ม.นเรศวร เข้าร่วมการสัมมนาพหุภาคี “สู้ชนะความจน”

วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน 2566 ศาสตราจารย์ ดร.จิรวัฒน์ พิระสันต์ และคณะทำงานโครงการวิจัยฯ เข้าร่วมการสัมมนาพหุภาคี “สู้ชนะความจน : บนฐานพลังความรู้ พลังภาคี” ภายใต้แผนงานแพลตฟอร์มขจัดความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำระดับจังหวัดของหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยมีศาสตราจารย์ (พิเศษ) เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเป็นประธานในพิธีฯในการสัมมนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานวิจัยและนำไปสู่การขับเคลื่อนขยายผลและกลยุทธ์การขับเคลื่อนพื้นที่จังหวัด SRA แบบบูรณาการ ณ ห้องวิภาวดีบอลรูม บี โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซาลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร

ที่มา: คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวรร่วมสัมมนา Textile Talk เชื่อมโยงเศรษฐกิจวัฒนธรรมและหัตถกรรมสุโขทัย

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค โดยใช้องค์ความรู้และนวัตกรรมเป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคม ผ่านความร่วมมือระหว่างเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์และภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นให้มีความโดดเด่น สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล และช่วยส่งเสริมรายได้ให้กับชุมชน

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2566 มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้มอบหมายให้ ดร.จารุวรรณ แดงบุบผา ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต พร้อมด้วย นางนิพัทธ์ เกษาพร ผู้อำนวยการกองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม และบุคลากร เข้าร่วมสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านผ้าทอและวัฒนธรรม (Textile Talk) ในพื้นที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวเครือข่ายระเบียงเศรษฐกิจ LIMECโรงแรมสุทัยเทรชเชอร์ รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดสุโขทัย

การสัมมนาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจวัฒนธรรมผ่านการท่องเที่ยว ตลอดจนการพัฒนาแนวทางในการส่งเสริมงานหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน โดยเน้นการประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นร่วมกับนวัตกรรมสมัยใหม่ เพื่อสร้างคุณค่าและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของสินค้าทางวัฒนธรรม นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมการสร้างอาชีพให้กับคนในชุมชน เพิ่มมูลค่าสินค้าหัตถกรรม และช่วยลดปัญหาความยากจนในระดับท้องถิ่น

มหาวิทยาลัยนเรศวรยังให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างเมืองในเครือข่าย LIMEC เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและสังคมในระดับภูมิภาค โดยมุ่งหวังให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเมืองและชุมชนอย่างยั่งยืน ตลอดจนขยายโอกาสทางการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน เพื่อให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว

มหาวิทยาลัยนเรศวรจะเดินหน้าส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจผ่านองค์ความรู้และนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของพื้นที่ ส่งเสริมรายได้ สร้างมูลค่าสินค้า และพัฒนาอาชีพให้กับชุมชน อันเป็นแนวทางสำคัญในการแก้ปัญหาความยากจนในระดับท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

มน. ร่วมลงนาม “บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) แนวทางบูรณาการแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (ววน.)”

สืบเนื่องจากการที่ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริม วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ได้ร่วมลงนาม “บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) แนวทางบูรณาการแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (ววน.)” เชิงพื้นที่เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมเชิงพื้นที่ โดยมุ่งเน้นนำองค์ความรู้จากวิทยาศาสตร์ ผลงานวิจัย และผลผลิตที่เป็นนวัตกรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการพลิกโฉมประเทศ ในการพัฒนาพื้นที่ พัฒนาจังหวัด และกลุ่มจังหวัด อีกทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน อันจะเป็นทางเลือก และทางรอดสำหรับอนาคต

วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก จึงได้ร่วมทำการหารือกับ รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวรพร้อมคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยนเรศวร ณ อาคารอุทยานองค์สมเด็จพระนเรศวร มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อร่วมหาแนวทางการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบบูรณาการ โดยใช้งานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ โดยมหาวิทยาลัยนเรศวรพร้อมเป็นแหล่งข้อมูลองค์ความรู้ วิชาการ วิจัยและนวัตกรรม และสนับสนุนทรัพยากรบุคคลทางด้านวิชาการ วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่สำคัญของประเทศที่สามารถตอบโจทย์ แก้ไข ปัญหาในพื้นที่ และจะร่วมพัฒนาความร่วมมือกับจังหวัดพิษณุโลกในลำดับถัดไป

ที่มา: กองการวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยวิทยาลัยนเรศวร

การพัฒนานวัตกรรมที่เกิดจากชุมชนอย่างแท้จริง จึงจะเกิดความยั่งยืนและความเข้มแข็งของชุมชน

การลงชุมชน มิใช่การนำนวัตกรรมไปให้แล้วจบ หรือการพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้ไปให้แล้วจบ แต่คือการสร้างจุดร่วม แนวคิด เป้าหมายในการพัฒนานวัตกรรมที่เกิดจากชุมชนอย่างแท้จริง จึงจะเกิดความยั่งยืนและความเข้มแข็งของชุมชน ผู้นำมีส่วนสำคัญในการนำพา ที่ใดผู้นำมีวิสัยทัศน์ มีความคิดสร้างสรรค์ เห็นประโยชน์คนอื่นมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว ชุมชนจะเกิดความร่วมมือร่วมแรงเพื่อประโยชน์ของชุมชนเอง คำถามคือ เกิดยากมัย บอกเลย ยากมาก จะเกิดเมื่อไหร่ เมื่อเราลงพื้นที่แล้วเกิดความไว้วางใจ เกิดการทำงานร่วมกันจริงๆ ไม่ใช่ไปเพียง 1-2 ครั้งแล้วบอกว่านั้นคือการลงชุมชน มิใช่เลย… ขอบคุณ สำหรับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และนำพาไปสู่ความร่วมมือกันในอนาคตเพื่อพัฒนาชุมชนอย่างแท้จริง

*ภาคการศึกษา คือส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนชุมชน การตัดตอนความไม่รู้ ตัดช่วงของความจน (วงจรคนจนข้ามรุ่น) เพื่อก่อเกิดนวัตกรรมใหม่ในชุมชนแห่งการเรียนรู้

ม.นเรศวร ร่วมสัมมนา ‘Textile Talk’ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์และท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในเขต LIMEC ยกระดับศักยภาพสุโขทัย สร้างรายได้และอาชีพยั่งยืน

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2566, มหาวิทยาลัยนเรศวร ภายใต้การนำของ ดร.จารุวรรณ แดงบุบผา ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต และ นางนิพัทธ์ เกษาพร ผู้อำนวยการกองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ร่วมกับบุคลากรจากมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เข้าร่วมการสัมมนา “Textile Talk” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเสริมสร้างความร่วมมือด้านการพัฒนาศักยภาพของอุตสาหกรรมผ้าทอและวัฒนธรรมในพื้นที่ โดยมีการเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวในเครือข่ายระเบียงเศรษฐกิจ LIMEC (Lower Mekong Subregion Economic Corridor)โรงแรมสุทัยเทรชเชอร์ รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดสุโขทัย

1. การส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านวัฒนธรรมและหัตถกรรม: การสัมมนาครั้งนี้มีจุดประสงค์หลักในการส่งเสริมการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจวัฒนธรรม ผ่านการท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นการยกระดับ เมืองสุโขทัย ให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพด้านงานหัตถกรรมและศิลปะพื้นบ้าน สถานที่นี้ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม รวมถึงการพัฒนาความร่วมมือระหว่างพื้นที่ในเขตระเบียงเศรษฐกิจ LIMEC ซึ่งประกอบด้วยหลายประเทศในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่าง ภาครัฐ, ภาคเอกชน, และ ภาคประชาชน ในการพัฒนาเศรษฐกิจของพื้นที่จังหวัดสุโขทัยและพื้นที่โดยรอบ ผ่านการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่เน้นการเชื่อมโยงกับ งานหัตถกรรมพื้นบ้าน อันเป็นเอกลักษณ์ท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการที่มีในพื้นที่ พร้อมทั้งสร้างโอกาสในการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน

2. การสร้างงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจ (SDG 8): การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและงานหัตถกรรมในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น งานทอผ้าและศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน นอกจากจะช่วยยกระดับการท่องเที่ยวแล้วยังมีผลต่อการ สร้างงาน และ สร้างอาชีพ ในท้องถิ่น การฝึกอบรมและพัฒนาทักษะในการทำงานหัตถกรรมทำให้ชุมชนมีโอกาสในการสร้างรายได้จากกิจกรรมเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว

การพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวที่เน้น เศรษฐกิจสร้างสรรค์ เป็นแนวทางสำคัญในการส่งเสริม SDG 8 (การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและการทำงานที่ดี) ซึ่งจะช่วยให้ชุมชนในพื้นที่สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ลดการพึ่งพาการท่องเที่ยวที่เกิดจากการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่ยั่งยืน หรือการลงทุนภายนอกที่ไม่เกิดประโยชน์กับชุมชนอย่างแท้จริง

3. การส่งเสริมการพัฒนาเมืองและชุมชนที่ยั่งยืน (SDG 11): การสัมมนาครั้งนี้ยังเชื่อมโยงกับ SDG 11 (เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน) โดยการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่ผสมผสานกับการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมท้องถิ่น และการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน ผ่านการส่งเสริม การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน การใช้วัฒนธรรมท้องถิ่นและงานหัตถกรรมเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมที่มีคุณค่า ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน แต่ยังช่วยในการสร้างความรู้สึกภาคภูมิใจในมรดกทางวัฒนธรรมของชุมชน

การส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ยังทำให้เมืองสุโขทัยมีโอกาสในการเติบโตในฐานะ เมืองสร้างสรรค์ ซึ่งมีการใช้ศิลปะและวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการพัฒนาเมืองให้มีความเป็นเอกลักษณ์และดึงดูดนักท่องเที่ยวในระยะยาว การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่และสร้างความเชื่อมโยงกับการพัฒนาระยะยาวของเมืองให้ยั่งยืน ถือเป็นการขับเคลื่อน SDG 11 อย่างมีประสิทธิภาพ

4. บทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการพัฒนาที่ยั่งยืน: มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจท้องถิ่นผ่านการสนับสนุนและการเชื่อมโยงเครือข่ายต่าง ๆ โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยวและศิลปะท้องถิ่น ซึ่งเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ มหาวิทยาลัยได้ร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อสร้าง พันธมิตร ที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างยั่งยืนและขยายผลการพัฒนาไปสู่พื้นที่อื่น ๆ ภายในเขตระเบียงเศรษฐกิจ LIMEC

การส่งเสริมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยเฉพาะงานหัตถกรรม เช่น การทอผ้า ยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่โดยการสร้าง งาน และ อาชีพ ให้กับชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับทั้ง SDG 1 (การขจัดความยากจน) และ SDG 8 (การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน) รวมถึง SDG 11 ที่เน้นการพัฒนาเมืองและชุมชนให้มีความยั่งยืน

ที่มา: กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร

ตลาดสีเขียวคณะเกษตรศาสตร์ฯ มาแล้วจ้าา

ตลาดสีเขียว “Green and Clean Market” ณ คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสนับสนุนการเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยตลาดนี้จัดขึ้นทุกวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 12.00 – 16.30 น. ที่ลานจอดรถด้านหน้าคณะเกษตรศาสตร์ฯ

ในวันที่ 26 เมษายน 2566 แม้จะมีฝนตก ตลาดสีเขียวยังคงเปิดให้บริการตามปกติ เพื่อให้ผู้บริโภคได้มาเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดีจากเกษตรกรท้องถิ่น สินค้าที่จำหน่ายในตลาดประกอบไปด้วยผักปลอดสารพิษ ผักอินทรีย์ และผักไฮโดรโปนิกส์ ซึ่งเป็นผักที่ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี มีความปลอดภัยสูง พร้อมทั้งยังมีผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ เช่น ปลาแดดเดียว ไข่ไก่ราคาถูก และปลาสวยงามที่มีคุณภาพจากเกษตรกรในพื้นที่ ทั้งจากกลุ่มเกษตรกรพันเสา เกษตรกรบึงพระ และเกษตรกรจากบางระกำ รวมถึงผลิตภัณฑ์จากนิสิตของคณะเกษตรศาสตร์ฯ ที่นำมาจำหน่ายอีกด้วย

การจัดตลาดสีเขียวนี้ไม่เพียงแต่ช่วยส่งเสริมการบริโภคสินค้าเกษตรที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ แต่ยังเป็นการสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่นและเสริมสร้างโอกาสในการพัฒนาธุรกิจเกษตรกรรมที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 2) ของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการขจัดความหิวโหยและส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืน โดยตลาดนี้เป็นเวทีให้เกษตรกรและนิสิตได้แสดงศักยภาพของตน และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการเลือกซื้อสินค้าที่ยั่งยืนและดีต่อสุขภาพแก่ผู้บริโภคในชุมชนได้เป็นอย่างดี

ที่มา: คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จัดเวทีการนำเสนอโครงการย่อยออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น ประจำปี 2566

วันที่ 21 เมษายน 2566 อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จัดเวทีการนำเสนอโครงการย่อยออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น ประจำปี 2566 เพื่อให้นิสิตได้นำเสนอแผนการดำเนินงาน การพัฒนาศักยภาพของกลุ่มชุมชน ให้สามารถเข้าสู่ตลาดเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน อันนำไปสู่การสร้างความมั่นคงของรากฐานสังคมจากพื้นฐานความเข้าใจของคนรุ่นใหม่ ณ ห้อง EN617 ชั้น 6 อาคารเรียนรวม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ได้รับเกียรติจาก คุณณัฐวุฒิ ธรรมตานนท์ รองผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจผู้ประกอบการรายย่อยและองค์กรชุมชน, คุณศราวุธ วัดเวียงคำ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจผู้ประกอบการรายย่อยและองค์กรชุมชน, คุณดำหลิ ตันเหยี่ยน ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสินภาค 7 หน่วยพัฒนาสังคมและชุมชน และดร.ปัญญวัณ ลำเพาพงศ์ รองหัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมรับฟังและเป็นกรรมการพิจารณาการนำเสนอ ให้คำแนะนำและข้อเสนอแนะให้แก่นิสิตในครั้งนี้

โดยมีทีมนักศึกษาเข้าร่วมนำเสนอ จำนวน 5 ทีม ได้แก่
1. กำปั้นยายเชียง วิสาหกิจชุมชนปลูกและแปรรูปสมุนไพรทับยายเชียง (โฮมสเตย์/ท่องเที่ยวชุมชน)
2. พายใจไปล่องแก่งซอง กลุ่มแม่บ้านน้ำตกแก่งซอง (โฮมสเตย์/ท่องเที่ยวชุมชน)
3. PolSci Connect กลุ่มชุมชนท่องเที่ยวบ่อเกลือพันปี (โฮมสเตย์/ท่องเที่ยวชุมชน)
4. NU Sweethearts วิสาหกิจชุมชนแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรบ้านท่าชัย (ผลิตภัณฑ์กล้วยกวนหวาน)
5. SD ยุวพัฒน์ @NU กลุ่มซากุระญี่ปุ่นบ้านร่องกล้า (ผลิตภัณฑ์กิมจิ)

ที่มา: อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ร่วมผนึกกำลังพัฒนาแผนเศรษฐกิจภูมิภาค ต่อยอดความร่วมมือภาคเอกชน สู่อนาคตที่ยั่งยืน พ.ศ. 2566-2570

ในวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2566 อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร (NU SciPark) นำทีมโดย ดร.สราวุธ สัตยากวี รักษาการในตำแหน่งรองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ พร้อมด้วยคณะกรรมการร่วมภาคเอกชนจาก 3 สถาบัน (กกร.) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ได้จัดการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน สถาบัน (กกร.) กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ครั้งที่ 1/2566 เพื่อร่วมกันระดมความคิดเห็นและวางแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ในช่วงปีงบประมาณ พ.ศ. 2566-2570

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้น ณ โรงแรมแกรนด์วิษณุ จังหวัดนครสวรรค์ โดยอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวรได้รับมอบหมายให้ดำเนินการวิเคราะห์และจัดทำ “แผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนระดับภูมิภาค พ.ศ. 2566 – 2570 ระยะที่ 2” ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์สำคัญในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในภูมิภาค พร้อมทั้งเชื่อมโยงภารกิจของภาคเอกชนให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาต่าง ๆ ในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคให้มีความยั่งยืนในระยะยาว

แผนพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนในภูมิภาคภาคเหนือตอนล่างนี้เป็นการเน้นการใช้ศักยภาพของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคเอกชนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ให้เติบโตอย่างยั่งยืน การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนนี้มีเป้าหมายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในภูมิภาค ลดช่องว่างทางเศรษฐกิจและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นสำหรับชุมชนท้องถิ่น การใช้ศักยภาพของภาคเอกชนในการสร้างการเติบโตในระยะยาวจะช่วยลดอัตราความยากจนและเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ในภูมิภาค ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 1: การขจัดความยากจน โดยการเสริมสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน

การวางแผนพัฒนาเศรษฐกิจในระดับภูมิภาคจึงไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การส่งเสริมการลงทุนเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสการจ้างงาน การเสริมสร้างอาชีพ และการพัฒนาทักษะของประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนสามารถมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งในด้านการศึกษา การพัฒนาอาชีพ และการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจที่เท่าเทียม

การประชุมครั้งนี้มีการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการสนับสนุนการลงทุนใน เทคโนโลยี และ นวัตกรรม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาค การพัฒนานวัตกรรมในภาคธุรกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีความต้องการในท้องถิ่น เช่น การเกษตรกรรม การผลิตสินค้า OTOP และการท่องเที่ยว จะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและสร้างความมั่นคงทางรายได้ให้กับชุมชน

การสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทำให้การผลิตสินค้าหรือบริการมีความยั่งยืน โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่ยั่งยืน หรือการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือเป็นการสนับสนุน SDG 9: อุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน โดยการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมในภูมิภาคจะเป็นการสร้างฐานทางเศรษฐกิจที่มั่นคงในระยะยาว

อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร (NU SciPark) ได้รับการสนับสนุนจากทีมที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากหลายคณะของมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูลและวางแนวทางการพัฒนาแผนเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาทักษะในระดับท้องถิ่น โดยการนำองค์ความรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยีจากมหาวิทยาลัยมาสนับสนุนการพัฒนาชุมชน ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการเสริมสร้างเศรษฐกิจ แต่ยังเสริมสร้าง SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ ด้วยการพัฒนาทักษะของบุคลากรในพื้นที่ให้มีความสามารถในการแข่งขันในตลาดแรงงานได้มากขึ้น และช่วยเสริมสร้างโอกาสในการเติบโตในอาชีพต่าง ๆ

การเสริมทักษะการเรียนรู้ในด้านต่าง ๆ เช่น การตลาด การใช้เทคโนโลยี และการบริหารจัดการธุรกิจ จะช่วยให้ประชาชนในท้องถิ่นสามารถเข้าถึงการพัฒนาและโอกาสทางเศรษฐกิจได้อย่างมีคุณภาพและยั่งยืน

แผนพัฒนาเศรษฐกิจนี้ยังมุ่งเน้นการสร้าง การทำงานที่ดีและการเติบโตทางเศรษฐกิจ (SDG 8) โดยการเสริมสร้างโอกาสในการสร้างงานในพื้นที่ รวมถึงการสนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่นให้เติบโตและสามารถแข่งขันได้ในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ การส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูงในภูมิภาค เช่น การท่องเที่ยว การเกษตรกรรม การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดกลาง จะช่วยเพิ่มการจ้างงานและส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว

การสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีให้กับประชาชนในภูมิภาคภาคเหนือตอนล่างนี้ จะช่วยให้ประชาชนสามารถมีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน โดยเฉพาะในกลุ่มภาคเกษตรกรและผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ซึ่งจะช่วยลดความยากจนและเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในภูมิภาค

การประชุมและการจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจนี้ยังเป็นการส่งเสริม SDG 17: การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการร่วมมือกันระหว่าง มหาวิทยาลัยนเรศวร, ภาครัฐ, ภาคเอกชน, และ ชุมชนท้องถิ่น ซึ่งมีการบูรณาการความรู้และทรัพยากรจากทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค การสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนจะช่วยให้การพัฒนาที่ยั่งยืนในภูมิภาคภาคเหนือตอนล่างสามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

งานเกษตรนเรศวรเอ็กซ์โป 2023

เตรียมพบกับ..มหกรรมงานเกษตรภาคเหนือตอนล่าง ครั้งที่ 18 “งานเกษตรนเรศวรเอ็กซ์โป 2023” ระหว่างวันที่ 3-9 กรกฎาคม 2566 ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการและการจัดประชุมนานาชาติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มหาวิทยาลัยนเรศวร

“NU Marketplace : U2T for BCG” พิธีรวมพลังและแสดงนิทรรศการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ขับเคลื่อนด้วยเศรษฐกิจ BCG

วันที่ 22 – 23 มีนาคม 2566 อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร นำโดย ดร.พิสุทธิ์ อภิชยกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี และรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร และ ดร.สราวุธ สัตยากวี ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี และรักษาการในตำแหน่งรองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานวิทยาศาตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร เข้าร่วมกิจกรรม “NU Marketplace : U2T for BCG” ในพิธีรวมพลังและแสดงนิทรรศการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ขับเคลื่อนด้วยเศรษฐกิจ BCG ทั้งนี้ได้เชิญ ผู้ประกอบการจากจังหวัดพิจิตร เพชรบูรณ์ สุโขทัย และพิษณุโลก จำนวน 9 ราย มาร่วมออกบูธจำหน่ายสินค้า ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนจากที่มาจากการต่อยอดความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม

โดย นายนิสิต สวัสดิเทพ ปลัดจังหวัดพิษณุโลก กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ และ รศ.ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวรายงานและวัตถุประสงค์การจัดการกิจกรรม และกิจกรรมในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.ดนุช ตันเทอดทิตย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้มอบนโยบาย U2T for BCG เพื่อให้สถาบันศึกษา นำองค์ความรู้สู่การพัฒนาผู้ประกอบการ ให้เกิดความเข้มแข็ง ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พิษณุโลก

อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมสนับสนุนการพัฒนาผู้ประกอบการให้ได้รับกับโอกาสทางธุรกิจและพัฒนาเทคโนโลยีอย่างเสมอภาคและยั่งยืน

ที่มา: อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin