ขับเคลื่อนการดำเนินงานสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral University)

วันที่ 23 – 25 สิงหาคม 2567 รองศาสตราจารย์ ดร.ประพิธาริ์ ธนารักษ์ คณะทำงานโครงการฯ พร้อมด้วย นิสิตปัจจุบันและศิษย์เก่าของวิทยาลัยฯ เข้าร่วมกิจกรรมการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรท้องถิ่นเพื่อช่วย “ลด” และ “ชดเชย” (lower & offset) การปล่อยคาร์บอนจนเป็นกลางของเครือข่าย C-อพ.สธ. สำหรับสถาบันอุดมศึกษาภาคเหนือตอนล่าง เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินงานสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral University) โดยนิสิตและเครือข่ายฯ ได้เรียนรู้ที่มาและความสำคัญของแนวคิดความเป็นกลางทางคาร์บอน การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ แนวทางการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร กิจกรรมชดเชยคาร์บอน แนวทางการประเมินการลด ดูดซับและการกักเก็บก๊าซเรือนกระจกจากภาคป่าไม้และภาคการเกษตร การฝึกปฏิบัติการในการวัดต้นไม้แต่ละประเภท การเก็บข้อมูลต้นไม้ในแปลงตัวอย่าง การคำนวณการกักเก็บคาร์บอนของต้นไม้ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ข้อมูลอากาศยานไร้คนขับและเทคโนโลยีอวกาศสำหรับการหามวลชีวภาพ โครงการนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง SGtech คณะเกษตรศาสตร์ฯ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ สถานภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศภาคเหนือตอนล่าง กองส่งเสริมการบริการวิชาการ กองพัฒนาคุณภาพการศึกษา กองอาคารสถานที่ และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)

ม.นเรศวร ร่วมมือชุมชนท้องถิ่น รักษาระบบนิเวศและพัฒนาป่าชุมชนอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวร โดย ผศ.ศิษฐ์ภัณฑ์ แคนลา รักษาการผู้อำนวยการกองส่งเสริมการบริการวิชาการ ได้มอบหมายให้บุคลากรกองส่งเสริมการบริการวิชาการ เข้าร่วมประชุมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกิจกรรมส่งเสริมการอนุรักษ์ ฟื้นฟู และสร้างระบบนิเวศในนิคมสร้างตนเองบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ครั้งที่ 3/2567

ภายในที่ประชุม รศ.ดร.ศศิมา เจริญกิจ จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ ได้นำเสนอแผนพัฒนาป่าชุมชน เพื่อสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ป่าชุมชนอย่างยั่งยืน ทั้งในแง่การอนุรักษ์ระบบนิเวศและการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ การนำเสนอนี้ยังครอบคลุมถึงการพัฒนาป่านิเวศชุมชนให้เป็นแหล่งเรียนรู้และทรัพยากรที่ชุมชนสามารถใช้ร่วมกัน

การประชุมครั้งนี้มี นายสุริชาติ จงจิตต์ ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองบางระกำ เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้แทนจากบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น และชุมชนกว่า 30 คน ที่ได้ร่วมวางแผนและจัดทำร่างแผนปฏิบัติการสำหรับปีงบประมาณ 2568

มหาวิทยาลัยนเรศวรยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนการพัฒนาป่าชุมชนผ่านการประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้ระบบนิเวศและทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ได้รับการอนุรักษ์และพัฒนาร่วมกันอย่างยั่งยืน

ม.นเรศวร เป็นเจ้าภาพจัดประชุมวิชาการ “ฟื้นฟูดินเพื่อเกษตรกรรมและสิ่งแวดล้อม”

คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพร่วมจัดการประชุมวิชาการดินและปุ๋ยแห่งชาติ ครั้งที่ 8 ร่วมกับสมาคมดินและปุ๋ยแห่งประเทศไทย ภายใต้หัวข้อ “ฟื้นฟูดินเพื่อเกษตรกรรมและสิ่งแวดล้อม” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-12 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมสมเด็จพระนเรศวร มหาวิทยาลัยนเรศวร

การประชุมครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเผยแพร่ความรู้และนวัตกรรมให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับความก้าวหน้าของดินและปุ๋ย โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ส่งเสริมการปรับตัว สร้างความยืดหยุ่นภายใต้การเปลี่ยนแปลงของโลก และบรรลุการจัดการทรัพยากรดินที่สมดุลและยั่งยืน นอกจากนี้ การประชุมยังมุ่งหวังที่จะเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและเพิ่มรายได้ทางการเกษตรผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ

รองศาสตราจารย์ ดร.สรินทิพย์ ตันตาณี รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวในพิธีเปิดว่า มหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นการกระจายโอกาสทางการศึกษาและความเท่าเทียมกันให้กับประชาชนโดยเฉพาะใน 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย โดยมุ่งผลิตบัณฑิตที่ตอบสนองความต้องการของสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทรัพยากรดินมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำรงชีพทางการเกษตรของประชาชนในภูมิภาคนี้ งานนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูทรัพยากรดินร่วมกับภาคีเครือข่าย มุ่งส่งเสริมการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในระบบการผลิตที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างมูลค่าเพิ่ม และลดต้นทุนการผลิตทางการเกษตร นอกจากนี้ยังเน้นการใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ ลดของเสียและของเสียจากการเกษตร ตลอดจนส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าถึงข้อมูล ทำให้สามารถบริหารจัดการฟาร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มรายได้

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วรสิทธิ์ โตจำปา คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ภายในงานมีการบรรยายพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญด้านดินที่มีชื่อเสียง นิทรรศการจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน การนำเสนอและการฝึกอบรมแก่เกษตรกรในหัวข้อที่กำลังเป็นกระแสต่างๆ

ม.นเรศวร ผนึกกำลังนิคมสร้างตนเองบางระกำฯ จัดประชุมสร้างความเข้าใจในการดำเนินโครงการฯ พร้อมลงพื้นที่สำรวจกลุ่มเป้าหมาย

มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ร่วมมือกับ นิคมสร้างตนเองบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ในการจัดประชุมเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินโครงการพัฒนาทุนมนุษย์และส่งเสริมอัตลักษณ์ในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพและการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมถึงการพัฒนาทักษะที่เหมาะสมต่อการสร้างโอกาสในการทำงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจของชุมชนในระยะยาว

การประชุมที่จัดขึ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ออกหน่วยบริการวิชาการมหาวิทยาลัยนเรศวร” ซึ่งมุ่งเน้นการบูรณาการองค์ความรู้จากคณาจารย์และนักวิจัยของมหาวิทยาลัยในการแก้ไขปัญหาและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในชุมชน โดยโครงการนี้เน้นการสร้างมูลค่าในด้านเศรษฐกิจและสังคมในระดับบุคคลและชุมชนที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบนิคมสร้างตนเองบางระกำ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการเกษตร

1. การพัฒนาทุนมนุษย์และเศรษฐกิจชุมชน (SDG 1, SDG 8) การพัฒนาทุนมนุษย์และเศรษฐกิจชุมชนเป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายสำคัญของการดำเนินโครงการร่วมกับนิคมสร้างตนเองบางระกำ ซึ่งมุ่งเน้นการเสริมสร้างทักษะและความรู้ให้กับสมาชิกในชุมชน เช่น กลุ่มผู้เลี้ยงไก่, กลุ่มผู้ปลูกอ้อย, กลุ่มผู้เลี้ยงปลา, และกลุ่มผู้เลี้ยงสุกร โดยการถ่ายทอดความรู้ด้านการพัฒนาอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การเกษตรยั่งยืนและการเลี้ยงสัตว์ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับชุมชน ลดความยากจนในพื้นที่ ซึ่งเป็นการสนับสนุน SDG 1: การขจัดความยากจน โดยการให้โอกาสทางการศึกษาที่เสริมสร้างอาชีพและพัฒนาความสามารถในการแข่งขันในตลาดแรงงาน นอกจากนี้ การพัฒนาอาชีพที่ยั่งยืนยังช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาวและช่วยให้ชุมชนมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ดียิ่งขึ้น

2. การส่งเสริมการเกษตรและการผลิตที่ยั่งยืน (SDG 2, SDG 12) : SDG 2: การขจัดความหิวโหยและความมั่นคงทางอาหาร เป็นเป้าหมายที่ได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากโครงการนี้ โดยการส่งเสริมการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ในลักษณะที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถสร้างความมั่นคงทางอาหารและลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนอาหารในชุมชน การเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่ยั่งยืนและการใช้วิธีการเลี้ยงสัตว์ที่ลดการใช้สารเคมี จะช่วยให้ผลผลิตทางการเกษตรมีความปลอดภัยและมีคุณภาพสูง

โครงการนี้ยังส่งเสริม SDG 12: การบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน โดยการสอนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถผลิตสินค้าในแบบที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน การใช้วิธีการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้ปุ๋ยธรรมชาติ การจัดการน้ำอย่างประหยัด และการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ จะช่วยให้การผลิตมีความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

3. การพัฒนาแรงงานและการสร้างอาชีพ (SDG 8) โครงการนี้ยังมุ่งเน้นการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของบุคลากรในชุมชน โดยการเสริมทักษะทางการเกษตรและการผลิตที่ยั่งยืน เพื่อให้ผู้ประกอบการในชุมชนสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน โครงการนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการพัฒนาอาชีพในระดับบุคคล แต่ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนโดยรวม

การเสริมสร้างความรู้ด้านการทำธุรกิจและการพัฒนาอาชีพที่ยั่งยืนมีส่วนช่วยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการสร้างโอกาสในการสร้างอาชีพใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นไปในทิศทางที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการสนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นให้สามารถพัฒนาอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 8: การทำงานที่ดีและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

4. การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (SDG 13, SDG 15) โครงการนี้ยังมีเป้าหมายในการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยการสนับสนุน SDG 13: การดำเนินการเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ SDG 15: ชีวิตบนบก การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเกษตรยั่งยืนและวิธีการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานทดแทน การจัดการขยะในฟาร์ม และการเกษตรที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

5. การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 17) โครงการนี้ยังเป็นการสร้างความร่วมมือที่สำคัญระหว่าง มหาวิทยาลัยนเรศวร, หน่วยงานภาครัฐ, และ ชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นการสนับสนุน SDG 17: การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการร่วมมือกันนี้ช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนได้อย่างแท้จริง การสร้างพันธมิตรระหว่างภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคประชาสังคมเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาและสร้างโอกาสในการพัฒนาที่ยั่งยืน

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร มุ่งอนุรักษ์แหล่งน้ำและความหลากหลายทางชีวภาพ

มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) ยังคงเป็นตัวอย่างที่สำคัญในการสนับสนุน เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 15) โดยมุ่งเน้นการอนุรักษ์และฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติในพื้นที่รอบมหาวิทยาลัย ผ่านการดูแลแหล่งน้ำและพันธุ์ไม้ที่หลากหลาย การสร้างพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับสัตว์ป่า และการทำให้มหาวิทยาลัยเป็น “มหาวิทยาลัยสีเขียว” หรือ Green University ที่มีความยั่งยืนทั้งในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม

มหาวิทยาลัยนเรศวรมีพื้นที่แหล่งน้ำกว่า 225 ไร่ ซึ่งคิดเป็น 16.24% ของพื้นที่ทั้งหมด โดยแหล่งน้ำเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ ทั้งในด้านการเป็นแหล่งน้ำสำหรับการใช้งานต่าง ๆ การดูแลรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ และเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับนิสิตและประชาชนที่สนใจในการศึกษาเกี่ยวกับการอนุรักษ์น้ำและธรรมชาติ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งพักพิงของสัตว์น้ำและสัตว์ป่าหลายชนิดที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้

การอนุรักษ์แหล่งน้ำและพื้นที่สีเขียวในมหาวิทยาลัยยังสะท้อนให้เห็นถึงการเคารพและเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยการตั้งชื่อแหล่งน้ำในมหาวิทยาลัยให้มีชื่อที่เกี่ยวข้องกับพระองค์ เพื่อเป็นการอนุรักษ์และรักษาความสำคัญของแหล่งน้ำในพื้นที่และสร้างความตระหนักรู้แก่ชุมชนเกี่ยวกับการอนุรักษ์แหล่งน้ำที่เป็นทรัพยากรสำคัญของประเทศ

มหาวิทยาลัยนเรศวรยังได้มีการปลูกต้นไม้และอนุรักษ์พันธุ์ไม้ที่หลากหลาย เพื่อลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและรักษาความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศ โดยการสร้างพื้นที่สีเขียวในมหาวิทยาลัย ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับสิ่งแวดล้อมและมีผลดีต่อสุขภาพของนิสิต บุคลากร และชุมชนโดยรอบ

ในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 15), การอนุรักษ์แหล่งน้ำและพันธุ์ไม้ในมหาวิทยาลัยนเรศวรไม่ได้เป็นเพียงการรักษาสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการศึกษาและการวิจัยเกี่ยวกับระบบนิเวศและการอนุรักษ์ธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความรู้และความตระหนักรู้ให้กับเยาวชนและสังคมในการร่วมมือกันอนุรักษ์และปกป้องธรรมชาติให้คงอยู่สำหรับอนาคต

การดำเนินงานของมหาวิทยาลัยในด้านนี้ยังรวมถึงการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่มุ่งเน้นให้บุคลากรและนิสิตเข้ามามีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ธรรมชาติและแหล่งน้ำ รวมถึงการพัฒนานโยบายที่เน้นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน เพื่อให้มหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นตัวอย่างในการดำเนินการที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ

มหาวิทยาลัยนเรศวร จึงไม่เพียงแค่เป็นสถาบันการศึกษาที่มุ่งเน้นการเรียนรู้และการวิจัยเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นแบบในการสร้างความตระหนักรู้และการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพในระดับท้องถิ่น โดยการบูรณาการแนวคิดของการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์ธรรมชาติและแหล่งน้ำอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้วัสดุที่ยั่งยืนด้วยความร่วมมือจาก บุคลากรทุกหน่วยงาน, นิสิตที่สนใจ, นิสิตจิตอาสา, สโมสร, และ ชมรม.

ม.นเรศวร จัดกิจกรรมวันรักต้นไม้ สนับสนุนการอนุรักษ์และใช้ทรัพยากรดินอย่างยั่งยืน

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้แสดงความมุ่งมั่นในการส่งเสริม เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 15) ซึ่งมุ่งเน้นการอนุรักษ์และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ผ่านการจัดกิจกรรม วันรักต้นไม้ประจำปีของชาติ 2566 เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2566 โดยกิจกรรมนี้จัดขึ้นโดย กองอาคารสถานที่ และได้รับการนำโดย นายรุ่งรัตน์ พระนาค ผู้อำนวยการกองอาคารสถานที่ ซึ่งเป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม

ภายในกิจกรรมนี้ บุคลากรจากกองอาคารสถานที่ ได้ร่วมมือกันในการดูแลและบำรุงพื้นที่สีเขียวบริเวณด้านหลังอาคารอุทยานองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งมีการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การพรวนดิน, การใส่ปุ๋ย, การรดน้ำ, การตัดแต่งกิ่งไม้, และ การกำจัดวัชพืช โดยเฉพาะ ปุ๋ยอินทรีย์ ที่ใช้ในกิจกรรมนี้ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ใบไม้, กิ่งไม้ และผสมกับ ถ่านชีวภาพ (Biochar) ซึ่งไม่เพียงช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน แต่ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการหมุนเวียนทรัพยากรในพื้นที่อย่างยั่งยืน

กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวและเสริมสร้างความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็นตัวอย่างที่ดีด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว นอกจากนี้ กิจกรรมดังกล่าวยังได้ สร้างการมีส่วนร่วมด้านสิ่งแวดล้อม และการใช้วัสดุที่ยั่งยืนจากความร่วมมือของ บุคลากรทุกหน่วยงาน, นิสิตที่สนใจ, นิสิตจิตอาสา, สโมสร และ ชมรม

ม.นเรศวร ส่งเสริมเกษตรยั่งยืนผ่านกิจกรรมดำนา ปลูกข้าว วิชชาลัยข้าวและชาวนา

มหาวิทยาลัยนเรศวรจัดกิจกรรม “ร่วมแรงร่วมใจ ดำนา ปลูกข้าว วิชชาลัยข้าวและชาวนา” เพื่อส่งเสริมความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับ วิถีเกษตรกรรมแบบดั้งเดิม ควบคู่ไปกับ การพัฒนาเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน ภายในมหาวิทยาลัย กิจกรรมนี้มีเป้าหมายในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับ ความสำคัญของการผลิตอาหารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการบริหารจัดการทรัพยากรดินและน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้เข้าร่วมกิจกรรม ประกอบด้วย นักศึกษา บุคลากร และชุมชนท้องถิ่น ได้มีโอกาสเรียนรู้และลงมือปฏิบัติจริงในกระบวนการ ปลูกข้าวแบบดั้งเดิม ตั้งแต่ การเตรียมดิน, การดำนา, และการดูแลรักษานาข้าว โดยใช้แนวทางที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การลดการใช้สารเคมีทางการเกษตร และ การบำรุงดินด้วยปุ๋ยธรรมชาติ ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยฟื้นฟูระบบนิเวศและส่งเสริมความสมดุลทางธรรมชาติ

กิจกรรมดังกล่าวไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้าง ความเข้าใจเกี่ยวกับการผลิตอาหารที่ยั่งยืน และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังส่งเสริมให้ทุกคนตระหนักถึง บทบาทสำคัญของเกษตรกร ในระบบเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม การเรียนรู้จากประสบการณ์จริงนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้นำ องค์ความรู้และแนวคิดการเกษตรพอเพียง ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงปลูกฝังแนวคิด เศรษฐกิจพอเพียง ให้แพร่หลายมากขึ้น

มหาวิทยาลัยนเรศวรยังคงมุ่งมั่นพัฒนาระบบอาหารภายในมหาวิทยาลัยให้ ปลอดภัยและยั่งยืน โดยนำผลผลิตจากโครงการนี้ไปสนับสนุน โครงการอาหารปลอดภัย พร้อมทั้งขยายแนวคิด การพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ให้ครอบคลุมในระดับชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม

กิจกรรมนี้ยังเป็นเวทีสำหรับการมีส่วนร่วมของบุคลากรทุกหน่วยงาน นิสิตที่สนใจ นิสิตจิตอาสา สโมสร และชมรมต่าง ๆ ในการร่วมกัน อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน โดยมหาวิทยาลัยนเรศวรมุ่งมั่นที่จะเป็นต้นแบบของสถาบันการศึกษาที่ให้ความสำคัญกับ ความสมดุลระหว่างการพัฒนา การศึกษา และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับสังคม

ที่มา: กองอาคารสถานที่ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้การดำเนินงาน ภายใต้โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ

วันที่ 26 ตุลาคม 2566 ศูนย์ประสานงาน อพ.สธ.-มหาวิทยาลัยนเรศวร นำโดยดร.พิสุทธิ์ อภิชยกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี ได้กล่าวต้อนรับและร่วมประชุมกับศูนย์ประสานงาน อพ.สธ.-มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิชัย ใจกล้า รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ ได้จัดการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การดำเนินงาน ภายใต้โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ (อพ.สธ.) โดยสร้างความร่วมมือและเป็นเครือข่ายการทำงานร่วมกันระหว่างศูนย์ประสานงาน การแลกเปลี่ยนวิทยากร การพัฒนาความรู้ รูปแบบการทำงาน เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อน การหนุนเสริม และสนับสนุนความรู้แก่สมาชิก อพ.สธ.ในการดำเนินงานสนองพระราชดำริ อพ.สธ. ณ ห้องประชุมเทาแสด ชั้น 1 อาคารศูนย์แสดงนิทรรศการและการจัดประชุมสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (KNECC) มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก

ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน จัดให้มีการประชุมร่วมกับคณะที่ปรึกษาทั้ง 6 ท่านเพื่อสร้างความเข้าใจแนวทางการทำงานร่วมกัน และแผนการดำเนินงานของศูนย์ประสานงาน อพ.สธ.ทั้ง 2 แห่ง รวมถึงการเข้าร่วมงานจัดนิทรรศการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนและฐานทรัพยากรท้องถิ่น ระดับภูมิภาค ครั้งที่ 7 ปี 2566 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงใหม่ ศูนย์แม่ริม และการสร้างความร่วมมือและกำหนดทิศทางการดำเนินงานที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันตามกรอบของ อพ.สธ. ในปีงบประมาณ 2567 ต่อไป

ที่มา: ศูนย์ประสานงาน อพ.สธ.-มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียน ปลูกฝังการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร นำโดย รศ.ดร.สิทธิชัย ชูสำโรง รองคณบดีฝ่ายสารสนเทศและกิจการนิสิต และ ดร.อนุพงศ์ วงค์ตามี รองคณบดีฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและระบบนิเวศ พร้อมด้วยทีมคณาจารย์ บุคลากร และนิสิต ให้การต้อนรับคณะครู บุคลากร และนักเรียนระดับชั้นอนุบาล 1-3 จากโรงเรียนอนุบาลและประถมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวร จำนวน 164 คน เพื่อเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้นอกห้องเรียน

กิจกรรมที่จัดขึ้นเน้นการเสริมสร้างความรู้และทักษะในหัวข้อ “ฐานจำลองสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติและวัฏจักรชีวิตพืช” ซึ่งประกอบด้วยการจำลองสถานการณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยีการเกษตร การรีดนมวัว การปลูกพืชในโรงเรือน และกิจกรรมปลูกพืชจริง โดยมีคณาจารย์จากหลายสาขาวิชาเป็นผู้ให้ความรู้

กิจกรรมดังกล่าวช่วยปลูกฝังพื้นฐานการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้กับเด็ก ๆ รวมถึงส่งเสริมพัฒนาการทักษะรอบด้าน เช่น การสังเกต การเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ และการรู้จักใช้ประโยชน์จากสิ่งรอบตัวอย่างสร้างสรรค์

ทั้งนี้ คณาจารย์ผู้ร่วมดำเนินงานประกอบด้วย ผศ.ดร.เทพสุดา รุ่งรัตน์, ดร.กัลย์กนิต พิสมยรมย์, ผศ.ดร.ภัทรียา พลซา, ผศ.ดร.สุพรรณิกา อินต๊ะนนท์, ผศ.ดร.วิภา หอมหวล, ผศ.ดร.ปาณิสรา เทพกุศล และ ดร.นุชนาฎ ภักดี ร่วมกันผลักดันการเรียนรู้เชิงบูรณาการให้กับเยาวชนในพื้นที่อย่างยั่งยืน

ที่มา: คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ม.นเรศวร

ม.นเรศวร จัดประกวดภาพถ่ายตามแนวคิดการอนุรักษ์ธรรมชาติ “Anurak in your mind”

มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ม.นเรศวร จัดการประกวดภาพถ่ายตามแนวคิดการอนุรักษ์ธรรมชาติ “Anurak in your mind“ โดยผู้ชนะการประกวดทุกท่านจะได้ขึ้นรับรางวัลในงาน “สืบสานงานสืบ ครั้งที่ 23” ณ ลาน Playground (หน้าหอใน)


โดยกิจกรรมมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมให้บุคลากร นิสิต มาร่วมกันปลูกจิตสำนึกอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และร่วมกันดูแลให้สภาพแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัยเกิดความยั่งยืน และสะท้อนให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติ สัตว์และต้นไม้ และเกิดความหวงแหนและช่วยกันดูแลให้มหาวิทยาลัยคงความเป็นธรรมชาติที่มีสมบูรณ์สวยงามต่อไป

รางวัลชนะเลิศ ผลงานโดย… นางสาวกรกนก คำแก้ว ( ปอป้าย )
คำบรรยายผลงาน : ทุกคนต่างมีความทรงจำ บางทีต้นไม้เล็กๆอาจเป็นความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ของใครหลายๆคน ดังนั้นเราควรอนุรักษ์ความทรงจำควบคู่ไปกับธรรมชาติ

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ผลงานโดย… นายชานนท์ กิจจารักษ์ ( อ้น )
คำบรรยายผลงาน : ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ที่ต่างแสดงบทบาทและความสำคัญภายในระบบนิเวศแตกต่างกัน

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ผลงานโดย… นายสิทธา สายบุญตั้ง ( ธาม )
คำบรรยายผลงาน : มีป่าที่สมบูรณ์ ย่อมมีสัตว์ที่สวยงาม ความสมบูรณ์และความสวยงามจะคงอยู่ต่อไป เมื่อเราอนุรักษ์มันด้วยใจ และรักษาไว้ด้วยการกระทำ

รางวัลชมเชย ผลงานโดย… นายอธิราช นันต๊ะเสน ( เต็นท์ )
คำบรรยายผลงาน : เราทุกคนต่างมองเห็นความงดงามของธรรมชาติในชีวิตประจำวัน ภาพนี้แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานระบบนิเวศน์ระหว่างธรรมชาติ สิ่งมีชีวิตและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น ที่อยู่ร่วมกันภายใต้มหาวิทยาลัย ภาพนี้จึงเป็นภาพถ่ายเพื่อนำเสนอถึงความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมและการให้ความเคารพแก่ธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นการเน้นถึงความสำคัญของระบบนิเวศที่สมดุลและการรักษาความหลากหลายของสิ่งมีชีวิต

ที่มา: ชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ม.นเรศวร

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin