ม.นเรศวร เปิดพิธีปฐมนิเทศนิสิตทุนการศึกษาประจำปี 2566

วันพุธที่ 20 ธันวาคม 2566 งานกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร จัดพิธีปฐมนิเทศนิสิตทุนการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2566 ณ ห้องประชุมอาคารขวัญเมือง เพื่อเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาและสร้างแรงจูงใจให้แก่นิสิต โดยมี ดร.จรัสดาว คงเมือง รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต ศิษย์เก่า และศิลปวัฒนธรรม เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยอาจารย์และบุคลากรร่วมให้เกียรติ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภัคพงศ์ หอมเนียม รองคณบดีฝ่ายกิจการนิสิตและศิษย์เก่าสัมพันธ์ ร่วมเป็นผู้แทนคณะวิชานำเสนอแนวทางและวัตถุประสงค์ของทุนการศึกษา เพื่อให้แน่ใจว่านิสิตผู้ได้รับทุนสามารถนำโอกาสนี้ไปพัฒนาศักยภาพการเรียนและสร้างความก้าวหน้าในอนาคต

ในปีการศึกษานี้ มหาวิทยาลัยนเรศวรมอบทุนการศึกษาให้แก่นิสิตรวมทั้งหมด 147 ทุน เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,120,000 บาท เพื่อสนับสนุนนิสิตที่มีความสามารถและขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยแบ่งเป็นกองทุนการศึกษาเพื่อนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร จำนวน 125 ทุน เป็นเงิน 1,000,000 บาท

นอกจากนี้ยังมีทุนการศึกษาเฉพาะรายบุคคล ได้แก่ ทุน รองศาสตราจารย์ ดร.แมรี่ สารวิทย์ จำนวน 2 ทุน เป็นเงิน 20,000 บาท และทุนการศึกษาเพื่อนิสิตกิจกรรม จำนวน 20 ทุน เป็นเงิน 100,000 บาท เพื่อกระตุ้นให้นิสิตมีส่วนร่วมในกิจกรรมสร้างสรรค์และพัฒนาความรู้รอบด้าน

พิธีปฐมนิเทศครั้งนี้มีการให้คำแนะนำและคำปรึกษาแก่นิสิตเกี่ยวกับการจัดการทุนการศึกษา การวางแผนการใช้เงินเพื่อการศึกษา และการสร้างสมดุลระหว่างการเรียนและกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อให้นิสิตสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ

คณะวิศวกรรมศาสตร์ได้รับทุนการศึกษาในปีนี้จำนวน 12 ทุน รวมเป็นเงิน 56,000 บาท แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาในทุกสาขาวิชาและการสร้างแรงจูงใจแก่นิสิตที่มีความสามารถและขาดแคลนทุนทรัพย์

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอขอบคุณผู้สนับสนุนทุกท่านที่มอบโอกาสและช่วยเหลือนิสิตมาโดยตลอด การมอบทุนการศึกษาครั้งนี้เป็นส่วนสำคัญในการสร้างโอกาสทางการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำ และพัฒนาศักยภาพนิสิตให้เติบโตอย่างมั่นคงทั้งด้านความรู้และคุณภาพชีวิต

คณะพยาบาลศาสตร์ ม.นเรศวร จัดประชุมวิชาการนานาชาติ ‘Trends in Food and Herbs for Health and Well Being’ เสริมความรู้ด้านสมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพ

วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2566 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จัดการประชุมวิชาการระดับนานาชาติในหัวข้อ “Trends in Food and Herbs for Health and Well Being” ภายใต้โครงการวิจัย “NU World Class: Food and Herb for Health and Beauty” โดยได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) การประชุมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกรหญิงกรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในพิธีเปิด และมีผู้เข้าร่วมทั้งในประเทศและต่างประเทศ

การประชุมจัดขึ้นในรูปแบบผสมผสานทั้ง ONSITE ที่โรงแรม Mayflower Grande Hotel จังหวัดพิษณุโลก และ ONLINE ผ่านระบบ Zoom เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมกว่า 100 คน ได้รับฟังบรรยายจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญระดับชาติและนานาชาติในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ อาหาร และสมุนไพร โดยมีการนำเสนอองค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในด้านสุขภาพและการดูแลตนเอง

โครงการวิจัยดังกล่าวมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมศักดิ์ โทจำปา อาจารย์ประจำภาควิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นผู้ประสานการดำเนินงาน โดยมุ่งเน้นการศึกษาและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้สมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม ทั้งในมิติการป้องกันโรคและการบำรุงร่างกาย ถือเป็นการบูรณาการองค์ความรู้ทางวิชาการกับการนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตจริง

หัวข้อการบรรยายที่น่าสนใจ ได้แก่ “Health Promotion: The Role of Health Professionals in Promoting Health” โดย Prof. Dr. Kenda Crozier ที่เน้นบทบาทผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพในการส่งเสริมสุขภาพประชาชน, “DHA in Pregnancy” โดย Thisara Weerasamai M.D. ที่อธิบายถึงความสำคัญของ DHA ต่อพัฒนาการของทารก, “Food and Herbs for Health in Thailand” โดย Assistant Prof. Dr. Wudtichai Wisuttlprot ที่ถ่ายทอดการใช้สมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพ, และ “Healthcare Innovation and Health Business” โดย Dr. Joni Haryanto ที่กล่าวถึงนวัตกรรมธุรกิจสุขภาพที่สามารถเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การประชุมยังมีการบรรยายเรื่อง “Current Trends in Diabetes and Complimentary Treatment to Improve Self-Management: Asian Food and Herbs for Health” โดย Dr. Yulis Setiya Dewi ซึ่งนำเสนอแนวโน้มการใช้สมุนไพรและอาหารในเอเชียเพื่อช่วยในการจัดการโรคเบาหวาน โดยทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการวิจัยและการแลกเปลี่ยนความรู้เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน

การดำเนินงานในครั้งนี้ไม่เพียงเน้นการส่งเสริมสุขภาพ (Health and Well Being) แต่ยังสอดคล้องกับการขจัดความหิวโหย การเข้าถึงอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และการสร้างความรู้ด้านสุขภาพที่เป็นระบบ อีกทั้งยังเป็นเวทีสำหรับการเรียนรู้และการศึกษาที่มีคุณภาพ ซึ่งจะสามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาหลักสูตรทางวิชาการและการเรียนการสอนที่ทันสมัย

นอกจากนี้ การประชุมวิชาการครั้งนี้ยังช่วยเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานวิจัย และภาคีเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างพันธมิตรทางวิชาการและการวิจัยที่ยั่งยืน เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ที่สามารถนำไปปรับใช้กับสังคมและชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรม

การประชุมระดับนานาชาติครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นการเผยแพร่ผลการวิจัย แต่ยังเป็นเวทีในการ ส่งเสริมความรู้ด้านสมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพ ตลอดจนการสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพที่ยั่งยืน ซึ่งมีผลเชื่อมโยงทั้งในมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อันเป็นแนวทางที่สำคัญต่อการพัฒนาสังคมและชุมชนในอนาคต

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร จับมือ สมาคมวิศวกรหญิงไทย (TWEA) จัดงานเสวนา TWEA สัญจร “เตรียมพร้อมทำงานในโลกวิศวกรรมยุคใหม่”

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 คณะวิศวกรรมศาสตร์ ร่วมกับ สมาคมวิศวกรหญิงไทย (TWEA) จัดงาน TWEA สัญจร ในหัวข้อ “เตรียมพร้อมทำงานในโลกวิศวกรรมยุคใหม่” โดยได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ดร. ปิยพรรณ หันนาคินทร์ ประธานกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยนเรศวร , กรรมการผู้จัดการบริษัท Operational Energy Group และที่ปรึกษาสมาคมวิศวกรหญิงไทย (TWEA) และ นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย นายกสมาคมวิศวกรหญิงไทย เป็นผู้ร่วมเสวนา เพื่อแนะแนวและถ่ายทอดประสบการณ์ในการทำงานจนถึงเตรียมการวิศวกรรุ่นใหม่และนิสิตที่กำลังจะเข้าสู่ชีวิตการทำงาน ซึ่งในงานนี้มีนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ เข้าร่วมมากกว่า 300 คน ณ ห้อง 301 อาคารเอกาทศรถ ชั้น 3 มหาวิทยาลัยนเรศวร

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร จับมือ สมาคมวิศวกรหญิงไทย (TWEA) จัดงานเสวนา TWEA สัญจร “เตรียมพร้อมทำงานในโลกวิศวกรรมยุคใหม่”

มหาวิทยาลัยนเรศวร มีความมุ่งมั่นในการสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) โดยเฉพาะในด้านการเสริมสร้างความเท่าเทียมทางเพศ (SDG 5) และการสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDG 17) ซึ่งสะท้อนผ่านกิจกรรมที่จัดขึ้นในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 โดยคณะวิศวกรรมศาสตร์ ร่วมกับ สมาคมวิศวกรหญิงไทย (TWEA) จัดงาน TWEA สัญจร ในหัวข้อ “เตรียมพร้อมทำงานในโลกวิศวกรรมยุคใหม่” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาทักษะวิศวกรรมและการสร้างโอกาสให้กับผู้หญิงในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ รวมถึงการเตรียมความพร้อมให้กับนิสิตในการเข้าสู่การทำงานในอุตสาหกรรมวิศวกรรมสมัยใหม่

งานนี้ได้รับเกียรติจากหลายบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในวงการวิศวกรรมและการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร, ดร. ปิยพรรณ หันนาคินทร์ ประธานกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัยนเรศวร และ นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย นายกสมาคมวิศวกรหญิงไทย ซึ่งได้ร่วมเสวนาและถ่ายทอดประสบการณ์ในการทำงานและการพัฒนาอาชีพให้กับนิสิตและนักศึกษา โดยเฉพาะในการเตรียมความพร้อมในการทำงานในโลกวิศวกรรมยุคใหม่

การจัดงานนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างทักษะทางวิศวกรรมให้กับนิสิตเท่านั้น แต่ยังเป็นการสนับสนุนการเสริมสร้างความเท่าเทียมทางเพศ (SDG 5) โดยการส่งเสริมให้ผู้หญิงมีบทบาทในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ และการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับสากล (SDG 17) ผ่านการสร้างความร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เช่น สมาคมวิศวกรหญิงไทย ที่มีส่วนสำคัญในการเสริมสร้างโอกาสและการสนับสนุนผู้หญิงในวงการวิศวกรรม

โดยในงานนี้ นิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยนเรศวรได้รับความรู้และแรงบันดาลใจจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม รวมถึงการพัฒนาเครือข่ายกับองค์กรต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการเติบโตทางวิศวกรรมในอนาคต งานนี้จัดขึ้นที่ห้อง 301 อาคารเอกาทศรถ ชั้น 3 มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยมีนิสิตเข้าร่วมมากกว่า 300 คน

การดำเนินงานเช่นนี้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในด้านการพัฒนาทักษะให้กับนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์และการเสริมสร้างความเท่าเทียมทางเพศในอาชีพวิศวกรรม ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับสังคมและโลกใบนี้

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลวังนํ้าคู้ ให้บริการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางเท้าและตรวจสุขภาพฟันฟรี

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 หน่วยเวชปฏิบัติชุมชนจากมหาวิทยาลัยนเรศวร ลงพื้นที่เพื่อให้บริการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางเท้าและการตรวจสุขภาพฟันให้กับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลวังน้ำคู้ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยกิจกรรมในครั้งนี้มีผู้ป่วยเข้ารับบริการจำนวน 90 ราย ซึ่งได้รับการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางเท้าและฟันจากอาจารย์และนักศึกษาจากคณะพยาบาลศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อ ส่งเสริมสุขภาพที่ดี และ ป้องกันภาวะแทรกซ้อน ที่มักเกิดขึ้นในผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยเฉพาะ ภาวะแทรกซ้อนทางเท้า ที่เป็นหนึ่งในปัญหาหลักที่ทำให้ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาหรือมีการสูญเสียอวัยวะ รวมถึงปัญหาสุขภาพฟันที่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยโรคเบาหวาน การดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้จึงมุ่งหวังที่จะ ลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน และ เสริมสร้างความรู้ ให้กับผู้ป่วยเกี่ยวกับการดูแลตัวเองในชีวิตประจำวัน เพื่อ เพิ่มคุณภาพชีวิต และลดภาระในการรักษาพยาบาลในระยะยาว โดยมีการคัดกรองและให้คำแนะนำ ดังนี้

1. การตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางเท้า ผู้ป่วยโรคเบาหวานมักมีปัญหาเกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือดที่ไม่ดี รวมถึงภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถรับรู้ความเจ็บปวดได้อย่างเต็มที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่เท้าและลุกลามจนเกิดแผลหรือการติดเชื้อจนต้องมีการตัดอวัยวะ การตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางเท้าในครั้งนี้ รวมถึงการทดสอบ การตอบสนองของเส้นประสาท การตรวจหาบาดแผลและการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้น และการให้คำแนะนำในการ ดูแลรักษาเท้า เช่น การล้างทำความสะอาดเท้า การเลือกสวมรองเท้าที่เหมาะสม รวมถึงการ บริหารเท้า เพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในเท้า

2. การตรวจสุขภาพฟัน ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาสุขภาพฟันที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงสามารถทำให้เกิดการสะสมของคราบจุลินทรีย์ในปาก ส่งผลให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ โรคปริทันต์ หรือปัญหาฟันผุ การตรวจสุขภาพฟันในครั้งนี้ได้มีการตรวจสอบสภาพฟันและเหงือกของผู้ป่วย พร้อมทั้งการให้คำแนะนำในการดูแลรักษาสุขภาพฟัน เช่น การแปรงฟันอย่างถูกวิธี การใช้ไหมขัดฟัน การหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง และการตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ

นอกจากการตรวจคัดกรองและรักษาเบื้องต้นแล้ว ทีมงานยังได้ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับ การดูแลเท้า และ การบริหารเท้า ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดูแลเท้าของตนเองได้อย่างถูกต้องและป้องกันการเกิดแผลที่อาจลุกลามไปสู่การติดเชื้อที่รุนแรงได้ นอกจากนี้ ยังได้ให้ความรู้ในเรื่องของ การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามมา

กิจกรรมในครั้งนี้ได้ช่วย เพิ่มการตระหนักรู้ ให้แก่ผู้ป่วยโรคเบาหวานในพื้นที่เกี่ยวกับการดูแลเท้าและสุขภาพฟัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการ ป้องกันภาวะแทรกซ้อน ที่อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่อาจขาดการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ การให้ความรู้และการตรวจคัดกรองในครั้งนี้จึงมีส่วนช่วยในการ ส่งเสริมสุขภาพ และ เพิ่มคุณภาพชีวิต ของผู้ป่วยโรคเบาหวานในชุมชน

การดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 3: Good Health and Well-being) ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและการป้องกันโรค โดยเฉพาะการดูแลโรคเรื้อรังอย่างโรคเบาหวาน ซึ่งมีความสำคัญในการลดภาระของระบบสุขภาพและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน นอกจากนี้ การให้ความรู้แก่ผู้ป่วยยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้และเสริมทักษะการดูแลสุขภาพให้กับชุมชน ซึ่งถือเป็นการเสริมสร้างความยั่งยืนทางด้านสุขภาพในระยะยาว

ม.นเรศวร จัดกิจกรรมวันเบาหวานโลก 2566 เสริมสร้างความรู้และการป้องกันโรคเบาหวาน

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 มหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัดกิจกรรม วันเบาหวานโลก (ค่ายเบาหวาน) ประจำปี 2566 โดยกิจกรรมนี้ได้รับเกียรติจาก ผศ.พญ.ศรินยา สัทธานนท์ และ พญ.แพรว สุวรรณศรีสุข อาจารย์แพทย์จากภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่ได้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นที่ ห้องประชุม CC2-801 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา 2 ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความรู้และการป้องกันโรคเบาหวานในสังคม รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยโรคเบาหวานในทุกระดับ

กิจกรรมวันเบาหวานโลกในปี 2566 นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างความรู้และการรับรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน โดยเฉพาะในด้านการ ป้องกันและจัดการโรคเบาหวาน เพื่อช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถเข้าใจถึงการดูแลรักษาตนเองเมื่อมีความเสี่ยงหรือเป็นโรคเบาหวานแล้ว รวมถึงการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่สามารถลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคเบาหวานและการพัฒนาภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ นอกจากนี้ยังมีการแนะนำแนวทางในการดูแลสุขภาพเบื้องต้นที่สามารถทำได้ในชีวิตประจำวันเพื่อเสริมสร้าง สุขภาพที่ดี ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 3) ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับทุกคน

กิจกรรมในครั้งนี้ยังสะท้อนถึงการ ร่วมมือ ระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรกับองค์กรต่าง ๆ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและชุมชน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาสุขภาพอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคประชาชนในการสร้างความตระหนักรู้และการให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพให้กับประชาชน การทำงานร่วมกันในลักษณะนี้ส่งเสริมการสร้าง ความเป็นหุ้นส่วน ที่มีความสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับประเทศและระดับโลก

ภายในงานกิจกรรมวันเบาหวานโลกนี้ มีการจัดกิจกรรมหลากหลายเพื่อให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมเกี่ยวกับโรคเบาหวาน รวมถึงการ ตรวจคัดกรองเบาหวาน การ ให้คำแนะนำด้านการป้องกันโรคเบาหวาน และการจัดการกับโรคเบาหวานในระยะยาว โดยกิจกรรมหลักในวันนั้นได้แก่:

  1. การบรรยายและการให้ความรู้ จากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคเบาหวานและการจัดการเบาหวานที่เหมาะสม
  2. การฝึกอบรม และ การให้คำแนะนำ เรื่องการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการตรวจสุขภาพที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
  3. การให้คำปรึกษาด้านการดูแลเบาหวาน โดยแพทย์และพยาบาลจากคณะแพทยศาสตร์ เพื่อช่วยผู้เข้าร่วมมีข้อมูลที่ถูกต้องในการจัดการกับโรคเบาหวานในชีวิตประจำวัน

กิจกรรมในครั้งนี้มีบทบาทสำคัญในการ ส่งเสริมการป้องกันโรคเบาหวาน และ การจัดการโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีอัตราการเกิดโรคเบาหวานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การจัดกิจกรรมที่สามารถให้ความรู้และข้อมูลแก่ประชาชนในด้านการดูแลตนเองและการป้องกันโรคได้ จึงมีส่วนช่วยในการ ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน และส่งเสริม คุณภาพชีวิต ของผู้ป่วยและผู้ที่มีความเสี่ยง

การ สร้างความร่วมมือ ระหว่างมหาวิทยาลัยกับองค์กรต่าง ๆ ภาครัฐและภาคเอกชน ในการจัดกิจกรรมและสร้างความตระหนักรู้เช่นนี้ ยังเป็นการ สนับสนุน SDG 17: Partnerships for the Goals ซึ่งมุ่งส่งเสริมการทำงานร่วมกันในทุกระดับเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

ที่มา: คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

โนรา มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2566 คณะมนุษยศาสตร์ ได้จัดโครงการเครือข่ายความร่วมมือเพื่อการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม โดยได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ธรรมนิตย์ นิคมรัตน์ ศิลปินแห่งชาติ และคณะนักแสดงโนรา

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือด้านศิลปวัฒนธรรม ระหว่าง คณะมนุษยศาสตร์กับหน่วยงานภายนอก และเพื่อทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมอันเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของคนไทย

“โนรา” เป็นศิลปะการแสดงท้องถิ่นของคนภาคใต้ ที่มีความงดงามทั้งในเรื่องของการร่ายรำ การเล่นดนตรี และการขับร้องที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของการแสดง “โนรา” อีกทั้ง ยูเนสโก ได้ขึ้นทะเบียน “โนรา” ให้เป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติอีกด้วย

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

เสวนา Mini-Symposium: The Visiting Professor เสริมสร้างความร่วมมือสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 มหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัดกิจกรรม Mini-Symposium: The Visiting Professor ระหว่างวันที่ 15-16 พฤศจิกายน 2566 โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง สถานวิจัยเพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการด้านวัสดุชีวภาพ คณะวิทยาศาสตร์ และ สถานวิจัยเพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการด้านนวัตกรรมทางเคมี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งกิจกรรมนี้ได้รับเกียรติจาก ผศ.ดร.ภาณุ พุทธวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานในการกล่าวเปิดและกล่าวต้อนรับ รวมถึง รศ.ดร.พัชราภรณ์ สุดชาฎา คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ ที่ได้กล่าวรายงานการจัดกิจกรรมในครั้งนี้

กิจกรรม Mini-Symposium: The Visiting Professor เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการวิจัยและนวัตกรรมระหว่างนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญจากหลายประเทศ โดยมีการบรรยายจากผู้ทรงคุณวุฒิทั้งในและต่างประเทศรวม 10 ท่าน เช่น Assistant Professor Dr. Yujia Liu และ Prof. Dr. Masafumi Unno จาก Gunma University, Japan, Dr. Celine Viennet และ Dr. Gwenael Rolin จาก University of France Comte, France, Professor Dr. David Parker จาก Hong Kong Baptist University, Hong Kong, Dr. Thanchanok Muangman จาก Thailand Institute of Scientific and Technological Research, Thailand รวมถึงนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนเรศวร เช่น ศ.ดร.ภญ.จารุภา วิโยชน์, ผศ.ดร.ภญ.เพ็ญศรี เจริญสิทธิ์, Asst.Prof. Dr. Gareth Ross, และ รศ.ดร.สุกัญญา รอส

การจัดกิจกรรมนี้มีเป้าหมายเพื่อเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการวิจัยในสาขาวัสดุชีวภาพและนวัตกรรมทางเคมี ซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมและการพัฒนาชุมชนได้ในอนาคต การที่มหาวิทยาลัยนเรศวรได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และแนวทางการวิจัย ทำให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายนักวิจัยทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีคุณค่า

กิจกรรมดังกล่าวเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ SDGs 9: อุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน และ SDGs 17: การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดย SDGs 9 มุ่งเน้นการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและวัสดุชีวภาพซึ่งสามารถช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตและรักษาสิ่งแวดล้อมได้ ในขณะที่ SDGs 17 เน้นการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน การแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนเรศวรและผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ จึงเป็นการสร้างเครือข่ายการวิจัยที่มีความแข็งแกร่งและมีศักยภาพในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกมิติ

กิจกรรม Mini-Symposium ครั้งนี้ยังช่วยเสริมสร้างความร่วมมือทางวิชาการระหว่างมหาวิทยาลัยและองค์กรต่างประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนางานวิจัยที่มีคุณภาพและสามารถสร้างผลกระทบที่ยั่งยืนในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาจึงเป็นการช่วยขยายขีดความสามารถในการสร้างนวัตกรรมและผลักดันการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่นและระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ม.นเรศวร เจรจาความร่วมมือด้านวิชาการกับมหาวิทยาลัยเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน

คณะผู้บริหารคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ ผู้บริหารหลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมเจรจาความร่วมมือด้านวิชาการ หลักสูตรการเรียนการสอน การแลกเปลี่ยนอาจารย์และนักศึกษา พร้อมสนับสนุนทุนการศึกษาให้นิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยนเรศวร มาเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเฉิงตู เมืองเฉิงตู ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน

ม.นเรศวร ให้ความรู้และสาธิตการทำยาดมสมุนไพร เสริมสุขภาพ สร้างรายได้ สู่ชุมชน

วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2566 คณาจารย์และบุคลากรจากมหาวิทยาลัยนเรศวรภายใต้การนำของ รองศาสตราจารย์ ดร.นพวรรณ บุญชู รองคณบดีฝ่ายบริการวิชาการ และรองศาสตราจารย์ ดร.วรศักดิ์ แก้วก่อง รองคณบดีฝ่ายพัฒนานิสิต ได้ร่วมกับหน่วยบริการวิชาการเพื่อชุมชนจัดกิจกรรมบริการวิชาการในหัวข้อ “การให้ความรู้และสาธิตการทำยาดมสมุนไพรสูตรโบราณ” ณ ตำบลหนองตูม อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย ซึ่งกิจกรรมนี้มีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการรักษาสุขภาพตามหลักภูมิปัญญาท้องถิ่นและเชื่อมโยงกับการพัฒนาที่ยั่งยืนในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง SDG 4 การศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต และ SDG 17 การสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

การจัดกิจกรรมดังกล่าวมีความสำคัญต่อการส่งเสริมการใช้สมุนไพรท้องถิ่นเพื่อดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืนและปลอดภัย ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) หลายประการ โดยเน้นการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการบำรุงรักษาสุขภาพและการพัฒนาชุมชน โดยกิจกรรมหลักที่จัดขึ้นคือการสาธิตการทำยาดมสมุนไพรสูตรโบราณ ซึ่งเป็นการใช้สมุนไพรจากธรรมชาติในการบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะและคัดจมูก นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังได้เรียนรู้วิธีการใช้สมุนไพรไทยในชีวิตประจำวัน ซึ่งสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวันได้อย่างปลอดภัย

กิจกรรมนี้ไม่ได้เป็นเพียงการส่งเสริมสุขภาพ แต่ยังเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 12 การบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน โดยการเสริมสร้างทักษะในการใช้สมุนไพรในชีวิตประจำวันไม่เพียงแต่ช่วยให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีขึ้น แต่ยังส่งเสริมให้ประชาชนใช้ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน

นอกจากนี้ กิจกรรมนี้ยังช่วยสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการใช้สมุนไพรไทยในชีวิตประจำวัน และเปิดโอกาสให้ประชาชนในชุมชนสามารถพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปใช้เพื่อสร้างรายได้เสริมในชุมชน โดยการใช้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพและสร้างผลิตภัณฑ์สมุนไพรในท้องถิ่นให้เป็นสินค้าท้องถิ่นที่สามารถสร้างรายได้ในระยะยาว

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้แสดงบทบาทในการเป็นผู้นำในการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน โดยการร่วมมือกับโรงเรียนบ้านหนองตูม อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย ในการจัดกิจกรรมนี้ ซึ่งแสดงถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐ และชุมชนท้องถิ่นในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยมีการเสริมสร้างทักษะและความรู้เพื่อให้ชุมชนสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาชีวิตอย่างยั่งยืนในด้านสุขภาพและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ

การดำเนินกิจกรรมนี้ยังสอดคล้องกับ SDG 4 การศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยเน้นการให้ความรู้และทักษะใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อการดูแลสุขภาพในรูปแบบที่เป็นธรรมชาติและยั่งยืน การให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้สมุนไพรไทยและการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมไม่เพียงแต่เป็นการเสริมสร้างความตระหนักในเรื่องการดูแลสุขภาพที่ดี แต่ยังช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตในชุมชนท้องถิ่น

มหาวิทยาลัยนเรศวรยังคงยืนหยัดในบทบาทสำคัญในการพัฒนาความรู้และทักษะที่จำเป็นแก่ชุมชน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนและการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในทางที่เหมาะสมและยั่งยืน ส่งผลให้เกิดการสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจและสังคมในระดับท้องถิ่นที่ยั่งยืนต่อไป

ที่มา: คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin