย ได้แก่ การทดสอบวิเคราะห์คุณภาพและสารสำคัญของยาและสมุนไพร, การทดสอบสารเคมีใหม่, การทดสอบในเซลล์, การทดสอบในสัตว์ทดลอง เช่น ปลา หนู และไพรเมท รวมทั้งการทดสอบเครื่องสำอางและการทดสอบ Biocompatibility สำหรับกลุ่มเครื่องมือแพทย์ การพัฒนางานวิจัยและการทดสอบที่ได้มาตรฐานสากลเหล่านี้จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และเป็นแรงขับเคลื่อนให้ประเทศไทยสามารถก้าวพ้นจาก middle income trap

นอกจากนี้ การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย TOPT ยังช่วยให้ประเทศไทยมีความพร้อมในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมชีววิทยาศาสตร์ (Bio Industry) ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมอนาคต (New S-Curve) ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน การยกระดับความสามารถด้านการทดสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพและการวิจัยเชิงลึก จะช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

ความร่วมมือครั้งนี้ยังเป็นตัวอย่างของการ สร้างพันธมิตรด้านการวิจัยและนวัตกรรม ระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐ และภาคเอกชน ที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ถือเป็นกลไกสำคัญที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในการเสริมสร้างสุขภาพของประชาชน และการสร้างความร่วมมือระดับประเทศและระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่มั่นคง

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin