ม.นเรศวร ร่วมพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี ภายใต้โครงการ Samart Skills (Google Career Certificate)

เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2566 รศ.ดร.พนัส นัถฤทธิ์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยี ผู้แทนมหาวิทยาลัยนเรศวร และ ดร.ศุภธิดา พรหมพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ดิ เอสเคิร์ฟ จำกัด ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) เพื่อการพัฒนานิสิตและบุคลากร โดยมีการจัดโครงการ Samart Skills (Google Career Certificate) ระยะที่ 2 จำนวน 9 หลักสูตร ภายใต้พันธกิจ Leave No Thai Behind เปิดโอกาสให้นิสิต อาจารย์ และบุคลากรภายในมหาวิทยาลัยนเรศวร เข้าร่วมพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยี ที่มีแนวโน้มเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน สร้างโอกาสในการพัฒนาตนเอง และสร้าง Digital TaIent ซึ่งจะได้รับสิทธิ์การยกเว้นค่าธรรมเนียมการเข้าเรียนระบบออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม Coursera และจะได้รับใบประกาศนียบัตรเมื่อเสร็จสิ้นการเรียน สามารถนำไปใช้ในการสมัครงานกับพันธมิตรภาคเอกชนของโครงการที่ให้การยอมรับคุณวุฒินี้ ณ สำนักงาน Google (ประเทศไทย)

👉ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยนเรศวร มอบหมายให้ CITCOMS เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ Samart Skills (Google Career Certificate) ระยะที่ 2 โดยสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ ได้ที่ https://training.nu.ac.th/samartskills หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณจินตนา ชัยรัตนศักดิ์ หมายเลขโทรศัพท์ 0-5596-1510 หรือ e-Mail : citcoms_training@nu.ac.th

ที่มา: กองบริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ร่วมประชุมขับเคลื่อน SDG 4 ส่งเสริมการศึกษาที่ยั่งยืนในพิษณุโลก

วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2566 มหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะที่เป็นคณะทำงานขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) จังหวัดพิษณุโลก ได้เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อสร้างความเข้าใจกรอบแนวทางการดำเนินงานขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านการศึกษา (SDG 4) ซึ่งจัดโดยสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดพิษณุโลก โดยมี ผศ.ดร.จรูญ สารินทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานอธิการบดี และนายธนวุฒิ พูลเขตนคร จากงานพัฒนาเพื่อความเป็นเลิศ กองพัฒนาคุณภาพการศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมนเรศวร โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม

กิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อน SDGs 4 ซึ่งมุ่งเน้นการให้การศึกษาที่มีคุณภาพและการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับทุกคน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ในจังหวัดพิษณุโลกเพื่อพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืนในพื้นที่ การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ได้จัดขึ้นเพื่อกำหนดแนวทางและกรอบการดำเนินงานในการบรรลุเป้าหมาย SDGs 4 ในระดับท้องถิ่น โดยเฉพาะการส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับทุกคนในจังหวัดพิษณุโลก

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีส่วนร่วมในการสร้างแนวทางและกลยุทธ์การขับเคลื่อน SDGs 4 ที่สอดคล้องกับความต้องการและบริบทของพื้นที่ ด้วยการมุ่งเน้นการสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในทุกระดับ โดยการใช้ทรัพยากรทางวิชาการที่มหาวิทยาลัยมีอยู่ เพื่อช่วยยกระดับการศึกษาของนักเรียนและครูในจังหวัดพิษณุโลกผ่านการพัฒนาหลักสูตร การอบรม และกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ

นอกจากนี้ การประชุมนี้ยังสอดคล้องกับ SDGs 17: การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการรวมตัวของหน่วยงานภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชนในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นการสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ ความร่วมมือนี้จะช่วยเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ และสนับสนุนการพัฒนาระบบการศึกษาที่มีคุณภาพและเป็นธรรม

การเข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยนเรศวรในครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านการศึกษา (SDG 4) แต่ยังเป็นการส่งเสริมการสร้างความร่วมมือในระดับจังหวัดเพื่อการพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน โดยการมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่าง ๆ ในการร่วมมือและดำเนินการตามเป้าหมาย SDGs อย่างมีประสิทธิภาพ.

ภาพกิจกรรมโดย: สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดพิษณุโลก

มอบทุนการศึกษาให้แก่นักเรียนที่มีศักยภาพแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส

การจัดกิจกรรมในวันที่ 19-20 สิงหาคม 2566 โดยคณะพยาบาลศาสตร์ร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ภายใต้โครงการ “ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง” สอดคล้องกับแนวทางของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสนับสนุน SDGs (Sustainable Development Goals) หรือ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะ SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ, SDG 10: การลดความเหลื่อมล้ำ, และ SDG 8: การงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ.

โครงการ “ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง” เป็นการสร้างโอกาสในการศึกษาสำหรับนักเรียนที่มีศักยภาพแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 4 ที่มุ่งเน้นการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพและเท่าเทียม การสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เยาวชนจากสถานศึกษาต่างๆ เช่น วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีตาก, วิทยาลัยเทคนิคแม่สอด, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตาก, มหาวิทยาลัยนเรศวร, และสถาบันการศึกษาชั้นนำอื่นๆ ทำให้ผู้เรียนที่มาจากพื้นฐานที่แตกต่างกันมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นการส่งเสริมความเสมอภาคและการลดช่องว่างทางการศึกษา (SDG 10).

กิจกรรมในโครงการนี้ไม่เพียงแต่เน้นการเรียนรู้ทางวิชาการ แต่ยังส่งเสริมการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการทำงานในอนาคต โดยการจัดกิจกรรมที่เน้นการเตรียมตัวเข้าสู่โลกของการทำงาน นักศึกษาทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูงได้รับการแนะนำจากผู้บริหารจากกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.), รุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จในการศึกษาและมีงานทำแล้ว รวมถึงการได้พบปะกับนายจ้างและสถานประกอบการที่ให้คำแนะนำในด้านทักษะการทำงาน ซึ่งเป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างสถาบันการศึกษาและภาคธุรกิจ รวมถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับการประกอบอาชีพในสาขาต่างๆ เช่น ผู้ช่วยพยาบาล ผู้ช่วยทันตแพทย์ และสายอาชีพชั้นสูงอื่นๆ ที่เป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน การศึกษาสายอาชีพนี้ช่วยสร้างโอกาสให้กับเยาวชนในการทำงานที่มีคุณค่าและการเติบโตทางเศรษฐกิจ (SDG 8).

การจัดตั้งโครงการ ทุนนวัตกรรมสายอาชีพชั้นสูง โดยคัดเลือกสถาบันการศึกษาชั้นนำทั้งในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ยังมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการศึกษาให้พร้อมรองรับความต้องการของตลาดแรงงานในยุค Thailand 4.0 การลงทุนในโครงการศึกษาสายอาชีพที่มุ่งเน้นการพัฒนากำลังคนให้มีทักษะที่ทันสมัยและตรงกับความต้องการของตลาด จะช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระดับโลก ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 9: อุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีเป้าหมายในการสร้างโครงสร้างการศึกษาที่พร้อมตอบสนองความต้องการของสังคมและเศรษฐกิจในอนาคต.

การที่คณะพยาบาลศาสตร์จัดกิจกรรมร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักศึกษา โดยการเข้าร่วมกิจกรรมปลุกพลังและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้ที่ประสบความสำเร็จจากรุ่นพี่และผู้เชี่ยวชาญในสายงาน อาทิ การได้พบกับผู้บริหารจากกองทุนฯ, นายจ้าง และสถานประกอบการที่มอบคำแนะนำในการพัฒนาตนเอง เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาสามารถพัฒนาทักษะและสร้างเครือข่ายที่สำคัญในโลกของการทำงาน ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและส่งเสริมการพัฒนาตนเองของเยาวชนที่ด้อยโอกาส (SDG 10).

การจัดกิจกรรมนี้ยังช่วยส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถานศึกษาหลายแห่ง ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ระหว่างนักศึกษาและครู/อาจารย์จากสถาบันต่างๆ ที่เข้าร่วม ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือในระดับชาติและระดับสากล (SDG 17). การสร้างเครือข่ายและการร่วมมือในการจัดกิจกรรมต่างๆ จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันและสนับสนุนการพัฒนาความรู้ในเชิงลึกในทุกภาคส่วน.

ที่มา: คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา ตาก

ม.นเรศวร จับมือเครือข่ายเร่งบ่มเพาะพัฒนาผู้ประกอบการ เพิ่มขีดความสามารถเทคโนโลยีและนวัตกรรมสู่สากล

วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม 2566 อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมลักษณ์ วรรณฤมล กีเยลาโรว่า รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมเป็นเกียรติในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กับเครือข่ายร่วมพัฒนาผู้ประกอบการ (TED Fellow) ปีนี้ รวมจำนวน 7 หน่วยงาน หวังเร่งบ่มเพาะ ยกระดับ พร้อมให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการที่ต้องการเงินทุนวิจัยพัฒนาต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี

ทั้งนี้ ในปี พ.ศ. 2566 ทางกองทุนฯ ได้จัดตั้งเครือข่ายร่วมพัฒนาผู้ประกอบการ (TED Fellow) เพิ่มเติมเฉพาะภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ รวมจำนวน 7 หน่วยงาน ได้แก่
1. คณะบริหารธุรกิจและการบัญชี มหาวิทยาลัยขอนแก่น (KKBS)
2. ศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี(UdonUBI)
3. ศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา (NRRU UBI)
4. คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนครพนม (Eng NPU)
5. สำนักการจัดการนวัตกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (RUTS IMTT)
6. สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี(RDI SRU)
7. สถาบันวิจัยและนวัตกรรมอาหาร มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์(FIRIn PSU)

เพื่อเพิ่มกำลังในการคัดสรร บ่มเพาะ เร่งยกระดับพัฒนาผู้ประกอบการไทย พร้อมให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการที่ต้องการเงินทุน นำไปต่อยอดธุรกิจเชิงพาณิชย์ต่อไป จากเดิมได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ไปแล้ว 52 หน่วยงาน และได้ดำเนินกิจกรรมร่วมกับกองทุนฯ ซึ่งประกอบด้วยหน่วยงานจากทั้งภาครัฐและเอกชนที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อให้นิสิต นักศึกษา บัณฑิตจบใหม่ และผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรมในทุกพื้นที่ได้เข้าถึงแหล่งทุนและสามารถใช้บริการเครือข่ายฯ ได้อย่างทั่วถึง โดยเน้นการบ่มเพาะและพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ให้เป็นผู้ประกอบการที่มีศักยภาพ เป็นการตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน และเสริมสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืนต่อไป

ที่มา: อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ลงนามความร่วมมือทางวิชาการด้านพลังงานสะอาดจากพลังงานแสงอาทิตย์

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 7: พลังงานสะอาดที่ทุกคนเข้าถึงได้ และ SDG 17: ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน) โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและการสร้างความร่วมมือทางวิชาการระหว่างภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม เพื่อก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งความยั่งยืน

ล่าสุด มหาวิทยาลัยนเรศวร นำโดย รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทน อธิการบดี ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัท พีเอสเอส อมาเรนโค จำกัด ในด้านเทคโนโลยีโรงเรือนเพาะปลูกพลังงานแสงอาทิตย์และการจัดการพลังงานสะอาด ความร่วมมือครั้งนี้จะส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมนำผลลัพธ์ไปปรับใช้ในธุรกิจและอุตสาหกรรม รวมถึงการพัฒนามหาวิทยาลัย

โครงการดังกล่าวยังจะต่อยอดสู่การปรับปรุงอาคารภายในมหาวิทยาลัยให้กลายเป็น “Smart Building” ที่มีการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้พลังงานสิ้นเปลือง และส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ระบบตรวจวัดการใช้พลังงานอัตโนมัติและระบบจัดการแสงสว่างอัจฉริยะในอนาคต

ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็นศูนย์กลางของการวิจัยและนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาด พร้อมขับเคลื่อนเป้าหมายระดับโลกในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร จับมือภาคเอกชนส่งเสริมความร่วมมือการพัฒนานิสิตในการเพิ่มทักษะความเป็นผู้ประกอบการ

วันที่ 11 กรกฎาคม เวลา 14.00 น. คณะวิทยากรจาก Nexter Incubator บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กองกิจการนิสิตและอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยรองอธิการ ดร.จรัสดาว คงเมือง

รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต ศิษย์เก่าและศิลปวัฒนธรรม และคณะผู้บริหารจากอุทยานวิทยาศาสตร์ นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมลักษณ์ วรรณฤมล กีเยลาโรว่า รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร และดร.ปัญญวัณ ลำเพาพงศ์ รักษาการในตำแหน่งรองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เข้าพบอธิการบดี เพื่อหารือความร่วมมือการพัฒนานิสิตในการเพิ่มทักษะความเป็นผู้ประกอบการ นอกจากนั้นยังหารือโอกาสในการจัดกิจกรรมร่วมกันทั้งภาควิชาการ การวิจัย ตลอดจนการสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่

ที่มา: อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร

สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ‘เมืองแผ่นดิน ถิ่นสองแคว’ ขับเคลื่อนการส่งเสริมการจ้างงานและความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566, มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีส่วนร่วมในการจัดงาน มหกรรมอาชีพ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เมืองแผ่นดิน ถิ่นสองแควหอประชุมมหาราช อาคารอุทยานองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดพิษณุโลก โดยงานนี้จัดขึ้นเพื่อ ส่งเสริมการสร้างงานและอาชีพที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 8) โดยเฉพาะในด้าน การส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และ การส่งเสริมการมีงานทำที่ดี สำหรับทุกคน.

การส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและการสร้างอาชีพที่ยั่งยืน (SDG 8): นี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ ส่งเสริมการพัฒนาทักษะด้านอาชีพ และ การสร้างรายได้ อย่างยั่งยืนให้แก่ชุมชนท้องถิ่น และผู้ที่สนใจเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ โดยผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นในงาน ซึ่งจะช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้รับความรู้เกี่ยวกับการสร้างอาชีพใหม่ ๆ และการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น:

  • การสาธิตอาชีพและฝึกปฏิบัติอาชีพ: ผู้เข้าร่วมจะได้ทดลองทำงานฝีมือหรือกิจกรรมอาชีพที่สามารถนำไปใช้สร้างรายได้ เช่น การทำสินค้าหัตถกรรม การทำอาหาร การทำน้ำหอม หรือแม้แต่การเกษตร ซึ่งช่วยให้ทุกคนได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปประกอบอาชีพในอนาคต.
  • การจัดแสดงอาชีพนวัตกรรม: มหาวิทยาลัยนเรศวรได้นำเสนอแนวคิด อาชีพนวัตกรรม ซึ่งไม่เพียงแต่การทำงานตามอาชีพทั่วไป แต่ยังสามารถนำเทคโนโลยีหรือ นวัตกรรมใหม่ มาใช้ในการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการในตลาดและสามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน.
  • การแจกของรางวัล: เพื่อเพิ่มแรงจูงใจและกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความสนใจในด้านการพัฒนาทักษะอาชีพและการสร้างรายได้ โดยการแจกของรางวัลที่มีคุณค่า ซึ่งอาจเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการประกอบอาชีพหรือผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง.
  • สินค้าจาก 8 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง: การจัดแสดงและขาย ผลิตภัณฑ์เด่น จาก 8 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งรวมถึง สินค้า OTOP และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่สะท้อนถึง ภูมิปัญญาท้องถิ่น การใช้ทรัพยากรในพื้นที่อย่าง ยั่งยืน และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าท้องถิ่น ซึ่งเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับชุมชนและภูมิภาค.

การสร้างความร่วมมือและเครือข่าย (SDG 17): จัดงานในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึง การสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยมีการนำเสนอ ทักษะและความรู้ ที่จำเป็นในการพัฒนาอาชีพในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งช่วยเสริมสร้าง เครือข่ายความร่วมมือ ที่เป็นประโยชน์ทั้งในด้านการพัฒนาทักษะของบุคคลและการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับชุมชนผ่านการเรียนรู้ร่วมกัน.

มหาวิทยาลัยนเรศวรไม่เพียงแต่จัดงานเพื่อเผยแพร่ความรู้ แต่ยังส่งเสริมการ สร้างเครือข่าย และ การเชื่อมโยง ระหว่าง นักศึกษา, ชุมชน, ภาครัฐ, และเอกชน ที่จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาอาชีพและการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน โดยการนำทักษะต่าง ๆ ที่ได้เรียนรู้จากการฝึกอบรมไปปรับใช้ในชีวิตจริงและสามารถขยายขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของพื้นที่และประเทศ.

งานนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการ สนับสนุนการสร้างงาน ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผู้คนมีรายได้ แต่ยังมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมที่ยั่งยืนและเสถียร โดยการสนับสนุนการประกอบอาชีพที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม, การพัฒนาอาชีพใหม่ ๆ ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของสังคม, และการสนับสนุน การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจสามารถคงอยู่ได้ในระยะยาว.

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

4 มหาวิทยาลัยร่วมพลิกโฉมสร้างเครือข่ายเพื่อการวิจัย ขับเคลื่อนสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

วันที่ 27-28 มิถุนายน 2566 ณ โรงแรมแมนดาริน สามย่าน กรุงเทพมหานคร, ศาสตราจารย์ ดร.กรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม และ ดร.ยุทธพงษ์ ทองพบ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม พร้อมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เข้าร่วมการประชุมวิชาการภายใต้หัวข้อ “พลิกโฉมมหาวิทยาลัย แพลตฟอร์มวิจัยเครือข่าย” (Reinventing University by Research Network Platform) โดยมีการร่วมมือจากสถาบันการศึกษาหลักในประเทศไทย ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยบูรพา, มหาวิทยาลัยพะเยา และ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งการประชุมครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อพัฒนางานวิจัยที่ตอบโจทย์ความท้าทายของชุมชน สังคม และประเทศชาติ โดยการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาเหล่านี้.

การประชุมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อน SDGs 9: อุตสาหกรรม, นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน และ SDGs 17: การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งมีการสร้างแพลตฟอร์มวิจัยที่เชื่อมโยงมหาวิทยาลัยและองค์กรภายนอก เพื่อเสริมสร้างการพัฒนานวัตกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและสามารถตอบสนองต่อความต้องการของสังคมในระดับพื้นที่และระดับนานาชาติ.

ความร่วมมือและวิจัยในประเด็นสำคัญ ศ.ดร.จักรพันธ์ สุทธิรัตน์ รองอธิการบดีด้านการวิจัยจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เปิดเผยถึงการร่วมมือของมหาวิทยาลัยในเครือข่ายนี้ว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต้องการเปิดพื้นที่ให้กับนักวิจัยจากทั้ง 4 มหาวิทยาลัย เพื่อตอบโจทย์ปัญหาสำคัญในภูมิภาคและประเทศ โดยมุ่งเน้นการใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาสังคม. แพลตฟอร์มวิจัยนี้ได้รับการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยและภาคีพันธมิตร เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยั่งยืนในชุมชนและสังคม ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ.

ความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวร ศ.ดร.กรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวถึงการวิจัยที่มหาวิทยาลัยนเรศวรเริ่มต้นในครั้งนี้ โดยเน้นที่ประเด็น University-Urban Design and Development หรือเมืองมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการออกแบบและพัฒนาเมืองที่เชื่อมโยงกับการศึกษาภายในมหาวิทยาลัย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทั้งชุมชนและสังคมในด้านการพัฒนาเมืองและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์. งานวิจัยในประเด็นนี้คาดว่าจะขยายผลไปสู่การวิจัยในประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเครือข่ายความร่วมมือทางวิจัยในอนาคต.

การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ การประชุมครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการสร้าง เครือข่ายงานวิจัย ระหว่างมหาวิทยาลัยในประเทศ และเชื่อมโยงกับ มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore) ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนความรู้และนวัตกรรมระหว่างประเทศ โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาเทคโนโลยีและงานวิจัยที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาชุมชน สังคม และการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่มีความยั่งยืน. เครือข่ายความร่วมมือนี้จะช่วยผลักดันให้เกิดการใช้ประโยชน์จากผลการวิจัยที่มีผลกระทบต่อสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน.

การสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน มหาวิทยาลัยนเรศวรได้แสดงถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมที่มีความยั่งยืน โดยการเชื่อมโยงงานวิจัยและการพัฒนาพื้นที่ร่วมกับพันธมิตรจากภาคส่วนต่าง ๆ. การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและองค์กรต่าง ๆ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางวิจัยและการพัฒนาในพื้นที่ รวมถึงการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในระดับประเทศและภูมิภาค เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมและสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม.

กิจกรรมนี้เป็นการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของมหาวิทยาลัยและการเชื่อมโยงกับสถาบันการศึกษาและองค์กรอื่น ๆ เพื่อผลักดันการพัฒนาที่ยั่งยืนตาม SDGs 9 และ SDGs 17, โดยการสร้างนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันและเสริมสร้างความเข้มแข็งของสังคมและเศรษฐกิจในอนาคต.

ภาพ/ข่าว: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยพะเยา

ม.นเรศวร ส่งเสริมความร่วมมือในอาเซียน ศึกษาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและลดก๊าซเรือนกระจกที่เกาหลีใต้

วันที่ 26-29 มิถุนายน 2566 รศ.ดร.นิพนธ์ เกตุจ้อย ผู้อำนวยการวิทยาลัยฯ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เดินทางไปศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสมาร์ทกริดและแนวทางการสนับสนุนการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ณ ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาดและความยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDG 7: พลังงานสะอาดและราคาไม่แพง, SDG 17: ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา)

ในระหว่างการศึกษาดูงาน คณะผู้บริหารและอาจารย์ของมหาวิทยาลัยนเรศวรได้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญ รวมถึงการประชุมและการเยี่ยมชมสถานประกอบการชั้นนำของเกาหลีใต้ในด้านพลังงานสะอาดและการบริหารจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ดังนี้:

  1. การประชุมกับหน่วยงาน Overseas Emissions Reduction Team, Ministry of Trade, Industry & Energy การประชุมในครั้งนี้ได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจกในต่างประเทศ โดยเกาหลีใต้ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการใช้พลังงานสะอาดเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในระดับภูมิภาคอาเซียนและทั่วโลก
  2. การประชุมร่วมกับคณะผู้บริหาร บริษัท SK E&S และ SK on บริษัท SK E&S และ SK on เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยี Energy Storage System (ESS) ของเกาหลีใต้ คณะผู้บริหารและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี ESS และแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาโซลูชันที่ช่วยลดการใช้พลังงานจากแหล่งที่ไม่ยั่งยืน
  3. การเยี่ยมชมบริษัท Busan Jungkwan Energy บริษัทนี้ดำเนินธุรกิจในด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่จุงกวาง (Jungkwan) เมืองปูซาน คณะผู้บริหารและอาจารย์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการ Distributed Energy Resources (DERs) ที่ใช้เทคโนโลยีเช่น Advanced Distribution Management System (ADMS), Virtual Power Plant (VPP), และ Energy Storage System (ESS) ซึ่งเป็นตัวอย่างการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  4. การประชุมกับผู้บริหารบริษัท POSCO DX บริษัท POSCO DX เป็น DR Operator ของเกาหลีใต้ คณะผู้บริหารได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจการตอบสนองด้านโหลด (Demand Response Operation) ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยในการบริหารจัดการความต้องการพลังงานในเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการผลิตและการใช้พลังงาน
  5. การเยี่ยมชมบริษัท EIPGRID บริษัท EIPGRID เป็นผู้นำในการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการบริหารจัดการพลังงานในรูปแบบ Energy as a Service (EaaS) โดยใช้เทคโนโลยี AI ในการพยากรณ์พลังงานหมุนเวียน (RE Forecast) และบริหารจัดการ VPP Platform ซึ่งเป็นการจัดการพลังงานในรูปแบบที่ช่วยลดการใช้พลังงานจากแหล่งที่ไม่ยั่งยืน

การเดินทางในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เสริมสร้างความร่วมมือทางวิชาการและการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาดระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรและประเทศเกาหลีใต้ แต่ยังเป็นการส่งเสริมแนวทางการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและพัฒนาการจัดการพลังงานที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับอาเซียนและระดับโลก

ม.นเรศวร จัดประชุมวิชาการนานาชาติ APISA2023 ส่งเสริมสร้างความร่วมมือด้านการศึกษาและสันติภาพ

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ดำเนินการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) อย่างต่อเนื่อง ผ่านการร่วมมือทางวิชาการทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในด้าน SDG 16: สันติภาพ, ความยุติธรรม และสถาบันที่มีความเข้มแข็ง และ SDG 17: การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับการประชุมวิชาการระดับนานาชาติที่สำคัญ

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2566 คณาจารย์จาก คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เข้าร่วมงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติ The Asian Political and International Studies Association (APISA) : APISA 2023 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 17 ภายใต้หัวข้อ “Annual Congress Towards New Modalities of Governance in Asia: E-democracy, Civil Society, and Human-Centred Policymaking” ที่จัดขึ้น ณ Merdeka Tower Business Center (MTBC), Warmadewa College, บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย โดยคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดงานครั้งนี้

การประชุมวิชาการระดับนานาชาติและการนำเสนอผลงาน: การประชุม APISA 2023 มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวคิดเกี่ยวกับการปกครองในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะในเรื่อง E-democracy (การปกครองโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล), Civil Society (สังคมพลเมือง), และ Human-Centred Policymaking (การวางนโยบายที่มุ่งเน้นคนเป็นศูนย์กลาง) ซึ่งเป็นประเด็นที่สอดคล้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจากหลากหลายประเทศเข้าร่วม โดยคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีส่วนร่วมทั้งในด้านการนำเสนอผลงานวิจัยและการเสวนาเกี่ยวกับการพัฒนานโยบายที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย

การประชุมครั้งนี้ได้มีการเสนอแนวคิดและทิศทางใหม่ ๆ ในการพัฒนาโมเดลการปกครองที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในยุคดิจิทัล โดยมีการเน้นถึงความสำคัญของ การปกครองที่โปร่งใส, การมีส่วนร่วมของพลเมือง, และการพัฒนานโยบายที่คำนึงถึงความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งเป็นการเสริมสร้างสังคมที่มีความยุติธรรมและเป็นธรรม

ความสำคัญของการร่วมมือทางวิชาการในระดับนานาชาติ (SDG 17): การที่มหาวิทยาลัยนเรศวรได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพร่วมในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยในระดับนานาชาติ แต่ยังเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและสถาบันต่างประเทศเพื่อเสริมสร้างการศึกษาและวิจัยที่สามารถตอบสนองต่อความท้าทายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในระดับโลกในครั้งนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้คณาจารย์และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนเรศวรได้เรียนรู้และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในงานวิจัยเพื่อพัฒนาสังคมและการปกครองในประเทศ

การขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับสากล: การมีส่วนร่วมในการประชุมระดับนานาชาติครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน SDG 16 ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างสันติภาพและความยุติธรรมผ่านการศึกษาและวิจัย และ SDG 17 ที่มุ่งสร้างความร่วมมือข้ามชาติในด้านการศึกษาและการวิจัยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับโลก

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ดำเนินงานภายใต้กรอบแนวทางของการพัฒนาที่ยั่งยืนที่มุ่งเน้นการเรียนรู้ร่วมกัน และการทำงานร่วมกับพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อสร้างการพัฒนาในด้านการศึกษาและการวิจัยที่ตอบโจทย์การพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการเมืองและการปกครอง รวมถึงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของตนเอง.

การพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านการร่วมมือในงานวิจัยและการศึกษา: การเข้าร่วมงานประชุมวิชาการครั้งนี้จึงถือเป็นการสื่อสารถึงความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ โดยเฉพาะด้านการศึกษาและการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย เพื่อส่งเสริมการพัฒนาแนวคิดการปกครองที่ตอบสนองต่อความต้องการของสังคมในยุคดิจิทัล และมีการคำนึงถึงความเป็นธรรมและความยุติธรรมสำหรับทุกคน.

ที่มา: คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin