Archives March 2024

ม.นเรศวร ได้รับการประเมิน “มหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพระดับ 4 ดาว” จากเครือข่าย AUN-HPN

วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับการประเมินในระดับ 4 ดาว จาก เครือข่ายมหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพแห่งอาเซียน (ASEAN University Network – Health Promotion Network : AUN-HPN) ภายใต้เกณฑ์ Healthy University Rating System (HURS) ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความสำเร็จของมหาวิทยาลัยในการดำเนินงานเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อการเรียนรู้และการทำงาน รวมถึงการส่งเสริมสุขภาพของนิสิตและบุคลากรในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง การได้รับรางวัลในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ มหาวิทยาลัยนเรศวร ในการพัฒนาและยกระดับสุขภาพกายและจิตของชุมชนมหาวิทยาลัยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

การได้รับการประเมินเป็น “มหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพระดับ 4 ดาว” ถือเป็นรางวัลอันทรงคุณค่า และเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จของมหาวิทยาลัยในการส่งเสริมสุขภาวะของนิสิตและบุคลากร โดยเน้นทั้งด้าน สุขภาพกาย สุขภาพจิต และคุณภาพชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย ให้มีความสมดุลและปลอดภัย สิ่งนี้สะท้อนถึงการบริหารจัดการที่ให้ความสำคัญต่อมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ซึ่งเป็นหัวใจของการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับสถาบันอุดมศึกษา

ในโอกาสที่ได้รับการประเมินครั้งนี้ รองศาสตราจารย์ ดร.อรรถกร ทองทา ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ ได้เป็นผู้แทนของมหาวิทยาลัยเข้าร่วม การประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพระดับชาติ ครั้งที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 – 22 มีนาคม 2567 ณ ห้องราชมณเฑียร แกรนด์ บอลรูม โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ กรุงเทพมหานคร เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ แนวทาง และประสบการณ์การดำเนินงานด้านการสร้างเสริมสุขภาพในสถาบันอุดมศึกษา

ในการประชุมวิชาการดังกล่าว ได้มีการอภิปรายและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ การพัฒนาสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมสุขภาพในมหาวิทยาลัย รวมถึงแนวทางการจัดการสุขภาพจิตและสุขภาพกายของนักศึกษาและบุคลากร โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนการสร้างเสริมสุขภาพให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในระดับประเทศและระดับภูมิภาค อันเป็นการสนับสนุนแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านสุขภาพของประชาคมอาเซียน

รางวัล Healthy University Rating System (HURS) เป็นระบบการประเมินที่มุ่งเน้นการยกระดับมหาวิทยาลัยให้เป็น “มหาวิทยาลัยส่งเสริมสุขภาพ (Healthy University)” โดยให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพจิต การจัดกิจกรรมเพื่อสุขภาพ และการสร้างสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการดำเนินชีวิตอย่างมีสุขภาวะ การที่มหาวิทยาลัยนเรศวรได้รับการประเมินในระดับ 4 ดาว จึงเป็นหลักฐานแสดงถึงการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพและต่อเนื่องในการส่งเสริมสุขภาพของชุมชนมหาวิทยาลัย

การส่งเสริมสุขภาพในระดับสถาบันอุดมศึกษาเป็นพันธกิจสำคัญของมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งได้ดำเนินงานอย่างจริงจังผ่านการจัดโครงการ กิจกรรม และนโยบายต่าง ๆ ที่มุ่งเน้นการสร้างสังคมแห่งสุขภาวะในรั้วมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนการออกกำลังกาย การส่งเสริมโภชนาการที่เหมาะสม การจัดพื้นที่สีเขียว และการดูแลสุขภาพจิตของนิสิตและบุคลากรอย่างต่อเนื่อง

มหาวิทยาลัยส่งเสริมสุขภาพ ของมหาวิทยาลัยนเรศวรจึงไม่เพียงเป็นแนวคิดเชิงนโยบาย แต่เป็นการลงมือปฏิบัติจริงที่มีผลลัพธ์ชัดเจนในระดับประเทศและระดับอาเซียน การได้รับการประเมินระดับ 4 ดาว ในครั้งนี้ ถือเป็นแรงผลักดันสำคัญให้มหาวิทยาลัยเดินหน้าพัฒนาสู่การเป็นสถาบันการศึกษาที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นต้นแบบของการจัดการสุขภาพในสถาบันอุดมศึกษาอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ การได้รับรางวัลยังสะท้อนถึง ความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ที่มุ่งสร้างเครือข่ายการเรียนรู้และการวิจัยร่วมกันเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาคมในวงกว้าง ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนสังคมสู่สุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืน

ม.นเรศวร เข้าร่วมประชุมวิชาการสร้างเสริมสุขภาพระดับชาติ ครั้งที่ 2 และรับรางวัล Healthy University Rating System 2023 ระดับ 4 ดาว

เมื่อวันที่ 21-22 มีนาคม 2567 คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ รศ.ดร.นิทรา กิจธีระวุฒิวงษ์ พร้อมด้วย ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ ดร.รมย์นลิน เขียนจูม ได้เข้าร่วม การประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพระดับชาติ ครั้งที่ 2 ซึ่งจัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของ เครือข่าย Thai University Network – Health Promotion Network (TUN-HPN) ในหัวข้อสำคัญ “Building a Culture of Health Promotion: Fostering Mental Health Awareness and Support on Campus” ณ ห้องราชมณเฑียร แกรนด์ บอลรูม โรงแรมมณเฑียร สุรวงศ์ กรุงเทพฯ

การประชุมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการ ส่งเสริมสุขภาพ ภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งเน้นการสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องของ สุขภาพจิต โดยเฉพาะในกลุ่มนิสิตและบุคลากรทางการศึกษา รวมถึงการพัฒนาแนวทางการสนับสนุนด้านสุขภาพจิตในแคมปัส โดยมีการแชร์ประสบการณ์และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างมหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศไทยและอาเซียนที่มีส่วนร่วมในเครือข่าย.

การจัดงานประชุมวิชาการในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และจัดขึ้นโดย สำนักงานเลขาธิการเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนด้านการสร้างเสริมสุขภาพ (ASEAN University Network-Health Promotion Network AUN-HPN) ภายใต้ความร่วมมือของมหาวิทยาลัยแกนนำในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายหลักในการพัฒนาศักยภาพด้านการสร้างเสริมสุขภาพในมหาวิทยาลัยในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางวิชาการของเครือข่ายมหาวิทยาลัยทั้งในประเทศไทยและอาเซียน

หัวข้อสำคัญของการประชุมในปีนี้ คือ “การสร้างวัฒนธรรมการส่งเสริมสุขภาพ: การส่งเสริมความตระหนักและการสนับสนุนสุขภาพจิตในแคมปัส” ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพจิตในชุมชนมหาวิทยาลัย การสร้างพื้นที่ปลอดภัยและสนับสนุนด้านจิตใจสำหรับนักศึกษาและบุคลากรถือเป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ SDG 3 (Good Health and Well-being) ที่มุ่งเน้นให้ผู้คนมีสุขภาพดีและการดูแลสุขภาพจิตเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมสุขภาพในระดับสากล โดยในการประชุมครั้งนี้ ได้มีการพูดถึงแนวทางการปรับปรุงนโยบายและการนำเสนอแผนงานที่สามารถส่งเสริมสุขภาพจิตในหมู่นักศึกษาและบุคลากรในสถาบันการศึกษาอย่างยั่งยืน

ในงานนี้ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับเกียรติในการรับ รางวัล Healthy University Rating System (HURS) 2023 ในระดับ 4 ดาว ซึ่งถือเป็นการยอมรับถึงความสำเร็จในการส่งเสริมสุขภาพและการดูแลความเป็นอยู่ของนิสิตและบุคลากรในมหาวิทยาลัย คณะสาธารณสุขศาสตร์และคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมแสดงความยินดีและขอแสดงความขอบคุณทีมงานที่ทำงานร่วมกันจนสามารถบรรลุเป้าหมายสำคัญนี้ได้ โดย รศ.ดร.อรรถกร ทองทา ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการของมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นตัวแทนในการรับมอบรางวัลดังกล่าว

การได้รับ รางวัล Healthy University Rating System (HURS) ในระดับ 4 ดาว นั้นเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการดำเนินงานเพื่อสร้าง ชุมชนสุขภาพ ที่ดีและยั่งยืนในมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะในด้านการดูแลสุขภาพจิต การส่งเสริมสุขภาพกาย และการสนับสนุนในด้านการพัฒนาแหล่งทรัพยากรมนุษย์ที่มีสุขภาพดี การพัฒนานี้สามารถส่งผลบวกต่อทั้งนิสิตและบุคลากรในระยะยาว

นอกจากนี้ รางวัลนี้ยังเป็นการยืนยันถึงความร่วมมือในระดับ SDGs 17 (Partnerships for the Goals) ซึ่งเน้นการสร้างพันธมิตรและความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและองค์กรต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ โดยเฉพาะในเรื่องของ สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ต่อเนื่องในทุกๆ ปี.

การเข้าร่วม ประชุมวิชาการมหาวิทยาลัยสร้างเสริมสุขภาพระดับชาติ ครั้งที่ 2 ของเครือข่าย TUN-HPN และการได้รับรางวัล Healthy University Rating System (HURS) 2023 ในระดับ 4 ดาว ของมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นการสะท้อนถึงความสำเร็จในด้านการส่งเสริมสุขภาพในมหาวิทยาลัย ทั้งในด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิต ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG 3 และ SDG 17 นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมการสร้าง พันธมิตรทางวิชาการและการร่วมมือระหว่างประเทศ ในการพัฒนาสุขภาพของนักศึกษาและบุคลากรในระดับสากล.

ม.นเรศวร ขับเคลื่อนนวัตกรรม “อาหารเพื่อสุขภาพ” จากวัตถุดิบท้องถิ่น สู่การพัฒนาอาหารสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วย NCDs อย่างยั่งยืน

วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2567 คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร จัดกิจกรรม “Innovative Local Food for NCDs” ภายใต้โครงการ การขยายผลและเพิ่มขีดความสามารถการผลิตอาหารพื้นบ้านภาคเหนือสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะเคี้ยวกลืนลำบากและกลุ่มโรค NCDs สู่การผลิตเชิงพาณิชย์ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์กลุ่มประชากรเปราะบาง และสนับสนุนการยกระดับเศรษฐกิจชุมชนผ่านการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

บรรยากาศกิจกรรม “Innovative Local Food for NCDs” เป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (KM Platform) ที่เปิดโอกาสให้นักวิชาการ ผู้ประกอบการ และชุมชน ได้ร่วมกันพัฒนาเมนู อาหารเพื่อสุขภาพ โดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่น เช่น ธัญพืช ผักพื้นบ้าน และโปรตีนทางเลือก เพื่อต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับผู้สูงอายุ ผู้ที่มีภาวะเคี้ยวกลืนลำบาก และผู้ป่วยกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) กิจกรรมครั้งนี้จึงถือเป็นกลไกสำคัญในการบูรณาการองค์ความรู้ด้านโภชนาการ นวัตกรรม และการแพทย์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว

ภาคเช้าของงาน ประกอบด้วยการบรรยายให้ความรู้เชิงวิชาการในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารยุคใหม่ โดยเริ่มจากหัวข้อ “การต่อยอดนวัตกรรมอาหารสู่การเป็นผู้ประกอบนวัตกรรมยุค New Normal” โดย ศาสตราจารย์ ดร.ภาวิณี ชินะโชติ ที่มุ่งเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัตถุดิบในท้องถิ่น และการปรับตัวของผู้ประกอบการอาหารในยุคเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนทั้งในเชิงเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

ต่อมาเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในหัวข้อ “อาหารท้องถิ่นสู่อาหารผู้สูงอายุเชิงพาณิชย์” โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ยุทธนา พิมลศิริผล ซึ่งกล่าวถึงกระบวนการพัฒนาเมนูอาหารที่สอดคล้องกับหลักโภชนาการสำหรับผู้สูงอายุ พร้อมแนวทางการพัฒนาให้สามารถผลิตในเชิงพาณิชย์ได้จริง สร้างความมั่นคงทางอาหารและรายได้ให้แก่ชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

ในหัวข้อสุดท้ายของภาคเช้า รองศาสตราจารย์ ดร.นิติพงศ์ จิตรีโภชน์ ได้บรรยายเกี่ยวกับ ระบบนิเวศด้านอุตสาหกรรมอาหาร (Food Industry Ecosystem) ที่เชื่อมโยงการผลิตอาหารปลอดภัยกับนวัตกรรมการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ เพื่อยกระดับมาตรฐานของผลิตภัณฑ์อาหารไทยให้สามารถแข่งขันในระดับนานาชาติได้ โดยยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารท้องถิ่น

ภาคบ่ายของงานเป็นกิจกรรม Workshop การสร้างสรรค์อาหารพื้นถิ่นเพื่อสุขภาพ นำโดย คุณศศิกานต์ ศรีสังข์ และ คุณเอกวัฒน์ พันธาสุ ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้ลงมือปฏิบัติจริงในการพัฒนาเมนูอาหารสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วย NCDs โดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่สามารถหาได้ง่ายในชุมชน ทั้งนี้ได้เน้นกระบวนการผลิตที่ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และคำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการในทุกขั้นตอน

กิจกรรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.กรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานกล่าวเปิดงาน โดยกล่าวถึงความสำคัญของการสร้างนวัตกรรมอาหารที่ไม่เพียงตอบโจทย์สุขภาพ แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค และส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตอย่างยั่งยืนผ่านการพัฒนาองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีอาหาร

กิจกรรม “Innovative Local Food for NCDs” จัดขึ้นโดยความร่วมมือของหลายหน่วยงาน ได้แก่ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.), มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยนเรศวร, ศูนย์นวัตกรรมอาหารและบรรจุภัณฑ์ (Food Innovation and Packaging Center: FIN), โครงการพัฒนาเทคโนโลยีเกษตรอินทรีย์ (Organic Tech Accelerator Platform: OTAP NU) และเมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) จากทั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และมหาวิทยาลัยนเรศวร

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิชาการ แต่ยังเป็นการขับเคลื่อนแนวทางการพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืนของประเทศไทย ผ่านการเชื่อมโยงองค์ความรู้ทางโภชนาการ วิทยาศาสตร์การอาหาร และการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อสร้างระบบอาหารที่เข้มแข็ง ปลอดภัย และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของประชาชนทุกช่วงวัยในอนาคต

ม.นเรศวร ส่งเสริม ขับเคลื่อนธุรกิจนวัตกรรมไทย สร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2567 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมลักษณ์ วรรณฤมล กีเยลาโรว่า ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร นำทีมบุคลากรอุทยานฯ เข้าร่วมการสัมมนา “ปลดล็อกมหา’ลัย ขับเคลื่อนธุรกิจนวัตกรรมไทย สู่เป้าหมาย 1,000 x 1,000 ร่วมสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านบาท” (ภาคเหนือ) จัดโดยสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ณ NSP Rice Grain Auditorium อาคารอำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่

การสัมมนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้บริหารสถาบันอุดมศึกษา หน่วยงานภาครัฐ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการพัฒนาระบบนิเวศนวัตกรรม (Innovation Ecosystem) เพื่อยกระดับธุรกิจนวัตกรรมไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและแข่งขันได้ในระดับสากล ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการ ส่งเสริมการใช้ผลงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเชิงพาณิชย์

ภายในงานได้รับเกียรติจากผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธัญญานุภาพ อานันทนะ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคเหนือ กล่าวเปิดงาน พร้อมบรรยายในหัวข้อ “การจัดตั้งและดำเนินการ University Holding Company” ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการพัฒนากลไกการลงทุนและความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย ภาครัฐ และภาคเอกชน

นอกจากนี้ ยังมีการบรรยายในหัวข้อ “การปลดล็อกระบบนิเวศเพื่อส่งเสริมธุรกิจนวัตกรรมไทย” และ “นโยบายส่งเสริมการร่วมลงทุนในธุรกิจนวัตกรรมและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง” โดยเฉพาะการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2566 ที่มุ่งเน้นการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม

ในช่วงเสวนาปิดท้าย มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางในหัวข้อ “การส่งเสริม Startup/Spin-Off จากงานวิจัยและนวัตกรรม” ซึ่งเป็นเวทีให้ผู้เข้าร่วมได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จ และแนวทางการพัฒนาธุรกิจนวัตกรรมในอนาคต โดยอาศัยความร่วมมือจากหลากหลายภาคส่วน

การเข้าร่วมสัมมนาของอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวรครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำบทบาทของมหาวิทยาลัยในการ ส่งเสริมและสนับสนุนงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับประเทศ เพื่อพัฒนากลไกการลงทุนและสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบนวัตกรรมไทย

นอกจากนั้น ความร่วมมือที่เกิดขึ้นยังสะท้อนถึงการบูรณาการระหว่างสถาบันอุดมศึกษา ภาครัฐ และเอกชน ในการพัฒนาเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ

การสัมมนาครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ แต่ยังเป็น พลังขับเคลื่อนธุรกิจนวัตกรรมไทย ให้เติบโตบนพื้นฐานของความร่วมมือ และการสร้างคุณค่าใหม่ที่ยั่งยืนต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในอนาคต

ม.นเรศวร ตรวจสอบอาหารทุกขั้นตอน มั่นใจ ปลอดภัย ได้มาตรฐาน

โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก ได้ดำเนินการสุ่มตรวจคุณภาพอาหารในศูนย์อาหาร NU Square และศูนย์อาหาร NU Canteen โดยใช้เครื่องวัดความเค็ม (Salt meter) เพื่อตรวจสอบปริมาณเกลือและโซเดียมในอาหารที่จำหน่ายให้กับนิสิตและประชาชนผู้ใช้บริการ ถือเป็นความร่วมมือที่สำคัญในการสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยทางอาหารและสุขภาพของผู้บริโภค

การตรวจสอบครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อประเมินคุณภาพอาหารที่จำหน่ายภายในมหาวิทยาลัย ว่ามีความเหมาะสมต่อการบริโภคและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับการบริโภคโซเดียมเกินความจำเป็น

นอกจากนี้ การตรวจสอบคุณภาพอาหารยังสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาความยั่งยืนด้านอาหาร ที่มุ่งเน้นการสร้างสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการมีพฤติกรรมการบริโภคที่ดีต่อสุขภาพ การลดโซเดียมในอาหารถือเป็นมาตรการสำคัญในการส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร ควบคู่ไปกับการลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพในอนาคต

การดำเนินงานในครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับหน่วยงานภาครัฐในระดับท้องถิ่น เพื่อยกระดับคุณภาพอาหารและความปลอดภัยทางโภชนาการ การผนึกกำลังกันเช่นนี้ช่วยเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและสามารถเป็นต้นแบบให้กับสถานศึกษาและชุมชนอื่น ๆ

อีกทั้ง มหาวิทยาลัยนเรศวรยังให้ความสำคัญกับการเป็นพื้นที่ต้นแบบด้านการสร้างเสริมสุขภาพของนิสิตและบุคลากรภายในมหาวิทยาลัย ผ่านการจัดการสิ่งแวดล้อมด้านอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการเรียนรู้ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพ

การตรวจสอบคุณภาพอาหารที่ดำเนินการครั้งนี้ ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การควบคุมมาตรฐานเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้ประกอบการร้านอาหารภายในมหาวิทยาลัย ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการลดการใช้เกลือและโซเดียมในกระบวนการปรุงอาหาร เพื่อร่วมกันสร้างสังคมการกินที่ปลอดภัยและยั่งยืน

ท้ายที่สุด การร่วมมือของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรกับสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 2 จังหวัดพิษณุโลกครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงพลังของการบูรณาการเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมด้านความมั่นคงทางอาหาร และการสร้างเครือข่ายพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่นและระดับมหาวิทยาลัย

ม.นเรศวร จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ การจัดทำแผนที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมและการแพร่กระจายมลพิษทางอากาศฯ

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัด โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการบริหารจัดการชุมชนในประเด็นภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานในพิธีเปิด ทั้งนี้โครงการมุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้และทักษะให้แก่ผู้นำชุมชนและหน่วยงานท้องถิ่นในการรับมือกับ ความเสี่ยงภัยน้ำท่วมและการแพร่กระจายมลพิษทางอากาศ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลกในปัจจุบัน

โครงการดังกล่าวได้วางแนวทางในการจัดทำ แผนที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมและฝุ่นควัน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสนับสนุนการตัดสินใจในการบริหารจัดการพื้นที่ชุมชน โดยมีผู้เข้าร่วมจากหลายจังหวัดในภาคเหนือตอนล่าง ร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงพื้นที่และแนวทางลดผลกระทบจากภัยพิบัติ นอกจากนี้ยังมีการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

ดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย ได้กล่าวปฐมบทในหัวข้อ “บทบาทการใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศสำหรับพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย” โดยเน้นถึงความสำคัญของ เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ (GIS) ในการวิเคราะห์แนวโน้มความเสี่ยงภัยและการคาดการณ์สถานการณ์ในอนาคต ซึ่งช่วยให้หน่วยงานท้องถิ่นสามารถวางแผนรับมือและลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ยังมีการบรรยายและสาธิตโดย นายวรฤทธิ์ ประเสริฐ และ นางสาวกมลฉัตร ศรีจะตะ จากสถานภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ ภาคเหนือตอนล่าง (GISTNU) ซึ่งได้แนะนำการใช้ซอฟต์แวร์เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลพื้นที่เสี่ยง และการสร้างแบบจำลองข้อมูลเชิงพื้นที่ เพื่อให้ผู้นำชุมชนและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการจัดการภัยพิบัติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ของตนเองได้จริง

โครงการนี้เกิดจาก ความร่วมมือของหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ สถานวิจัยความเป็นเลิศทางวิชาการด้านเทคโนโลยีพลังงานและสิ่งแวดล้อม และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร รวมถึงการสนับสนุนจากโปรแกรม ERASMUS+ ของสหภาพยุโรป ผ่านโครงการ SECRA และ FOUNTAIN ซึ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานอย่างยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการพัฒนาสังคมให้มี ความต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผ่านการเสริมสร้างองค์ความรู้และการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยเน้นการบูรณาการข้อมูลวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสร้างแนวทางการปรับตัวต่อสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและไม่แน่นอน

ผลลัพธ์จากโครงการสะท้อนถึง ความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวร ในการเป็นศูนย์กลางทางวิชาการที่ขับเคลื่อนสังคมสู่ความยั่งยืน ผ่านการวิจัย การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางสิ่งแวดล้อมและลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติในระยะยาว

การดำเนินงานเชิงรุกในครั้งนี้ไม่เพียงช่วยให้เกิดความรู้ความเข้าใจในระดับชุมชนเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมที่สามารถอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสมดุล ลดความเสี่ยงจาก ภัยน้ำท่วม มลพิษทางอากาศ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างยั่งยืนต่อไป

ม.นเรศวร ร่วมประชุม CaRe Network Symposium 2024 ส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนสำหรับลดใช้คาร์บอน

วันพุธที่ 20 มีนาคม 2567 สถานวิจัยเพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการด้านการวิเคราะห์ไม่เชิงเส้นและการหาค่าเหมาะที่สุด คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เข้าร่วมการประชุมสัมมนาเชิงวิชาการ CaRe Network Symposium 2024 ภายใต้หัวข้อ “Renewable Energy for Sustainable Development Goals” ณ โรงแรม Amari พัทยา จังหวัดชลบุรี

การประชุมดังกล่าวได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.สุวิทย์ แซ่เตีย อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เป็นประธานในพิธีเปิด โดยภายในงานมีกิจกรรมหลากหลาย ทั้งการปาฐกถาพิเศษด้านนโยบายโดย ศาสตราจารย์ ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคนและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) รวมถึงการเปิดตัวโครงการวิจัยและจัดแสดงผลงานวิจัยด้านพลังงานหมุนเวียน

โครงการที่นำเสนอในการประชุมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ ยกระดับนักวิจัยไทยสู่การเป็นแกนนำในเครือข่ายวิจัยนานาชาติ โดยมุ่งเน้นการออกแบบและพัฒนาเทคโนโลยีด้าน พลังงานหมุนเวียนสำหรับลดใช้คาร์บอน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนสร้างการเชื่อมโยงงานวิจัยไปสู่การใช้ประโยชน์จริงในภาคอุตสาหกรรม

โครงการดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจาก บพค. และเป็นความร่วมมือของมหาวิทยาลัย 8 แห่งทั่วประเทศ โดยมีนักวิจัยแกนนำระดับประเทศจากมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าทั้งสามสถาบัน ได้แก่ ศาสตราจารย์ ดร.ภูมิ คำเอม จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี, ศาสตราจารย์ ดร.ปฏิพัทธ์ ทวนทอง จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และ ศาสตราจารย์ ดร.สุรินทร์ คำฝอย จากสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง

นอกจากนี้ ยังมี ศาสตราจารย์ ดร.นรินทร์ เพชร์โรจน์ ผู้อำนวยการสถานวิจัยเพื่อความเป็นเลิศด้านการวิเคราะห์ไม่เชิงเส้นฯ มหาวิทยาลัยนเรศวร เข้าร่วมเป็นหนึ่งในนักวิจัยหลักของโครงการ แสดงให้เห็นถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการขับเคลื่อนองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืน

การประชุมยังเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างนักวิจัย นักวิชาการ และผู้แทนจากภาครัฐและภาคเอกชน โดยมุ่งหวังให้ผลงานวิจัยสามารถต่อยอดสู่การประยุกต์ใช้ในเชิงพาณิชย์ สนับสนุนการลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล และช่วย ส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนสำหรับลดใช้คาร์บอน อย่างเป็นรูปธรรม

การมีส่วนร่วมของมหาวิทยาลัยนเรศวรในโครงการครั้งนี้ ตอกย้ำพันธกิจของสถาบันอุดมศึกษาในการพัฒนางานวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับโลก สร้างความร่วมมือกับเครือข่ายนานาชาติ และสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำที่มั่นคงและยั่งยืน

ม.นเรศวร จับมือเครือข่ายยกระดับงานวิจัยอาหารสู่เชิงพาณิชย์

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับมูลนิธิสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จัดกิจกรรมพัฒนาความร่วมมือและสร้างเครือข่าย เพื่อสนับสนุน พัฒนา และผลักดันงานวิจัย ส่วนประกอบอาหาร และผลิตภัณฑ์อาหารมูลค่าสูง ให้เกิดการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)

กิจกรรมดังกล่าวได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.กรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย เภสัชกรอาทิตย์ พันเดช ผู้อำนวยการกองผลิตภัณฑ์สุขภาพนวัตกรรมและการบริการ ร่วมเปิดการประชุม ณ ห้องประชุมนเรศวร 310 อาคารสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร

กิจกรรมแบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ภาคเช้า มุ่งเน้นการพัฒนาความร่วมมือและสร้างเครือข่าย เพื่อสนับสนุนและผลักดันงานวิจัยด้านส่วนประกอบอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารมูลค่าสูงให้เกิดการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์

ภาคบ่ายเป็นกิจกรรมให้คำปรึกษาแก่นักวิจัยเกี่ยวกับการสนับสนุนผลงานวิจัยและนวัตกรรมด้านอาหารมูลค่าสูง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์และกระบวนการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร เสริมสร้างความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนงานวิจัยสู่การใช้งานจริง

นอกจากนี้ยังเน้นการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอาหาร โดยใช้ความเชี่ยวชาญจากคณาจารย์และนักวิจัย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์อาหารและส่วนประกอบอาหารที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์

มหาวิทยาลัยนเรศวร ยังคงเดินหน้าเสริมสร้างความร่วมมือเชิงวิชาการและเครือข่ายวิจัย เพื่อพัฒนางานวิจัยด้านอาหารให้ตอบโจทย์ความต้องการของสังคมและอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทยอย่างยั่งยืน

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของกองการวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ที่ https://linktr.ee/dri_nu

ม.นเรศวร ลงนาม MOU ร่วมกับภาคีเครือข่ายพัฒนาคุณภาพบริการสุขภาพ AACI ส่งเสริมมาตรฐาน GHA เพื่อยกระดับบริการสุขภาพ

เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567 รศ.ดร.ศรินทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เป็นประธานในพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) กับภาคีเครือข่ายในการพัฒนาคุณภาพบริการสุขภาพ (AACI) โดยมี ผศ.พญ.พิริยา นฤขัตรพิชัย คณบดีคณะแพทยศาสตร์, นพ.สมพร คำผง กรรมการบริหารสถาบัน AACI, รองประธานอาวุโส AACI อเมริกา และคุณเรวัต เด่นจักรวาฬ กรรมการผู้จัดการ AACI เอเชียแปซิฟิก ร่วมลงนามในครั้งนี้ ณ บริเวณโถงชั้น 4 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา 2

วัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ โครงการสัมมนามาตรฐานภาคีเครือข่ายในการพัฒนาคุณภาพบริการสุขภาพ (AACI) และการลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) มีวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมให้ผู้บริหารและบุคลากรของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร รวมถึงผู้บริหารจากคณะอื่นๆ ในมหาวิทยาลัย ได้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรฐาน GHA (Global Health Accreditation) และ AACI (Asian Association for Clinical Improvement) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่สำคัญในการพัฒนาคุณภาพบริการสุขภาพ

การลงนามใน MOU ครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรและภาคีเครือข่ายต่างๆ เช่น GHA, AACI และ Planetree ในการพัฒนาคุณภาพการบริการสุขภาพอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการยกระดับบริการทางการแพทย์และสุขภาพในมหาวิทยาลัยนเรศวรและชุมชนในระดับประเทศ

กิจกรรมภายในโครงการ โครงการสัมมนาครั้งนี้มีการจัดอบรมเพื่อให้ผู้บริหารและบุคลากรของคณะแพทยศาสตร์ ได้เรียนรู้ถึงมาตรฐาน AACI และ GHA ซึ่งจะช่วยในการพัฒนาคุณภาพการบริการสุขภาพในด้านต่างๆ เช่น การปรับปรุงกระบวนการทำงานของโรงพยาบาล การยกระดับมาตรฐานการรักษาผู้ป่วย และการสร้างความยั่งยืนในระบบบริการสุขภาพ

นอกจากนี้ยังมีการถ่ายทอดข้อมูลและแนวทางการพัฒนาคุณภาพบริการสุขภาพผ่านการอบรมออนไลน์ทาง Zoom Meeting ซึ่งมีผู้บริหารและบุคลากรจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร รวมถึงคณะอื่นๆ และบุคลากรสายสนับสนุนที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมกว่า 150 คน

ความสำคัญและการส่งเสริม SDGs 3 และ 17 การลงนาม MOU และการจัดสัมมนาครั้งนี้สอดคล้องกับ SDG 3: การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งมุ่งเน้นการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพและการพัฒนาบริการทางการแพทย์ให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมทุกกลุ่มประชากร โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาคุณภาพบริการสุขภาพที่สามารถเข้าถึงและตอบสนองความต้องการของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิผล นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับ SDG 17: การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ซึ่งเน้นการสร้างความร่วมมือระหว่างภาคีเครือข่ายต่างๆ ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและบริการสุขภาพอย่างยั่งยืน โดยการลงนามข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรและภาคีเครือข่ายต่างๆ เพื่อการพัฒนาคุณภาพการบริการสุขภาพในระยะยาว

การลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) นี้เป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานการบริการสุขภาพและส่งเสริมการทำงานร่วมกันระหว่างองค์กรต่างๆ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเฉพาะในด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สำคัญในวาระการพัฒนาที่ยั่งยืนของมหาวิทยาลัยนเรศวร.

ม.นเรศวร รณรงค์คัดแยกและตรวจสอบขยะของเสียอันตราย สร้างมาตรฐานความปลอดภัยและความยั่งยืน

วันพุธที่ 20 มีนาคม 2567 คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ประกาศขอความร่วมมือจากบุคลากรและนิสิตทุกท่าน ในการ คัดแยกและตรวจสอบขยะของเสียอันตรายอย่างเคร่งครัด เพื่อสร้างความปลอดภัยในการทำงานและการเรียนการสอน รวมทั้งเป็นการยกระดับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน

การจัดการขยะของเสียอันตรายถือเป็นภารกิจสำคัญของหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ เนื่องจากการทำงานในห้องปฏิบัติการเกี่ยวข้องกับสารเคมี วัสดุทางชีวภาพ และอุปกรณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ หากไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม การคัดแยกอย่างถูกวิธีตั้งแต่ต้นทางจะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดอย่างปลอดภัย

การคัดแยกและตรวจสอบขยะของเสียอันตราย ยังเป็นส่วนสำคัญของระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมในระดับสากล การจัดการที่ถูกต้องช่วยให้สามารถนำของเสียไปกำจัดหรือนำกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ได้อย่างปลอดภัย ลดภาระของชุมชนโดยรอบมหาวิทยาลัย และป้องกันไม่ให้สารเคมีตกค้างในสิ่งแวดล้อมจนก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาว

คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้จัดทำ คู่มือการจัดแยกและการจัดเก็บของเสียของมหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนสำหรับบุคลากรและนิสิต โดยคู่มือดังกล่าวครอบคลุมวิธีการคัดแยกประเภทของเสีย การระบุฉลากที่ชัดเจน และการจัดเก็บในพื้นที่ที่เหมาะสม ผู้สนใจสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ คู่มือจัดแยกและการจัดเก็บของเสีย มหาวิทยาลัยนเรศวร

นอกจากนี้ ยังได้กำหนด ระเบียบปฏิบัติการจัดการสารเคมีของสถานบริการวิชาการด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยตลอดห่วงโซ่การใช้งาน ตั้งแต่การจัดเก็บ การใช้ ไปจนถึงการทิ้งของเสีย โดยระเบียบปฏิบัตินี้สามารถอ่านได้ที่ ระเบียบปฏิบัติการจัดการสารเคมี ซึ่งเป็นการยืนยันถึงมาตรฐานการจัดการที่ปลอดภัยและตรวจสอบได้

การมีส่วนร่วมของทุกคนในการปฏิบัติตามมาตรการนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญ การร่วมมือกันในการ คัดแยกและตรวจสอบขยะของเสียอันตราย ไม่เพียงช่วยลดอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย แต่ยังเป็นการสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของชุมชนโดยรอบ

คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ย้ำถึงความสำคัญของการจัดการขยะอันตรายอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งสนับสนุนการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมของบุคลากรและนิสิตทุกระดับ การดำเนินการนี้ไม่เพียงสร้างมาตรฐานด้านความปลอดภัยในสถาบันการศึกษา แต่ยังสะท้อนถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยในฐานะต้นแบบการพัฒนาที่สมดุลระหว่าง วิชาการ ความปลอดภัย และความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin