ม.นเรศวร จับมือ TCELS และเครือข่าย TOPT ผลักดันงานทดสอบสารสกัดและผลิตภัณฑ์สุขภาพสู่มาตรฐาน OECD

วันพุธที่ 11 กันยายน 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวร นำโดย ศาสตราจารย์ ดร.กรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรนรินทร์ เทพาวราพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถานสัตว์ทดลองเพื่อการวิจัย มหาวิทยาลัยนเรศวร เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการวิจัยร่วมกับ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) และเครือข่าย Thailand OECD GLP Preclinical Testing (TOPT) Network จากทั่วประเทศ ความร่วมมือนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อผลักดันการทดสอบสารสกัดและผลิตภัณฑ์สุขภาพของไทยสู่มาตรฐานสากล และเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมการสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ของประเทศไทย

ความร่วมมือนี้มีความสำคัญต่อการ ส่งเสริมเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ โดยมุ่งเน้นการตรวจทดสอบคุณภาพของยา อาหาร เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ เคมีเกษตร และเคมีอุตสาหกรรม ผ่านเครือข่าย TOPT ซึ่งเป็นที่ยอมรับของ OECD กว่า 45 ประเทศทั่วโลก การยกระดับมาตรฐานการทดสอบดังกล่าวจะช่วยลดข้อกีดกันทางการค้า เพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย และสร้างความเชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพในระดับนานาชาติ

ในปัจจุบันเครือข่ายห้องปฏิบัติการ TOPT ที่อยู่ภายใต้มาตรฐานการรับรองของ OECD ครอบคลุมสถาบันสำคัญ เช่น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข, ศูนย์สัตว์ทดลองแห่งชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.), ศูนย์วิจัยไพรเมทแห่งชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เครือข่ายเหล่านี้เป็นฐานสำคัญในการพัฒนางานวิจัยและการบริการทดสอบที่มีคุณภาพ

สำหรับปี 2567 ได้มีการเพิ่มสมาชิกเครือข่ายใหม่อีก 4 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยนเรศวร, บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด และบริษัท ราวิส เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบทดสอบสารสกัดและผลิตภัณฑ์สุขภาพของประเทศ

ขอบเขตการดำเนินงานของเครือข่าย TOPT ครอบคลุมการทดสอบที่หลากหลาย ได้แก่ การทดสอบวิเคราะห์คุณภาพและสารสำคัญของยาและสมุนไพร, การทดสอบสารเคมีใหม่, การทดสอบในเซลล์, การทดสอบในสัตว์ทดลอง เช่น ปลา หนู และไพรเมท รวมทั้งการทดสอบเครื่องสำอางและการทดสอบ Biocompatibility สำหรับกลุ่มเครื่องมือแพทย์ การพัฒนางานวิจัยและการทดสอบที่ได้มาตรฐานสากลเหล่านี้จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และเป็นแรงขับเคลื่อนให้ประเทศไทยสามารถก้าวพ้นจาก middle income trap

นอกจากนี้ การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย TOPT ยังช่วยให้ประเทศไทยมีความพร้อมในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมชีววิทยาศาสตร์ (Bio Industry) ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมอนาคต (New S-Curve) ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน การยกระดับความสามารถด้านการทดสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพและการวิจัยเชิงลึก จะช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

ความร่วมมือครั้งนี้ยังเป็นตัวอย่างของการ สร้างพันธมิตรด้านการวิจัยและนวัตกรรม ระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐ และภาคเอกชน ที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ถือเป็นกลไกสำคัญที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในการเสริมสร้างสุขภาพของประชาชน และการสร้างความร่วมมือระดับประเทศและระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่มั่นคง

ม.นเรศวร จัดเวิร์กช็อปออกแบบระบบพลังงานแสงอาทิตย์ เสริมความยั่งยืน

วันที่ 22 สิงหาคม 2567 รศ.ดร.นิพนธ์ เกตุจ้อย ผู้อำนวยการ SGtech พร้อมด้วยคณะทำงาน เข้าร่วมเป็นวิทยากรในหลักสูตร Workshop การอบรมการใช้งานโปรแกรม PVsyst

การบรรยายเน้นหัวข้อ ความรู้พื้นฐานการออกแบบระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งแบบติดตั้งบนหลังคาและแบบบนพื้นดิน และ การออกแบบระบบผลิตไฟฟ้าด้วยโปรแกรม PVsyst เพื่อพัฒนาความรู้ด้านการผลิตพลังงานสะอาด

กิจกรรมนี้จัดขึ้นในงาน สัมมนาเชิงวิชาการระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) และบนพื้น (Solar Farm) ครอบคลุมนโยบาย ข้อกำหนด การออกแบบ การติดตั้ง การดำเนินงาน การบำรุงรักษา และการประเมินทางเศรษฐศาสตร์

การจัดอบรมครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง สมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) กับ วิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะด้านพลังงานทดแทนอย่างยั่งยืน

เนื้อหาการบรรยายและการฝึกอบรมมุ่งเน้นการสนับสนุน พลังงานสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ให้เหมาะสมกับการประยุกต์ใช้ในชุมชน อุตสาหกรรม และภาคส่วนต่าง ๆ

เวิร์กช็อปครั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้าง เครือข่ายความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย อุตสาหกรรม และหน่วยงานภาครัฐ เพื่อขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรมด้านพลังงานอย่างยั่งยืน

ผู้สนใจติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกิจกรรมและงานวิจัยด้านพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยีได้ที่ เว็บไซต์ SGtech และ Facebook SGtech NU

ม.นเรศวร ถ่ายทอดความรู้ด้านการบำรุงรักษาระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์

วันที่ 20 – 22 สิงหาคม 2567 ดร.คงฤทธิ์ แม้นศิริ และคุณรัฐพร เงินมีศรี จาก งานนวัตกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับเชิญจาก การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) ให้บรรยายและแลกเปลี่ยนความรู้ด้าน การบำรุงรักษาระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์

การบรรยายครั้งนี้มุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้าใจในเทคโนโลยี พลังงานทดแทน และวิธีการบำรุงรักษาอุปกรณ์ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อลดความสูญเสียด้านพลังงานและเพิ่มความมั่นคงในการผลิตไฟฟ้า

นอกจากนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนแนวทางการตรวจสอบและซ่อมบำรุงระบบโซลาร์เซลล์ให้สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาพลังงานสะอาดและการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนในระดับประเทศ

กิจกรรมนี้ยังเปิดโอกาสให้นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญจาก EGAT ได้ร่วมอภิปรายเกี่ยวกับ นวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านพลังงานแสงอาทิตย์ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในระบบผลิตไฟฟ้าและชุมชนต่าง ๆ

การเข้าร่วมกิจกรรมเป็นการสนับสนุนการสร้าง เครือข่ายความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและหน่วยงานภาครัฐ เพื่อร่วมพัฒนางานวิจัยและเทคโนโลยีพลังงานที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การบรรยายและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการส่งเสริม พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีอัจฉริยะ ให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน

งานบริการวิชาการ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาและถ่ายทอดความรู้ด้านพลังงานและนวัตกรรม เพื่อสนับสนุนการสร้างสังคมที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
ข้อมูลเพิ่มเติม: งานบริการวิชาการ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
โทรศัพท์: 055-963144 อีเมล: watcharaju@nu.ac.th

ม.นเรศวร จับมือธนาคารออมสิน จัดโครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น 2024 ส่งเสริมอาชีพและยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่น

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2567 อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร (SEED) ร่วมกับธนาคารออมสิน จัดกิจกรรม “การนำเสนอผลสัมฤทธิ์โครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น ประจำปี 2567” ณ อาคารภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยได้รับเกียรติจากผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมลักษณ์ วรรณฤมล กีเยลาโรว่า ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานกล่าวเปิดกิจกรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บุคลากร และตัวแทนจากธนาคารออมสินเข้าร่วม

กิจกรรมครั้งนี้เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้นิสิตได้นำเสนอผลงานที่ร่วมพัฒนากับชุมชน โดยนำนวัตกรรมและองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัยไปประยุกต์ใช้กับ ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ตลาด และช่วย ส่งเสริมอาชีพ ให้กับคนในชุมชน ถือเป็นการบูรณาการการเรียนรู้และการพัฒนาสังคมอย่างเป็นรูปธรรม

การประกวดผลงานได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากธนาคารออมสิน ได้แก่ นางจันทร์แรม รุ่งวัฒนา ผู้จัดการธนาคารออมสินสาขาบิ๊กซี พิษณุโลก นายดำหลิ ตันเยี่ยน ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสินภาค 7 หน่วยพัฒนาสังคมและชุมชน นายเตธินภัทร์ แหยมคง พนักงานสนับสนุนธุรกิจ 7 และนางสาวจรรยพร อนันตพรรค ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจผู้ประกอบการรายย่อยและองค์กรชุมชน โดยทุกท่านได้ให้คำแนะนำเชิงลึกแก่ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน

โครงการนี้สะท้อนถึงการสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับภาคธุรกิจ ในการผลักดันเศรษฐกิจฐานราก โดยใช้พลังของคนรุ่นใหม่อย่างนิสิต Gen Z ผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างสรรค์แนวทางใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน

ผลการประกวด รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทีมเสลารักษ์ จักสานหวาย กลุ่มพัฒนาสตรีตำบลย่านยาว (คณะสังคมศาสตร์) รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีม Ranger Organic กลุ่มกล้วยกรอบแก้วบ้านใหม่ดินทอง (คณะเกษตรศาสตร์ฯ) รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ทีม SD ยุวทัฒน์, @NU Season 2 กลุ่มวิสาหกิจชุมชนซากุระญี่ปุ่น (คณะสังคมศาสตร์)

รางวัลชมเชยจำนวน 2 ทีม ได้แก่ ทีมผ้าทอชาววัง วิสาหกิจชุมชนผ้าทอชาววัง (คณะวิศวกรรมศาสตร์ ร่วมกับคณะบริหารธุรกิจฯ) และทีม PolSci, the Next Gen กลุ่มโฮมสเตย์และท่องเที่ยวบ่อโพธิ์ (คณะสังคมศาสตร์) ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นตัวอย่างของการพัฒนาที่เชื่อมโยงภูมิปัญญาท้องถิ่นกับการบริหารจัดการสมัยใหม่

การดำเนินโครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น เป็นการปูรากฐานการทำงานเชิงบูรณาการระหว่างภาคการศึกษา ชุมชน และองค์กรภาคธุรกิจ ทำให้เกิดทั้งการพัฒนาทักษะของนิสิต การสร้างนวัตกรรมเพื่อสังคม และการเสริมความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของชุมชน

ท้ายที่สุด โครงการนี้ไม่เพียงสร้างประโยชน์เชิงเศรษฐกิจและการ ส่งเสริมอาชีพ ให้กับชุมชน แต่ยังแสดงให้เห็นถึงพลังของ ความร่วมมือ ระหว่างหลายภาคส่วน ที่สามารถผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่นและประเทศ ตอกย้ำบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็นแรงขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจไทยสู่อนาคตที่มั่นคง

ม.นเรศวร นิสิตคว้ารางวัลนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับประเทศ

วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม 2567 นิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวรคว้ารางวัลที่ 3 ในโครงการนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนระดับประเทศ จากมูลนิธิรากแก้ว ในงาน National Exposition 2024 University Sustainability Showcase ณ สามย่านมิตรทาวน์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอแสดงความยินดีกับนิสิตคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์และคณะวิทยาศาสตร์ ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศลำดับที่ 3 ทีมหน้าใหม่ประจำปี 2567 ในการแข่งขันโครงการนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจัดขึ้นโดยมูลนิธิรากแก้ว และได้รับการสนับสนุนจากบริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), บริษัท KPMG, Junior Achievement Thailand และมูลนิธิ SCG

นิสิตที่ได้รับรางวัลประกอบด้วย นายสกาย คิดลูน จอมพงษ์ และนางสาววาสิตา รอดอินทร์ นิสิตชั้นปีที่ 4 จากคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ รวมถึงนายกษิดิศ เห็มกัณฑ์ จากคณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งได้นำเสนอผลงานนวัตกรรม “Paopae” ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน

ผลงาน “Paopae” ใช้ระบบพาสปอร์ตสะสมแต้มสำหรับนักท่องเที่ยว เพื่อแลกรับน้ำหอมกลิ่นดอกไม้ประจำจังหวัด นอกจากนี้ ยังนำผ้าทอลายประจำจังหวัดมาประยุกต์ในการออกแบบชุดร่วมสมัย เพื่อสร้างความสนใจและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

การนำเสนอแนวคิดดังกล่าวได้รับการยกย่องจากคณะกรรมการและได้รับรางวัลระดับ Silver พร้อมโล่ห์รางวัล ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพและความสามารถของนิสิตในการประยุกต์ความรู้เพื่อสร้างประโยชน์ต่อสังคมและสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน

ดร.ชไมพร ศรีสุราช และอาจารย์ศรัณย์พร เกิดเกาะ จากวิทยาลัยนานาชาติ ทำหน้าที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาโครงการ มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนและให้คำแนะนำ เพื่อให้นิสิตสามารถพัฒนาผลงานจนประสบความสำเร็จ

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอแสดงความยินดีและภูมิใจในความสำเร็จของนิสิต พร้อมย้ำถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมและการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยและองค์กรภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อสร้างประโยชน์ต่อสังคมและเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืนต่อไป

ม.นเรศวร เปิดโอกาสการศึกษาเท่าเทียม จัดทำสัญญา กยศ. ให้นิสิตกว่า 3,200 คน

เมื่อวันที่ 3 – 4 สิงหาคม 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยกองบริการการศึกษา ได้ดำเนินการจัดโครงการทำสัญญากองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ประจำปีการศึกษา 2567 ณ ห้อง 32, 52 ชั้น 2 อาคารปราบไตรจักร 1 มหาวิทยาลัยนเรศวร มีนิสิตเข้าร่วมทำสัญญาจำนวนทั้งสิ้น 3,223 คน เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาให้กับนิสิตที่ต้องการความช่วยเหลือด้านการเงินในการเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา

การดำเนินงานครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสร้าง ความเท่าเทียมทางการศึกษา และขยายโอกาสให้กับเยาวชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG1 ขจัดความยากจน ผ่านการลดอุปสรรคด้านค่าใช้จ่ายในการศึกษา

โครงการทำสัญญากยศ. ยังถือเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพตาม SDG4 การศึกษาที่เท่าเทียมและทั่วถึง โดยการให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาอย่างเป็นระบบและโปร่งใส ช่วยให้นิสิตสามารถมุ่งมั่นกับการเรียนได้เต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยนเรศวรยังให้ความสำคัญกับการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งในระดับภายในและภายนอก เพื่อทำให้ระบบการกู้ยืมมีความคล่องตัวและตรงตามความต้องการของนิสิต ซึ่งสอดคล้องกับ SDG17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

การดำเนินงานในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเหลือนิสิตกว่า 3,223 คนในการเข้าถึงการศึกษา แต่ยังแสดงให้เห็นถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็นศูนย์กลางความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และสร้างความเข้มแข็งให้แก่สังคมในระยะยาว

ด้วยการให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง มหาวิทยาลัยนเรศวรตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่ให้โอกาสทางการศึกษาอย่างเป็นธรรม และพัฒนาศักยภาพของนิสิตให้สามารถก้าวสู่การเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต

ในภาพรวม โครงการทำสัญญากยศ. ปีการศึกษา 2567 จึงสะท้อนให้เห็นว่ามหาวิทยาลัยนเรศวรไม่เพียงแต่ให้การศึกษาตามหลักสูตร แต่ยังสร้างกลไกสนับสนุนที่ตอบโจทย์ความต้องการของนิสิตและสังคม เชื่อมโยงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนเข้ากับการดำเนินงานจริงอย่างเป็นรูปธรรม

NU Hackathon 2024 เสริมศักยภาพนิสิตด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย

วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม 2567 อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร (NU SciPark) จัดกิจกรรม BOOTCAMP ภายใต้โครงการ “NU Hackathon 2024” เพื่อพัฒนาเครื่องมือ Performance Test โดยใช้เทคโนโลยี Cloud, AI และ Machine Learning ความร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นจากการบูรณาการของคณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์และการสื่อสาร กองกิจการนิสิต กองกลาง และอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร

กิจกรรมได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมลักษณ์ วรรณฤมล กีเยลาโรว่า ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานเปิดงาน และคุณณัฐพล กล้าหาญ ผู้บริหารบริษัทเอ็กช์โตซอฟท์ จำกัด กล่าวต้อนรับนิสิต พร้อมทั้งมีผู้บริหารจากหลายคณะและหน่วยงานร่วมพิธีเปิด ณ ห้อง SC5-213 อาคารภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

การจัด BOOTCAMP ในครั้งนี้ มุ่งเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้และทักษะการปฏิบัติจริงให้แก่นิสิต ผ่านการอบรมเชิงลึกกับวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากบริษัท EXTOSOFT โดยครอบคลุมทั้งแนวคิดการทดสอบซอฟต์แวร์ การใช้เครื่องมือ JMeter การประยุกต์ AI และ Machine Learning ในการตรวจสอบและพยากรณ์ระบบโครงสร้างพื้นฐาน ไปจนถึงเทคโนโลยี Docker และการนำเสนอผลงานด้วย Pitch Desk Template

เวิร์กชอปแต่ละหัวข้อถูกออกแบบให้ตอบโจทย์ทักษะที่จำเป็นในโลกเทคโนโลยีปัจจุบัน โดยเฉพาะการนำ AI มาใช้ในการตรวจสอบประสิทธิภาพและคาดการณ์โครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นทักษะที่ภาคอุตสาหกรรมต้องการ และช่วยให้นิสิตสามารถพัฒนาความรู้สู่การประยุกต์ใช้จริง

นอกจากการพัฒนาทักษะเฉพาะทางแล้ว กิจกรรมยังเน้นกระบวนการ Hackathon ที่ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม การคิดวิเคราะห์ปัญหา และการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเตรียมความพร้อมให้นิสิตก้าวสู่การเป็นกำลังคนคุณภาพในอนาคต

ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับบริษัทเอกชนครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงการบูรณาการองค์ความรู้และประสบการณ์จากทั้งสองภาคส่วน อันจะนำไปสู่การสร้างระบบนิเวศด้านนวัตกรรมที่เข้มแข็ง และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่มีศักยภาพตอบโจทย์อุตสาหกรรมยุคดิจิทัล

การจัดงาน NU Hackathon 2024 จึงไม่เพียงเป็นเวทีการเรียนรู้ด้านเทคโนโลยี แต่ยังเป็นก้าวสำคัญของการส่งเสริมทักษะด้านการคิดค้นนวัตกรรมของนิสิต ที่สามารถต่อยอดเป็นผลงานจริงและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

มหาวิทยาลัยนเรศวร โดย NU SciPark ยังคงเดินหน้าสนับสนุนกิจกรรมลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ ทักษะ และความสามารถด้านเทคโนโลยี พร้อมทั้งเป็นสะพานเชื่อมความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและภาคอุตสาหกรรม เพื่อสร้างสังคมแห่งนวัตกรรมในอนาคต

ม.นเรศวร ร่วมมือ อบต. ท่าโพธิ์ ยกระดับมาตรฐานร้านอาหารรอบชุมชน สู่ความปลอดภัยยั่งยืน

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2567 กลุ่มสาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ จัดพิธีปิดโครงการ “พัฒนามาตรฐานร้านอาหารและแผงลอยจำหน่ายอาหารรอบมหาวิทยาลัยนเรศวร” โดยมีการสรุปผลการดำเนินงาน และประกาศรางวัลร้านค้าที่ได้รับการคัดเลือกเป็นร้านดีเด่น จำนวนทั้งสิ้น 33 ร้าน ซึ่งได้รับป้ายช้างลิมิเต็ดตามสโลแกน “Quality you can taste, Plate you can trust – คุณภาพที่สัมผัสได้ จานที่คุณไว้ใจ” พร้อมใบประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติ

โครงการนี้ยังได้มอบ ป้าย Clean Food Good Taste ให้แก่ผู้ประกอบการร้านอาหารที่ผ่านหลักสูตรการอบรมและการพัฒนามาตรฐานร้านอาหาร รวมจำนวน 100 ร้าน เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพการบริหารจัดการด้านสุขาภิบาลอาหารในพื้นที่รอบมหาวิทยาลัยนเรศวร ให้มีมาตรฐานอาหารที่สะอาดและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ภายในพิธีได้รับเกียรติจาก นายธวัช สิงหเดช นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ และประธานกองทุนหลักประกันสุขภาพ อบต.ท่าโพธิ์ พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.นิทรา กิจธีระวุฒิวงษ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นผู้มอบประกาศนียบัตรและป้ายรับรองคุณภาพแก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมในโครงการ

โครงการพัฒนามาตรฐานร้านอาหารและแผงลอยจำหน่ายอาหารในครั้งนี้ มุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการตระหนักถึงความสำคัญของความสะอาด ปลอดภัย และคุณภาพอาหาร ทั้งในด้านกายภาพและชีวภาพ รวมถึงการเสริมสร้างทักษะในการดูแลสุขาภิบาลร้านอาหารให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อให้เกิดความมั่นใจต่อผู้บริโภค

นอกจากการพัฒนาความรู้และทักษะแล้ว โครงการยังเป็นเวทีในการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ประกอบการร้านอาหารและแผงลอยในการยกระดับมาตรฐานธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงพาณิชย์ และตอบโจทย์ต่อการสร้างระบบอาหารที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืน

การดำเนินงานยังแสดงถึงบทบาทสำคัญของความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ประกอบการในชุมชน ที่ร่วมกันผลักดันให้เกิดมาตรฐานอาหารสะอาดและปลอดภัยในระดับพื้นที่ ซึ่งเป็นต้นแบบการทำงานเชิงบูรณาการที่สามารถขยายผลไปยังพื้นที่อื่นได้ในอนาคต

การจัดโครงการครั้งนี้ไม่เพียงสร้างผลลัพธ์ด้านคุณภาพอาหาร แต่ยังสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในตำบลท่าโพธิ์ ด้วยการสนับสนุนผู้ประกอบการให้พัฒนาศักยภาพ และเพิ่มคุณค่าของร้านค้าและแผงลอยในพื้นที่อย่างมีระบบและมาตรฐานที่ยั่งยืน

โครงการ พัฒนามาตรฐานร้านอาหารและแผงลอยจำหน่ายอาหาร จึงเป็นกลไกสำคัญที่เชื่อมโยงการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ผ่านการสร้างความมั่นใจด้านอาหารปลอดภัย และการยกระดับมาตรฐานร้านอาหารและแผงลอยให้ก้าวสู่ความยั่งยืนในระยะยาว

ม.นเรศวร จัดบรรยายพิเศษ “Thai Democratization in Historical Perspective” ส่งเสริมประชาธิปไตย

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2567 งานวิจัยและบริการวิชาการ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดโครงการบริการวิชาการแก่สังคม ในรูปแบบการบรรยายหัวข้อ “Thai Democratization in Historical Perspective” โดยได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นวิทยากรบรรยาย

การดำเนินรายการจัดโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรไท โสภารัตน์ รองคณบดีฝ่ายพัฒนานิสิตและส่งเสริมพหุวัฒนธรรม และ Dr. Paul Wesley Chambers อาจารย์ประจำสถานประชาคมอาเซียนศึกษา คณะสังคมศาสตร์ ซึ่งทำให้การบรรยายมีความหลากหลายทั้งเชิงวิชาการและเชิงประสบการณ์ สอดคล้องกับเป้าหมายของมหาวิทยาลัยในการสร้างพื้นที่การเรียนรู้เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย

การบรรยายครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้รับความรู้และความเข้าใจในกระบวนการประชาธิปไตยของประเทศไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมุ่งนำเสนอผ่านมุมมองทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย เหตุการณ์สำคัญ บุคคลสำคัญ และปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อการพัฒนาการเมืองไทย

ผู้เข้าร่วมได้รับประโยชน์จากการบรรยายทั้งในแง่การสร้างพื้นฐานความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเมืองไทย และการเสริมสร้างทักษะการวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบัน ความรู้นี้ยังช่วยสนับสนุนการพัฒนาความคิดเชิงวิพากษ์และการเชื่อมโยงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์เข้ากับการแก้ไขปัญหาสังคมร่วมสมัย

กิจกรรมนี้ยังเป็นเวทีสำคัญสำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ระหว่างผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ นิสิต และผู้สนใจทั่วไป การเปิดโอกาสให้เกิดการถกเถียงเชิงสร้างสรรค์ถือเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมประชาธิปไตยในสังคม และสร้างการเรียนรู้ร่วมกันอย่างมีคุณภาพ

นอกจากนี้ การจัดบรรยายยังสะท้อนถึงความร่วมมือทางวิชาการที่เข้มแข็ง ทั้งภายในมหาวิทยาลัยและกับเครือข่ายนักวิชาการจากสถาบันอื่น ๆ การสร้างความร่วมมือเช่นนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้และขับเคลื่อนประชาธิปไตยอย่างยั่งยืนในระดับชาติและนานาชาติ

โครงการดังกล่าวไม่เพียงเป็นกิจกรรมบริการวิชาการแก่สังคม แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาสังคมที่เน้นการสร้าง ความรู้ ความเข้าใจ และความร่วมมือ ในการผลักดันกระบวนการประชาธิปไตยให้มีความมั่นคง โปร่งใส และสอดคล้องกับการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน

การจัดกิจกรรมครั้งนี้มีขึ้น ณ ห้องประชุม Main Conference ชั้น 1 อาคารกองบริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (CITCOMS) มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยได้รับการตอบรับจากผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก แสดงถึงความสนใจในประเด็นประชาธิปไตยและความตั้งใจที่จะร่วมสร้างสังคมที่โปร่งใสและเข้มแข็งต่อไป

ม.นเรศวร จัดประชุมวิชาการ TNDR Conference เสริมความยืดหยุ่นรับภัยพิบัติ และสร้างความร่วมมือระดับเครือข่ายเพื่อสังคมที่ยั่งยืน

วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับมหาวิทยาลัยในเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย จัดการประชุมวิชาการวิจัยระดับชาติและนานาชาติ The 2nd TNDR Conference (National & International) ภายใต้หัวข้อ “ความยืดหยุ่นรับภัยพิบัติเพื่อสังคมที่ดีขึ้น (Be Better: Disaster Resilience for Better Society)” ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการและการประชุมนเรศวรมหาราช (KNECC) โดยมี ดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่าย TNDR เป็นประธานเปิดงาน

การประชุมครั้งนี้ประกอบด้วยเวทีเสวนาที่หลากหลาย เริ่มจากประเด็น “ระบบนิเวศของการสนับสนุนการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์” โดยผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายภาคส่วน ทั้งภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคเอกชน เช่น ดร.พิจิตต รัตตกุล, รศ.ดร.อภิชาต โสภาแดง, คุณเอกพงศ์ มุสิกะเจริญ และดร.ก่อศักดิ์ โตวรรธกวณิชย์ ซึ่งได้แลกเปลี่ยนมุมมองการนำองค์ความรู้ไปต่อยอดสู่การสร้างเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม

อีกหนึ่งประเด็นที่ได้รับความสนใจคือการเสวนาเครือข่าย TNDR ในหัวข้อ “โลกเดือด-สุดขั้วภัยพิบัติ จัดการน้ำอย่างไรให้รอด!!!” โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการน้ำจากหลายองค์กร ทั้งภาครัฐและภาคธุรกิจ เช่น สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์กรมหาชน) บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ และมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งร่วมกันแลกเปลี่ยนแนวทางการจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

นอกจากการเสวนาแล้ว ยังมีการนำเสนอผลงานวิจัยทั้งระดับชาติและนานาชาติ ที่สะท้อนถึงการสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยพิบัติ รวมถึงการจัดนิทรรศการโปสเตอร์และบูธจากเครือข่าย TNDR ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้และสร้างเครือข่ายวิชาการและวิชาชีพที่เข้มแข็ง

การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพด้าน การรับมือภัยพิบัติ โดยเชื่อมโยงงานวิจัยกับการปฏิบัติจริง และผลักดันให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ จากวิกฤตสิ่งแวดล้อมและภัยธรรมชาติ

มหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะเจ้าภาพ ได้ตอกย้ำบทบาทของตนในการเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ด้านภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยไม่เพียงเน้นการผลิตงานวิจัยเชิงวิชาการ แต่ยังให้ความสำคัญกับการนำไปใช้ประโยชน์จริงในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจให้เข้มแข็งขึ้น

ความร่วมมือจากเครือข่าย TNDR ซึ่งประกอบด้วยมหาวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน แสดงถึงพลังการทำงานร่วมกันที่เป็นรูปธรรม เพื่อพัฒนากลไกการจัดการภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพ และสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมในระยะยาว

ท้ายที่สุด การประชุม TNDR Conference ครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างสังคมที่มีความยืดหยุ่นต่อภัยพิบัติ ควบคู่กับการสร้างความร่วมมือระดับเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของชุมชน เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคต

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin