ม.นเรศวร ร่วมมือ อบต. ท่าโพธิ์ ยกระดับมาตรฐานร้านอาหารรอบชุมชน สู่ความปลอดภัยยั่งยืน

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2567 กลุ่มสาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ จัดพิธีปิดโครงการ “พัฒนามาตรฐานร้านอาหารและแผงลอยจำหน่ายอาหารรอบมหาวิทยาลัยนเรศวร” โดยมีการสรุปผลการดำเนินงาน และประกาศรางวัลร้านค้าที่ได้รับการคัดเลือกเป็นร้านดีเด่น จำนวนทั้งสิ้น 33 ร้าน ซึ่งได้รับป้ายช้างลิมิเต็ดตามสโลแกน “Quality you can taste, Plate you can trust – คุณภาพที่สัมผัสได้ จานที่คุณไว้ใจ” พร้อมใบประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติ

โครงการนี้ยังได้มอบ ป้าย Clean Food Good Taste ให้แก่ผู้ประกอบการร้านอาหารที่ผ่านหลักสูตรการอบรมและการพัฒนามาตรฐานร้านอาหาร รวมจำนวน 100 ร้าน เพื่อเป็นการยกระดับคุณภาพการบริหารจัดการด้านสุขาภิบาลอาหารในพื้นที่รอบมหาวิทยาลัยนเรศวร ให้มีมาตรฐานอาหารที่สะอาดและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ภายในพิธีได้รับเกียรติจาก นายธวัช สิงหเดช นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ และประธานกองทุนหลักประกันสุขภาพ อบต.ท่าโพธิ์ พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.นิทรา กิจธีระวุฒิวงษ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นผู้มอบประกาศนียบัตรและป้ายรับรองคุณภาพแก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมในโครงการ

โครงการพัฒนามาตรฐานร้านอาหารและแผงลอยจำหน่ายอาหารในครั้งนี้ มุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการตระหนักถึงความสำคัญของความสะอาด ปลอดภัย และคุณภาพอาหาร ทั้งในด้านกายภาพและชีวภาพ รวมถึงการเสริมสร้างทักษะในการดูแลสุขาภิบาลร้านอาหารให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อให้เกิดความมั่นใจต่อผู้บริโภค

นอกจากการพัฒนาความรู้และทักษะแล้ว โครงการยังเป็นเวทีในการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ประกอบการร้านอาหารและแผงลอยในการยกระดับมาตรฐานธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงพาณิชย์ และตอบโจทย์ต่อการสร้างระบบอาหารที่ปลอดภัยอย่างยั่งยืน

การดำเนินงานยังแสดงถึงบทบาทสำคัญของความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้ประกอบการในชุมชน ที่ร่วมกันผลักดันให้เกิดมาตรฐานอาหารสะอาดและปลอดภัยในระดับพื้นที่ ซึ่งเป็นต้นแบบการทำงานเชิงบูรณาการที่สามารถขยายผลไปยังพื้นที่อื่นได้ในอนาคต

การจัดโครงการครั้งนี้ไม่เพียงสร้างผลลัพธ์ด้านคุณภาพอาหาร แต่ยังสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในตำบลท่าโพธิ์ ด้วยการสนับสนุนผู้ประกอบการให้พัฒนาศักยภาพ และเพิ่มคุณค่าของร้านค้าและแผงลอยในพื้นที่อย่างมีระบบและมาตรฐานที่ยั่งยืน

โครงการ พัฒนามาตรฐานร้านอาหารและแผงลอยจำหน่ายอาหาร จึงเป็นกลไกสำคัญที่เชื่อมโยงการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ผ่านการสร้างความมั่นใจด้านอาหารปลอดภัย และการยกระดับมาตรฐานร้านอาหารและแผงลอยให้ก้าวสู่ความยั่งยืนในระยะยาว

ม.นเรศวร ร่วมยกระดับมาตรฐานอาหารปลอดภัย เชื่อมความร่วมมือสถาบันการศึกษาและท้องถิ่น

วันอังคารที่ 18 มิถุนายน 2567 กลุ่มสาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดโครงการพัฒนามาตรฐานร้านอาหารและแผงลอยจำหน่ายอาหารรอบมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยได้รับการสนับสนุนจากกองทุนหลักประกันสุขภาพตำบลท่าโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อยกระดับมาตรฐานอาหารปลอดภัย และสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างภาคการศึกษา ภาคท้องถิ่น และชุมชน

โครงการครั้งนี้ได้รับเกียรติจากนายธวัช สิงห์เดช นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ และรองศาสตราจารย์ ดร.นิทรา กิจธีระวุฒิวงษ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมเป็นประธานเปิดโครงการ ณ ห้อง Main Conference อาคารบริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการร้านอาหารและอาสาสมัครสาธารณสุขได้เข้ามาเรียนรู้และพัฒนาทักษะร่วมกัน

การดำเนินงานในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 150 คน ประกอบด้วยผู้ประกอบการร้านอาหารจำนวน 100 ร้านค้า และอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) อีก 50 คน ซึ่งเป็นกลุ่มสำคัญในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชุมชน ทั้งในด้านคุณภาพอาหารและสุขอนามัย

โครงการเน้นการอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับสุขาภิบาลอาหาร การเลือกใช้วัตถุดิบที่สะอาดปลอดภัย การคัดแยกและการจัดเก็บอาหารอย่างถูกสุขลักษณะ รวมถึงการจัดการภาชนะและพื้นที่ปรุงอาหารให้ถูกต้องตามหลักอนามัย ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปปรับใช้ในร้านค้าได้จริง

นอกจากการอบรมแล้ว ยังมีการประเมินคุณภาพร้านอาหารและแผงลอยโดยใช้เกณฑ์มาตรฐานที่กรมอนามัยกำหนด เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้บริโภคจะได้รับอาหารที่สะอาดและปลอดภัยต่อสุขภาพ ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการยังได้รับคำแนะนำในการพัฒนาร้านให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อลดปัญหาขยะและของเสียจากการประกอบอาหาร

การมีส่วนร่วมของอาสาสมัครสาธารณสุขถือเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของโครงการ เนื่องจาก อสม. เป็นกำลังสำคัญในการสื่อสารและเผยแพร่ความรู้สู่ชุมชน การเข้ามามีบทบาทในการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในครั้งนี้ ช่วยให้แนวทางการพัฒนาอาหารปลอดภัยขยายผลได้อย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง

การเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานท้องถิ่น ผู้ประกอบการ และภาคประชาชนในครั้งนี้ เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการทำงานแบบบูรณาการ ที่ไม่เพียงแต่ยกระดับมาตรฐานร้านอาหารรอบมหาวิทยาลัย แต่ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค และตอบโจทย์การพัฒนาสุขภาพและโภชนาการในระดับชุมชน

การจัดโครงการพัฒนามาตรฐานร้านอาหารและแผงลอยจำหน่ายอาหารรอบมหาวิทยาลัยนเรศวรครั้งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานอาหารปลอดภัย และสร้างความยั่งยืนทางโภชนาการ ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง

ผลงานนวัตกรรม “ChixTein” ม.นเรศวร คว้าสุดยอดนวัตกรรมอาหารบนเวทีโลก

วันพุธที่ 12 มิถุนายน 2567 ผลงานนวัตกรรม ChixTein ของนักวิจัยมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 10 สุดยอดนวัตกรรมอาหาร ตัวแทนประเทศไทยเข้าร่วมเวที Thailand’s Taste of Tomorrow 2024 ณ Riverside Studios กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ นับเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนศักยภาพของงานวิจัยไทยสู่ระดับโลก และเป็นการส่งเสริมสุดยอดนวัตกรรมอาหารที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนและตลาดโลกในอนาคต

ผลงาน ChixTein เกิดจากความร่วมมือระหว่าง รองศาสตราจารย์ ดร.ขนิษฐา รุตรัตนมงคล อาจารย์ประจำภาควิชาอุตสาหกรรมเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร และ บริษัท ไทย เอนโท ฟู้ด จำกัด โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์โปรตีนไก่เข้มข้นคุณภาพสูงในรูปแบบผงโปรตีนที่สามารถใช้ได้หลากหลาย ทั้งในอาหาร เครื่องดื่ม อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์

ผลิตภัณฑ์ ChixTein มีแนวคิดสำคัญคือการใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง ผ่านกระบวนการผลิตที่สะอาดและปลอดภัย ปราศจากสารสังเคราะห์ สารกันบูด และสารเติมแต่ง เพื่อสร้างโปรตีนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการพึ่งพากระบวนการผลิตที่ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นโปรตีนที่มีรสชาติธรรมชาติจากเนื้อไก่ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลายอุตสาหกรรม

การคัดเลือก ChixTein เข้าสู่เวทีระดับโลกในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Food Innovation Global Market Launchpad ที่มุ่งผลักดันธุรกิจนวัตกรรมอาหารของไทยสู่การเติบโตในตลาดสากล โดยมีการจัดกิจกรรมเสวนาและบรรยายภายใต้หัวข้อ “Thailand’s Taste of Tomorrow: Fostering the Future of Food, Faith, and Flavours” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) และ Food Innopolis

สำหรับเอกลักษณ์ของงาน Thailand’s Taste of Tomorrow 2024 ได้รับแรงบันดาลใจจาก “วารีกุญชร” สัตว์ป่าหิมพานต์ในตำนาน โดยมีช้างสีม่วงพร้อมหู หาง และครีบสีชมพู ใช้เป็นสัญลักษณ์สะท้อนถึงยานพาหนะทางวัฒนธรรมที่จะนำพา FoodTech Startups ฝ่าฟัน Valley of Death และก้าวสู่ความสำเร็จในตลาดโลกด้วยพลังความร่วมมือจากทุกฝ่าย

บริษัท ไทย เอนโท ฟู้ด จำกัด ถือเป็น บริษัท Spin Off 100% จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยมีพันธกิจสำคัญคือ Feed the World with Sustainable Protein มุ่งสร้างนวัตกรรมโปรตีนคุณภาพสูงจากทรัพยากรที่ประเทศไทยมีศักยภาพ พร้อมทั้งใช้เทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Technology) เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยสู่เวทีโลก

การเข้าร่วมเวทีในครั้งนี้นับเป็นประสบการณ์ใหม่ที่สะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานความเป็นไทยเข้ากับเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว ไม่เพียงนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารแห่งอนาคต แต่ยังถ่ายทอดอัตลักษณ์ไทยที่โดดเด่น แตกต่างจากประเทศอื่น ๆ กลายเป็นจุดขายที่ดึงดูดความสนใจของนานาชาติ และทำให้ผู้เข้าร่วมงานเห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในฐานะผู้พัฒนานวัตกรรมอาหารสู่ตลาดโลก

ChixTein จึงไม่ใช่เพียงผลิตภัณฑ์อาหาร แต่เป็นนวัตกรรมที่สะท้อนความสามารถด้านงานวิจัยและการสร้างธุรกิจเชิงนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยไทย อันจะเป็นกำลังสำคัญในการยกระดับประเทศ และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการส่งเสริมสุดยอดนวัตกรรมอาหารเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน

ขอบคุณภาพจาก: www.innolifethailand.com

ม.นเรศวร คว้ารางวัลเหรียญเงินจากเวทีนวัตกรรมนานาชาติ ณ เจนีวา

คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร ขอแสดงความยินดีกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สนธยา นุ่มท้วม อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์การเกษตร และ ดร.เสาวลักษณ์ รุ่งแจ้ง อาจารย์ประจำภาควิชาอุตสาหกรรมเกษตร พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.สุดารัตน์ เจียมยั่งยืน จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในนามทีม “BetterWhite” ที่ได้รับรางวัลเหรียญเงิน จากผลงานนวัตกรรมอาหารโปรตีนสูงจากไข่ขาว 100% ในงาน The 49th International Exhibition of Inventions Geneva ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส

การประกวดนวัตกรรมระดับนานาชาติครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17 – 21 เมษายน 2567 โดยมีผลงานจากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ทั้งจากยุโรป เอเชีย และอเมริกา เข้าร่วมมากกว่า 1,000 ผลงาน ซึ่งนับเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้นักวิจัยและนักประดิษฐ์ไทยได้แสดงศักยภาพด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่มีคุณภาพสู่สายตาชาวโลก

สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ทำหน้าที่เป็นผู้คัดเลือกและสนับสนุนผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาของไทย จำนวน 37 แห่ง เพื่อเข้าร่วมประกวดในเวทีครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จที่ตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยในการพัฒนางานวิจัยที่สามารถต่อยอดสู่การใช้ประโยชน์เชิงอุตสาหกรรมได้จริง

ผลงานนวัตกรรมอาหารโปรตีนสูงจากไข่ขาว 100% ของทีม BetterWhite มีแนวคิดหลักในการใช้วัตถุดิบที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และผ่านกระบวนการวิจัยเพื่อเพิ่มมูลค่า สอดคล้องกับความต้องการของตลาดอาหารเพื่อสุขภาพที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ

การได้รับรางวัลจากเวทีระดับโลกครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการยกระดับคุณภาพของงานวิจัยมหาวิทยาลัยนเรศวรเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการบูรณาการองค์ความรู้ด้านเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีความเป็นเลิศทั้งด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการตอบโจทย์สังคม

นอกจากนี้ การเข้าร่วมเวทีเจนีวา ยังเปิดโอกาสให้นักวิจัยได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมกับผู้เชี่ยวชาญจากนานาประเทศ ซึ่งช่วยขยายเครือข่ายความร่วมมือด้านวิจัย และเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์สากล

ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการ ส่งเสริมนวัตกรรมการวิจัยสู่ภาคอุตสาหกรรม เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าและสามารถแข่งขันได้ในเวทีนานาชาติ พร้อมทั้งสนับสนุนการพัฒนาประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมอย่างแท้จริง

ม.นเรศวร ขับเคลื่อนนวัตกรรม “อาหารเพื่อสุขภาพ” จากวัตถุดิบท้องถิ่น สู่การพัฒนาอาหารสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วย NCDs อย่างยั่งยืน

วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม 2567 คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร จัดกิจกรรม “Innovative Local Food for NCDs” ภายใต้โครงการ การขยายผลและเพิ่มขีดความสามารถการผลิตอาหารพื้นบ้านภาคเหนือสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะเคี้ยวกลืนลำบากและกลุ่มโรค NCDs สู่การผลิตเชิงพาณิชย์ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมอาหารเพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์กลุ่มประชากรเปราะบาง และสนับสนุนการยกระดับเศรษฐกิจชุมชนผ่านการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

บรรยากาศกิจกรรม “Innovative Local Food for NCDs” เป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (KM Platform) ที่เปิดโอกาสให้นักวิชาการ ผู้ประกอบการ และชุมชน ได้ร่วมกันพัฒนาเมนู อาหารเพื่อสุขภาพ โดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่น เช่น ธัญพืช ผักพื้นบ้าน และโปรตีนทางเลือก เพื่อต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับผู้สูงอายุ ผู้ที่มีภาวะเคี้ยวกลืนลำบาก และผู้ป่วยกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) กิจกรรมครั้งนี้จึงถือเป็นกลไกสำคัญในการบูรณาการองค์ความรู้ด้านโภชนาการ นวัตกรรม และการแพทย์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว

ภาคเช้าของงาน ประกอบด้วยการบรรยายให้ความรู้เชิงวิชาการในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารยุคใหม่ โดยเริ่มจากหัวข้อ “การต่อยอดนวัตกรรมอาหารสู่การเป็นผู้ประกอบนวัตกรรมยุค New Normal” โดย ศาสตราจารย์ ดร.ภาวิณี ชินะโชติ ที่มุ่งเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของการสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัตถุดิบในท้องถิ่น และการปรับตัวของผู้ประกอบการอาหารในยุคเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนทั้งในเชิงเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

ต่อมาเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในหัวข้อ “อาหารท้องถิ่นสู่อาหารผู้สูงอายุเชิงพาณิชย์” โดย รองศาสตราจารย์ ดร.ยุทธนา พิมลศิริผล ซึ่งกล่าวถึงกระบวนการพัฒนาเมนูอาหารที่สอดคล้องกับหลักโภชนาการสำหรับผู้สูงอายุ พร้อมแนวทางการพัฒนาให้สามารถผลิตในเชิงพาณิชย์ได้จริง สร้างความมั่นคงทางอาหารและรายได้ให้แก่ชุมชนท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

ในหัวข้อสุดท้ายของภาคเช้า รองศาสตราจารย์ ดร.นิติพงศ์ จิตรีโภชน์ ได้บรรยายเกี่ยวกับ ระบบนิเวศด้านอุตสาหกรรมอาหาร (Food Industry Ecosystem) ที่เชื่อมโยงการผลิตอาหารปลอดภัยกับนวัตกรรมการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ เพื่อยกระดับมาตรฐานของผลิตภัณฑ์อาหารไทยให้สามารถแข่งขันในระดับนานาชาติได้ โดยยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารท้องถิ่น

ภาคบ่ายของงานเป็นกิจกรรม Workshop การสร้างสรรค์อาหารพื้นถิ่นเพื่อสุขภาพ นำโดย คุณศศิกานต์ ศรีสังข์ และ คุณเอกวัฒน์ พันธาสุ ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้ลงมือปฏิบัติจริงในการพัฒนาเมนูอาหารสำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วย NCDs โดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่สามารถหาได้ง่ายในชุมชน ทั้งนี้ได้เน้นกระบวนการผลิตที่ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และคำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการในทุกขั้นตอน

กิจกรรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.กรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานกล่าวเปิดงาน โดยกล่าวถึงความสำคัญของการสร้างนวัตกรรมอาหารที่ไม่เพียงตอบโจทย์สุขภาพ แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค และส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตอย่างยั่งยืนผ่านการพัฒนาองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีอาหาร

กิจกรรม “Innovative Local Food for NCDs” จัดขึ้นโดยความร่วมมือของหลายหน่วยงาน ได้แก่ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.), มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยนเรศวร, ศูนย์นวัตกรรมอาหารและบรรจุภัณฑ์ (Food Innovation and Packaging Center: FIN), โครงการพัฒนาเทคโนโลยีเกษตรอินทรีย์ (Organic Tech Accelerator Platform: OTAP NU) และเมืองนวัตกรรมอาหาร (Food Innopolis) จากทั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และมหาวิทยาลัยนเรศวร

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิชาการ แต่ยังเป็นการขับเคลื่อนแนวทางการพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพที่ยั่งยืนของประเทศไทย ผ่านการเชื่อมโยงองค์ความรู้ทางโภชนาการ วิทยาศาสตร์การอาหาร และการมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อสร้างระบบอาหารที่เข้มแข็ง ปลอดภัย และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของประชาชนทุกช่วงวัยในอนาคต

ม.นเรศวร ตรวจสอบอาหารทุกขั้นตอน มั่นใจ ปลอดภัย ได้มาตรฐาน

โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก ได้ดำเนินการสุ่มตรวจคุณภาพอาหารในศูนย์อาหาร NU Square และศูนย์อาหาร NU Canteen โดยใช้เครื่องวัดความเค็ม (Salt meter) เพื่อตรวจสอบปริมาณเกลือและโซเดียมในอาหารที่จำหน่ายให้กับนิสิตและประชาชนผู้ใช้บริการ ถือเป็นความร่วมมือที่สำคัญในการสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยทางอาหารและสุขภาพของผู้บริโภค

การตรวจสอบครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อประเมินคุณภาพอาหารที่จำหน่ายภายในมหาวิทยาลัย ว่ามีความเหมาะสมต่อการบริโภคและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น ความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับการบริโภคโซเดียมเกินความจำเป็น

นอกจากนี้ การตรวจสอบคุณภาพอาหารยังสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาความยั่งยืนด้านอาหาร ที่มุ่งเน้นการสร้างสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ที่เอื้อต่อการมีพฤติกรรมการบริโภคที่ดีต่อสุขภาพ การลดโซเดียมในอาหารถือเป็นมาตรการสำคัญในการส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร ควบคู่ไปกับการลดความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพในอนาคต

การดำเนินงานในครั้งนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับหน่วยงานภาครัฐในระดับท้องถิ่น เพื่อยกระดับคุณภาพอาหารและความปลอดภัยทางโภชนาการ การผนึกกำลังกันเช่นนี้ช่วยเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและสามารถเป็นต้นแบบให้กับสถานศึกษาและชุมชนอื่น ๆ

อีกทั้ง มหาวิทยาลัยนเรศวรยังให้ความสำคัญกับการเป็นพื้นที่ต้นแบบด้านการสร้างเสริมสุขภาพของนิสิตและบุคลากรภายในมหาวิทยาลัย ผ่านการจัดการสิ่งแวดล้อมด้านอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการเรียนรู้ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพ

การตรวจสอบคุณภาพอาหารที่ดำเนินการครั้งนี้ ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงแค่การควบคุมมาตรฐานเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้ประกอบการร้านอาหารภายในมหาวิทยาลัย ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการลดการใช้เกลือและโซเดียมในกระบวนการปรุงอาหาร เพื่อร่วมกันสร้างสังคมการกินที่ปลอดภัยและยั่งยืน

ท้ายที่สุด การร่วมมือของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรกับสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 2 จังหวัดพิษณุโลกครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงพลังของการบูรณาการเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมด้านความมั่นคงทางอาหาร และการสร้างเครือข่ายพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่นและระดับมหาวิทยาลัย

ม.นเรศวร จับมือเครือข่ายยกระดับงานวิจัยอาหารสู่เชิงพาณิชย์

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับมูลนิธิสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จัดกิจกรรมพัฒนาความร่วมมือและสร้างเครือข่าย เพื่อสนับสนุน พัฒนา และผลักดันงานวิจัย ส่วนประกอบอาหาร และผลิตภัณฑ์อาหารมูลค่าสูง ให้เกิดการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.)

กิจกรรมดังกล่าวได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.กรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม กล่าวต้อนรับ พร้อมด้วย เภสัชกรอาทิตย์ พันเดช ผู้อำนวยการกองผลิตภัณฑ์สุขภาพนวัตกรรมและการบริการ ร่วมเปิดการประชุม ณ ห้องประชุมนเรศวร 310 อาคารสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร

กิจกรรมแบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ภาคเช้า มุ่งเน้นการพัฒนาความร่วมมือและสร้างเครือข่าย เพื่อสนับสนุนและผลักดันงานวิจัยด้านส่วนประกอบอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารมูลค่าสูงให้เกิดการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์

ภาคบ่ายเป็นกิจกรรมให้คำปรึกษาแก่นักวิจัยเกี่ยวกับการสนับสนุนผลงานวิจัยและนวัตกรรมด้านอาหารมูลค่าสูง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์และกระบวนการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร เสริมสร้างความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนงานวิจัยสู่การใช้งานจริง

นอกจากนี้ยังเน้นการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมอาหาร โดยใช้ความเชี่ยวชาญจากคณาจารย์และนักวิจัย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์อาหารและส่วนประกอบอาหารที่มีศักยภาพเชิงพาณิชย์

มหาวิทยาลัยนเรศวร ยังคงเดินหน้าเสริมสร้างความร่วมมือเชิงวิชาการและเครือข่ายวิจัย เพื่อพัฒนางานวิจัยด้านอาหารให้ตอบโจทย์ความต้องการของสังคมและอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทยอย่างยั่งยืน

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของกองการวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ที่ https://linktr.ee/dri_nu

ม.นเรศวร สำรวจโซเดียมในอาหารมหาวิทยาลัย ชูแนวทางลดความเสี่ยงโรคจากการบริโภคอาหารรสเค็ม

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2567 หน่วยเวชปฏิบัติชุมชน คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าโพธิ์ และกองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดกิจกรรมสำรวจปริมาณโซเดียมในอาหารโดยใช้เครื่องวัดความเค็ม (Salt Meter) เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับระดับโซเดียมในอาหารที่จำหน่ายในพื้นที่มหาวิทยาลัย กิจกรรมนี้ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการส่งเสริมสุขภาพ ลดปัจจัยเสี่ยงจากการบริโภคอาหารไม่เหมาะสม และสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมุ่งเน้นไปที่การ ลดความเสี่ยงโรคจากการบริโภคอาหารรสเค็ม

การดำเนินการสำรวจในโรงอาหารของหอพักมหาวิทยาลัย จำนวน 12 ร้านค้า ครอบคลุมเมนูอาหาร 13 ชนิด พบว่าอาหารที่มีระดับความเค็มน้อยมีจำนวน 9 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 69.23 อาหารที่มีระดับความเค็มมากจำนวน 3 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 23.08 และอาหารที่อยู่ในระดับเริ่มเค็ม 1 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 7.69 ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการปรับปรุงการปรุงอาหารเพื่อลดปริมาณโซเดียมลง

นอกจากนี้ ยังได้ทำการสำรวจร้านค้ารอบมหาวิทยาลัยนเรศวรจำนวน 10 ร้านค้า ครอบคลุมเมนูอาหาร 10 ชนิด พบว่าอาหารที่มีความเค็มน้อย 5 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 50 อาหารที่เริ่มเค็ม 4 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 40 และอาหารที่เค็มมาก 1 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 10 สะท้อนถึงความหลากหลายในการใช้เครื่องปรุงรส และชี้ให้เห็นว่ามีพื้นที่ในการพัฒนาคุณภาพอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น

กระบวนการสำรวจไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการเก็บข้อมูล แต่ยังเป็นการให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการร้านค้า โดยเฉพาะการลดการใช้น้ำปลาและเกลือที่เป็นแหล่งโซเดียมหลัก คำแนะนำดังกล่าวเน้นการสร้างสมดุลระหว่างรสชาติอาหารและสุขภาพ เพื่อให้ผู้บริโภคยังคงได้รับความอร่อยโดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญคือการติดสติกเกอร์บอกระดับความเค็มของอาหารในร้านที่มีเมนูความเค็มน้อยจำนวน 14 ร้าน เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเลือกเมนูที่ดีต่อสุขภาพได้ง่ายขึ้น วิธีการนี้ไม่เพียงสร้างการรับรู้ แต่ยังช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเห็นความสำคัญในการปรับสูตรอาหารเพื่อลดโซเดียมลง

การลดโซเดียมในอาหารมีผลโดยตรงต่อการลดความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคไต การดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้จึงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในระยะยาว

โครงการนี้ยังเป็นการเพิ่มพูนความรู้ให้กับนิสิตและบุคลากรในมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับผลกระทบของโซเดียมต่อสุขภาพ สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคสู่ทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างชุมชนมหาวิทยาลัยที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และหน่วยงานท้องถิ่น แสดงให้เห็นถึงการบูรณาการเพื่อการพัฒนาที่เข้มแข็ง และตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาในมิติของสุขภาพ โภชนาการ และความร่วมมือระดับภาคีเครือข่าย เพื่อสร้างสังคมที่มีความยั่งยืนและสุขภาพดีในระยะยาว

ที่มา: คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร: พัฒนาชุมชน สร้างความยั่งยืน!

วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม 2567 รศ.ดร.นิติพงศ์ จิตรีโภชน์ ผู้ช่วยคณบดีคณะเกษตรศาสตร์ฯ ให้การต้อนรับคณะศึกษาดูงานจากสำนักงานเกษตรจังหวัดพิษณุโลก และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเมืองหมักพิษณุโลก ตำบลเนินกุ่ม อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก ที่เข้าศึกษาดูงานอาคารศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีการแปรรูปผลผลิตการเกษตรและอาหาร (IDEA)

กิจกรรมศึกษาดูงานครั้งนี้มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะด้านการบริหารจัดการ การผลิต และการตลาดสำหรับสมาชิกวิสาหกิจชุมชน เพื่อเสริมสร้างความรู้และศักยภาพในการพัฒนาผลผลิตการเกษตรและอาหารให้มีคุณภาพและมาตรฐาน

อาคารศูนย์ IDEA เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีการแปรรูปผลผลิตการเกษตรและอาหาร ที่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ครบครัน ช่วยให้นิสิตและผู้เข้าศึกษาดูงานได้เรียนรู้กระบวนการผลิต การปรับปรุงคุณภาพ และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร

คณะศึกษาดูงานได้เรียนรู้เทคนิคการแปรรูปวัตถุดิบพื้นบ้าน เช่น การหมักอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเพิ่มคุณภาพและความปลอดภัย พร้อมทั้งศึกษาวิธีการจัดการและบรรจุภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ระหว่างผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยและสมาชิกวิสาหกิจชุมชน เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือและสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารอย่างครบวงจร

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของสมาชิกวิสาหกิจ พร้อมสนับสนุนความมั่นคงด้านอาหารของพื้นที่

คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ยังคงให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ด้านการเกษตรและอาหารแก่ชุมชน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการสร้างความยั่งยืนในระดับท้องถิ่นและภูมิภาค

นักวิจัย ม.นเรศวร ยกระดับกล้วยไข่สู่นวัตกรรม “ผลิตภัณฑ์นิวตราซูติคอลเม็ดเคี้ยวกล้วยไข่ผสมน้ำมันเมล็ดกัญชง” พร้อมต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์

วันพุธที่ 24 มกราคม 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวรจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ “ผลิตภัณฑ์นิวตราซูติคอลเม็ดเคี้ยวกล้วยไข่ผสมน้ำมันเมล็ดกัญชง” ซึ่งได้รับเกียรติจากศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกรหญิงกรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม กล่าวต้อนรับสื่อมวลชนและผู้เข้าร่วมงาน ณ ห้อง H111 คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

การพัฒนาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนำโดยศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกรหญิง จารุภา วิโยชน์ อาจารย์ประจำภาควิชาเทคโนโลยีเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับคณะนักวิจัย ได้ยกระดับผลผลิตทางการเกษตรของไทยอย่าง “กล้วยไข่” ผสมผสานกับสมุนไพรไทย “เมล็ดกัญชง” ผ่านกระบวนการวิจัยและพัฒนา โดยมีการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน)

ผลิตภัณฑ์นิวตราซูติคอลเม็ดเคี้ยวกล้วยไข่ผสมน้ำมันเมล็ดกัญชงนี้ ได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มการดูดซึมสารสำคัญอย่างเบต้า-แคโรทีน ซึ่งมีคุณสมบัติในการป้องกันการแดงของผิวหนังจากการสัมผัสแสงแดด โดยนวัตกรรมนี้ถือเป็นการแปรรูปสินค้าเกษตรให้เป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม

คุณลักษณะเด่นของผลิตภัณฑ์ คือการนำกล้วยไข่มาพัฒนาในรูปแบบเม็ดเคี้ยวที่รับประทานง่าย สามารถใช้เป็นอาหารว่างหรือเสริมมื้ออาหาร โดยไม่เพียงมอบรสชาติจากกล้วยแท้ แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมสารอาหารเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว มีส่วนช่วยป้องกันการเกิด photoaging ที่เกิดจากรังสี UV ในชีวิตประจำวัน

ทั้งนี้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้ผ่านกระบวนการสกัดและแปรรูปที่รักษาคุณภาพและความคงตัวของสารสำคัญ พร้อมทั้งคัดสรรส่วนผสมที่เหมาะสม จนได้สูตรตำรับเม็ดเคี้ยวที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีการทดสอบทางคลินิกเพื่อยืนยันผลลัพธ์ในการช่วยป้องกันการแดงจากแสงแดด

การคิดค้นนวัตกรรมครั้งนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการ ส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ เพื่อยกระดับคุณภาพสินค้าเกษตรไทยไปสู่ผลิตภัณฑ์สุขภาพที่มีมาตรฐานและมูลค่าสูง สามารถสร้างความแตกต่างและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด

มหาวิทยาลัยนเรศวรยังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์ “มหาวิทยาลัยเพื่อสังคมของผู้ประกอบการ” โดยพร้อมสนับสนุนงานวิจัยที่สามารถนำองค์ความรู้มาต่อยอดสู่ผลิตภัณฑ์จริง ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับประเทศ

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin