เปิดใช้ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรฯ และโครงการ GROW NU: ต้นไม้ ความสุข สังคมนเรศวร

วันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน 2566 เวลา 19.00 น. รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานพิธีเปิดใช้ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและโครงการ GROW NU: ต้นไม้ ความสุข สังคมนเรศวร ซึ่งในการปรับปรุงลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีแนวความคิดในการออกแบบโดยเริ่มจากการศึกษาประวัติและคุณงามความดีขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพื่อให้บุคคลทั่วไปได้ทราบถึงประวัติความเป็นมาขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงได้พัฒนาและปรับปรุงให้สอดคล้องกับเกียรติประวัติขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

และโครงการ GROW NU:ต้นไม้ ความสุข สังคมนเรศวร โดยมีการปลูกต้นเสลา ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย และถั่วบราซิล ซึ่งภาชนะในการปักชำ ขยายพันธุ์ถั่วบราซิลได้มาจากการนำขวดพลาสติกกลับมาใช้ใหม่ทดแทนถุงเพาะชำต้นไม้และนำน้ำที่ได้จากการบำบัด มาใช้ในการรดน้ำดูแล ถั่วบราซิล และไม้ประดับอื่นๆในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย เพื่อสร้างความตระหนักถึงการมีส่วนร่วมในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับมหาวิทยาลัย

โดย นายรุ่งรัตน์ พระนาค ผู้อำนวยการกองอาคารสถานที่พร้อมด้วยบุคลากร ผู้บริหาร คณาจารย์ นิสิต และศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยนเรศวร เข้าร่วมพิธีเปิดกันอย่างพร้อมเพรียง ณ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ที่มา: กองอาคารสถานที่ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ส่งเสริมความร่วมมือในอาเซียน ศึกษาเทคโนโลยีพลังงานสะอาดและลดก๊าซเรือนกระจกที่เกาหลีใต้

วันที่ 26-29 มิถุนายน 2566 รศ.ดร.นิพนธ์ เกตุจ้อย ผู้อำนวยการวิทยาลัยฯ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เดินทางไปศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสมาร์ทกริดและแนวทางการสนับสนุนการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ณ ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาดและความยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDG 7: พลังงานสะอาดและราคาไม่แพง, SDG 17: ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา)

ในระหว่างการศึกษาดูงาน คณะผู้บริหารและอาจารย์ของมหาวิทยาลัยนเรศวรได้เข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่สำคัญ รวมถึงการประชุมและการเยี่ยมชมสถานประกอบการชั้นนำของเกาหลีใต้ในด้านพลังงานสะอาดและการบริหารจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ดังนี้:

  1. การประชุมกับหน่วยงาน Overseas Emissions Reduction Team, Ministry of Trade, Industry & Energy การประชุมในครั้งนี้ได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนการลดก๊าซเรือนกระจกในต่างประเทศ โดยเกาหลีใต้ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการใช้พลังงานสะอาดเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในระดับภูมิภาคอาเซียนและทั่วโลก
  2. การประชุมร่วมกับคณะผู้บริหาร บริษัท SK E&S และ SK on บริษัท SK E&S และ SK on เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยี Energy Storage System (ESS) ของเกาหลีใต้ คณะผู้บริหารและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี ESS และแนวทางการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการพัฒนาโซลูชันที่ช่วยลดการใช้พลังงานจากแหล่งที่ไม่ยั่งยืน
  3. การเยี่ยมชมบริษัท Busan Jungkwan Energy บริษัทนี้ดำเนินธุรกิจในด้านการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่จุงกวาง (Jungkwan) เมืองปูซาน คณะผู้บริหารและอาจารย์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการ Distributed Energy Resources (DERs) ที่ใช้เทคโนโลยีเช่น Advanced Distribution Management System (ADMS), Virtual Power Plant (VPP), และ Energy Storage System (ESS) ซึ่งเป็นตัวอย่างการนำเทคโนโลยีมาช่วยในการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  4. การประชุมกับผู้บริหารบริษัท POSCO DX บริษัท POSCO DX เป็น DR Operator ของเกาหลีใต้ คณะผู้บริหารได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจการตอบสนองด้านโหลด (Demand Response Operation) ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยในการบริหารจัดการความต้องการพลังงานในเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการผลิตและการใช้พลังงาน
  5. การเยี่ยมชมบริษัท EIPGRID บริษัท EIPGRID เป็นผู้นำในการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการบริหารจัดการพลังงานในรูปแบบ Energy as a Service (EaaS) โดยใช้เทคโนโลยี AI ในการพยากรณ์พลังงานหมุนเวียน (RE Forecast) และบริหารจัดการ VPP Platform ซึ่งเป็นการจัดการพลังงานในรูปแบบที่ช่วยลดการใช้พลังงานจากแหล่งที่ไม่ยั่งยืน

การเดินทางในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เสริมสร้างความร่วมมือทางวิชาการและการพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาดระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรและประเทศเกาหลีใต้ แต่ยังเป็นการส่งเสริมแนวทางการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและพัฒนาการจัดการพลังงานที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับอาเซียนและระดับโลก

ม.นเรศวร จัดประชุมวิชาการนานาชาติ APISA2023 ส่งเสริมสร้างความร่วมมือด้านการศึกษาและสันติภาพ

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ดำเนินการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) อย่างต่อเนื่อง ผ่านการร่วมมือทางวิชาการทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะในด้าน SDG 16: สันติภาพ, ความยุติธรรม และสถาบันที่มีความเข้มแข็ง และ SDG 17: การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับการประชุมวิชาการระดับนานาชาติที่สำคัญ

เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน – 1 กรกฎาคม 2566 คณาจารย์จาก คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เข้าร่วมงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติ The Asian Political and International Studies Association (APISA) : APISA 2023 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 17 ภายใต้หัวข้อ “Annual Congress Towards New Modalities of Governance in Asia: E-democracy, Civil Society, and Human-Centred Policymaking” ที่จัดขึ้น ณ Merdeka Tower Business Center (MTBC), Warmadewa College, บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย โดยคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพร่วมในการจัดงานครั้งนี้

การประชุมวิชาการระดับนานาชาติและการนำเสนอผลงาน: การประชุม APISA 2023 มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแนวคิดเกี่ยวกับการปกครองในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะในเรื่อง E-democracy (การปกครองโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล), Civil Society (สังคมพลเมือง), และ Human-Centred Policymaking (การวางนโยบายที่มุ่งเน้นคนเป็นศูนย์กลาง) ซึ่งเป็นประเด็นที่สอดคล้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมีผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการจากหลากหลายประเทศเข้าร่วม โดยคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีส่วนร่วมทั้งในด้านการนำเสนอผลงานวิจัยและการเสวนาเกี่ยวกับการพัฒนานโยบายที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย

การประชุมครั้งนี้ได้มีการเสนอแนวคิดและทิศทางใหม่ ๆ ในการพัฒนาโมเดลการปกครองที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในยุคดิจิทัล โดยมีการเน้นถึงความสำคัญของ การปกครองที่โปร่งใส, การมีส่วนร่วมของพลเมือง, และการพัฒนานโยบายที่คำนึงถึงความเป็นอยู่ของประชาชน ซึ่งเป็นการเสริมสร้างสังคมที่มีความยุติธรรมและเป็นธรรม

ความสำคัญของการร่วมมือทางวิชาการในระดับนานาชาติ (SDG 17): การที่มหาวิทยาลัยนเรศวรได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพร่วมในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยในระดับนานาชาติ แต่ยังเป็นการสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและสถาบันต่างประเทศเพื่อเสริมสร้างการศึกษาและวิจัยที่สามารถตอบสนองต่อความท้าทายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในระดับโลกในครั้งนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้คณาจารย์และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนเรศวรได้เรียนรู้และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในงานวิจัยเพื่อพัฒนาสังคมและการปกครองในประเทศ

การขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับสากล: การมีส่วนร่วมในการประชุมระดับนานาชาติครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อน SDG 16 ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างสันติภาพและความยุติธรรมผ่านการศึกษาและวิจัย และ SDG 17 ที่มุ่งสร้างความร่วมมือข้ามชาติในด้านการศึกษาและการวิจัยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับโลก

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ดำเนินงานภายใต้กรอบแนวทางของการพัฒนาที่ยั่งยืนที่มุ่งเน้นการเรียนรู้ร่วมกัน และการทำงานร่วมกับพันธมิตรต่างประเทศ เพื่อสร้างการพัฒนาในด้านการศึกษาและการวิจัยที่ตอบโจทย์การพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการเมืองและการปกครอง รวมถึงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการตัดสินใจที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของตนเอง.

การพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านการร่วมมือในงานวิจัยและการศึกษา: การเข้าร่วมงานประชุมวิชาการครั้งนี้จึงถือเป็นการสื่อสารถึงความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ โดยเฉพาะด้านการศึกษาและการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย เพื่อส่งเสริมการพัฒนาแนวคิดการปกครองที่ตอบสนองต่อความต้องการของสังคมในยุคดิจิทัล และมีการคำนึงถึงความเป็นธรรมและความยุติธรรมสำหรับทุกคน.

ที่มา: คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

“คอนเสิร์ตลูกทุ่งไม่มีแดดเทา – แสด บันเทิงศิลป์”

มหาวิทยาลัยนเรศวรดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 11) ด้านการส่งเสริมศิลปะ วัฒนธรรม และการสร้างชุมชนที่แข็งแกร่ง โดยจัดกิจกรรม “คอนเสิร์ตลูกทุ่งไม่มีแดดเทา – แสด บันเทิงศิลป์” ณ โรงละครอาคารเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา

คอนเสิร์ตครั้งนี้นำเสนอการแสดงแบบเต็มวงจาก NU BAND วงดนตรีลูกทุ่งมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งบรรเลงบทเพลงลูกทุ่งในตำนาน สร้างบรรยากาศคาเฟ่ย้อนยุคที่อบอุ่นและสนุกสนาน พร้อมด้วยทีมงานนักแสดงกว่า 100 ชีวิต

กิจกรรมดังกล่าวเปิดโอกาสให้นิสิต บุคลากร และประชาชนทั่วไปได้สัมผัสเสน่ห์ของศิลปวัฒนธรรมไทย สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสืบสานวัฒนธรรม และสร้างแรงบันดาลใจให้กับชุมชน โดยใช้ศิลปะเป็นสื่อกลางในการสร้างความสุข ความร่วมมือ และความยั่งยืนในระยะยาว

ม.นเรศวร จัดกวดปลากัดนเรศวร (NU Siamese Fighting Fish Competition) ชิงถ้วยพระราชทานฯ

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอเชิญทุกท่านร่วมการประกวดปลากัดนเรศวร (NU Siamese Fighting Fish Competition) ชิงถ้วยพระราชทานจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงานเกษตรนเรศวร ครั้งที่ 18 เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำภายในประเทศ ในระหว่างวันที่ 7-9 กรกฎาคม 2566 ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการและการจัดประชุมนานาชาติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มหาวิทยาลัยนเรศวร ตำบลท่าโพธิ์ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก

กำหนดการ

  • วันที่ 7 กรกฎาคม 2566: 08.30 – 16.30 น. – รับสมัครปลากัด
  • วันที่ 8 กรกฎาคม 2566: 09.00 – 16.00 น. – ตัดสินการประกวดปลากัด
  • วันที่ 9 กรกฎาคม 2566: 10.00 – 12.00 น. – พิธีมอบรางวัล

ประเภทการประกวดปลากัด

  1. ปลากัดครีบสั้น (Short Fin Class) ได้แก่ PK, HMPK, DTPK, CTPK
  2. ปลากัดครีบยาว (Long Fin Class) ได้แก่ VT, HM, DT, CT
  3. ปลากัดประเภทพิเศษ ได้แก่ Junior Open, Female Open, ธงชาติ
  4. ปลากัดหูช้างนเรศวร (Dumbo Open)

กติกาการประกวด

  • ปลากัดครีบสั้นและครีบยาว ขนาดไม่ต่ำกว่า 1.3 นิ้ว
  • ปลากัดดาวรุ่ง ขนาดไม่เกิน 1.2 นิ้ว

เงินรางวัล

  • รางวัลชนะเลิศ: 1,500 บาท พร้อมถ้วยรางวัล
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1: 1,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล
  • รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2: 500 บาท พร้อมถ้วยรางวัล
  • รางวัลชมเชย: 2 รางวัล รับประกาศนียบัตร
  • รางวัล Best in Show: 3,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัล

หมายเหตุ

  • เงินรางวัลจะจ่ายในประเภทที่มีจำนวนปลาเข้าประกวด 25 ตัวขึ้นไป
  • ประเภทที่มีปลาประกวดไม่ถึง 25 ตัว จะได้รับเพียงถ้วยรางวัล ไม่ได้รับเงินรางวัล
  • รางวัล Best in Show จะคัดเลือกจากรางวัลชนะเลิศของทุกประเภท

สมัครออนไลน์ ได้ที่ ลิงก์สมัคร

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ ชมรมวิทยาศาสตร์การประมง คณะเกษตรศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยนเรศวร โทร 087-3133514 (พรพิมล) หรือ 087-1965552 (สุนันทกาณต์)

ม.นเรศวร ส่งเสริมชุมชนยั่งยืนผ่านกิจกรรมบายศรีสู่ขวัญ ต้อนรับนิสิตใหม่ สืบสานวัฒนธรรมไทย

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านวัฒนธรรมและการสร้างชุมชนที่แข็งแกร่ง (SDG 11) ผ่านการจัดกิจกรรมที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์และคุณค่าทางวัฒนธรรมของไทย หนึ่งในนั้นคือ กิจกรรมบายศรีสู่ขวัญ พิธีเทียน และรับน้องเข้าวัง ซึ่งจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างนิสิตใหม่ รุ่นพี่ และศิษย์เก่า พร้อมทั้งปลูกฝังจิตสำนึกความภาคภูมิใจในสถาบัน

กิจกรรมต้อนรับในปีนี้ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2566 โดยเริ่มต้นด้วย พิธีบายศรีสู่ขวัญ เวลา 17.40 น. ณ ห้องประชุมมหาราช ต่อด้วยกิจกรรม NU Hi Touch เวลา 19.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญที่นิสิตใหม่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากรุ่นพี่และศิษย์เก่าในบรรยากาศที่เปี่ยมด้วยมิตรภาพ

สานต่อประเพณี สร้างชุมชนที่ยั่งยืน
กิจกรรมดังกล่าวเป็นประเพณีที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อสร้างความผูกพันและความสามัคคีในชุมชนมหาวิทยาลัย พร้อมทั้งสืบสานวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่ในสถาบันการศึกษา โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้นิสิตใหม่ได้สัมผัสถึงคุณค่าของการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และการเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวมหาวิทยาลัยนเรศวร

บทบาทของศิษย์เก่าในกิจกรรม
กิจกรรมยังเปิดโอกาสให้ศิษย์เก่าได้มีส่วนร่วมในการต้อนรับและแบ่งปันประสบการณ์แก่รุ่นน้อง ซึ่งไม่เพียงเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างอดีตและปัจจุบันของมหาวิทยาลัย แต่ยังช่วยกระชับสายใยของชุมชนมหาวิทยาลัยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

มหาวิทยาลัยนเรศวรภูมิใจที่ได้สืบสานประเพณีต้อนรับนิสิตใหม่ที่สะท้อนถึงความสำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมและการสร้างชุมชนที่แข็งแกร่ง พร้อมทั้งมุ่งมั่นที่จะดำเนินกิจกรรมในลักษณะนี้ต่อไป เพื่อสานต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านวัฒนธรรมและความยั่งยืนในอนาคต

ติดตามข่าวสารและกิจกรรมเพิ่มเติมได้ที่
📌 Facebook: NU Alumni Association
📌 Website: มหาวิทยาลัยนเรศวร

คณะนิติศาสตร์ จัดพิธีมอบทุน ให้กับนิสิตที่มีผลการเรียนดี มีความประพฤติดี มีจิตสาธารณะ

วันที่ 30 มิถุนายน 2566 คณะนิติศาสตร์ จัดพิธีมอบทุนหนังสือจากบริษัท สำนักพิมพ์วิญญูชน จำกัด ให้กับนิสิตคณะนิติศาสตร์ ที่มีผลการเรียนดี มีความประพฤติดี มีจิตสาธารณะ และยังต้องการทุนทรัพย์ทางการศึกษาเพิ่มเติม โดยได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.บุญญรัตน์ โชคบันดาลชัย คณบดีคณะนิติศาสตร์ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์จรรยารักษ์ สุวพันธ์ รองคณบดีคณะนิติศาสตร์ ให้การต้อนรับคุณปพิชญา จันทะเสน ผู้แทนจากบริษัท สำนักพิมพ์วิญญูชน จำกัด ณ ห้องรับรอง ชั้น 3 คณะนิติศาสตร์

ที่มา: คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ดูแลจัดการทรัพยากรน้ำและบำบัดน้ำเสียอย่างยั่งยืน ด้วยเครื่องเติมอากาศกังหันตีน้ำพลังงานแสงอาทิตย์

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ดำเนินการตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 6) โดยมุ่งเน้นการดูแลจัดการทรัพยากรน้ำและการบำบัดน้ำเสียอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดปัญหาน้ำเน่าเสียและเพิ่มความสะอาดของแหล่งน้ำ โดยหนึ่งในกิจกรรมสำคัญคือการบำรุงรักษาเครื่องเติมอากาศกังหันตีน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ (โซล่าเซลล์) ที่ใช้พลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ในการทำงาน

ในวันที่อากาศร้อนแรง บุคลากรกองอาคารสถานที่ของมหาวิทยาลัยได้ออกมาดูแลทำความสะอาดเครื่องเติมอากาศกังหันตีน้ำ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มออกซิเจนในน้ำ เพื่อส่งเสริมกระบวนการบำบัดน้ำและลดการเกิดน้ำเน่าเสีย การทำความสะอาดแผงโซล่าเซลล์อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้แผงโซล่าเซลล์สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและประหยัดพลังงานในการขับเคลื่อนเครื่องเติมอากาศกังหันตีน้ำ โดยการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานหลักที่สะอาดและยั่งยืน

การดำเนินงานในลักษณะนี้ไม่เพียงแต่สนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 6) ในการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน แต่ยังช่วยสร้างความตระหนักถึงการใช้พลังงานทดแทนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน.

ที่มา: ที่มา: กองอาคารสถานที่ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์

เมื่อวันที่ 24-25 มิถุนายน 2566 นางนิพัทธ์ เกษาพร ผู้อำนวยการกองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มอบหมายให้ นางสาววรรณชลี กุลศรีไชย หัวหน้างานศิลปวัฒนธรรม เป็นวิทยากรในโครงการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์/บริการ ภายใต้แผนงานยกระดับธุรกิจภูมิภาค (Regional Entrepreneur Upgrade) เพื่อยกระดับผู้ประกอบการธุรกิจภูมิภาคทุกกลุ่มที่เป็นฐานสำคัญของเศรษฐกิจภูมิภาค (Regional Economy) และนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม และงานวิจัย มาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาผู้ประกอบการในภูมิภาค ณ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์ตัดเย็บ ตำบลสนามคลี จังหวัดพิษณุโลก

ที่มา: กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ให้ความรู้และประโยชน์ของต้นไม้ในชุมชนสู่การบริโภคอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2566 รองศาสตราจารย์ ดร.มัทนี สงวนเสริมศรี และ นายเกดิษฐ กว้างตระกูล สังกัดภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับตะขบ ที่โรงเรียนบ้านดงยาง อ. บางระกำ จ. พิษณุโลก โดยคณะครู และนักเรียนระดับชั้น ป. 1 ถึง ป. 6 เข้าร่วมกิจกรรมประมาณ 50 คน ซึ่งกิจกรรมประกอบด้วยการแบ่งทีม แข่งขันถาม-ตอบปัญหาการใช้ความคิดสร้างสรรค์และฝึกการทำงานเป็นทีม เพื่อปลูกฝังให้เด็กๆ เห็นคุณค่าของตะขบซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีคุณประโยชน์และมีจำนวนมากในชุมชน แต่มักถูกมองข้าม นอกจากนี้นักเรียนยังได้ร่วมกันปลูกต้นตะขบ ต้นแค และมะละกอในบริเวณโรงเรียนเพื่อศึกษาการเจริญเติบโตต่อไป

กิจกรรมดังกล่าว เป็นกิจกรรมนำร่องของโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพจากลูกตะขบและพัฒนายุวนวัตกรสำหรับอุตสาหกรรมอาหารเชิงหน้าที่ (Functional Food) ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากหน่วยขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อสังคม

ที่มา: คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศว

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin