ร่วมปลูกต้นไม้ (ต้นรวงผึ้ง) ต้นไม้ประจำประจำพระองค์รัชกาลที่ 10

เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ นำทีมโดยท่านคณบดี ผู้บริหาร บุคลากร ร่วมกันปลูกต้นไม้ (ต้นรวงผึ้ง) ต้นไม้ประจำประจำพระองค์รัชกาลที่ 10 เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ณ บริเวณหน้าลานเสาเอกคณะฯ

ต้นรวงผึ้ง ถือว่าเป็นพรรณไม้อันทรงคุณค่าและมีเกียรติชนิดหนึ่ง ที่ถูกยกให้เป็นพรรณไม้ประจำ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องจากดอกรวงผึ้งจะออกดอกในช่วงเดือนพระบรมราชสมภพพอดี ส่วนสีเหลืองของดอกรวงผึ้งยังเป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพอีกด้วย นอกจากนี้พระองค์ยังทรงปลูกต้นรวงผึ้งไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ ที่พระองค์เสด็จฯ ไปประกอบพระราชกรณียกิจ เพื่อพระราชทานไว้ให้เป็นตัวแทนแห่งพระองค์ท่านและเป็นสิริมงคลแก่ราษฎร

โดยทั่วไปจะเรียกต้นไม้ชนิดนี้ว่า “ต้นรวงผึ้ง” แต่ถ้าหากได้ยินคนเรียก ต้นน้ำผึ้ง ต้นสายน้ำผึ้ง หรือดอกน้ำผึ้ง ก็ไม่ต้องสงสัยไป เพราะชื่อเหล่านี้เป็นชื่อเรียกของคนท้องถิ่นที่มักได้ยินกันบ่อยในแถบกรุงเทพฯ และภาคเหนือ ต้นรวงผึ้ง มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Yellow star และชื่อวิทยาศาสตร์คือ Schoutenia glomerata King subsp. peregrina (Craib) Roekm. & Hartono เป็นพรรณไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย พบมากในป่าทางภาคเหนือ ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,000-1,100 เมตร

ลักษณะ
ต้นรวงผึ้งจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง-ใหญ่ ความสูงประมาณ 5 เมตร ทนแดด และชอบขึ้นในที่แล้งหรือค่อนข้างแล้ง ลำต้นแตกกิ่งต่ำ ลักษณะลำต้นเป็นทรงพุ่มมน ออกใบเดี่ยวเรียงสลับกัน ด้านหน้าใบจะเป็นสีเขียวและหลังใบเป็นสีน้ำตาลนวล ดอกรวงผึ้งส่งกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน และมีสีเหลืองอร่ามดูโดดเด่น ออกดอกเป็นช่อสั้นตามซอกใบ ลักษณะดอกมีกลีบเลี้ยง 5 แฉกคล้ายรูปดาวติดกับโคนกลีบและเป็นฐานรองกระจุกเกสรตัวผู้ ไม่มีกลีบดอก ดอกจะบานได้นาน 7-10 วัน โดยจะผลิดอกในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ส่วนผลของต้นรวงผึ้งมีขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร เป็นทรงกลม ผลแห้ง และมีขน

วิธีปลูกและวิธีการดูแล
ต้นรวงผึ้งสามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งการเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง และปักชำกิ่ง แต่วิธีปลูกต้นรวงผึ้งที่นิยมมากที่สุดคือ การตอนกิ่ง ด้วยการควั่นกิ่งและลอกเปลือกออก จากนั้นนำดินเหนียวและกาบมะพร้าวชุบน้ำมาหุ้มแผลเอาไว้ ห่อด้วยแผ่นพลาสติกและมัดเชือกปิดมิด ดูแลรดน้ำตามปกติ อาจจะใช้ฮอร์โมนเร่งรากด้วยก็ได้ รอรากงอกออกมาภายใน 2-3 วัน จึงค่อยตัดไปปลูกลงในหลุมดินร่วน เพื่อให้ได้ผลดีแนะนำให้ปลูกในที่กลางแจ้ง เนื่องจากเป็นพืชที่ชอบแดดและทนแล้งได้ดี รดน้ำปานกลาง และปลูกไว้บริเวณแสงแดดส่องถึงตลอดทั้งวัน ต้นก็จะเจริญเติบโตให้ความร่นรื่น ออกดอกสวยงาม แถมใบไม่ร่วงมากด้วย

ที่มา: คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยนเรศวร และข้อมูลจาก kapook.com

ม.นเรศวร ร่วมโครงการปลูกต้นไม้ (ต้นรวงผึ้ง) เพื่อเฉลิมพระเกียรติ รัชกาลที่ 10

เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 รศ.ดร.นิรัช สุดสังข์ คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ พร้อมผู้บริหาร เข้าร่วมโครงการปลูกต้นไม้ (ต้นรวงผึ้ง) เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 จัดโดยคณะวิทยาศาสตร์ ม.นเรศวร ณ บริเวณพื้นที่แก้มลิงบึงระมาณ อำเภอบางระกำ จ.พิษณุโลก

ต้นรวงผึ้ง ถือว่าเป็นพรรณไม้อันทรงคุณค่าและมีเกียรติชนิดหนึ่ง ที่ถูกยกให้เป็นพรรณไม้ประจำ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องจากดอกรวงผึ้งจะออกดอกในช่วงเดือนพระบรมราชสมภพพอดี ส่วนสีเหลืองของดอกรวงผึ้งยังเป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพอีกด้วย นอกจากนี้พระองค์ยังทรงปลูกต้นรวงผึ้งไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ ที่พระองค์เสด็จฯ ไปประกอบพระราชกรณียกิจ เพื่อพระราชทานไว้ให้เป็นตัวแทนแห่งพระองค์ท่านและเป็นสิริมงคลแก่ราษฎร

โดยทั่วไปจะเรียกต้นไม้ชนิดนี้ว่า “ต้นรวงผึ้ง” แต่ถ้าหากได้ยินคนเรียก ต้นน้ำผึ้ง ต้นสายน้ำผึ้ง หรือดอกน้ำผึ้ง ก็ไม่ต้องสงสัยไป เพราะชื่อเหล่านี้เป็นชื่อเรียกของคนท้องถิ่นที่มักได้ยินกันบ่อยในแถบกรุงเทพฯ และภาคเหนือ ต้นรวงผึ้ง มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Yellow star และชื่อวิทยาศาสตร์คือ Schoutenia glomerata King subsp. peregrina (Craib) Roekm. & Hartono เป็นพรรณไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย พบมากในป่าทางภาคเหนือ ความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,000-1,100 เมตร

ลักษณะ
ต้นรวงผึ้งจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง-ใหญ่ ความสูงประมาณ 5 เมตร ทนแดด และชอบขึ้นในที่แล้งหรือค่อนข้างแล้ง ลำต้นแตกกิ่งต่ำ ลักษณะลำต้นเป็นทรงพุ่มมน ออกใบเดี่ยวเรียงสลับกัน ด้านหน้าใบจะเป็นสีเขียวและหลังใบเป็นสีน้ำตาลนวล ดอกรวงผึ้งส่งกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน และมีสีเหลืองอร่ามดูโดดเด่น ออกดอกเป็นช่อสั้นตามซอกใบ ลักษณะดอกมีกลีบเลี้ยง 5 แฉกคล้ายรูปดาวติดกับโคนกลีบและเป็นฐานรองกระจุกเกสรตัวผู้ ไม่มีกลีบดอก ดอกจะบานได้นาน 7-10 วัน โดยจะผลิดอกในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ส่วนผลของต้นรวงผึ้งมีขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร เป็นทรงกลม ผลแห้ง และมีขน

วิธีปลูกและวิธีการดูแล
ต้นรวงผึ้งสามารถขยายพันธุ์ได้ทั้งการเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง และปักชำกิ่ง แต่วิธีปลูกต้นรวงผึ้งที่นิยมมากที่สุดคือ การตอนกิ่ง ด้วยการควั่นกิ่งและลอกเปลือกออก จากนั้นนำดินเหนียวและกาบมะพร้าวชุบน้ำมาหุ้มแผลเอาไว้ ห่อด้วยแผ่นพลาสติกและมัดเชือกปิดมิด ดูแลรดน้ำตามปกติ อาจจะใช้ฮอร์โมนเร่งรากด้วยก็ได้ รอรากงอกออกมาภายใน 2-3 วัน จึงค่อยตัดไปปลูกลงในหลุมดินร่วน เพื่อให้ได้ผลดีแนะนำให้ปลูกในที่กลางแจ้ง เนื่องจากเป็นพืชที่ชอบแดดและทนแล้งได้ดี รดน้ำปานกลาง และปลูกไว้บริเวณแสงแดดส่องถึงตลอดทั้งวัน ต้นก็จะเจริญเติบโตให้ความร่นรื่น ออกดอกสวยงาม แถมใบไม่ร่วงมากด้วย

ที่มา: คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยนเรศวร และข้อมูลจาก kapook.com

ม.นเรศวร ปลูกจิตสำนึกรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มุ่งต่อต้านการทุจริต

วันที่ 20 กรกฎาคม 2566 คณะนิติศาสตร์ ได้จัดการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ปลูกจิตสำนึกรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มุ่งต่อต้านการทุจริต” โดยได้รับเกียรติจาก นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเป็นวิทยากรบรรยายให้แก่นิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร จำนวน 360 คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาในรายวิชากฎหมายพื้นฐานเพื่อคุณภาพชีวิต ณ ห้องปราบไตรจักร 43 อาคารปราบไตรจักร 1 มหาวิทยาลัยนเรศวร และถ่ายทอดสดทางเพจ Facebook Live คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ที่มา: คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร เข้าร่วมโครงการปลูกต้นไม้เพื่อเฉลิมพระเกียรติ

เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กำพล ทรัพย์สมบูรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กรกฎ นุสิทธิ์ รองคณบดีฝ่ายบริหาร เข้าร่วมโครงการปลูกต้นไม้ จำนวน 720 ต้น ณ บริเวณพื้นที่แก้มลิงบึงระมาณ เทศบาลตำบลบึงระมาณ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว 71 พรรษา

ที่มา: คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

เกษตรนเรศวรเอ็กซ์โป ที่ NAI EXPO 2023

งาน เกษตรนเรศวร เอ็กซ์โป (NAI EXPO 2023) จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 9 กรกฎาคม 2566 ที่ศูนย์แสดงนิทรรศการและการจัดประชุมฯ พิษณุโลก (KNECC) โดยมหาวิทยาลัยนเรศวรมุ่งมั่นในการส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืนและการใช้เทคโนโลยีในการผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน ตามเป้าหมาย SDG2 (การสร้างความมั่นคงทางอาหาร) ให้กับชุมชนและสังคม

งานนี้มีหลากหลายกิจกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งสายคนรักต้นไม้, สายรักสัตว์, สายเทคโนโลยี, สายโดรน, สายกิน, สายช็อป และสายเต้น พร้อมต้อนรับทุกคนในครอบครัว งานนี้จัดขึ้นเพื่อให้ความรู้ด้านการเกษตรที่ทันสมัย เช่น การดูแลดินและบำรุงดินให้เหมาะสมกับการเพาะปลูก พร้อมทั้งนำเสนอการเกษตรแบบยั่งยืนครบวงจรที่สามารถนำไปใช้ในการผลิตและการบริโภค

นอกจากนี้ยังมีการจัดฝึกอบรมที่หลากหลายเพื่อเปลี่ยนมุมมองและสร้างอาชีพในด้านการเกษตร รวมถึงการประกวดแข่งขันไก่ สุนัข ปลากัด ชิงถ้วยพระราชทาน และการพบกับนวัตกรรมด้านการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและสังคม

ผู้เข้าร่วมงานยังสามารถเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมกลางคืนที่จัดให้มีการเต้นและฟังเพลงจากศิลปิน พร้อมทั้งลุ้นรับของแจกฟรี 7,000 ชิ้น และอิ่มอร่อยกับเมนูหลากหลายจากร้านค้ากว่า 200 ร้าน

งาน NAI EXPO 2023 เป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารและการเกษตรที่ยั่งยืนตามเป้าหมาย SDG2 ในการพัฒนาชุมชนและสังคมอย่างยั่งยืน

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ NAI EXPO 2023 หรือ TikTok NAI EXPO.

ร่วมแลกเปลี่ยนระหว่างเครือข่ายเชิงประเด็น โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช

เมื่อวันที่ 7-9 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ศิษฐ์ภัณฑ์ แคนลา ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการบริการวิชาการได้รับมอบหมายจากอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ในฐานะแม่ข่ายสถาบันอุดมศึกษาภาคเหนือตอนล่างเข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างเครือข่ายเชิงประเด็น โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (อพ.สธ.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยมีศาสตราจารย์ ดร. สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์และผู้บริหาร 8 เครือข่ายมหาวิทยาลัยเข้าร่วม ณ ประสานสุข วิลล่า บีช

รีสอร์ท อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช การประชุมครั้งนี้ ถือเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่มุ่งหวังให้เกิดการพัฒนาความเข้มแข็งของเครือข่าย C-อพ.สธ. ให้มีความต่อเนื่องในการสนองงานโครงการพระราชดำริ อพ.สธ.

ให้บรรลุผลตามเป้าประสงค์ที่กำหนดไว้ร่วมกัน การทำความรู้จักกันระหว่างเครือข่าย สร้างความร่วมมือเพื่อให้เกิดความเข้มแข็งทางวิชาการในการขับเคลื่อนประเทศไปในทิศทางเดียวกัน ตามบริบทของแต่ละภูมิภาค

โดยมีมหาวิทยาลัยเป็นกลไกในการพัฒนาด้านการวิจัยและการบริการวิชาการ ที่จะช่วยตอบโจทย์การสนองพระราชดำริของ สป.อว. เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ต่อไป ทั้งนี้ ยังเป็นเวทีที่จัดให้ประธานเครือข่ายฯ แต่ละภูมิภาคได้นำเสนอผลการดำเนินงานร่วมกับเครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาในภูมิภาคของตนเองตามแผนยุทธศาสตร์เครือข่าย C-อพ.สธ. อีกด้วย

ที่มา: กองส่งเสริมการบริการวิชาการ ม.นเรศวร

จากขวดที่ถูกทอดทิ้งและดูไร้ค่า กลับมาเป็นภาชนะปลูกที่คงทนและประหยัด “NU Going Green”

วันที่ 2 มิถุนายน 2566 บุคลากรกองอาคารสถานที่เริ่มดำเนินการปรับปรุงภูมิทัศน์ บริเวณลานพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยตั้งเป้าหมายที่จะปลูกถั่วบราซิลและไม้ประดับอื่นๆ ให้เต็มพื้นที่ เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว จุดพักผ่อนของประชาคมซึ่งภาชนะในการปักชำ ขยายพันธุ์ถั่วบราซิลได้มาจากการนำขวดพลาสติกกลับมาใช้ใหม่ทดแทนถุงเพาะชำต้นไม้และยังมีโครงการที่จะนำน้ำที่ได้จากการบำบัด มาใช้ในการรดน้ำดูแล ถั่วบราซิล และไม้ประดับอื่นๆในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย

ถั่วบราซิล ถั่วปินโต/ถั่วเปรู/ถั่วลิสงเถา
ชื่อวิทยาศาสตร์: Arachis pintoi Krapov. & W.C.Gregory
วงศ์: Leguminosae – Papilionoideae
ประเภท:ไม้ล้มลุกอายุหลายปี
ทรงพุ่ม:ลำต้นทอดเลื้อยคลุมดิน รากออกตามข้อ
ใบ: ประกอบแบบขนนกออกตรงข้าม ใบย่อย 4 ใบ รูปไข่ กว้าง 1 – 3 เซนติเมตร ยาว 1 – 7 เซนติเมตร
ดอก: รูปถั่ว สีเหลือง เส้นผ่านศูนย์กลางดอก 2 – 4 เซนติเมตร ออกดอกตลอดปี
อัตราการเจริญเติบโต: เร็ว
ดิน: ดินร่วนและดินร่วนปนทราย
ขยายพันธุ์: ปักชำกิ่ง

ที่มา: กองอาคารสถานที่ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ประโยชน์ของ “ตัวเงินตัวทอง”

ตัวเงินตัวทอง หรือ เหี้ย (Varanus salvator) เป็นสัตว์เลื้อยคลานในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ประเทศบังกลาเทศ ศรีลังกา และอินเดีย จนถึงอินโดจีน และเกาะต่าง ๆ ของอินโดนีเซีย โดยอาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้แหล่งน้ำ ในประเทศไทยจัดให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทหนึ่ง

สัตว์ตระกูลเหี้ยในประเทศไทยมีอยู่ 4 ตระกูลคือ 1. เหี้ย 2. แลนหรือตะกวด 3. เห่าช้าง อยู่ทางภาคใต้ และ 4. ตุ๊ดตู่ ครั้งหนึ่ง เจ้าหน้าที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพูดกันเป็นวงในว่า จะเปลี่ยนชื่อจากตัวเหี้ยเป็น “วรนัส” หรือ “วรนุส” หรือ “วรนุช” (สกุล Varanus อ่านเป็นภาษาละตินว่า วารานุส ซึ่งคล้ายกับคำว่า วรนุช)

จนเกิดเป็นกระแสข่าวอยู่ช่วงหนึ่งในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2552 ซึ่งหลังจากที่มีกระแสข่าวนี้ออกมา คำว่าวรนุชนั้นก็ถูกนำไปใช้ในการสื่อความหมายไปในทางเสื่อมเสียบนอินเทอร์เน็ต และส่งผลกระทบต่อบุคคลที่ชื่อวรนุชไปโดยปริยาย

มหาวิทยาลัยนเรศวร ก็เป็นพื้นที่ที่มี ตัวเงินตัวทอง หรือ เหี้ย จำนวนมาก โดยอาศัยใกล้ตามแหล่งน้ำภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งมหาวิทยาก็ปล่อยให้ ตัวเงินตัวทอง หรือ เหี้ย อาศัยอยู่อย่างอิสระ ไม่มีใครไปรบกวน ซึ่งสามารถพบเห็นน้องๆ ได้บ่อยๆ ตามอาคารเรียน เพราะน้องๆ จะหาโพรงใกล้อาคารเรียนเหล่านั้นเป็นที่อยู่อาศัย

ประโยชน์ของ “ตัวเงินตัวทอง”
1. ช่วยกำจัดซากสัตว์ มีระบบการย่อยอาหารที่ดีเยี่ยม ในกระเพาะมีน้ำย่อยที่มีความเป็นกรดรุนแรงและแบคทีเรียสำหรับย่อยสลายซากเน่าโดยเฉพาะ
2. ช่วยกินไข่งูพิษ ไม่เฉพาะไข่งูพิษ ตัวเงินตัวทอง กินไข่ของสัตว์ต่าง ๆ รวมทั้งปลา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตัวเงินตัวทอง มิใช่สัตว์นักล่า แต่เป็นสัตว์กินซากโดยธรรมชาติ บางครั้งอาจกินเหี้ยขนาดเล็กกว่าเป็นอาหารได้
3. ตัวมันเป็นสัตว์เศรษฐกิจอย่างแท้จริง ต่างประเทศนำไปทำกระเป๋า เข็มขัดราคาแพงมาก ส่วนเครื่องใน ดี ตับ เป็นยารักษาโรคหัวใจ มีการส่งเสริมให้มีการเพาะเลี้ยงกัน เพื่อนำเนื้อไปใช้ในการบริโภค โดยเฉพาะเนื้อบริเวณส่วนโคนหางที่เรียกว่า “บ้องตัน”ในต่างประเทศนิยมกินกันราคาแพงมาก และหนังไปทำเครื่องหนัง เช่น กระเป๋า, เข็มขัด เช่นเดียวกับจระเข้ และในทางวิชาการยังมีการเก็บและตรวจสอบดีเอ็นเอของเหี้ย โดยภาควิชาพันธุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อศึกษาถึงความหลากหลายทางพันธุกรรม เพื่อจะพัฒนาให้เป็นสัตว์เศรษฐกิจต่อไปในอนาคตอีกด้วย

ที่มา: news.trueid.net

ม.นเรศวร ร่วมประชุมกลุ่มสมาชิกฐานทรัพยากรท้องถิ่น

ศูนย์ประสานงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ มหาวิทยาลัยนเรศวร (อพ.สธ. – มน.) ได้จัดประชุมกลุ่มสมาชิกฐานทรัพยากรท้องถิ่น หลักสูตรการบริหารและการจัดการงานที่ 1 งานที่ 2 และงานที่ 3 ครั้งที่ 1/2566 ระหว่างวันที่ 5-6 เมษายน พ.ศ. 2566 ณ ห้องประชุมมหามนตรี ศูนย์แสดงนิทรรศการจัดประชุมสมเด็จพระนเรศวรมหาราชให้กับสมาชิกงานฐานทรัพยากรท้องถิ่น โดยมีผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมฯ จำนวน 18 หน่วยงาน 40 คน

ที่มา: กองส่งเสริมการบริการวิชาการ ม.นเรศวร

งานเกษตรนเรศวรเอ็กซ์โป 2023

เตรียมพบกับ..มหกรรมงานเกษตรภาคเหนือตอนล่าง ครั้งที่ 18 “งานเกษตรนเรศวรเอ็กซ์โป 2023” ระหว่างวันที่ 3-9 กรกฎาคม 2566 ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการและการจัดประชุมนานาชาติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มหาวิทยาลัยนเรศวร

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin