NU Art & Craft Fun Fair 2025: เทศกาลแห่งศิลปะ ความรัก และกลิ่นหอมของกาแฟ

มหาวิทยาลัยนเรศวรจัดงาน “NU Art & Craft Fun Fair 2025” ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ภายใต้แนวคิดที่เชื่อมโยงกันระหว่าง เทศกาลแห่งความรัก ผู้คน ดนตรี และกลิ่นหอมของกาแฟ โดยมี ดร.พิสุทธิ์ อภิชยกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี เป็นประธานในพิธีเปิด โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัย เพื่อทำให้มหาวิทยาลัยนเรศวรเป็น Creative Art Space ที่สำคัญของเมืองพิษณุโลกและเป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับการแสดงออกด้านศิลปวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์

ในปีนี้ งาน NU Art & Craft Fun Fair 2025 ได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรหลายภาคส่วน เช่น วิทยาลัยเพื่อการค้นคว้าระดับรากฐาน ตลาดประชารัฐ กลุ่มผู้ประกอบการร้านกาแฟ และศิลปินผู้สร้างสรรค์งานคราฟท์จากจังหวัดสุโขทัยและพิษณุโลก โดยมีการจัดกิจกรรมหลากหลายที่สะท้อนถึงศิลปะ วัฒนธรรม และความยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็น การแสดง Lanna Fashion โดยนิสิตชมรมสืบสานล้านนา ที่นำเสนอความหลากหลายของอัตลักษณ์การแต่งกายกลุ่มชาติพันธุ์ล้านนา ภายใต้แนวคิด “Flower of ล้านนา” และ การแสดง Upcycled Fashion ที่มุ่งเน้นการออกแบบร่วมสมัยด้วยวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งสู่เศรษฐกิจแบบยั่งยืน

อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานคือ การแสดงดนตรีและศิลปะที่ผสานกันอย่างลงตัว เช่น การแสดง Art & Craft NU Dance โดยนิสิตโครงการลูกพระฆเนศ NU Band และ การแสดง Fingerstyle Guitar x Coffee Painting โดย อาจารย์กวิน ภูศรีเทศ แชมป์ Overdrive Acoustic Guitar Contest 2020 และ คุณพัชรพล เสริมสุข ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะที่เต็มไปด้วยอารมณ์และพลัง นอกจากนี้ ยังมีนิทรรศการศิลปะยามค่ำคืน การแสดงดนตรี และกิจกรรมนันทนาการที่เปิดโอกาสให้นิสิตและประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมในบรรยากาศแห่งศิลปะและความสุข

วันสุดท้ายของงาน นับเป็นช่วงเวลาที่เปี่ยมไปด้วยบรรยากาศในฝันของใครหลายคน ลานด้านหน้าหอศิลป์มหาวิทยาลัยนเรศวร กลายเป็นพื้นที่ที่ผสมผสาน ความคิดสร้างสรรค์และอิสระ อย่างลงตัว ภายใต้คอนเซ็ปต์ “กาแฟกับงานฝีมือ” ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้เข้าร่วมเป็นอย่างมาก ที่นี่เป็นจุดรวมตัวของ ชุมชนศิลปะและงานฝีมือ ที่เปิดโอกาสให้ชาวบ้านจากหลากหลายพื้นที่เข้ามาสอนทักษะศิลปะประดิษฐ์ เช่น การเย็บย่าม เย็บตุ๊กตา และงานวาดภาพ ซึ่งช่วยส่งต่อองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่น พร้อมทั้งเปิดพื้นที่ให้นิสิตและประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้และฝึกฝนฝีมือ

งานนี้ยังเชื่อมโยง ชุมชนกับศิลปะ ผ่านบรรยากาศสบายๆ ที่มี นักดนตรีอาสามาขับกล่อม ควบคู่กับ บูธร้านอาหารและกาแฟจากผู้ประกอบการท้องถิ่น ที่มาประชันรสชาติจากเวทีแข่งขันระดับประเทศ นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้เยาวชน ครอบครัว และตัวแทนชุมชนได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างสรรค์ผลงานร่วมกัน รวมถึงการสนับสนุน พ่อค้าแม่ค้ารุ่นใหม่ ที่ต้องการอวดฝีมือด้านอาหารและเครื่องดื่มแปลกใหม่

NU Art & Craft Fun Fair 2025 ไม่เพียงเป็นงานที่มอบความสนุกและแรงบันดาลใจ แต่ยังเป็น ต้นแบบของพื้นที่สร้างสรรค์ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงออกอย่างเสมอภาค สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 5) ที่ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและการมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมกัน นอกจากนี้ยังตอบโจทย์ SDG 11 ที่ส่งเสริมให้เมืองและชุมชนมีความยั่งยืนผ่านศิลปะ วัฒนธรรม และการมีส่วนร่วมของประชาชน

ที่มา: กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวรให้ความสำคัญกับความเสมอภาคและเท่าเทียมผ่านกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี

คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรอุษา สุวรรณประเทศ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์ ให้การสนับสนุนและร่วมมือกับสโมสรซอนต้าพิษณุโลก ในการจัดกิจกรรมแสดงสัญลักษณ์รณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีทั่วโลก ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นพร้อมกันในระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคมของทุกปี โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ตามแนวทางของเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDG5) ที่มุ่งเน้นการลดความเหลื่อมล้ำและส่งเสริมสิทธิของทุกคนในสังคม

กิจกรรมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากคณาจารย์ บุคลากรสายสนับสนุน สโมสรนิสิตคณะมนุษยศาสตร์ สมาคมสตรีศรีสองแคว สมาคมผู้สูงอายุ โรงเรียน สว.ท่าโพธิ์วิทยา และองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ รวมถึงผู้เข้าร่วมกว่า 150 คน ณ ห้องประชุม HU 1103 คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ภายในงานมีการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศและผลกระทบต่อสังคม รวมถึงการเสวนาเกี่ยวกับแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เพื่อแสดงพลังสนับสนุนสิทธิของเด็กและสตรีทั่วโลก

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการสร้างสังคมที่เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และมุ่งมั่นในการส่งเสริมความเสมอภาคและเท่าเทียมทางเพศ ภายใต้แนวคิด SDG5 โดยสนับสนุนให้เกิดการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนเพื่อสร้างความตระหนักรู้และแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสังคม กิจกรรมครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการขับเคลื่อนสังคมที่เป็นธรรมและปราศจากความรุนแรง

การดำเนินงานดังกล่าวไม่เพียงเป็นการแสดงพลังของชุมชนมหาวิทยาลัย แต่ยังเป็นแบบอย่างที่ดีในการร่วมมือกันระหว่างภาคการศึกษาและองค์กรภายนอก เพื่อสร้างสังคมที่เท่าเทียมและปลอดภัยสำหรับทุกคนในอนาคต
ที่มา: คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร จัดกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและลดปัญหาความรุนแรงในสังคม

มหาวิทยาลัยนเรศวร จัดกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 ตั้งแต่เวลา 15.00-16.30 น. ณ ห้อง HU1103 คณะมนุษยศาสตร์ โดยกิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 5) ที่เน้นการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและการลดความรุนแรงในสังคม

การจัดกิจกรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาความรุนแรงที่ยังคงเกิดขึ้นในสังคม และกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกผ่านการส่งเสริมสิทธิและความเสมอภาคในทุกมิติ ภายในงานมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ และกิจกรรมแสดงสัญลักษณ์เพื่อรณรงค์ยุติความรุนแรง โดยมีนิสิต บุคลากร และประชาชนทั่วไปเข้าร่วม

มหาวิทยาลัยนเรศวรตระหนักถึงความสำคัญของบทบาททางการศึกษาและการมีส่วนร่วมในสังคมในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน การดำเนินงานนี้ไม่เพียงช่วยส่งเสริมความเข้าใจในประเด็นทางเพศ แต่ยังสร้างพื้นที่ปลอดภัยและสนับสนุนการแสดงออกที่สร้างสรรค์ในชุมชนมหาวิทยาลัย

ม.นเรศวร บูรณาการการเรียนการสอน ผ่านโครงการ “Colors of Equality สีสันต์แห่งความเท่าเทียม”

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพการศึกษาและความเท่าเทียมทางเพศ ผ่านการดำเนินงานที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 4 ที่มุ่งเน้นการให้การศึกษาที่มีคุณภาพแก่ทุกคน และ SDG 5 ที่มุ่งสู่การบรรลุความเสมอภาคทางเพศและการส่งเสริมบทบาทของสตรีและเด็กหญิง ภายใต้การนำของภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งได้จัดโครงการ “สาระพัฒน์เพื่อสังคมที่ยั่งยืนปีที่ 1” ภายใต้หัวข้อ “Colors of Equality สีสันต์แห่งความเท่าเทียม”

โครงการนี้มีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายที่มุ่งส่งเสริมความรู้และการเรียนรู้ในเชิงปฏิบัติ เพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมาย SDG 5 ในการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและการเสริมพลังสตรีและเด็กหญิง โดยหนึ่งในกิจกรรมที่ได้รับความนิยมคือ การประกวดคลิปสั้นบนแพลตฟอร์ม TikTok ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมใช้ความคิดสร้างสรรค์และพัฒนาทักษะการสื่อสารในรูปแบบที่ทันสมัย อีกทั้งยังเป็นโอกาสให้ผู้เข้าร่วมสามารถแสดงออกถึงความเท่าเทียมทางเพศในวิธีที่น่าสนใจและเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่

อีกหนึ่งกิจกรรมที่โดดเด่นคือ การเดินแบบแฟชั่นโชว์ในแนวคิด Gender Neutral Style ซึ่งเป็นการส่งเสริมความหลากหลายทางเพศและการยอมรับสิทธิในการแสดงออกและการแต่งกายโดยไม่จำกัดเพศสภาพ ช่วยให้ผู้เข้าร่วมเรียนรู้ถึงการยอมรับความแตกต่างและการสร้างสังคมที่มีความเคารพในสิทธิของทุกคน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมตอบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับความเท่าเทียมทางเพศและบูธกิจกรรมที่ให้ความรู้ในหลายมิติ เช่น การเสริมสร้างทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกันในกลุ่ม

ผู้เข้าร่วมโครงการไม่เพียงแต่ได้รับความรู้ทางทฤษฎี แต่ยังได้รับทักษะในด้านต่างๆ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง โดยสามารถนำความรู้ไปใช้ในการศึกษา การสร้างสรรค์นโยบาย หรือกิจกรรมที่ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับสากล รวมถึงการพัฒนาทักษะที่มีความสำคัญในการทำงานในอนาคต

โครงการนี้ได้รับเกียรติจากผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อุดมพร ธีระวิริยะกุล รองคณบดีฝ่ายวิชาการและพัฒนาคุณภาพการศึกษา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดโครงการที่จัดขึ้นในวันที่ 18 กันยายน 2567 ณ บริเวณโถงชั้น 1 อาคารคณะสังคมศาสตร์และคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

กิจกรรมในโครงการนี้จึงไม่เพียงแค่เป็นการส่งเสริมความรู้ทางทฤษฎี แต่ยังเป็นการพัฒนาทักษะการทำงานและการพัฒนาตนเองในด้านต่างๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างสังคมที่ยั่งยืนและเท่าเทียมในอนาคต

ม.นเรศวรจัดโครงการ ‘Colors of Equality’ ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและการพัฒนาสังคมที่ยั่งยืน

เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดโครงการ “สาระพัฒน์เพื่อสังคมที่ยั่งยืน ปีที่ 1” ในหัวข้อ “Colors of Equality สีสันแห่งความเท่าเทียม” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เป้าหมายที่ 5 ที่ให้ความสำคัญกับ ความเสมอภาคระหว่างเพศ และ การเพิ่มบทบาทของสตรีและเด็กหญิงทุกคน โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ รวมถึงการส่งเสริมสังคมที่เคารพในความแตกต่างและความหลากหลาย อีกทั้งยังส่งเสริมการเรียนรู้และกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมมีส่วนร่วมในการสร้างสังคมที่ยั่งยืนในฐานะพลเมืองโลก

ภายในงานมีกิจกรรมที่หลากหลาย เช่น การประกวดคลิปสั้น TikTok, การเดินแบบแฟชั่นโชว์ Gender Neutral Style, กิจกรรมตอบปัญหาเกี่ยวกับความเท่าเทียมทางเพศ และ บูธกิจกรรมที่ให้ความรู้และพัฒนาทักษะในหลายมิติ กิจกรรมเหล่านี้ช่วยกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมตระหนักถึงความสำคัญของความเท่าเทียมและการยอมรับความหลากหลายทางเพศ พร้อมทั้งสร้างความตระหนักเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมและการเป็นพลเมืองโลกที่มีความรับผิดชอบและยั่งยืน

การประกวดคลิปสั้นบนแพลตฟอร์ม TikTok เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับความเท่าเทียมในรูปแบบที่ทันสมัยและเข้าถึงง่าย ส่วนกิจกรรม เดินแบบแฟชั่นโชว์ Gender Neutral Style ช่วยปลูกฝังแนวคิดเกี่ยวกับการแสดงออกและการแต่งกายที่ไม่ถูกจำกัดโดยเพศสภาพ เสริมสร้างความมั่นใจและการยอมรับในความแตกต่าง นอกจากนี้ กิจกรรมตอบปัญหาและบูธกิจกรรมต่างๆ ยังช่วยส่งเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการทำงานร่วมกัน ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21

กิจกรรมในโครงการนี้ไม่เพียงให้ความรู้เชิงทฤษฎีเกี่ยวกับความเท่าเทียมทางเพศเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถนำความรู้ไปใช้ในการพัฒนาสังคม ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา การกำหนดนโยบาย หรือการสร้างโครงการที่ส่งเสริมความเสมอภาคในทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกและความยั่งยืนในระยะยาว

โครงการนี้ได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อุดมพร ธีระวิริยะกุล รองคณบดีฝ่ายวิชาการและพัฒนาคุณภาพการศึกษา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานในพิธีเปิด ซึ่งจัดขึ้น ณ โถงชั้น 1 อาคารคณะสังคมศาสตร์และอาคารคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยนเรศวรยังคงมุ่งมั่นในการบูรณาการประเด็นด้าน ความเสมอภาคทางเพศ และ ความยั่งยืน ผ่านการเรียนการสอนและกิจกรรมเสริมหลักสูตร เพื่อร่วมสร้างสังคมที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมอย่างแท้จริง พร้อมทั้งส่งเสริมให้ผู้เรียนและผู้เข้าร่วมมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในฐานะพลเมืองโลกที่พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน โดยบูรณาการความรู้ผ่านการเรียนการสอนที่เน้นการมีส่วนร่วมของทุกคนในสังคม

ที่มา: คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

NU Art & Craft Fun Fair 2024 พื้นที่แสดงออกด้านศิลปวัฒนธรรมเชิงสร้างสรรค์

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2567 กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม กองกิจการนิสิต และงานประชาสัมพันธ์ กองกลาง มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดพิธีเปิดงาน “NU Art & Craft Fun Fair 2024” ภายใต้แนวคิด “Eco x Friendly x Mental Well-being” โดยมี ดร.จรัสดาว คงเมือง รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต ศิษย์เก่า และศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานในพิธีเปิด งานดังกล่าวจัดขึ้น ณ พิพิธภัณฑ์ผ้า หอศิลป์มหาวิทยาลัยนเรศวร และมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2567

กิจกรรมภายในงานมีความหลากหลายและตอบสนองความสนใจทั้งด้านศิลปะ วัฒนธรรม และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การจัดแฟชั่นโชว์เครื่องแต่งกายจากผ้าไทยและผ้าชาติพันธุ์ โดยนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวรและนิสิตชมรมสืบสานวัฒนธรรมม้ง การเสวนาเรื่อง “Mental Well-being” เพื่อสร้างความสุขและเสริมสร้างคุณภาพชีวิต และการแสดงดนตรีร่วมกับกิจกรรมนันทนาการจากนิสิต

การจัดกิจกรรมยังสะท้อนถึงการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG5 และ SDG11 ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและการสร้างสังคมที่ยั่งยืน ผ่านการส่งเสริมการเรียนรู้และการแสดงออกอย่างเท่าเทียม โดยกิจกรรมต่างๆ ภายในงานช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้แสดงออกถึงความคิดสร้างสรรค์และสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมที่ให้ความเคารพในความแตกต่างและความหลากหลาย

นอกจากนี้ยังมีเวิร์คชอปด้านศิลปะและหัตถกรรม ซึ่งเปิดโอกาสให้นิสิตได้ฝึกฝนทักษะด้านศิลปะและงานฝีมือ รวมถึงการร่วมกิจกรรมออกแบบและระบายสีกระเป๋ารักโลก เป็นการส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมได้พัฒนาความคิดสร้างสรรค์และฝึกฝนประสบการณ์ใหม่ๆ สำหรับการสร้างรายได้ระหว่างเรียน งานนี้ยังมอบโอกาสให้นิสิตได้ฝึกวาดภาพศิลปะในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ

กิจกรรมยังคงเน้นย้ำเรื่องการอนุรักษ์ผ้าท้องถิ่นและการสร้างสังคมที่ยั่งยืน ผ่านการเดินแฟชั่นเสื้อผ้าชนเผ่าและผ้าท้องถิ่น ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ผ้าไทยและผ้าท้องถิ่น โดยมุ่งเน้นการสร้างความตระหนักในความสำคัญของการรักษามรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าและการอนุรักษ์ผ้าไทยให้คงอยู่สืบไป

งาน “NU Art & Craft Fun Fair 2024” ถือเป็นพื้นที่แสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ที่มีความสำคัญ โดยไม่เพียงแต่เป็นโอกาสสำหรับนิสิตในการฝึกทักษะและสร้างรายได้ ยังเปิดโอกาสให้พวกเขาได้เรียนรู้และสัมผัสกับความหลากหลายทางวัฒนธรรม พร้อมทั้งเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและจิตใจให้มีความสุขยิ่งขึ้น เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยขับเคลื่อนสังคมแห่งความยั่งยืนในมหาวิทยาลัยนเรศวร

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร จัดกิจกรรม NU Pride & Rainbow Crossing

กิจกรรมแรกก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 เราได้ชูประเด็นของ NU Pride ไม่ใช่เป็นเพราะกระแส แต่เรามีสิ่งที่อยากจะสื่อสารกับนิสิต คือ “LGBTQIA+ have the freedom to live their truth without fear!” เพราะเราจะทำให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้ เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับนิสิตทุกคน ที่สามารถแสดงออกถึงความเป็นตนเอง และได้รับการยอมรับ ทั้งนี้เป้าหมายหลักก็คือ เพื่อให้นิสิตมีชีวิตอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างมีความสุข

ขอบคุณ ศาสตราจารย์ ดร.สุจินต์ จินายน อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ที่มีส่วนผลักดันเป็นอย่างมากในการที่ให้นิสิตสามารถแต่งกายตามเพศสภาพได้ มหาวิทยาลัยนเรศวรมีข้อบังคับ ว่าด้วยเครื่องแต่งกายของนิสิตขั้นปริญญาตรี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2561 ที่นิสิตสามารถแต่งกายตามเพศสภาพได้ โดยให้ถูกต้องตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยนเรศวร ว่าด้วยเครื่องแต่งกายของนิสิตขั้นปริญญาตรี ซึ่งจุดนั้นเองทำให้เราในฐานะผู้บริหารชุดปัจจุบันอยากจะย้ำจุดยืนของมหาวิทยาลัยในเรื่องนี้ เพราะเรามองว่า การแต่งกายชุดนิสิตตามเพศสภาพคือการแสดงออกถึงเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่เราควรเคารพ และเห็นคุณค่าของความหลากหลายที่สวยงาม

กิจกรรมที่เราใช้สื่อสารกับนิสิตคือการจัดกิจกรรม NU Pride & Rainbow Crossing หรือทางม้าลายสายรุ้ง บริเวณหน้าหอพักนิสิต ซึ่งปีนี้นับเป็นครั้งที่ 3 แล้ว เป็นผลงานร่วมกันระหว่างนิสิต คณาจารย์และบุคลากรของมหาวิทยาลัย เพื่อเป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เพื่อสะท้อนความเป็นตัวตนของผู้มีความหลากหลายทางเพศ ให้ก้าวเดินอย่างภาคภูมิใจสถาบันแห่งนี้ ก้าวข้ามความแตกต่าง และการยอมรับซึ่งกันและกัน และที่สำคัญเราอยากให้นิสิตใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในมหาวิทยาลัยแห่งนี้
ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

การแต่งกายชุดนิสิตตามเพศสภาพคือการแสดงออกถึงเสรีภาพขั้นพื้นฐาน

“การแต่งกายชุดนิสิตตามเพศสภาพคือการแสดงออกถึงเสรีภาพ และความเสมอภาคขั้นพื้นฐานที่เราควรเคารพและเห็นคุณค่าของความหลากหลายที่สวยงาม ”

อาจารย์ต๊อก ดร.จรัสดาว คงเมือง รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต ศิษย์เก่าและศิลปวัฒนธรรม

แนะนำคณะผู้บริหารคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการบริหารงานที่มุ่งเน้นความเสมอภาคและการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG5) เพื่อสร้างสังคมที่ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน อีกทั้งยังสนับสนุนบทบาทของสตรีในด้านการศึกษา การบริหาร และการพัฒนาสังคมให้มีความก้าวหน้าและยั่งยืน ซึ่งสะท้อนผ่านโครงสร้างการบริหารงานของคณะมนุษยศาสตร์ ที่มีผู้นำซึ่งมีความสามารถและมุ่งมั่นพัฒนาการศึกษาและสังคม

ทีมผู้บริหารคณะมนุษยศาสตร์ นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรอุษา สุวรรณประเทศ ดำรงตำแหน่ง คณบดีคณะมนุษยศาสตร์ พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์วรารัชต์ มหามนตรี รองคณบดีฝ่ายบริหาร, ดร.นิภารัตน์ อิ่มศิลป์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ, ดร.ณัฐพร ไข่มุกข์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ และ ดร.ภูริตา เรืองจิรยศ รองคณบดีฝ่ายกิจการนิสิตและศิษย์เก่าสัมพันธ์ โดยคณะผู้บริหารให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานของสตรี สนับสนุนความก้าวหน้าในสายอาชีพ และเปิดโอกาสให้สตรีได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่

คณะมนุษยศาสตร์มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้ และการให้บริการวิชาการแก่สังคม โดยคำนึงถึงความเท่าเทียมและการสร้างโอกาสให้กับทุกคนอย่างทั่วถึง อีกทั้งยังมีโครงการที่ส่งเสริมบทบาทของสตรีในการขับเคลื่อนสังคม ทั้งในด้านการศึกษา การบริหาร และการพัฒนาชุมชน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและความเสมอภาคอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ คณะยังให้ความสำคัญกับการพัฒนานิสิตในทุกมิติ ทั้งด้านวิชาการ การวิจัย และการเสริมสร้างทักษะชีวิต เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต ในขณะเดียวกันยังเน้นความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาและการทำงานที่เท่าเทียม โดยเฉพาะการสนับสนุนสตรีให้สามารถมีบทบาทสำคัญในเวทีระดับชาติและระดับสากล

มหาวิทยาลัยนเรศวรและคณะมนุษยศาสตร์ยังคงมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนสังคมสู่ความเป็นธรรมและความยั่งยืน โดยสนับสนุนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และส่งเสริมสังคมแห่งความเสมอภาค พร้อมทั้งผลักดันบทบาทของสตรีให้สามารถเป็นผู้นำในทุกระดับของสังคม เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับท้องถิ่นและระดับสากลอย่างแท้จริง

ทาสีถนนทางม้าลายสายรุ้ง

เชิญร่วมกิจกรรม Pride month : ทาสีถนนทางม้าลายสายรุ้ง วันที่ 10 มิถุนายน 2567 เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป ณ บริเวณหน้าอาคารขวัญเมือง (หอใน)

เพื่อส่งเสริมและให้ความสำคัญด้านความเท่าเทียมและความเสมอภาคภายในมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เป็นพื้นที่ในการแสดงออกด้านความหลากหลายทางเพศอย่างแท้จริง โดยมีคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย อาจารย์ บุคลากร และนิสิตทำกิจกรรมร่วมกัน

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin