ม.นเรศวรเปิดโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิตผ่านโครงการ “UP Skill & RE Skill” เรียนฟรีกว่า 30 รายวิชา พัฒนาศักยภาพต่อยอดอนาคต

มหาวิทยาลัยนเรศวรเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มได้ เรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) ผ่านโครงการ “UP Skill & RE Skill เรียนรู้ไร้ขีดจำกัด พัฒนาศักยภาพต่อยอดอนาคต” ซึ่งเปิดให้ เรียนฟรี กว่า 30 รายวิชา ผ่านระบบออนไลน์ NU MOOC (https://lifelong.nu.ac.th/NU_MOOC) โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาทักษะและศักยภาพของผู้เรียนในทุกช่วงวัย สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนามหาวิทยาลัยเพื่อความยั่งยืนด้านการศึกษา

โครงการ NU MOOC ของมหาวิทยาลัยนเรศวรถือเป็น แหล่งเรียนรู้สาธารณะดิจิทัล ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถเข้าศึกษาได้ทุกที่ ทุกเวลา โดยไม่จำกัดเพศ วัย หรืออาชีพ เนื้อหาการเรียนการสอนถูกออกแบบให้เข้าใจง่าย มีความหลากหลาย ครอบคลุมทั้งด้าน ทักษะอาชีพ เทคโนโลยี การสื่อสาร การบริหารจัดการ และพัฒนาตนเอง

ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนได้อย่างอิสระตามความสนใจ เช่น รายวิชาเกี่ยวกับ ภาษาอังกฤษเพื่อการทำงาน การสร้างนวัตกรรมดิจิทัล การตลาดออนไลน์ การจัดการธุรกิจ การดูแลสุขภาพ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาทักษะชีวิตในศตวรรษที่ 21 ซึ่งทั้งหมดนี้ออกแบบโดยคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญจากคณะและสถาบันต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัยนเรศวร

การเปิดเรียนฟรีผ่านระบบ NU MOOC เป็นการตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของโลกยุคดิจิทัล ที่ต้องการแรงงานและบุคลากรที่มีความรู้รอบด้านและพร้อมปรับตัว โครงการนี้จึงมุ่งเน้นให้ผู้เรียนสามารถ ยกระดับทักษะ (Up Skill) และ ปรับเปลี่ยนทักษะ (Re Skill) เพื่อพัฒนาศักยภาพในการทำงานและการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน

นอกจากเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปได้เรียนรู้ฟรีแล้ว NU MOOC ยังเป็นพื้นที่ที่ ส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกัน ระหว่างนิสิต อาจารย์ และประชาชนทั่วไป ผ่านการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ในรูปแบบการเรียนรู้ออนไลน์ ทำให้เกิดการสร้างเครือข่ายแห่งการเรียนรู้ที่เติบโตไปพร้อมกัน

โครงการนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์มหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็น “มหาวิทยาลัยแห่งการเรียนรู้เพื่อสังคม” ที่มุ่งสร้างโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง เพื่อพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต

การดำเนินงานของ NU MOOC จึงไม่เพียงแต่สนับสนุนการเข้าถึงการศึกษาอย่างทั่วถึงเท่านั้น แต่ยังเป็นการ ส่งเสริมแหล่งความรู้สาธารณะเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต ของทุกคนในสังคม ช่วยให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง และต่อยอดองค์ความรู้เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ที่ยั่งยืนต่อไป

ม.นเรศวร ร่วมประชุม ASGC7 เสริมสร้างความร่วมมืออาเซียน มุ่งสู่อนาคตพลังงานสะอาดที่ยั่งยืน

วันพฤหัสบดีที่ 12 – วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม 2567 รองศาสตราจารย์ ดร.นิพนธ์ เกตุจ้อย ผู้อำนวยการวิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี (SGtech) มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.ประพิธาริ์ ธนารักษ์ รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร และนิสิต SGtech เข้าร่วมการประชุม 7th ASEAN Smart Grid Congress (ASGC7): Smart Microgrid for ASEAN ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่

การประชุมครั้งนี้มีผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัย และผู้นำจากหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียนเข้าร่วม เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้าน เทคโนโลยีไมโครกริด (Smart Microgrid) ผ่านการบรรยายพิเศษ การนำเสนอผลงานวิจัย และการจัดปฏิบัติการเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ

เวที ASGC7 ถือเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเปิดโอกาสให้เครือข่ายนักวิชาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หารือถึงแนวทาง การพัฒนาระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่ตอบโจทย์ทั้งด้านเทคนิค เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม เพื่อรองรับการเติบโตของภูมิภาคอย่างยั่งยืน

การเข้าร่วมของ SGtech สะท้อนบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็นผู้นำด้าน พลังงานสะอาดและนวัตกรรมไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่สามารถถ่ายทอดองค์ความรู้สู่นิสิต และขยายผลสู่การประยุกต์ใช้จริงในระดับสังคมและชุมชน ขณะเดียวกันยังเป็นการพัฒนาทักษะบุคลากรและนักศึกษาให้ก้าวทันเทคโนโลยีโลก

หนึ่งในสาระสำคัญที่ถูกย้ำในที่ประชุม คือ ความสำคัญของ การสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาค (Partnerships for Sustainable Development) เพื่อบูรณาการงานวิจัยและการพัฒนาระบบพลังงานสะอาดร่วมกันในอาเซียน การทำงานแบบร่วมมือเช่นนี้ จะช่วยยกระดับความมั่นคงทางพลังงานและลดความเหลื่อมล้ำด้านการเข้าถึงพลังงาน

การประชุมยังตอกย้ำว่า เทคโนโลยีไมโครกริดและพลังงานทดแทนมีบทบาทสำคัญต่อ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

ท้ายที่สุด การเข้าร่วม ASGC7 ของ SGtech ไม่เพียงเป็นเวทีถ่ายทอดองค์ความรู้และงานวิจัย แต่ยังเป็นการประกาศเจตนารมณ์ของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการ มุ่งสู่อนาคตพลังงานสะอาดที่ยั่งยืน ผ่านความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน เพื่อสร้างสังคมที่มั่นคงด้านพลังงานและเติบโตไปพร้อมกันอย่างสมดุล

ม.นเรศวร เปิดบูธ ONE STOP OPEN HOUSE 2024 ให้คำแนะนำการศึกษาต่อและแนะแนวอาชีพ

วันที่ 27 พฤศจิกายน ถึง 1 ธันวาคม 2567 คณะและศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกิจกรรม ONE STOP OPEN HOUSE 2024 จัดโดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ Hall 2 บูธ B1 เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาต่อและแนะแนวเส้นทางอาชีพแก่นักเรียนและผู้ปกครองในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

งานครั้งนี้มีศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของมหาวิทยาลัยนเรศวรเข้าร่วมจำนวนมาก พร้อมให้คำแนะนำและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการศึกษา การเลือกสาขาวิชา และโอกาสการทำงานหลังจบการศึกษา

ในงานมีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรและคณะต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยนเรศวร รวมถึงกิจกรรมการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นการพัฒนาความรู้ ทักษะ และสมรรถนะที่จำเป็นสำหรับนักเรียนยุคใหม่

กิจกรรมครั้งนี้ยังมีการแนะนำระบบการรับสมัครเข้าศึกษาต่อและแนวทางการเตรียมตัวสำหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัย รวมถึงการให้คำปรึกษาเฉพาะด้านด้านอาชีพ เพื่อให้นักเรียนสามารถวางแผนการศึกษาต่อได้อย่างรอบด้าน

นอกจากนี้ บูธของมหาวิทยาลัยนเรศวรยังมีการจัดแสดงผลงานวิชาการ กิจกรรมเสริมทักษะ และนวัตกรรมต่าง ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและความเข้าใจเกี่ยวกับศักยภาพของนักศึกษาและคณะต่าง ๆ

งาน ONE STOP OPEN HOUSE 2024 เป็นโอกาสสำคัญในการสร้างเครือข่ายระหว่างศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน นักเรียน ครู และผู้ปกครอง เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และการเลือกเส้นทางอาชีพที่เหมาะสมในอนาคต

การจัดกิจกรรมครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสนับสนุนการศึกษาอย่างยั่งยืน การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และการพัฒนาศักยภาพของนักเรียนในทุกระดับ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพในสังคมต่อไป

ม.นเรศวร เสริมแกร่งผู้ประกอบการรุ่นใหม่ผ่าน NU SEED โชว์เคส Thai-BISPA Day 2024

วันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร (NU SEED) ร่วมแสดงศักยภาพในงาน “Thai-BISPA Day 2024” ด้วยการออกบูธโชว์เคสผลิตภัณฑ์จากผู้ประกอบการที่ผ่านการบ่มเพาะจาก NU SEED ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของอุทยานวิทยาศาสตร์ในการสนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ให้เติบโตและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน

การจัดบูธในครั้งนี้ เน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาผ่านกระบวนการให้คำปรึกษา การฝึกอบรม และการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของ NU SEED ทำให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถเห็นถึงความก้าวหน้าของผู้ประกอบการตั้งแต่แนวคิดธุรกิจไปจนถึงการเข้าสู่ตลาด

หนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้รับการสนับสนุนและเข้าร่วมงานคือ บริษัท นวล อนันต์ จินเจอร์ ฟู๊ด จำกัด ซึ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ขิงแปรรูปคุณภาพสูง และได้รับรางวัล “ผู้ประกอบการโดดเด่นสาขา Internationalization” สำหรับการขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ

บูธโชว์เคสของ NU SEED ยังเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้ช้อป ชม และชิมผลิตภัณฑ์ขิงคุณภาพจากผู้ประกอบการที่ผ่านการพัฒนากระบวนการผลิตอย่างมืออาชีพ ทั้งยังเป็นตัวอย่างของการต่อยอดความคิดสร้างสรรค์สู่การสร้างรายได้และโอกาสทางอาชีพ

NU SEED มุ่งเน้นการสร้างระบบนิเวศผู้ประกอบการที่ครบวงจร ทั้งการฝึกอบรม การสนับสนุนด้านเทคโนโลยี การให้คำปรึกษา การเข้าถึงเครือข่ายธุรกิจ และโอกาสทางการตลาด เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างมั่นคง

การเข้าร่วมงานครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างภาควิชาการและภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมผู้ประกอบการรุ่นใหม่ให้มีความรู้และทักษะที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน สร้างโอกาสพัฒนาทักษะวิชาชีพ และต่อยอดธุรกิจอย่างยั่งยืน

ด้วยการสนับสนุนจาก NU SEED ผู้ประกอบการสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และธุรกิจของตน พร้อมทั้งขยายเครือข่ายทางธุรกิจ และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับประเทศและนานาชาติ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและการสร้างงานในภาคเอกชนอย่างแท้จริง

ม.นเรศวร จับมือ depa ลงนาม MOU ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและ Soft Power ขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค

วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2567 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วันสุรีย์ มาศกรัม รองคณบดีฝ่ายข้อมูลและนวัตกรรมดิจิทัล คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (Memorandum of Understanding : MOU) ระหว่างสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและ Soft Power ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระดับภูมิภาค

พิธีลงนามจัดขึ้น ณ อาคารสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สาขาภาคเหนือตอนล่าง จังหวัดพิษณุโลก โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากมหาวิทยาลัยนเรศวรเข้าร่วมเป็นสักขีพยาน ได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาณุ พุทธวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร ศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกรหญิงกรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กำพล ทรัพย์สมบูรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยนเรศวร

ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นการบูรณาการระหว่างสถาบันการศึกษาและหน่วยงานด้านเศรษฐกิจดิจิทัล โดยมีเป้าหมายในการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของสังคมในยุคดิจิทัลและการสร้างโอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจให้กับภูมิภาค

ภายในงานยังมีกิจกรรมบรรยายและเสวนาพิเศษในหัวข้อ “Digital Soft Power Forum” ที่มุ่งเน้นการใช้ Soft Power เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งได้รับความสนใจจากทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่น

เวทีเสวนามีผู้เชี่ยวชาญจากหลายสาขาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง เช่น คุณสุวิตา จรัญวงศ์ CEO & Co-Founder ของ Tellscore Co., Ltd. คุณพนธ์ พิลา ผู้ก่อตั้ง PILA Farm Studio คุณธรรมสถิตย์ บูรณเขตต์ ผู้จัดการพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านจ่าทวี รองศาสตราจารย์ ดร.ทิพรัตน์ สิทธิวงศ์ อาจารย์คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร และคุณอ้วน เจ้าของเพจ “พิษณุโลกจัดเต็ม” ซึ่งนำเสนอแนวทางการผสานพลังระหว่างเทคโนโลยีและวัฒนธรรมท้องถิ่น

การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวคิดในครั้งนี้ไม่เพียงช่วยสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้เข้าร่วม แต่ยังเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการสร้างความร่วมมือ (Partnership) เพื่อขยายผลการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ Soft Power ไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนในมิติเศรษฐกิจและสังคม

มหาวิทยาลัยนเรศวรและ depa จึงแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันที่จะเดินหน้าสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล การสร้างสรรค์นวัตกรรม และการใช้ Soft Power เป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค เพื่อสร้างความเข้มแข็งและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอนาคต

ความร่วมมือดังกล่าวสะท้อนถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะสถาบันการศึกษาที่ไม่เพียงมุ่งเน้นด้านวิชาการ แต่ยังเป็นกำลังสำคัญในการ ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและ Soft Power ต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ เพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมในระดับภูมิภาคและระดับประเทศอย่างแท้จริง

ม.นเรศวร ส่งเสริมสุขภาพประชาชนเนื่องในวันเบาหวานโลก พร้อมตรวจสุขภาพฟรี

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2567 โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จัดกิจกรรม วันเบาหวานโลก (NUH World Diabetes Day) เพื่อส่งเสริมการสร้างความตระหนักเกี่ยวกับอันตรายของโรคเบาหวานในประชาชนทั่วไปและสนับสนุนสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืน

กิจกรรมดังกล่าวเปิดให้ประชาชนเข้าร่วม ตรวจสุขภาพฟรี เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและภาวะสุขภาพอื่น ๆ โดยมีการเจาะน้ำตาลปลายนิ้ว ตรวจวัดความดันโลหิต และตรวจโรคอ้วนรวมถึงการวัดรอบเอวและเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย

นอกจากนี้ กิจกรรมยังมี ฐานอาหารสุขภาพดี ซึ่งมุ่งเน้นให้ผู้ร่วมกิจกรรมเรียนรู้เรื่องโภชนาการอย่างสนุกสนาน ผ่านเกมทายหมวดหมู่อาหาร เกมทายน้ำตาลในเครื่องดื่ม และเกมทายพลังงานอาหาร เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการกินที่ดีต่อสุขภาพและลดความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)

อีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจคือ ฐานแข่งขันอูลาฮูป ที่ผู้เข้าร่วมสามารถฝึกความคล่องตัวและรับของรางวัลที่ระลึก กิจกรรมนี้ช่วยส่งเสริมการออกกำลังกายและความตระหนักในการดูแลร่างกายอย่างสม่ำเสมอ

การจัดกิจกรรมครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของคณะแพทยศาสตร์ รพ.มหาวิทยาลัยนเรศวร ในการสร้าง สังคมสุขภาพดี สนับสนุน SDG3: สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health and Well-being) ทั้งในระดับบุคคลและชุมชน

การให้บริการตรวจสุขภาพและให้ความรู้เชิงรุกเช่นนี้ ช่วยให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันโรคและปรับพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม สร้างโอกาสให้ทุกคนสามารถมีชีวิตที่มีคุณภาพและลดภาระต่อระบบสาธารณสุข

โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรยังยืนยันบทบาท โรงเรียนแพทย์ระดับโลก ที่มุ่งสร้างผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ และร่วมพัฒนาสังคมที่มีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน ทั้งการเรียนการสอน การวิจัย และการให้บริการสุขภาพแก่ประชาชน

NU SEED x CIM ก้าวสำคัญสู่การพัฒนาสถานประกอบการด้วยพลังงานสะอาดและ IoT

วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2567 อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร เครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคเหนือ จัดการประชุมสรุปผลการดำเนินงาน “โครงการขยายผลระบบบริหารจัดการเพิ่มมูลค่าสินค้าแบบครบวงจรด้วยพลังงานสะอาดและ IoT พร้อมระบบผลิตก๊าซชีวภาพในระดับครัวเรือน” ภายใต้โครงการพัฒนาเชิงพื้นที่ (Driving Regional Development) ประจำปีงบประมาณ 2567 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาและต่อยอดนวัตกรรมของผู้สำเร็จหลักสูตรผู้จัดการนวัตกรรม (Certified Innovation Manager: CIM)

การประชุมได้รับเกียรติจากนายบดินทร์ เกษมศานติ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมบูรณ์ นิยม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ในฐานะหัวหน้าโครงการ ร่วมชี้แจงวัตถุประสงค์ และนายณัฐกิตติ์ รัฐศิลป์โภคิน พลังงานจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวรายงาน นอกจากนี้ ดร.ต้าย บัณฑิศักดิ์ รักษาการรองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมบุคลากรเข้าร่วมการประชุม ณ วิสาหกิจชุมชนเพียวพลัสฟาร์ม ฟาร์มโคพันธุ์ดีปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์

ภายในกิจกรรม มีการนำเสนอผลลัพธ์และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้พลังงานสะอาดและระบบ IoT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการฟาร์ม เช่น การควบคุมสภาพปัจจัยการปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ และการบริหารจัดการน้ำอย่างเหมาะสม การนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ ช่วยให้เกิดระบบ ครัวเรือนพึงพาตนเอง พลังงานสะอาด ที่ไม่สร้างมลพิษ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การสาธิตระบบก๊าซชีวภาพเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการ โดยนำเศษวัสดุเหลือใช้จากครัวเรือนและฟาร์มมาแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานทดแทน ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลแล้ว ยังช่วย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่เกิดจากการเผาไหม้หรือการทิ้งของเสียโดยตรงสู่สิ่งแวดล้อม ถือเป็นแนวทางการจัดการทรัพยากรที่ตอบโจทย์ทั้งด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม

การประชุมครั้งนี้ยังเป็นเวทีทบทวนปัญหา อุปสรรค และแนวทางพัฒนาในอนาคต โดยมีการนำเสนอประสบการณ์จากพื้นที่จริง เช่น ระบบการบริหารจัดการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรของวิสาหกิจชุมชนตำบลปางสวรรค์ อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงระหว่างการจัดการทรัพยากรท้องถิ่นกับการใช้พลังงานสะอาดและ IoT ที่ทั้งช่วยเพิ่มรายได้และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โครงการยังได้เสนอแนวทางการต่อยอดไปยังอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานท้องถิ่น และภาคเอกชน ในการขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพการจัดการพลังงานสะอาดให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น

การดำเนินงาน NU SEED x CIM แสดงให้เห็นถึงบทบาทของการศึกษาและนวัตกรรม ในการขับเคลื่อนสังคมสู่อนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ช่วยให้การผลิตและการดำรงชีพในครัวเรือนมีความยั่งยืน ลดมลพิษ และช่วยฟื้นฟูสมดุลทางนิเวศ

โครงการนี้จึงเป็นต้นแบบของการเชื่อมโยงพลังงานสะอาด เทคโนโลยี IoT และความร่วมมือจากหลายภาคส่วน เข้าด้วยกันเพื่อสนับสนุนเป้าหมาย การลดมลพิษและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชุมชน

ม.นเรศวร สัมภาษณ์งานนิสิตจ้างงาน ประจำปีงบประมาณ 2568 สนับสนุนการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และสร้างรายได้

กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดกิจกรรมสัมภาษณ์งานนิสิตจ้างงาน ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้นิสิตได้ฝึกประสบการณ์การทำงานจริง พร้อมทั้งสร้างรายได้ระหว่างการศึกษา ซึ่งถือเป็นการ ส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และสร้างรายได้ ควบคู่กับการเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานในอนาคต

กิจกรรมสัมภาษณ์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสนับสนุนนิสิตจ้างงานที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้นิสิตมีรายได้เสริม ลดภาระค่าใช้จ่าย และยังเป็นการฝึกฝนความรับผิดชอบ รวมถึงการบริหารจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นทักษะที่สำคัญในการก้าวสู่โลกการทำงานจริง

กองกิจการนิสิตให้ความสำคัญกับการพัฒนานิสิตในทุกมิติ ไม่เพียงแต่ด้านวิชาการ แต่ยังรวมถึงการสร้างโอกาสในการเรียนรู้นอกห้องเรียน ผ่านประสบการณ์การทำงานจริงที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในอนาคต การสัมภาษณ์งานจึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการคัดเลือกและเตรียมความพร้อมให้นิสิตได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่

การจ้างงานนิสิตยังช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เน้นการลงมือปฏิบัติจริง ทำให้นิสิตมีความเข้าใจในกระบวนการทำงาน สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ และเรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานยุคปัจจุบัน

นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมของหน่วยงานต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยที่เปิดรับนิสิตเข้าทำงาน ยังเป็นโอกาสให้นิสิตได้พัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และสร้างเครือข่ายการทำงานกับบุคลากรผู้มีประสบการณ์ตรง ถือเป็นการปูรากฐานสู่การเป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพและพร้อมต่อการแข่งขันในตลาดแรงงาน

โครงการนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจให้นิสิตเรียนรู้การทำงานเชิงสร้างสรรค์และคิดนอกกรอบ อันจะนำไปสู่การพัฒนาทักษะด้านนวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายการสร้างสังคมแห่งผู้ประกอบการ (Entrepreneurial Society) ของมหาวิทยาลัย

ท้ายที่สุด กิจกรรมสัมภาษณ์งานนิสิตจ้างงานไม่เพียงแต่ช่วยให้นิสิตมีรายได้ระหว่างเรียน แต่ยังเป็นเวทีสำคัญในการพัฒนาทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ และการสร้างความมั่นใจในตนเอง เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างยั่งยืนในอนาคต

ม.นเรศวร ร่วมจัดนิทรรศการแนะนำหลักสูตร ในงาน ONE STOP OPEN HOUSE 2024

วันที่ 27 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567: มหาวิทยาลัยนเรศวรร่วมจัดนิทรรศการแนะนำหลักสูตรในงาน ONE STOP OPEN HOUSE 2024 ซึ่งจัดโดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ Hall 2 บูธ B1 โดยมีอาจารย์ บุคลากร พี่นิสิต และพี่ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยมาร่วมให้ข้อมูลและแนะนำหลักสูตรที่นักเรียนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลสนใจศึกษาต่อมากที่สุดในระดับปริญญาตรี

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้นำเสนอหลักสูตรที่หลากหลายที่นักเรียนสามารถเลือกศึกษาต่อได้ พร้อมทั้งมีการแสดงนวัตกรรมด้านการศึกษาและการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อเป็นแนวทางให้นักเรียนที่กำลังตัดสินใจเลือกสถานศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี

งานนี้เป็นโอกาสสำคัญในการแนะนำโอกาสทางการศึกษาให้กับผู้ที่สนใจ โดยเฉพาะในส่วนของหลักสูตรที่เปิดสอนที่มีคุณภาพสูง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในอนาคต

การจัดนิทรรศการนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิตตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 4 ที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการศึกษาให้ทุกคนได้รับโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาอย่างเท่าเทียม

นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับนักเรียนและผู้ปกครอง รวมทั้งการได้พบปะกับบุคลากรและศิษย์เก่าที่จะมาแบ่งปันประสบการณ์ในการศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย

การเข้าร่วมงาน ONE STOP OPEN HOUSE 2024 ในครั้งนี้จึงเป็นการเปิดโอกาสให้กับนักเรียนที่สนใจศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีได้มีข้อมูลครบถ้วนในการตัดสินใจเลือกสถานศึกษาและหลักสูตรที่ตรงกับความสนใจและความสามารถของตนเอง

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ร่วมสืบสานประเพณีปลูกข้าวชาวเทา–แสด สร้างความรู้และชุมชนยั่งยืน

วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ดร.พิสุทธิ์ อภิชยกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานกล่าวเปิดกิจกรรมลงแขกปลูกข้าวชาวเทา – แสด ณ วิชชาลัยข้าวและชาวนา มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 100 คน

กิจกรรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจากหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัย ประกอบด้วย ผู้บริหาร บุคลากร นิสิต คณะครู และนักเรียนชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนอนุบาลและประถมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งมีส่วนร่วมในการลงมือปฏิบัติการปลูกข้าวอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ยังมีผู้เข้าร่วมจากภายนอกมหาวิทยาลัย ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ กลุ่มผู้สูงอายุ และชุมชนท้องถิ่น โดยกลุ่มผู้สูงอายุถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับประเพณีการปลูกข้าวและวิธีการดูแลข้าวตามแนวปฏิบัติของชาวเทา – แสด

กิจกรรมลงแขกปลูกข้าวครั้งนี้มุ่งเน้นการส่งเสริมความรู้เรื่องเกษตรกรรมแบบยั่งยืน การรักษาพันธุ์ข้าวพื้นเมือง และการสร้างความเข้าใจด้านความมั่นคงทางอาหารแก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป

นอกจากการปลูกข้าวแล้ว กิจกรรมยังจัดให้มีการเรียนรู้ขั้นตอนการเตรียมแปลง การหว่านเมล็ด การดูแลต้นกล้า และการเก็บเกี่ยว เพื่อให้นิสิตและเยาวชนสามารถเรียนรู้การเกษตรเชิงปฏิบัติอย่างครบวงจร

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ยังช่วยสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย ชุมชน และหน่วยงานท้องถิ่น สร้างความสัมพันธ์ที่ดี และสนับสนุนการพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกันของคนในชุมชน

สุดท้าย การลงแขกปลูกข้าวชาวเทา – แสด สะท้อนถึงความสำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมการเกษตร การรักษาพันธุ์ข้าวท้องถิ่น และการสร้างโอกาสทางการเรียนรู้แก่เยาวชนและประชากรทั่วไปอย่างยั่งยืน โดยใช้วิชาการและประสบการณ์จากรุ่นสู่รุ่นเป็นแนวทางในการพัฒนาชุมชนอย่างต่อเนื่อง

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin