ม.นเรศวร จับมือ TCELS และเครือข่าย TOPT ผลักดันงานทดสอบสารสกัดและผลิตภัณฑ์สุขภาพสู่มาตรฐาน OECD
วันพุธที่ 11 กันยายน 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวร นำโดย ศาสตราจารย์ ดร.กรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรนรินทร์ เทพาวราพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถานสัตว์ทดลองเพื่อการวิจัย มหาวิทยาลัยนเรศวร เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการวิจัยร่วมกับ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) และเครือข่าย Thailand OECD GLP Preclinical Testing (TOPT) Network จากทั่วประเทศ ความร่วมมือนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อผลักดันการทดสอบสารสกัดและผลิตภัณฑ์สุขภาพของไทยสู่มาตรฐานสากล และเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมการสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ของประเทศไทย
ความร่วมมือนี้มีความสำคัญต่อการ ส่งเสริมเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ โดยมุ่งเน้นการตรวจทดสอบคุณภาพของยา อาหาร เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ เคมีเกษตร และเคมีอุตสาหกรรม ผ่านเครือข่าย TOPT ซึ่งเป็นที่ยอมรับของ OECD กว่า 45 ประเทศทั่วโลก การยกระดับมาตรฐานการทดสอบดังกล่าวจะช่วยลดข้อกีดกันทางการค้า เพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย และสร้างความเชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพในระดับนานาชาติ
ในปัจจุบันเครือข่ายห้องปฏิบัติการ TOPT ที่อยู่ภายใต้มาตรฐานการรับรองของ OECD ครอบคลุมสถาบันสำคัญ เช่น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข, ศูนย์สัตว์ทดลองแห่งชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.), ศูนย์วิจัยไพรเมทแห่งชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เครือข่ายเหล่านี้เป็นฐานสำคัญในการพัฒนางานวิจัยและการบริการทดสอบที่มีคุณภาพ
สำหรับปี 2567 ได้มีการเพิ่มสมาชิกเครือข่ายใหม่อีก 4 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยนเรศวร, บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด และบริษัท ราวิส เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบทดสอบสารสกัดและผลิตภัณฑ์สุขภาพของประเทศ
ขอบเขตการดำเนินงานของเครือข่าย TOPT ครอบคลุมการทดสอบที่หลากหลาย ได้แก่ การทดสอบวิเคราะห์คุณภาพและสารสำคัญของยาและสมุนไพร, การทดสอบสารเคมีใหม่, การทดสอบในเซลล์, การทดสอบในสัตว์ทดลอง เช่น ปลา หนู และไพรเมท รวมทั้งการทดสอบเครื่องสำอางและการทดสอบ Biocompatibility สำหรับกลุ่มเครื่องมือแพทย์ การพัฒนางานวิจัยและการทดสอบที่ได้มาตรฐานสากลเหล่านี้จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และเป็นแรงขับเคลื่อนให้ประเทศไทยสามารถก้าวพ้นจาก middle income trap
นอกจากนี้ การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย TOPT ยังช่วยให้ประเทศไทยมีความพร้อมในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมชีววิทยาศาสตร์ (Bio Industry) ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมอนาคต (New S-Curve) ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน การยกระดับความสามารถด้านการทดสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพและการวิจัยเชิงลึก จะช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
ความร่วมมือครั้งนี้ยังเป็นตัวอย่างของการ สร้างพันธมิตรด้านการวิจัยและนวัตกรรม ระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐ และภาคเอกชน ที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ถือเป็นกลไกสำคัญที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในการเสริมสร้างสุขภาพของประชาชน และการสร้างความร่วมมือระดับประเทศและระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่มั่นคง
