ม.เรศวร จัดกิจกรรมรณรงค์เลิกบุหรี่ ส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในมหาวิทยาลัย

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัดกิจกรรมรณรงค์เลิกบุหรี่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานที่มุ่งส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของนิสิตและบุคลากรในมหาวิทยาลัย โดยกิจกรรมนี้จัดขึ้นภายใต้การดำเนินงานของคณะเภสัชศาสตร์ และได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย เช่น กองกิจการนิสิต และบุคลากรจากหน่วยงานต่างๆ ที่มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการเลิกบุหรี่ในสังคมมหาวิทยาลัย โดยมี ผศ.ดร.จรูญ สารินทร์ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานอธิการบดี เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 ณ มหาวิทยาลัยนเรศวร

การรณรงค์เลิกบุหรี่ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับผลกระทบของการสูบบุหรี่ทั้งในด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับโทษของการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าที่มีต่อร่างกาย รวมไปถึงการให้ความรู้และแนวทางในการเลิกสูบบุหรี่ให้แก่ผู้ที่ต้องการเลิก ทั้งนี้การดำเนินกิจกรรมได้รับการสนับสนุนจาก ผศ.ดร.ภญ.ชวนชม ธนานิธิศักดิ์, ดร.ภญ.วรรณา ตั้งภักดีรัตน์, และ ผศ.ไชยวัฒน์ ไชยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นที่ปรึกษาของกิจกรรมในครั้งนี้ โดยมีกิจกรรมหลากหลายที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมจากผู้เข้าร่วมกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นนิสิตหรือบุคลากรของมหาวิทยาลัย

กิจกรรมในครั้งนี้ประกอบด้วยหลากหลายกิจกรรมที่ทั้งให้ความรู้และกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจที่ดีต่อสุขภาพของตนเอง ได้แก่:

  1. การให้ความรู้เกี่ยวกับโทษของบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า: เป็นการให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับผลเสียต่อสุขภาพจากการสูบบุหรี่ โดยเน้นย้ำถึงอันตรายของนิโคตินที่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจและอวัยวะอื่น ๆ รวมถึงผลกระทบที่เกิดจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน
  2. การจัดโซนให้คำปรึกษาสำหรับผู้ที่สนใจเลิกบุหรี่: ในโซนนี้จะมีการให้คำปรึกษาและแนะนำวิธีการเลิกบุหรี่ โดยการร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญจากคณะเภสัชศาสตร์และบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความรู้ในด้านการดูแลสุขภาพและการเลิกบุหรี่
  3. การเล่นเกมตอบคำถามหลังจากให้ความรู้: เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ที่สนุกสนานและมีส่วนร่วม ผู้เข้าร่วมสามารถตอบคำถามหลังจากฟังการบรรยายเกี่ยวกับผลกระทบของการสูบบุหรี่และเทคนิคในการเลิกบุหรี่
  4. การตัดสติกเกอร์ที่รูปปอดเพื่อสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับความอยากสูบบุหรี่: กิจกรรมนี้เป็นการกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมประเมินความต้องการของตนเองในการสูบบุหรี่และสามารถรับรู้ถึงผลกระทบของการสูบบุหรี่ที่มีต่อร่างกาย
  5. การประเมินสมรรถนะปอดและการใช้ชุดทดสอบนิโคติน: สำหรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่ต้องการทราบถึงผลกระทบจากการสูบบุหรี่ จะมีการทดสอบสมรรถภาพปอด และใช้ชุดทดสอบนิโคตินเพื่อตรวจสอบระดับของสารนิโคตินในร่างกาย ซึ่งเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบว่าผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยจากการสูบบุหรี่มากน้อยเพียงใด
  6. การสัมภาษณ์นิสิตและบุคลากรในพื้นที่จัดกิจกรรม: กิจกรรมนี้เป็นการสัมภาษณ์ความคิดเห็นและประสบการณ์ของผู้ที่เข้าร่วมเกี่ยวกับการสูบบุหรี่และแนวทางการเลิกบุหรี่ ซึ่งจะช่วยให้ผู้จัดกิจกรรมได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการปรับปรุงกิจกรรมในครั้งถัดไป

กิจกรรมรณรงค์เลิกบุหรี่ในครั้งนี้สอดคล้องกับ เป้าหมาย SDGs 3: การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งมีเป้าหมายในการลดการเสียชีวิตจากโรคที่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่และการเสริมสร้างสุขภาพที่ดีสำหรับประชาชนทุกกลุ่ม การรณรงค์ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เน้นการเลิกบุหรี่ในหมู่นิสิตและบุคลากรในมหาวิทยาลัย แต่ยังมีการเผยแพร่ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพให้แก่ชุมชนโดยรอบมหาวิทยาลัยอีกด้วย

การสนับสนุนให้ผู้คนเลิกสูบบุหรี่ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อสุขภาพส่วนบุคคล แต่ยังช่วยลดภาระการรักษาพยาบาลจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ รวมทั้งสร้างสภาพแวดล้อมในมหาวิทยาลัยที่เอื้อต่อการมีสุขภาพที่ดีและการใช้ชีวิตที่ยั่งยืน

การจัดกิจกรรมรณรงค์เลิกบุหรี่ครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย ซึ่งรวมถึงคณะเภสัชศาสตร์, กองกิจการนิสิต และบุคลากรที่มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาพให้แก่ชุมชนมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดความรับผิดชอบร่วมกันในการดูแลสุขภาพทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ โดยการให้ความรู้และสนับสนุนในการเลิกสูบบุหรี่

ม.นเรศวรจัด ‘มหกรรมสุขภาพ MED NU Health Expo’ เฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี ส่งเสริมสังคมสุขภาพดี

ในโอกาสครบรอบ 30 ปีแห่งการก่อตั้ง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดกิจกรรมสำคัญเพื่อเสริมสร้างการตระหนักรู้ด้านสุขภาพและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกช่วงวัยผ่านงาน “มหกรรมสุขภาพ MED NU Health Expo” ซึ่งจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “สังคมสุขภาพดี Healthier Society” ระหว่างวันที่ 18-20 มกราคม 2567ศูนย์แสดงนิทรรศการและการจัดประชุมนานาชาติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (KNECC) จังหวัดพิษณุโลก งานมหกรรมสุขภาพนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการตระหนักรู้ด้านสุขภาพ การส่งเสริมการดูแลสุขภาพที่ดีและยั่งยืน รวมถึงการพัฒนาเศรษฐกิจในภาคสุขภาพ ซึ่งจะส่งผลกระทบในทางบวกต่อสังคมโดยรวม

มหาวิทยาลัยนเรศวรมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนตาม เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 3 (สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) และ SDG 4 (การศึกษาที่มีคุณภาพ) ผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นในงานมหกรรมสุขภาพ MED NU Health Expo ซึ่งเน้นการส่งเสริมการดูแลสุขภาพที่ยั่งยืน การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในทุกช่วงวัย และการสร้างความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วนในสังคม

สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) งานมหกรรมสุขภาพ MED NU Health Expo สอดคล้องกับ SDG 3: สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและการดูแลสุขภาพให้กับประชาชนในทุกช่วงวัย โดยการจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อเสริมสร้างความตระหนักรู้ด้านสุขภาพและการป้องกันโรค รวมถึงการส่งเสริมวิถีชีวิตที่ยั่งยืน อันเป็นการสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีในระยะยาว นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับ SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ โดยการจัดกิจกรรมที่ให้ความรู้ทั้งกับประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ การป้องกันโรค และการส่งเสริมสุขภาพที่ดี

กิจกรรมในงานมหกรรมสุขภาพ MED NU Health Expo 2023
  1. การอัพเดตความรู้ด้านวิชาการสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ การเสริมสร้างความรู้และทักษะด้านการแพทย์อย่างต่อเนื่องถือเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาระบบสุขภาพที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน กิจกรรมนี้จะช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาเหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญในการส่งเสริมระบบสุขภาพของประเทศให้แข็งแกร่งและสามารถรองรับความต้องการของประชาชนในทุกด้านได้
  2. บริการตรวจสุขภาพฟรีกว่า 20 รายการ การจัดให้มีการตรวจสุขภาพฟรีกว่า 20 รายการเป็นการส่งเสริมการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพให้แก่ประชาชนในทุกช่วงวัย ซึ่งรวมถึงการตรวจวินิจฉัยที่สำคัญ เช่น การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต และการตรวจสุขภาพหัวใจ กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ประชาชนทราบถึงสถานะสุขภาพของตนเอง แต่ยังช่วยในการป้องกันโรคต่างๆ ก่อนที่จะเกิดขึ้น การให้บริการตรวจสุขภาพฟรีเป็นหนึ่งในแนวทางในการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสุขภาพ
  3. การฝึกอบรมการปฐมพยาบาลและการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) การฝึกอบรมทักษะการปฐมพยาบาลและการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) เป็นกิจกรรมที่ช่วยให้ประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงที ซึ่งทักษะเหล่านี้สามารถช่วยชีวิตในกรณีฉุกเฉินได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยในชุมชนและลดอัตราการเสียชีวิตจากภาวะฉุกเฉินต่างๆ ซึ่งเป็นการส่งเสริมการศึกษาและฝึกทักษะที่มีประโยชน์ในด้านสุขภาพ
  4. การเรียนรู้ศิลปะและดนตรีเพื่อการบำบัด การใช้ศิลปะและดนตรีเพื่อการบำบัดเป็นกิจกรรมที่เน้นการส่งเสริมสุขภาพจิตและการฟื้นฟูสมรรถภาพทั้งร่างกายและจิตใจ การบำบัดด้วยศิลปะและดนตรีสามารถช่วยลดความเครียดและสร้างความสมดุลในชีวิต การส่งเสริมสุขภาพจิตเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีและยั่งยืน นอกจากนี้ยังช่วยให้ประชาชนสามารถรับมือกับความเครียดและปัญหาชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  5. การสาธิตการทำอาหารเพื่อสุขภาพ การส่งเสริมการทำอาหารเพื่อสุขภาพเป็นการเน้นการเลือกใช้วัตถุดิบที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ลดการบริโภคเกลือ น้ำตาล และไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจ กิจกรรมนี้ยังสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ เช่น อาหารเพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ และอุตสาหกรรมที่ส่งเสริมวิถีชีวิตที่ยั่งยืน
  6. การรับบริจาคโลหิต การบริจาคโลหิตในงานมหกรรมสุขภาพ MED NU Health Expo เป็นกิจกรรมที่ช่วยรักษาชีวิตผู้ที่ต้องการเลือดในการรักษาโรคหรือในกรณีฉุกเฉิน การบริจาคโลหิตไม่เพียงแต่ช่วยในด้านสุขภาพ แต่ยังเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างชุมชนและบุคลากรทางการแพทย์ในการดูแลสุขภาพระดับชุมชน เป็นกิจกรรมที่สร้างความสมานฉันท์และเสริมสร้างจิตสำนึกทางสังคม
  7. การจัดการความสัมพันธ์ทางด้านความรักและสุขภาพทางเพศ การเสวนาและฝึกอบรมในด้านการจัดการความสัมพันธ์และสุขภาพทางเพศเป็นการเสริมสร้างความรู้ให้ประชาชนมีความเข้าใจในการดูแลสุขภาพทางเพศอย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นการส่งเสริมสิทธิและความเป็นส่วนตัวของแต่ละบุคคล การสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพทางเพศและความสัมพันธ์ที่ดีจะช่วยให้สังคมมีความสมดุลและเคารพในสิทธิของผู้อื่น

การสร้างสังคมสุขภาพดีผ่านการร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ มหกรรมสุขภาพ MED NU Health Expo ยังเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่าง มหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐ เอกชน และประชาชน ในการสร้างสังคมสุขภาพดีและยั่งยืน งานนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการให้บริการและความรู้ด้านสุขภาพแก่ประชาชน แต่ยังเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจในภาคสุขภาพ สร้างโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนผ่านการเสริมสร้างความรู้และการดูแลสุขภาพที่ครบวงจร

มหาวิทยาลัยนเรศวรยังคงมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ การสร้างความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง การป้องกันโรค และการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนในทุกๆ ด้านตามหลักการของ SDG 3: สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และ SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ

ขอเชิญประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ และร่วมกันสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีไปพร้อมกัน!
พบกันในงาน มหกรรมสุขภาพ MED NU Health Expo ระหว่างวันที่ 18-20 มกราคม 2567 ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการและการจัดประชุมนานาชาติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (KNECC) จังหวัดพิษณุโลก.

ที่มา: คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

NU Fitness GYM พื้นที่ส่งเสริมสุขภาพในมหาวิทยาลัย

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของนิสิตและบุคลากรในมหาวิทยาลัย ผ่านการดำเนินงานหลายด้านเพื่อสนับสนุนการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง โดยหนึ่งในนโยบายที่สำคัญคือการส่งเสริมการออกกำลังกายและการดูแลสุขภาพ ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมาย SDGs 3: การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี เพื่อให้สมาชิกในมหาวิทยาลัยมีสุขภาพที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ

NU Fitness GYM: พื้นที่ส่งเสริมสุขภาพในมหาวิทยาลัย ในปัจจุบัน การดูแลสุขภาพร่างกายกลายเป็นสิ่งที่สำคัญมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่มีการเรียนการสอนและการทำงานที่ใช้เวลานาน การออกกำลังกายเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่สามารถช่วยลดความเครียด, ปรับสมดุลของร่างกาย, และส่งเสริมสุขภาพโดยรวมได้เป็นอย่างดี มหาวิทยาลัยนเรศวรจึงได้จัดเตรียม NU Fitness GYM ซึ่งเป็นศูนย์ฟิตเนสที่ครบครันและสามารถรองรับความต้องการของนิสิตและบุคลากรในการออกกำลังกายและดูแลสุขภาพของตนเอง

NU Fitness GYM ถูกออกแบบให้มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยและหลากหลายชนิด ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งสำหรับการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพทั่วไปและการฝึกซ้อมในระดับที่มีความเข้มข้น รวมถึงการมีพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การยืดเหยียดร่างกาย, การใช้เครื่องคาร์ดิโอ, เครื่องเวท, และการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับการฝึกโยคะและการทำกิจกรรมอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ

การเปิดให้บริการของ NU Fitness GYM : NU Fitness GYM เปิดให้บริการในทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30 น. ถึง 20.00 น. โดยจะมีการงดให้บริการในวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือในวันที่มหาวิทยาลัยมีการประกาศหยุดทำการ ซึ่งทำให้ทั้งนิสิตและบุคลากรสามารถเข้ามาใช้บริการฟิตเนสได้อย่างสะดวกสบายในช่วงเวลาที่กำหนด การเปิดให้บริการในช่วงเวลานี้ช่วยให้ทุกคนสามารถเข้าถึงกิจกรรมการออกกำลังกายได้ในเวลาว่างจากการเรียนหรือการทำงาน

ส่งเสริมสุขภาพร่างกายและจิตใจ นอกจากการให้บริการฟิตเนสเพื่อส่งเสริมสุขภาพร่างกายแล้ว มหาวิทยาลัยนเรศวรยังมุ่งเน้นให้การออกกำลังกายเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี การออกกำลังกายไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาร่างกายให้แข็งแรง แต่ยังช่วยลดความเครียด เพิ่มพลังงานและสมาธิ รวมทั้งช่วยเพิ่มความสุขและเสริมสร้างความมั่นใจในตนเองได้

กิจกรรมการออกกำลังกายสามารถช่วยบรรเทาความเครียดจากการเรียนและการทำงานที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยการให้พื้นที่ที่ดีและอุปกรณ์ที่ครบครันที่ NU Fitness GYM นั้นได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้สมาชิกในมหาวิทยาลัยสามารถออกกำลังกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ดี เช่น โรคหัวใจ, โรคเบาหวาน, โรคอ้วน และความผิดปกติทางสุขภาพจิต

สอดคล้องกับเป้าหมาย SDGs 3 การมี NU Fitness GYM ภายในมหาวิทยาลัยนเรศวรนั้นสอดคล้องกับ เป้าหมาย SDGs 3 หรือ “การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพที่ดีสำหรับทุกคน นอกจากการจัดพื้นที่ออกกำลังกายแล้ว ยังมีการส่งเสริมการออกกำลังกายในลักษณะต่างๆ ที่ช่วยให้ทุกคนสามารถใช้บริการได้อย่างสะดวกและมีความสุข

การให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกายของนิสิตและบุคลากรในมหาวิทยาลัยไม่เพียงแต่เป็นการช่วยลดปัญหาสุขภาพในระยะสั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้พวกเขามีสุขภาพที่ดีในระยะยาว สร้างพื้นฐานที่ดีให้กับการเรียนรู้และการทำงานในอนาคต นอกจากนี้ยังสามารถเป็นต้นแบบในการสร้างสังคมที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพอย่างยั่งยืนในชุมชน

การเชื่อมโยงกับการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับชุมชน การสร้างพื้นที่สำหรับการออกกำลังกายภายในมหาวิทยาลัยนเรศวรไม่เพียงแต่มีผลดีต่อสมาชิกในมหาวิทยาลัยเท่านั้น แต่ยังสามารถสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อชุมชนโดยรอบได้ โดยการส่งเสริมให้มีพฤติกรรมการดูแลสุขภาพที่ดีและส่งเสริมการใช้ชีวิตที่มีสุขภาพดีในระยะยาว การให้บริการฟิตเนสยังสามารถสร้างการเรียนรู้ที่มีคุณค่าเกี่ยวกับการรักษาสุขภาพและกระตุ้นให้บุคคลภายในชุมชนมหาวิทยาลัยให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายและการดูแลตนเองในด้านต่างๆ

ความร่วมมือกับสถาบันสุขภาพ เพื่อปรับปรุงผลลัพธ์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

มหาวิทยาลัยนเรศวรมุ่งมั่นในการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในด้านการศึกษา, การวิจัย และการให้บริการแก่สังคม โดยเฉพาะในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมาย SDGs 3 (การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) และ SDGs 17 (การเสริมสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน) การร่วมมือระหว่างคณะเภสัชศาสตร์ สถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชน (ร้านยา) และสถานวิจัยเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ (COSNAT) ในงาน MED NU Health Expo 2024 ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่มหาวิทยาลัยนเรศวรจัดขึ้น เพื่อสร้างความตระหนักรู้ด้านสุขภาพและสนับสนุนการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่มีคุณภาพแก่ประชาชน

งาน MED NU Health Expo 2024 เป็นมหกรรมสุขภาพที่จัดขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 30 ปี แห่งการก่อตั้งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ภายใต้หัวข้อ “Health Festival: Creating a Healthier Society” ซึ่งเน้นการสร้างสังคมที่มีสุขภาพดี ผ่านการนำเสนอข้อมูลและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพและการส่งเสริมการมีชีวิตที่ดีขึ้นในทุกด้าน โดยงานนี้ได้มีการร่วมมือจากหลายหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยนเรศวร รวมถึงคณะเภสัชศาสตร์, สถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชน (ร้านยา) และสถานวิจัยเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ (COSNAT)

กิจกรรมที่คณะเภสัชศาสตร์จัดขึ้นในงาน คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ร่วมออกบูธในงาน MED NU Health Expo 2024 โดยมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่มุ่งให้บริการแก่ประชาชนและส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับสุขภาพและการใช้ผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรมและสมุนไพรอย่างถูกต้อง ซึ่งกิจกรรมที่จัดขึ้น ได้แก่:

  1. การให้คำปรึกษาด้านยา ทีมเภสัชกรจากคณะเภสัชศาสตร์ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการใช้ยาอย่างปลอดภัย รวมถึงการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการใช้ยาสมุนไพรต่างๆ โดยเน้นที่การใช้สมุนไพรในชีวิตประจำวันเพื่อสุขภาพที่ดีและป้องกันโรค
  2. การให้ความรู้ด้านสมุนไพรและธาตุเจ้าเรือน ในงานมีการให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้สมุนไพรไทยและการใช้ธาตุเจ้าเรือน ซึ่งเป็นการนำภูมิปัญญาพื้นบ้านมาผสมผสานกับวิทยาการสมัยใหม่ เพื่อส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติในการดูแลสุขภาพ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
  3. การเผยแพร่ผลงานวิจัยและนวัตกรรมของคณะเภสัชศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ได้แสดงผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ได้รับการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านสุขภาพของประชาชน เช่น ผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรมและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการพัฒนายาและเครื่องสำอางที่มีคุณภาพ
  4. การจัดนิทรรศการผลงานผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ คณะเภสัชศาสตร์ได้จัดนิทรรศการที่นำเสนอผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่ได้รับการวิจัยและพัฒนา โดยใช้ส่วนผสมจากสมุนไพรไทยที่มีคุณสมบัติในการดูแลผิวพรรณและสุขภาพ เช่น สบู่สมุนไพร, ครีมบำรุงผิวจากสมุนไพร, และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มาจากธรรมชาติ
  5. การประชาสัมพันธ์งานบริการวิชาการเชิงพาณิชย์ของสถานวิจัยเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ (COSNAT) สถานวิจัย COSNAT ของคณะเภสัชศาสตร์ได้ใช้โอกาสนี้ในการประชาสัมพันธ์งานบริการวิชาการเชิงพาณิชย์ที่เปิดให้บริการแก่ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปที่สนใจในการพัฒนาและทดสอบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ รวมถึงการให้บริการวิจัยและทดสอบคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์เพื่อรับรองคุณภาพและมาตรฐาน

การเชื่อมโยงกับ SDGs 3: การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี การจัดงาน MED NU Health Expo 2024 โดยคณะเภสัชศาสตร์มีความสอดคล้องกับ SDGs 3 ในการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี โดยเฉพาะการให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ยาอย่างปลอดภัยและสมุนไพรในการรักษาสุขภาพอย่างยั่งยืน งานนี้ยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพด้วยวิธีธรรมชาติและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากการวิจัยและพัฒนาอย่างมีมาตรฐาน

การเชื่อมโยงกับ SDGs 17: การเสริมสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน การร่วมมือกันระหว่างคณะเภสัชศาสตร์, สถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชน, และสถานวิจัยเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ (COSNAT) ในการจัดกิจกรรมในงาน MED NU Health Expo 2024 ยังเป็นการเสริมสร้าง SDGs 17 ในการสร้างพันธมิตรระหว่างสถาบันการศึกษา, ภาครัฐ, และภาคประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน การแลกเปลี่ยนความรู้, การเผยแพร่ผลการวิจัย, และการสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเป็นการสร้างเครือข่ายที่มีความร่วมมืออย่างต่อเนื่องเพื่อสุขภาพที่ดีในสังคม

ม.นเรศวร ร่วมชมรมสถานีวิทยุ 10 สถานี พิษณุโลก จัดโครงการ ‘อุ่นกาย อุ่นใจ สายสัมพันธ์ ครั้งที่ 10’ ตรวจฟันฟรี สร้างสุขภาพที่ดีให้เด็กและประชาชนในพื้นที่ห่างไกล

วันที่ 20 ธันวาคม 2566 คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับชมรมสถานีวิทยุ 10 สถานี พิษณุโลก ได้จัดโครงการบริการตรวจฟันและให้คำปรึกษาทางทันตกรรมฟรี แก่นักเรียนและประชาชนทั่วไป ภายใต้โครงการ “อุ่นกาย อุ่นใจ สายสัมพันธ์ ครั้งที่ 10” ณ โรงเรียนบ้านซำเตย ตำบลดินทอง อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก โดยมีการให้บริการด้านสุขภาพช่องปาก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนในพื้นที่ทุรกันดารของจังหวัดพิษณุโลก

โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากนายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ที่มอบหมายให้นายพงษ์มนู ทองหนัก รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ร่วมเปิดโครงการ พร้อมด้วยนายอัครโชค สุวรรณทอง นายอำเภอวังทอง และนายมนต์รัตน์ ปาลิวนิช ประธานชมรมสถานีวิทยุ 10 สถานี 12 ความถี่ จังหวัดพิษณุโลก ในการร่วมต้อนรับและสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ภายในโครงการ ซึ่งประกอบด้วยการให้บริการตรวจสุขภาพฟัน การให้คำปรึกษาทางทันตกรรม การมอบทุนการศึกษา การจัดหาอุปกรณ์การเรียนและกีฬา รวมทั้งการปรับปรุงซ่อมแซมโรงเรียนและจัดกิจกรรมสันทนาการเพื่อสร้างความสุขให้กับนักเรียนและประชาชนในท้องถิ่น

การจัดกิจกรรมนี้ยังสะท้อนถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้าน การส่งเสริมสุขภาพที่ดี (SDG 3) และ ลดความยากจน (SDG 1) ซึ่งการให้บริการทางทันตกรรมฟรีนี้ช่วยให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงบริการสุขภาพได้อย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำทางการแพทย์ และส่งเสริมสุขภาพช่องปากที่ดี นอกจากนี้ยังส่งเสริม การศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต (SDG 4) ผ่านการมอบทุนการศึกษาและอุปกรณ์การเรียนให้แก่เด็กนักเรียนในท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยให้เด็กนักเรียนในพื้นที่ได้รับโอกาสในการศึกษาและพัฒนาทักษะชีวิตที่ดีขึ้น

กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นการให้บริการตรวจฟันเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชนผ่านกิจกรรมจิตอาสาและการบริการสาธารณะต่างๆ ซึ่งส่งผลดีต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตในท้องถิ่น และช่วยสนับสนุนให้ชุมชนในจังหวัดพิษณุโลกมีสุขภาพที่ดีขึ้นและมีโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน

โครงการ “อุ่นกาย อุ่นใจ สายสัมพันธ์” เป็นตัวอย่างที่ดีของการนำแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนมาปรับใช้ในกิจกรรมเพื่อสังคม โดยการรวมพลังจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน.

ที่มา: คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการเตรียมความพร้อมรับอุบัติภัยหมู่

มหาวิทยาลัยนเรศวรมีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานที่สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านการส่งเสริมสุขภาพและการสร้างชุมชนที่ปลอดภัย ซึ่งสอดคล้องกับ SDGs 3 (การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) และ SDGs 11 (การทำให้เมืองและชุมชนมีความยืดหยุ่นและยั่งยืน) การจัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ “การเตรียมความพร้อมรับอุบัติภัยหมู่” โดยคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นตัวอย่างหนึ่งของการพัฒนาความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินและภัยพิบัติในชุมชน

โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ “การเตรียมความพร้อมรับอุบัติภัยหมู่” เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “การเตรียมความพร้อมรับอุบัติภัยหมู่” ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องประชุมเอกาทศรถ 9 ชั้น 3 อาคารสิรินธร โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยมี ผศ.พญ.พิริยา นฤขัตรพิชัย คณบดีคณะแพทยศาสตร์ เป็นประธานในการเปิดโครงการ และ อ.พญ.ปาลีรั ฐ จริยากาญจนา แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน ได้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของโครงการ ซึ่งมีเป้าหมายในการเตรียมความพร้อมให้กับบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรในการรับมือกับสถานการณ์อุบัติภัยหมู่ หรือสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

การจำลองสถานการณ์เสมือนจริง ในวันที่ 22 ธันวาคม 2566 เวลา 14.00 น. ได้มีการจำลองสถานการณ์เสมือนจริง ณ แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของโครงการเพื่อให้บุคลากรทุกหน่วยงานและทุกระดับได้เรียนรู้และฝึกฝนการทำงานร่วมกันในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้การจำลองสถานการณ์นี้เป็นการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ดังนี้:

  1. การเตรียมเครื่องมือและเวชภัณฑ์ การฝึกฝนในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นจำเป็นต้องมีการเตรียมเครื่องมือและเวชภัณฑ์ที่เหมาะสมและเพียงพอสำหรับการรักษาผู้ประสบภัย โดยการจำลองสถานการณ์ในครั้งนี้ช่วยให้บุคลากรได้ฝึกฝนการจัดการเครื่องมือและเวชภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. การฝึกทักษะในการช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติภัย บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนจะได้รับการฝึกฝนในการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างรวดเร็วและถูกต้อง ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถรับมือกับผู้ป่วยที่มีอาการหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที
  3. การประสานงานและการสื่อสารในทีม การสื่อสารที่ชัดเจนและการประสานงานที่ดีระหว่างหน่วยงานภายในและภายนอกโรงพยาบาลเป็นสิ่งสำคัญในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน การฝึกฝนในครั้งนี้ได้เน้นการติดต่อสื่อสารที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพในการประสานงานระหว่างทีมต่างๆ ทั้งในระดับการแพทย์และการจัดการทรัพยากร
  4. การเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์จริง การฝึกในครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การทำให้ทุกฝ่ายมีความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตนเองในสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมทั้งสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล โดยมีการทบทวนกระบวนการต่างๆ ที่จะช่วยให้การตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินเป็นไปอย่างเหมาะสมและไม่เกิดการล่าช้า

การเชื่อมโยงกับ SDGs 3: การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี การฝึกอบรมและการจำลองสถานการณ์เสมือนจริงในครั้งนี้มีความสอดคล้องกับ SDGs 3 ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมให้กับบุคลากรทางการแพทย์และหน่วยงานต่างๆ ในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อให้การดูแลรักษาผู้ป่วยเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การพัฒนาทักษะในการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติภัย และทำให้ประชาชนได้รับการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดในเวลาที่สำคัญที่สุด

การเชื่อมโยงกับ SDGs 11: การทำให้เมืองและชุมชนมีความยืดหยุ่นและยั่งยืน การเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินยังเชื่อมโยงกับ SDGs 11 ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างเมืองและชุมชนที่มีความยืดหยุ่นและยั่งยืน การฝึกอบรมและจำลองสถานการณ์นี้เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือกับภัยพิบัติในชุมชน ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ซึ่งจะช่วยให้ชุมชนสามารถฟื้นฟูและปรับตัวได้รวดเร็วในกรณีเกิดภัยพิบัติ หรือเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ

รู้ทันโรคมะเร็ง ดูแลตนเองอย่างไร ให้ห่างไกลโรคมะเร็ง

มหาวิทยาลัยนเรศวรมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับบุคลากร นิสิต รวมถึงชุมชนรอบข้าง ผ่านกิจกรรมและการให้ความรู้ต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับ SDGs 3: การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี โดยหนึ่งในแนวทางที่มหาวิทยาลัยใช้ในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคคือการจัดรายการวิทยุที่ให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะการสร้างความตระหนักเกี่ยวกับโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของคนไทยอย่างมาก

รายการ “พบเภสัชกร” เรื่อง: รู้ทันโรคมะเร็ง ดูแลตนเองอย่างไรให้ห่างไกลโรคมะเร็ง มหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัดรายการวิทยุที่ชื่อว่า “พบเภสัชกร” ซึ่งเป็นรายการที่จัดขึ้นเพื่อให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพแก่ประชาชน โดยเฉพาะการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นโรคที่มีผลกระทบต่อคนจำนวนมาก และมักจะมีการตรวจพบเมื่อโรคเข้าสู่ระยะที่ลุกลามแล้ว รายการนี้มุ่งหวังให้ผู้ฟังได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์เกี่ยวกับการป้องกันโรคมะเร็ง รวมถึงการดูแลสุขภาพและการดำเนินชีวิตที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากโรคนี้ได้

ในแต่ละตอนของรายการ “พบเภสัชกร” จะมีการนำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการรู้ทันโรคมะเร็ง และการดูแลตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดโรค โดยเฉพาะวิธีการตรวจเช็คสุขภาพ การปรับพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย และการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ เช่น การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ นอกจากนี้ยังมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญหรือเภสัชกรที่มีความรู้เฉพาะทางมาร่วมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการป้องกันโรคมะเร็งและการตรวจสุขภาพประจำปี

รายการ “พบเภสัชกร” ดำเนินรายการโดย เภสัชกร โฉมคนางค์ ภูมิสายดร จากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความสามารถในการให้คำแนะนำและถ่ายทอดข้อมูลทางด้านสุขภาพให้กับผู้ฟังได้อย่างเข้าใจง่ายและมีประโยชน์ เภสัชกรโฉมคนางค์ได้ใช้ประสบการณ์ในการทำงานด้านเภสัชกรรมเพื่อเป็นแหล่งข้อมูลในการช่วยให้ผู้ฟังสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้ดีขึ้น พร้อมทั้งสามารถเลือกวิธีป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง ซึ่งถือเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญในสังคมไทย

รายการ “พบเภสัชกร” สามารถติดตามรับฟังได้ทั้งทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยนเรศวร FM 107.25 MHz และทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.nuradio.nu.ac.th ซึ่งผู้ฟังสามารถติดตามรายการได้ทุกวันศุกร์ เวลา 18.30 – 19.00 น. การออกอากาศในช่วงเวลาที่เหมาะสมและการให้ทางเลือกในการฟังทั้งจากสื่อวิทยุและทางออนไลน์ ทำให้ผู้คนในชุมชนสามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น โดยไม่จำกัดสถานที่หรือเวลา

การจัดรายการวิทยุเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ SDGs 3 ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคน โดยเฉพาะการให้ข้อมูลที่ถูกต้องและส่งเสริมการป้องกันโรคต่างๆ การให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการป้องกันโรคมะเร็งไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเท่านั้น แต่ยังช่วยลดภาระทางการแพทย์และการรักษาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย

โดยการใช้สื่อวิทยุและออนไลน์ในการเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้ มหาวิทยาลัยนเรศวรยังได้สร้างช่องทางการสื่อสารที่ครอบคลุมและสามารถเข้าถึงประชาชนในวงกว้าง ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมในเรื่องสุขภาพที่ดี โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อาจขาดแคลนข้อมูลหรือเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้ยาก

คณะแพทย์ รพ.มน. บริการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก ..ฟรี !

มหาวิทยาลัยนเรศวรมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนและบุคลากรผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจคัดกรองโรค การให้ความรู้ด้านสุขภาพ และการสร้างการตระหนักรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการป้องกันและตรวจพบโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นโรคที่มีอัตราการเกิดสูงและเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเสียชีวิตในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย

ในวันที่ 8 ธันวาคม 2566 คณะแพทยศาสตร์ ร่วมกับ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร (รพ.มน.) ได้จัดกิจกรรม “การตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากฟรี” โดยเปิดโอกาสให้ผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไปเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้ชายวัยกลางคนและสูงอายุ หากตรวจพบในระยะเริ่มต้นสามารถรักษาได้ผลดีและลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้ได้อย่างมาก

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมการดูแลสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะชายวัย 50 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มักจะไม่ค่อยเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ การตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากจะช่วยให้สามารถตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรค

รายละเอียดของกิจกรรม
  • การตรวจคัดกรองฟรี: ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปสามารถลงทะเบียนและรับการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
  • การบรรยายให้ความรู้: นอกจากการตรวจคัดกรองแล้ว ผู้เข้าร่วมยังได้รับฟังการบรรยายเกี่ยวกับมะเร็งต่อมลูกหมาก ทั้งในด้านสาเหตุ วิธีการป้องกัน และการรักษาที่มีประสิทธิภาพจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • ของที่ระลึก: ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับของที่ระลึกจากโครงการ ซึ่งเป็นการสร้างความรู้สึกขอบคุณและกระตุ้นให้มีการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมผ่านทาง ลิงค์การลงทะเบียนออนไลน์ https://forms.gle/CVtsNJgC3DWby34P9 ซึ่งเป็นช่องทางที่สะดวกและรวดเร็วในการจัดการลงทะเบียน โดยกิจกรรมจะจัดขึ้นในวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ที่ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นสถานที่ที่พร้อมด้วยเครื่องมือและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยให้การตรวจคัดกรองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

กิจกรรมนี้เป็นตัวอย่างของการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ SDGs 3: การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งมีเป้าหมายในการลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคต่างๆ และการส่งเสริมการเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง การตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากช่วยให้สามารถลดความเสี่ยงจากโรคนี้ได้ และช่วยเพิ่มอายุขัยให้กับผู้คนในชุมชน

โครงการนี้ยังเป็นการส่งเสริมการเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่ดีสำหรับประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งมักจะไม่ได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ การให้บริการตรวจคัดกรองฟรียังช่วยลดช่องว่างทางด้านการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นสำหรับทุกคนในสังคม

ม.นเรศวร จัดมหกรรมสุขภาพเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี สร้างสังคมสุขภาพดี

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านการป้องกันโรคและส่งเสริมการดูแลสุขภาพในชุมชน การจัดงาน “มหกรรมสุขภาพ เพื่อร่วมสร้างสังคมที่มีสุขภาพที่ดี” (Health Festival: Creating a Healthier Society) ในระหว่างวันที่ 18-20 มกราคม 2567 ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่สอดคล้องกับ SDGs 3 ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคนในสังคม

งานนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 30 ปี ของการก่อตั้งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยเน้นการเผยแพร่ความรู้และบริการด้านสุขภาพให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น และมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพในทุกมิติ ได้แก่ การตรวจสุขภาพฟรี การให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ และการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ

งานมหกรรมสุขภาพในปี 2567 นี้มีกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการดูแลสุขภาพในหลายด้าน รวมถึง:

  1. ตรวจสุขภาพฟรี: ผู้เข้าร่วมสามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพเบื้องต้นโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อาทิ การตรวจความดันโลหิต การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด และการตรวจคัดกรองโรคต่าง ๆ ที่พบได้บ่อยในสังคมไทย เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และมะเร็ง เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถตรวจพบปัญหาสุขภาพในระยะเริ่มต้น และได้รับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพต่อไป
  2. การแนะนำวิธีการดูแลสุขภาพโดยอาจารย์แพทย์และกูรูชื่อดัง: ภายในงานมีการบรรยายและให้ความรู้จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และกูรูด้านสุขภาพในหัวข้อต่าง ๆ เช่น วิธีการป้องกันโรค การดูแลสุขภาพจิต และการใช้ชีวิตประจำวันอย่างสมดุล การดูแลตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
  3. กิน&ช็อปของดีเพื่อสุขภาพ: ภายในงานจะมีการจำหน่ายสินค้าที่ส่งเสริมสุขภาพ เช่น ผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาหารเสริม เครื่องมือสุขภาพ และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ช่วยในการดูแลร่างกาย นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมเพื่อให้ความรู้ในการเลือกซื้อสินค้าสุขภาพอย่างมีข้อมูลและปลอดภัย
  4. กิจกรรมและการฝึกปฏิบัติ: ภายในงานจะมีการจัดกิจกรรมเสริมเพื่อเสริมสร้างสุขภาพในด้านต่าง ๆ เช่น การฝึกโยคะ การออกกำลังกายแบบง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน และการฝึกสมาธิเพื่อการดูแลสุขภาพจิต

งาน “มหกรรมสุขภาพ เพื่อร่วมสร้างสังคมที่มีสุขภาพที่ดี” ยังเป็นการสร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพสำหรับทุกคนในชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลหรือผู้ที่อาจไม่มีโอกาสเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ง่าย ผ่านการจัดกิจกรรมในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การตรวจสุขภาพฟรี การบรรยายให้ความรู้ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการออกกำลังกาย และการประชาสัมพันธ์การดูแลสุขภาพที่เป็นประโยชน์

งานจะจัดขึ้นที่ ศูนย์แสดงนิทรรศการและการจัดประชุมนานาชาติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (KNECC) อาคารอุทยานองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานที่สามารถรองรับผู้เข้าร่วมได้จำนวนมากและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน การจัดงานในครั้งนี้จึงสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กิจกรรมในงานมหกรรมสุขภาพครั้งนี้สอดคล้องกับ SDGs 3 ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับทุกคนในสังคม โดยเฉพาะการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ และการส่งเสริมการดูแลสุขภาพในระดับบุคคลและชุมชน โดยการให้บริการตรวจสุขภาพฟรี การให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพ และการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้ประชาชนมีข้อมูลที่จำเป็นในการป้องกันและดูแลสุขภาพของตนเอง รวมถึงส่งเสริมให้ทุกคนมีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี

ที่มา: คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

หน่วยใส่ฟันเทียมทันตกรรมพระราชทาน ออกพื้นที่บริการสร้างรอยยิ้มให้ประชาชน

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสุขภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล ผ่านการให้บริการทางการแพทย์และทันตกรรมที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในด้านการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและการลดความไม่เท่าเทียมในสังคม

หนึ่งในโครงการที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นนี้คือการให้บริการ ฟันเทียมพระราชทาน ที่จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ 2566โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโพนทอง ตำบลโพนทอง อำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการการดูแลสุขภาพช่องปากที่สูง แต่ขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการ

ความสำคัญของการให้บริการฟันเทียม ในพื้นที่ดังกล่าว กลุ่มงานทันตกรรมของ โรงพยาบาลโพธิ์ตาก พบปัญหาในการให้บริการ ฟันเทียมทั้งปาก สำหรับผู้ป่วยที่มีกรณีซับซ้อนและต้องการการดูแลพิเศษ ทีมทันตกรรมจึงได้ประสานงานกับ หน่วยทันตกรรมพระราชทาน จาก คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อช่วยเหลือและให้บริการแก่ผู้ป่วย โดยมี อาจารย์ทันตแพทย์, นิสิตปริญญาโท, ผู้ช่วยทันตแพทย์, และ ช่างทันตกรรม จากมหาวิทยาลัยนเรศวร จำนวนกว่า 30 คน ร่วมออกหน่วยเคลื่อนที่ในระยะเวลา 3 วัน เพื่อทำฟันเทียมทั้งปากให้แก่ผู้ป่วยจำนวน 34 ราย

การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการทำฟันเทียม สิ่งที่โดดเด่นในโครงการนี้คือการนำ เทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้ในการผลิตฟันเทียม ซึ่งเป็นการยกระดับการให้บริการทันตกรรมไปอีกขั้น การใช้ การสแกนฟันดิจิทัล (Digital Scan) เพื่อเก็บข้อมูลฟันที่แม่นยำ จากนั้นทำการออกแบบฟันเทียมด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (CAD Design) และใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติ (3D Printer) ในการผลิตฟันเทียม

การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Denture) ในการผลิตฟันเทียมทำให้สามารถออกแบบและผลิตฟันที่มี ความสวยงามและเป็นธรรมชาติ มากขึ้น เนื่องจากฟันเทียมสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับสภาพช่องปากของผู้ป่วยแต่ละราย แตกต่างจากการใช้ฟันสำเร็จรูปแบบเดิมจากบริษัทที่ผลิตในรูปแบบมาตรฐาน

การทดสอบระบบดิจิทัลครั้งนี้ทำให้สามารถผลิต ฟันเทียมดิจิทัล ได้เร็วขึ้น โดยไม่สูญเสียคุณภาพและความแข็งแรงของฟันเทียม กระบวนการผลิตยังคงรักษามาตรฐานสูงเช่นเดียวกับการผลิตฟันเทียมแบบปกติ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ความสวยงามและความเข้ากับผู้ป่วย ที่ดีขึ้น เนื่องจากการออกแบบที่เฉพาะเจาะจง

ผลลัพธ์ที่ได้จากโครงการ ในการออกหน่วยครั้งนี้, 5 เคสแรกของฟันเทียมดิจิทัล (Digital Denture) ได้รับการผลิตด้วยระบบดิจิทัล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการรักษา ฟันเทียมที่ผลิตขึ้นมาไม่เพียงแค่มีรูปลักษณ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ แต่ยังมี ความสะดวกในการใช้งาน และ ความมั่นคงในการยึดติด ที่เทียบเท่าหรือดีกว่าฟันเทียมแบบดั้งเดิม

การใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติและระบบดิจิทัลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตฟันเทียมให้เร็วกว่าการผลิตด้วยวิธีแบบดั้งเดิม รวมทั้งยังช่วยลดข้อผิดพลาดในการผลิตได้มากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยและการให้บริการในระยะยาว

ความท้าทายและการพัฒนาในอนาคต แม้ว่าการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในครั้งนี้จะสร้างความสำเร็จในด้านการผลิตฟันเทียมที่มีคุณภาพสูงขึ้น แต่ก็ยังมีความท้าทายด้าน ค่าใช้จ่าย สำหรับอุปกรณ์และวัสดุที่มีราคาสูง รวมถึง ความซับซ้อนในการใช้งาน ซึ่งต้องอาศัยการฝึกฝนและพัฒนาทักษะจากทีมงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

การดำเนินงานในโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานสาธารณสุขอำเภอโพธิ์ตาก, โดยมี ทพ.ณัฐพล มัสยามาตย์ หัวหน้ากลุ่มงานทันตกรรม โรงพยาบาลโพธิ์ตาก ซึ่งช่วยประสานงานและอำนวยความสะดวกในการดำเนินการของทีมงานจากหน่วยทันตกรรมพระราชทาน

นอกจากนี้ยังต้องขอขอบคุณ ทพญ.เขมจิรัฏฐ์ โควสุภัทร์, ศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยนเรศวร, ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยประสานงานการจัดกิจกรรมในครั้งนี้

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันในการทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ รวมถึง อาจารย์, นิสิต, ผู้ช่วยทันตแพทย์, และช่างทันตกรรม ที่ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ เพื่อผลิตฟันเทียมทั้งปากให้กับผู้ป่วยจำนวน 34 ราย โดยทุกคนสามารถกลับไปมี รอยยิ้มใหม่ ที่สะท้อนถึงความสำเร็จของการให้บริการที่มีคุณภาพและมีผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน

ที่มา: หน่วยใส่ฟันเทียมทันตกรรมพระราชทาน คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin