ม.นเรศวร จัดประกวดผลงานการพัฒนา “นวัตกรรมรักษ์โลก”

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2568 กองบริการการศึกษา โดยงานจัดการวิชาศึกษาทั่วไป ร่วมกับคณาจารย์วิชาวิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน ได้จัดการประกวดผลงานการพัฒนา “นวัตกรรมรักษ์โลก” เพื่อส่งเสริมให้นิสิตได้ตระหนักถึงความสำคัญของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในการคิดค้นนวัตกรรมที่ช่วยลดผลกระทบต่อโลกอย่างยั่งยืน ลดขยะ ลดการสูญเปล่า และช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อน

กิจกรรมนี้มุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้แนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผ่านการแสดงทางวิทยาศาสตร์และกระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ ซึ่งช่วยให้เกิดการเผยแพร่องค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์พลังงาน การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดของเสียที่เกิดจากการบริโภคเกินความจำเป็น ในปีนี้มีนิสิตเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 779 คน และส่งผลงานเข้าประกวดทั้งหมด 29 ผลงาน ณ โถงชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา บรมราชินีนาถ มหาวิทยาลัยนเรศวร

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอแสดงความยินดีกับนิสิตที่ได้รับรางวัลในการประกวดนวัตกรรมรักษ์โลก ดังนี้
🥇 รางวัลชนะเลิศ: ผลงาน “บ่อดักไขมัน 2 in1” ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดการปล่อยไขมันลงสู่แหล่งน้ำ ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมทางน้ำให้สะอาดขึ้น
🥈 รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1: ผลงาน “Pure Flow ไหลสะอาด ไร้ไขมัน” ที่ออกแบบระบบกรองน้ำมันจากครัวเรือนก่อนปล่อยลงท่อน้ำเสีย ช่วยลดมลพิษทางน้ำ
🥉 รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2: ผลงาน “ถนนชาร์ทรถ EV ด้วยระบบโซล่าเซลล์” ที่นำพลังงานสะอาดมาใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์ไฟฟ้า สนับสนุนการลดการใช้พลังงานฟอสซิล และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
🎖 รางวัลชมเชย:

  • “Second Life จากของเหลือใช้” นำวัสดุเหลือใช้มาสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ลดขยะ ลดการสูญเปล่า และส่งเสริมการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน
  • “บ้านที่หายใจได้” ออกแบบบ้านที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ ลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและปรับอากาศตามธรรมชาติ ช่วยลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น
  • “กิ๊ฟเซ็ตกระเป๋ารักษ์โลก และเครื่องประดับจากขวดพลาสติก” เปลี่ยนขยะพลาสติกให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่า ช่วยลดปัญหาขยะพลาสติก ลดการสูญเปล่า และส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน

กิจกรรมนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างสรรค์แนวทางใหม่ ๆ ในการดูแลรักษาโลกของเรา ตอกย้ำแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านนวัตกรรมที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดขยะ ลดการสูญเปล่า และช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อน เพื่ออนาคตที่ดียิ่งขึ้นของโลกเรา

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ชวนร่วมมือกันประหยัดพลังงาน

มหาวิทยาลัยนเรศวรมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการลดการใช้พลังงานภายในอาคาร เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนและตอบสนองต่อความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเชิญชวนบุคลากร นิสิต และผู้เกี่ยวข้องร่วมมือกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

หนึ่งในแนวทางง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติได้คือการปรับการใช้แสงสว่างในห้องเรียนและสำนักงาน เปิดหรือปิดไฟตามความจำเป็น และใช้แสงธรรมชาติให้มากที่สุดเพื่อประหยัดพลังงาน ซึ่งจะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าและส่งเสริมความยั่งยืนในระยะยาว

การปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแนะนำให้ตั้งอุณหภูมิในช่วง 25-30 องศาเซลเซียส และเปิดพัดลมเพื่อเพิ่มการหมุนเวียนของอากาศภายในห้อง ช่วยให้ความเย็นกระจายทั่วห้องโดยไม่ทำให้แอร์ทำงานหนักเกินไป

การถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งานก็เป็นอีกวิธีที่สามารถลดการใช้พลังงานได้อย่างมาก เนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดยังคงใช้พลังงานแม้จะปิดอยู่ การปฏิบัตินี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดอัคคีภัยจากไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งานอย่างปลอดภัย

การเดินบันไดแทนการใช้ลิฟท์ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ง่ายและได้ผล ไม่เพียงแต่ช่วยลดการใช้พลังงานจากลิฟท์เท่านั้น แต่ยังส่งเสริมสุขภาพของบุคลากรและนิสิต เนื่องจากช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานและเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกาย

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดการใช้พลังงานและค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้า แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริม การใช้พลังงานอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและการสร้างสังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

โดยรวม มหาวิทยาลัยนเรศวรมุ่งมั่นในการสร้างวัฒนธรรมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวันจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน และสร้างอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคนในสังคม

ม.นเรศวร จับมือ WelO เดินหน้าระบบขนส่งสีเขียว หนุนเมืองยั่งยืน ลดโลกร้อน

วันพุธที่ 18 ธันวาคม 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวร จับมือกับ WelO แพลตฟอร์มมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสาธารณะ เปิดให้บริการยานพาหนะทางเลือกเพื่อสิ่งแวดล้อมภายในมหาวิทยาลัย โดยมุ่งเน้นการเดินทางที่ ไม่สร้างมลพิษ ลดการพึ่งพารถยนต์และจักรยานยนต์ส่วนบุคคล พร้อมทั้งวางเป้าหมายสู่การเป็น เมืองยั่งยืน ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

บริการมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า WelO เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง รองรับการใช้งานของนิสิต บุคลากร และประชาชนทั่วไป จุดเด่นสำคัญคือความสะดวกสบาย ไม่ต้องกังวลเรื่องการเติมน้ำมันหรือการชาร์จแบตเตอรี่เอง โดยมี จุดจอดมากกว่า 300 จุด ครอบคลุมพื้นที่ในมหาวิทยาลัย รองรับการเดินทางที่สะดวกและรวดเร็ว

นอกจากจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการเดินทางแล้ว บริการ WelO ยังช่วย ลดค่าใช้จ่าย ในชีวิตประจำวันของผู้ใช้งาน และมีส่วนสำคัญในการ ลดโลกร้อน เนื่องจากลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 การใช้พลังงานไฟฟ้าแทนน้ำมันจึงเป็นการเดินทางที่ทั้งคุ้มค่าและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การนำมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า WelO มาให้บริการยังสอดคล้องกับแนวทางของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการ ลดพื้นที่จอดรถส่วนบุคคล ภายในมหาวิทยาลัย เพื่อลดจำนวนการใช้รถยนต์และจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมัน และปรับสมดุลการใช้พื้นที่ให้เหมาะสมต่อการเป็นมหาวิทยาลัยสีเขียว

ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรกับ WelO ยังเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของ การมีส่วนร่วม ระหว่างภาคการศึกษาและภาคเอกชน ในการพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน ไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งาน แต่ยังสามารถต่อยอดไปสู่การขยายผลในระดับชุมชนและเมือง

โครงการนี้ยังเป็นการสร้างวัฒนธรรมใหม่ของการเดินทางที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมในหมู่นิสิตและบุคลากร โดยการเลือกใช้ยานพาหนะที่สะอาดและปลอดภัย สะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ด้วยระบบขนส่งที่ไม่สร้างมลพิษ บวกกับการจัดการพื้นที่ภายในที่สอดคล้องกับแนวคิดสีเขียว มหาวิทยาลัยนเรศวรตอกย้ำบทบาทของตนในการเป็นมหาวิทยาลัยต้นแบบด้านการพัฒนา เมืองยั่งยืน ลดโลกร้อน และส่งเสริมความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ เพื่ออนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

NU SEED x CIM ก้าวสำคัญสู่การพัฒนาสถานประกอบการด้วยพลังงานสะอาดและ IoT

วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2567 อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร เครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคเหนือ จัดการประชุมสรุปผลการดำเนินงาน “โครงการขยายผลระบบบริหารจัดการเพิ่มมูลค่าสินค้าแบบครบวงจรด้วยพลังงานสะอาดและ IoT พร้อมระบบผลิตก๊าซชีวภาพในระดับครัวเรือน” ภายใต้โครงการพัฒนาเชิงพื้นที่ (Driving Regional Development) ประจำปีงบประมาณ 2567 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาและต่อยอดนวัตกรรมของผู้สำเร็จหลักสูตรผู้จัดการนวัตกรรม (Certified Innovation Manager: CIM)

การประชุมได้รับเกียรติจากนายบดินทร์ เกษมศานติ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมบูรณ์ นิยม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ในฐานะหัวหน้าโครงการ ร่วมชี้แจงวัตถุประสงค์ และนายณัฐกิตติ์ รัฐศิลป์โภคิน พลังงานจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวรายงาน นอกจากนี้ ดร.ต้าย บัณฑิศักดิ์ รักษาการรองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมบุคลากรเข้าร่วมการประชุม ณ วิสาหกิจชุมชนเพียวพลัสฟาร์ม ฟาร์มโคพันธุ์ดีปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์

ภายในกิจกรรม มีการนำเสนอผลลัพธ์และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้พลังงานสะอาดและระบบ IoT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการฟาร์ม เช่น การควบคุมสภาพปัจจัยการปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ และการบริหารจัดการน้ำอย่างเหมาะสม การนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ ช่วยให้เกิดระบบ ครัวเรือนพึงพาตนเอง พลังงานสะอาด ที่ไม่สร้างมลพิษ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การสาธิตระบบก๊าซชีวภาพเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการ โดยนำเศษวัสดุเหลือใช้จากครัวเรือนและฟาร์มมาแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานทดแทน ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลแล้ว ยังช่วย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่เกิดจากการเผาไหม้หรือการทิ้งของเสียโดยตรงสู่สิ่งแวดล้อม ถือเป็นแนวทางการจัดการทรัพยากรที่ตอบโจทย์ทั้งด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม

การประชุมครั้งนี้ยังเป็นเวทีทบทวนปัญหา อุปสรรค และแนวทางพัฒนาในอนาคต โดยมีการนำเสนอประสบการณ์จากพื้นที่จริง เช่น ระบบการบริหารจัดการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรของวิสาหกิจชุมชนตำบลปางสวรรค์ อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงระหว่างการจัดการทรัพยากรท้องถิ่นกับการใช้พลังงานสะอาดและ IoT ที่ทั้งช่วยเพิ่มรายได้และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โครงการยังได้เสนอแนวทางการต่อยอดไปยังอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานท้องถิ่น และภาคเอกชน ในการขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพการจัดการพลังงานสะอาดให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น

การดำเนินงาน NU SEED x CIM แสดงให้เห็นถึงบทบาทของการศึกษาและนวัตกรรม ในการขับเคลื่อนสังคมสู่อนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ช่วยให้การผลิตและการดำรงชีพในครัวเรือนมีความยั่งยืน ลดมลพิษ และช่วยฟื้นฟูสมดุลทางนิเวศ

โครงการนี้จึงเป็นต้นแบบของการเชื่อมโยงพลังงานสะอาด เทคโนโลยี IoT และความร่วมมือจากหลายภาคส่วน เข้าด้วยกันเพื่อสนับสนุนเป้าหมาย การลดมลพิษและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชุมชน

ม.นเรศวร ส่งเสริมกิจกรรมลดคาร์บอนด้วยบริการจักรยานยืมปั่นฟรี

มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยกองกิจการนิสิต ได้ดำเนินโครงการบริการ จักรยานยืมปั่นฟรี สำหรับนิสิตหอพัก เพื่อสนับสนุนการเดินทางที่ไม่ก่อมลพิษและช่วยให้นิสิตได้ออกกำลังกายคลายความเครียดในชีวิตประจำวัน

โครงการดังกล่าวมีจุดให้บริการจักรยานที่ป้อมยาม B2 ใกล้หอพัก 9 ซึ่งนิสิตสามารถเข้ามายืมใช้งานได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ถือเป็นแนวทางที่ช่วยลดการพึ่งพารถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

การส่งเสริมการใช้จักรยานครั้งนี้ไม่เพียงช่วย ลดคาร์บอนฟุตพรินต์ ของมหาวิทยาลัย แต่ยังมีส่วนสำคัญในการสร้างวิถีการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นการสร้างพฤติกรรมที่ดีให้นิสิตตระหนักถึงคุณค่าของการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ จักรยานยังเป็นทางเลือกที่สนับสนุนการมีสุขภาพที่แข็งแรง เพราะนิสิตสามารถใช้เป็นกิจกรรมการออกกำลังกายที่ง่ายและเข้าถึงได้ทุกวัน ซึ่งช่วยทั้งในด้านการดูแลสุขภาพร่างกายและการผ่อนคลายความตึงเครียดจากการเรียน

โครงการนี้ยังมีความสำคัญในแง่ของการสร้าง ชุมชนสีเขียวภายในมหาวิทยาลัย โดยการสนับสนุนให้นิสิตใช้จักรยานแทนการใช้ยานพาหนะที่ใช้เชื้อเพลิง เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการบูรณาการระหว่างการจัดการสิ่งแวดล้อมและการใช้ชีวิตของนิสิต

มหาวิทยาลัยนเรศวรยังมุ่งหวังให้บริการจักรยานนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างวัฒนธรรมการเดินทางอย่างยั่งยืน พร้อมเป็นการกระตุ้นให้นิสิต บุคลากร และผู้ที่เกี่ยวข้องตระหนักถึงความสำคัญของการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การดำเนินการดังกล่าวจึงถือเป็นทั้งการสร้างพื้นที่การเรียนรู้และเป็นการ ส่งเสริมกิจกรรมลดคาร์บอน อย่างเป็นรูปธรรม ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการขับเคลื่อนสังคมสู่ความยั่งยืน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และคุณภาพชีวิตของทุกคนในชุมชนมหาวิทยาลัย

ม.นเรศวร เดินหน้าสู่พลังงานสะอาด จับมือเอกชนติดตั้งระบบโซลาร์ 12 MWp หนุนเป้าหมายคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์

วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับ บริษัท เพาเวอร์ซิสเต็มส์แอนด์โซลูชั่นส์ จำกัด จัดพิธีลงนามสัญญาโครงการติดตั้งและให้บริการระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับจำหน่ายกระแสไฟฟ้า โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมคณะผู้บริหาร และนายนครินทร์ ไทรงามสถิต กรรมการบริษัทฯ เข้าร่วมพิธี ณ ห้องนเรศวร 310 อาคารสำนักงานอธิการบดี ชั้น 3 มหาวิทยาลัยนเรศวร

โครงการดังกล่าวเป็นก้าวสำคัญของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการขับเคลื่อนสู่การใช้ พลังงานสะอาด และ พลังงานยั่งยืน โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อสนับสนุนนโยบายการใช้พลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิลที่ก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ตามสัญญา การติดตั้งระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มีขนาดกำลังติดตั้งรวม 12 MWp ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 20 ล้านหน่วยต่อปี และคาดว่าจะช่วยมหาวิทยาลัยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานตลอดอายุสัญญาลงได้กว่า 395,100,919 บาท ถือเป็นการลงทุนที่ตอบโจทย์ทั้งด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

บริษัท เพาเวอร์ซิสเต็มส์แอนด์โซลูชั่นส์ จำกัด จะเป็นผู้ดำเนินการสำรวจ ออกแบบ ติดตั้ง และบำรุงรักษาระบบผลิตไฟฟ้าตลอดระยะเวลาโครงการ 12 ปี เพื่อให้ระบบดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นในความมั่นคงทางพลังงานของมหาวิทยาลัย

การดำเนินโครงการนี้ไม่เพียงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการเป็นมหาวิทยาลัยที่ใช้ พลังงานยั่งยืน และเดินหน้าสู่ความเป็น มหาวิทยาลัยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านพลังงานและการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

โครงการดังกล่าวยังเป็นตัวอย่างที่ดีของ การมีส่วนร่วม ระหว่างสถาบันการศึกษาและภาคเอกชน ในการบูรณาการความรู้ เทคโนโลยี และทรัพยากร เพื่อสร้างนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาด ที่สามารถขยายผลและเป็นต้นแบบให้กับหน่วยงานอื่น ๆ ต่อไป

มหาวิทยาลัยนเรศวรตอกย้ำบทบาทในการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ผ่านการลงทุนในระบบ พลังงานสะอาด และการสร้างความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย เพื่อผลักดันเป้าหมายการลดโลกร้อน และสร้างสังคมที่พร้อมปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต

ขับเคลื่อนการดำเนินงานสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral University)

วันที่ 23 – 25 สิงหาคม 2567 รองศาสตราจารย์ ดร.ประพิธาริ์ ธนารักษ์ คณะทำงานโครงการฯ พร้อมด้วย นิสิตปัจจุบันและศิษย์เก่าของวิทยาลัยฯ เข้าร่วมกิจกรรมการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรท้องถิ่นเพื่อช่วย “ลด” และ “ชดเชย” (lower & offset) การปล่อยคาร์บอนจนเป็นกลางของเครือข่าย C-อพ.สธ. สำหรับสถาบันอุดมศึกษาภาคเหนือตอนล่าง เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนการดำเนินงานสู่การเป็นมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral University) โดยนิสิตและเครือข่ายฯ ได้เรียนรู้ที่มาและความสำคัญของแนวคิดความเป็นกลางทางคาร์บอน การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ แนวทางการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร กิจกรรมชดเชยคาร์บอน แนวทางการประเมินการลด ดูดซับและการกักเก็บก๊าซเรือนกระจกจากภาคป่าไม้และภาคการเกษตร การฝึกปฏิบัติการในการวัดต้นไม้แต่ละประเภท การเก็บข้อมูลต้นไม้ในแปลงตัวอย่าง การคำนวณการกักเก็บคาร์บอนของต้นไม้ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ข้อมูลอากาศยานไร้คนขับและเทคโนโลยีอวกาศสำหรับการหามวลชีวภาพ โครงการนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง SGtech คณะเกษตรศาสตร์ฯ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ สถานภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศภาคเหนือตอนล่าง กองส่งเสริมการบริการวิชาการ กองพัฒนาคุณภาพการศึกษา กองอาคารสถานที่ และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)

ม.นเรศวร ส่งเสริมความรู้พื้นฐานการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2567 รองศาสตราจารย์ ดร.นิพนธ์ เกตุจ้อย ผู้อำนวยการวิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี (SGtech) มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เข้าร่วมเป็นวิทยากรในงานสัมมนาเชิงวิชาการระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) และบนพื้น (Solar Farm) จัดโดยสมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) ร่วมกับวิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี ณ โรงแรม เดอะ สุโศล กรุงเทพฯ

การบรรยายมุ่งเน้นที่ ความรู้พื้นฐานการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ครอบคลุมหัวข้อที่สำคัญ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์เบื้องต้น สมรรถนะของอุปกรณ์ เทคนิคการเลือกอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน รวมถึงแนวทางการออกแบบระบบผลิตไฟฟ้าทั้งแบบบนหลังคาและบนพื้น เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและเป็นระบบแก่ผู้เข้าร่วมสัมมนา

เนื้อหายังเน้นถึงบทบาทของพลังงานแสงอาทิตย์ในการสร้างระบบพลังงานที่ยั่งยืน ลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศให้ก้าวสู่ เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ถือเป็น พลังงานสะอาดที่ไม่สร้างมลภาวะ เนื่องจากไม่มีการเผาไหม้เชื้อเพลิงและไม่ก่อให้เกิดก๊าซพิษที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการ ช่วยลดโลกร้อน ด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

การสัมมนาครั้งนี้ยังให้ความสำคัญกับ มาตรฐานด้านเทคนิคและการออกแบบระบบ เพื่อให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่าในเชิงเศรษฐศาสตร์ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในอนาคต

นอกจากประเด็นทางเทคนิคแล้ว ยังมีการแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับ การติดตั้ง การดำเนินงาน และการบำรุงรักษา ระบบผลิตไฟฟ้า เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานและผู้ประกอบการมีความเข้าใจครบถ้วน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง และช่วยผลักดันการลงทุนด้านพลังงานสะอาดในประเทศไทย

ท้ายที่สุด งานสัมมนานี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็นศูนย์กลางความรู้ด้าน พลังงานสะอาดและการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการส่งเสริมความรู้พื้นฐานการผลิตไฟฟ้า ควบคู่กับการพัฒนาทักษะบุคลากร เพื่อก้าวสู่อนาคตที่มั่นคงด้านพลังงาน ปลอดมลภาวะ และสังคมที่ลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อนอย่างแท้จริง

ม.นเรศวร จัดประชุมวิชาการ TNDR Conference เสริมความยืดหยุ่นรับภัยพิบัติ และสร้างความร่วมมือระดับเครือข่ายเพื่อสังคมที่ยั่งยืน

วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับมหาวิทยาลัยในเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย จัดการประชุมวิชาการวิจัยระดับชาติและนานาชาติ The 2nd TNDR Conference (National & International) ภายใต้หัวข้อ “ความยืดหยุ่นรับภัยพิบัติเพื่อสังคมที่ดีขึ้น (Be Better: Disaster Resilience for Better Society)” ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการและการประชุมนเรศวรมหาราช (KNECC) โดยมี ดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่าย TNDR เป็นประธานเปิดงาน

การประชุมครั้งนี้ประกอบด้วยเวทีเสวนาที่หลากหลาย เริ่มจากประเด็น “ระบบนิเวศของการสนับสนุนการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์” โดยผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายภาคส่วน ทั้งภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคเอกชน เช่น ดร.พิจิตต รัตตกุล, รศ.ดร.อภิชาต โสภาแดง, คุณเอกพงศ์ มุสิกะเจริญ และดร.ก่อศักดิ์ โตวรรธกวณิชย์ ซึ่งได้แลกเปลี่ยนมุมมองการนำองค์ความรู้ไปต่อยอดสู่การสร้างเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม

อีกหนึ่งประเด็นที่ได้รับความสนใจคือการเสวนาเครือข่าย TNDR ในหัวข้อ “โลกเดือด-สุดขั้วภัยพิบัติ จัดการน้ำอย่างไรให้รอด!!!” โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการน้ำจากหลายองค์กร ทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจ เช่น สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์กรมหาชน) บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ และมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งร่วมกันแลกเปลี่ยนแนวทางการจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นอกจากการเสวนาแล้ว ยังมีการนำเสนอผลงานวิจัยทั้งระดับชาติและนานาชาติ ที่สะท้อนถึงการสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยพิบัติ รวมถึงการจัดนิทรรศการโปสเตอร์และบูธจากเครือข่าย TNDR ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้และสร้างเครือข่ายวิชาการและวิชาชีพที่เข้มแข็ง

การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพด้าน การรับมือภัยพิบัติ โดยเชื่อมโยงงานวิจัยกับการปฏิบัติจริง และผลักดันให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ จากวิกฤตสิ่งแวดล้อมและภัยธรรมชาติ

มหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะเจ้าภาพ ได้ตอกย้ำบทบาทของตนในการเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ด้านภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยไม่เพียงเน้นการผลิตงานวิจัยเชิงวิชาการ แต่ยังให้ความสำคัญกับการนำไปใช้ประโยชน์จริงในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจให้เข้มแข็งขึ้น

ความร่วมมือจากเครือข่าย TNDR ซึ่งประกอบด้วยมหาวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน แสดงถึงพลังการทำงานร่วมกันที่เป็นรูปธรรม เพื่อพัฒนากลไกการจัดการภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ และสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมในระยะยาว

ท้ายที่สุด การประชุม TNDR Conference ครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างสังคมที่มีความยืดหยุ่นต่อภัยพิบัติ ควบคู่กับการสร้างความร่วมมือระดับเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของชุมชน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต

การประชุมวิชาการวิจัยระดับชาติและนานาชาติ “ความยืดหยุ่นรับภัยพิบัติเพื่อสังคมที่ดีขึ้น

การประชุมวิชาการวิจัยระดับชาติและนานาชาติ:The 2nd TNDR Conference (National & International) “ความยืดหยุ่นรับภัยพิบัติเพื่อสังคมที่ดีขึ้น (Be Better: Disaster Resilience for Better Society)” จัดโดย มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับ มหาวิทยาลัยในเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการ การจัดประชุมนเรศวรมหาราช (KNECC) มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยได้รับเกียรติจากดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย (TNDR) เป็นประธานในการเปิดการประชุม

หลังจากนั้นมีการเสวนาที่น่าสนใจ
1 ประเด็น “ระบบนิเวศของการสนับสนุนการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ “
1. ดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย
2. รศ.ดร.อภิชาต โสภาแดง คณบดีวิทยาลัยพหุวิทยาการและสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
3. คุณเอกพงศ์ มุสิกะเจริญ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและประสานเพื่อประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม (กปว.)
4. ดร.ก่อศักดิ์ โตวรรธกวณิชย์ ผู้จัดการแพล็ตฟอร์มสร้างธุรกิจนวัตกรรม ศูนย์ธุรกิจระหว่างประเทศ บจม.พีทีที โกลบอล เคมิคัล ผู้ดำเนินรายการ: ดร.พิสุทธิ์ อภิชยกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี

2. เสวนาเครือข่าย TNDR ประเด็น “โลกเดือด-สุดขั้วภัยพิบัติ จัดการน้ำอย่างไรให้รอด!!!”
1. คุณวรรธนศักดิ์ สุปะกิ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศ ทรัพยากรน้ำ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์กรมหาชน)
2. คุณสุขธวัช พัทธวรากร ผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและพันธกิจสังคม บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
3. คุณวีฤทธิ กวยะปาณิก หัวหน้าศูนย์บริหารจัดการน้ำ องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่
4. รศ.ดร.เดช วัฒนชัยยิ่งเจริญ นักวิชาการด้านการบริหารจัดการน้ำ มหาวิทยาลัยนเรศวร ผู้ดำเนินรายการ: นายสมคิด สะเภาคำ ผู้อำนวยการศูนย์อุทกวิทยาชลประทานภาคเหนือตอนล่าง

นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ และนานาชาติ พร้อมทั้งนิทรรศการโปสเตอร์และบูธเครือข่าย TNDR

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin