สัมมนานักวิชาการระดับนานาชาติ SOFT POWER: THE CULTURAL DIPOMACY

การสัมมนานักวิชาการระดับนานาชาติด้านอารยธรรมศึกษา ซึ่งจัดขึ้นโดย วารสารอารยธรรมศึกษา โขง-สาละวิน ร่วมกับ กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นเวทีสำคัญในการ ส่งเสริมความร่วมมือทางวิชาการ และแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับนานาชาติ กิจกรรมนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการขับเคลื่อนสังคมด้วยพลังแห่งความรู้และความเข้าใจระหว่างวัฒนธรรม เพื่อสร้างความเท่าเทียม ความอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และการพัฒนาที่ยั่งยืนของสังคมโลก

การสัมมนาครั้งนี้มีหัวข้อการนำเสนอที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งมิติของวัฒนธรรม ศิลปะ และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ เช่น “Process of Korean Wave Development as a Key Driver for Economic Growth” และ “Music for Healing Society” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการใช้พลังของศิลปะและวัฒนธรรมในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน การเปิดพื้นที่ให้ผู้เข้าร่วมจากหลากหลายสาขาได้แลกเปลี่ยนมุมมองจึงเป็นการสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่สามารถนำไปต่อยอดในระดับท้องถิ่นและนานาชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หัวข้อ “The Transformative Potential of Small-Scale Community Events: an LGBTQIA+ Perspective” โดย Dr. Williem Coetzee จาก Western Sydney University, Australia เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการสร้างสังคมที่เท่าเทียมและยอมรับความหลากหลาย ผ่านการศึกษาบทบาทของกิจกรรมชุมชนขนาดเล็กในมิติของกลุ่ม LGBTQIA+ การนำเสนอหัวข้อนี้ช่วยให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นต่อประเด็นความเสมอภาคทางสังคม ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของการลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติของสังคม

นอกจากนี้ การสัมมนายังเปิดเวทีให้กับหัวข้อ “Local Food on Global Stages” โดย อาจารย์อนุวัต เชื้อเย็น จากมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่มุ่งเน้นการเผยแพร่วัฒนธรรมอาหารท้องถิ่นสู่เวทีโลก การนำเสนอเรื่องนี้ไม่เพียงช่วย สร้างอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมแต่ยังเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนผ่านการท่องเที่ยวและการบริโภคอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญของการบริโภคและการผลิตที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม

การจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ยังเป็นการ ส่งเสริมการเข้าถึงองค์ความรู้ของทุกกลุ่มคนอย่างเท่าเทียม โดยไม่จำกัดเฉพาะนักวิชาการระดับสูง แต่เปิดโอกาสให้กับนิสิตและบุคลากรในสถาบันการศึกษาได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาทักษะด้านการวิจัย การนำเสนอผลงาน และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเวทีระดับนานาชาติ อันเป็นการยกระดับคุณภาพการศึกษาและสร้างฐานความรู้ที่มั่นคงในระยะยาว

อีกประการหนึ่ง การสัมมนาครั้งนี้เป็นตัวอย่างของ การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและรับผิดชอบ ทั้งในด้านการจัดการกิจกรรมและการเผยแพร่ผลลัพธ์ในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งช่วยลดการใช้ทรัพยากรทางกายภาพและสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในมิติสิ่งแวดล้อม การดำเนินงานเช่นนี้แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในทุกขั้นตอนของการสร้างความรู้และการจัดกิจกรรมทางวิชาการ

โดยสรุป การสัมมนานักวิชาการระดับนานาชาติด้านอารยธรรมศึกษาครั้งนี้เป็นเวทีที่รวมพลังของนักวิชาการจากหลายประเทศ เพื่อสร้างความเข้าใจระหว่างวัฒนธรรมและเสริมสร้างความร่วมมือทางวิชาการอย่างยั่งยืน การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในด้านศิลปะ วัฒนธรรม และสังคม ไม่เพียงช่วยลดความเหลื่อมล้ำ แต่ยังสนับสนุนแนวทางการบริโภคและการพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นการขับเคลื่อนสังคมไปสู่อนาคตที่เท่าเทียม มีคุณภาพ และยั่งยืนอย่างแท้จริง

ที่มา: กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร