ม.นเรศวร นำทีมนิสิต เข้าร่วมการนำเสนอผลงานผลิตภัณฑ์กันแดดสำหรับนักกีฬา ในเการแข่งขันโครงการ “เส้นทางสู่นวัตวณิชย์ ครั้งที่ 10”

วันที่ 18 – 19 กุมภาพันธ์ 2566 อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร นำโดย ดร.ปัญญวัณ ลำเพาพงศ์ ตัวแทนผู้บริหารมหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วย ดร.สราวุธ สัตยากวี ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี เเละรักษาการในตำเเหน่งรองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร นำทีมไปด้วยกันไปได้ไกล (นิสิตจากคณะเภสัชศาสตร์) เข้าร่วมการนำเสนอผลงานผลิตภัณฑ์กันแดดสำหรับนักกีฬา ในเการแข่งขันโครงการ “เส้นทางสู่นวัตวณิชย์ ครั้งที่ 10” รอบระดับประเทศ ประจำปี 2565 ณ โรงแรมคริสตัลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมการแข่งขันดังกล่าว

สรุปผลการแข่งขัน R2M ครั้งที่ 10 รอบประเทศ ดังนี้
🥇รางวัลชนะเลิศ : ทีม Spark tech จากมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าธนบุรี
🥈รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 : ทีม Bee Plus จากมหาวิทยาลัยพะเยา
🥉รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 : ทีม สิริมงคล (Sirimongkol) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น
🏅รางวัลชมเชย 2 รางวัล ได้แก่
🎖️ทีม Fyty จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
🎖️ทีม Enigma จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

Nu scipark มีความมุ่งมั่นในการพัฒนานิสิตสู่การเป็นผู้ประกอบการด้วยการเสริมสร้างศักยภาพให้เข้มแข็งทั้งด้าน Business plan&Technology development of product จากสภาพแวดล้อมทางวิชาการในมหาวิทยาลัย รวมทั้งการนำผลงานวิจัย สิ่งประดิษฐ์ และนวัตกรรมที่สร้างสรรค์ โดยนิสิตและบุคลากรพัฒนาสู่กระบวนการเชิงพาณิชย์ สร้างวงจรรายได้ผลประโยชน์กลับสู่มหาวิทยาลัย

ที่มา: อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร เข้าร่วมงานประชุมหน่วยงานภาคีเครือข่าย สภาอุตสาหกรรม จังหวัดพิษณุโลก

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 ดร.สราวุธ สัตยากวี ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี และรักษาการในตำแหน่งรองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษ “หัวข้อวิเคราะห์ทิศทางเศรษฐกิจไทย ปี2566 และการรับมือของ SMEs” พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมจัดนิทรรศการกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย สภาอุตสาหกรรมจังหวัดพิษณุโลก ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ณ ห้องอุทัยธานี โรงแรมท็อปแลนด์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือในการช่วยเหลือผู้ประกอบการ เป็นแหล่งข้อมูลและเป็นศูนย์กลางการให้บริการที่ส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนางานวิจัยและเทคโนโลยีนวัตกรรมบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา และภาคเอกชน สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ด้วยการผลักดันให้มีการนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์

ที่มา: อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร

NU SciPark ต้อนรับคณะกรรมการติดตามการดำเนินโครงการส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมรายใหม่

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 ดร.สราวุธ สัตยากวี ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี เเละรักษาการในตำเเหน่งรองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยาน ฯ ให้การต้อนรับคณะกรรมการติดตามการดำเนินโครงการส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรมรายใหม่ ระหว่างกิจการขนาดใหญ่และมหาวิทยาลัย (Business Brotherhood) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 นอกจากนี้ยังเข้าเยี่ยมชมสถานวิจัยเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ คณะเภสัชศาสตร์ (Cosnat) ณ อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร อาคารมหาธรรมราชา ชั้น 2 โซน B มหาวิทยาลัยนเรศวร

โดยมีคณะกรรมการ ดังนี้
– ดร.ชาญวิทย์ ตรีเดช นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
– คุณเกียรติรัตน์ ทองผาย ที่ปรึกษาอาวุโส สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ
– คุณนัยนา เปลี่ยนผัน นักพัฒนานโยบาย สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
– คุณนายสนามชัย แพนดี นักส่งเสริมนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

ที่มา: อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

นวัตกรรมใหม่ “ผงแป้งพอกตัวลูกสุกรแรกคลอด” เพื่อช่วยลดการตายของลูกสุกร

ม.นเรศวรเปิดตัวนวัตกรรมฝีมือคนไทย “ผงแป้งพอกตัวลูกสุกรแรกคลอด” ช่วยลดการตายของลูกสุกร ส่วนผสมทำมาจากสมุนไพรที่หาง่ายในประเทศ สามารถย่อยสลายได้ง่าย ช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิตมาได้อีกทางหนึ่ง

เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2566 ร.ศ.ดร.วันดี ทาตระกูล อาจารย์ประจำคณะเกษตรศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร ต.ท่าโพธิ์ อ.เมือง จ.พิษณุโลก พร้อมทีมวิจัยและตัวแทนบริษัทเฟิร์สลี่เทค จำกัด ได้แถลงข่าวเปิดตัวผลงานวิจัย “ผงแป้งพอกตัวลูกสุกรแรกคลอด” จากสมุนไพรไทยลดความเสี่ยงอัตราการตายของลูกสุกร โดยนวัตกรรมนี้ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทเฟิร์สลี่เทค จำกัด รับการถ่ายทอดนวัตกรรมสู่เชิงพาณิชย์ และพร้อมวางจำหน่ายในไทยช่วงเดือนมีนาคม 2566 นี้

อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์การเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ม.นเรศวร กล่าวต่อว่า เบื้องต้นตั้งกลุ่มเป้าหมายไว้ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ที่เคยใช้ผงพอกตัวลูกสุกรแรกคลอดอยู่แล้วแต่เป็นผลิตภัณฑ์นำเข้า หรือผลิตจากวัตถุดิบชนิดอื่น และกลุ่มเกษตรกรผู้ที่ไม่เคยใช้ผงพอกตัวลูกสุกรมาเลย โดยราคาผลิตภัณฑ์จากนวัตกรรมชิ้นนี้จะวางจำหน่ายในไทยเพียง 250 บาท (น้ำหนัก 5 กิโลกรัม) ซึ่งราคาจะถูกกว่าสินค้านำเข้าและสินค้าประเภทอื่นถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งไม่มีอันตรายหากปนเปื้อนในน้ำ เพราะเป็นนวัตกรรมที่ผลิตจากสมุนไพรไทย อาทิ ขมิ้นชัน ไพล และฝาง

รศ.ดร.วันดี กล่าวอีกว่า “ผงแป้งพอกตัวลูกสุกรแรกคลอด” สามารถใช้พอกตัวลูกสุกร ทำให้ลูกสุกรสามารถ เข้าถึงเต้านมได้เร็วขึ้น และยังมีฤทธิ์ในการยับยั้งเชื้อจุลลินทรีย์ที่ทำให้เกิดท้องเสียในลูกสุกร และทำให้พื้นคอกแห้งอยู่เสมอ โดยมีส่วนผสมจากสมุนไพรที่เป็นวัตถุดิบหาได้ง่ายจากภายในประเทศ อีกทั้งสามารถย่อยสลายได้ง่าย และเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตรให้แก่เกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง

อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์การเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ม.นเรศวร กล่าวอีกว่า นวัตกรรม “ผงแป้งพอกตัวลูกสุกรแรกคลอด” ประกอบไป ด้วยแร่ธาตุจากธรรมชาติ เมื่อสัมผัสกับน้ำจะไม่ทำให้เกิดความร้อน ไม่มีสารเคมีเจือปน และไม่ออกฤทธิ์ระคายเคืองต่อผิวหนัง ไม่เพียงแต่จะใช้โรยตัวลูกสุกรเพื่อดูดซับความชื้น แล้วยังสามารถลดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ในคอก รวมถึงช่วยรักษาสภาพแวดล้อมภายในคอกให้ปลอดโรคมากยิ่งขึ้น มีจุดเด่นคือลดความชื้น รักษาอุณหภูมิในร่างกายลูกสุกร อุณหภูมิภายนอกสูงกว่าในมดลูกลูกหมูมีพลังงานสะสมน้อยควรมีการดูดนมมากกว่า ควบคุมแบคทีเรียแห้งกว่า เชื้อโรคก็น้อยกว่า สายสะดือแห้งเร็ว ลดการเกิดสะดืออักเสบ

สำหรับแนวโน้มสถานการณ์สินค้าสุกร ปี 2566 โดยสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรคาดว่าปี 2566 การผลิตสุกรในประเทศไทยจะมีปริมาณ 17.47 ล้านตัว เพิ่มขึ้น จาก 15.51 ล้านตัว ของปี 2565 คิดเป็นร้อยละ 12.66 เนื่องจากจำนวนแม่พันธุ์สุกรที่เพิ่มขึ้นจะสามารถขยายการผลิต สุกรได้เพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเกษตรกรยังคงมีความกังวลจากความเสี่ยงของโรคระบาดในสุกร และต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ (biosecurity).

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “กะหล่ำปลีผง” รูปแบบชงน้ำดื่ม

ทางเลือกในการควบคุมระดับโคเลสเตอรอลในเลือด งานวิจัยนี้ได้นำกะหล่ำปลีมาแปรรูปเป็นผงกะหล่ำปลี ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ดัดแปลง เพื่อเตรียมเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย โดยผลิตภัณฑ์นี้มี ไฟเบอร์สูง ,จับกรดน้ำดีสูง และลดโคเลสเตอรอลในโมเซลล์ และเหมาะสมกับผู้บริโภคทุกช่วงวัย รวมถึงผู้ที่ควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และผู้ที่สนใจดูแลสุขภาพตนเอง

นักวิจัย : รองศาสตราจารย์ ดร.นันทีทิพ ลิ้มเพียรชอบ และ รองศาสตราจารย์ ดร.วรี ติยะบุญชัย คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

สนใจขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี สนใจติดต่อกองการถ่ายทอดเทคโนโลยีและบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา
ที่มา: กองการถ่ายทอดเทคโนโลยีและบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา มหาวิทยาลัยนเรศวร

นักวิจัย ม.นเรศวร ได้รับรางวัลการวิจัยแห่งชาติ ประจำปี 2566

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 รองศาสตราจารย์ ดร.กรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม ดร.ยุทธพงษ์ ทองพบ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม และนางเจนจิต นาคปรีชา ผู้อำนวยการกองการวิจัยและนวัตกรรม ร่วมแสดงความยินดีและมอบของที่ระลึกให้แก่นักวิจัยมหาวิทยาลัยนเรศวร ที่ได้รับรางวัลการวิจัยแห่งชาติ ประจำปี 2566 เข้ารับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในงานวันนักประดิษฐ์ ประจำปี 2566 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพมหานคร โดยมหาวิทยาลัยนเรศวรได้รับรางวัลจำนวน 6 รางวัล ดังนี้
1. รางวัลการวิจัยแห่งชาติ รางวัลผลงานวิจัย #ระดับดีเด่น สาขาวิศวกรรมศาสตร์และอุตสาหกรรมวิจัย ผลงานวิจัยเรื่อง “การใช้เครื่องมือด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและวิศวกรรมชีวเวชเพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนของการทำเหมืองแร่ทองคำในประเทศไทยในอนาคต”
1. รศ.ดร.ธนพล เพ็ญรัตน์
2. รศ.ดร.มนุพัศ โลหิตนาวี
3. ดร.สุภาวรรณ ศรีรัตนา
4. นางสาววรากร มณีชูเกตุ
5. นางสาวฐิติพร พลัดบุญ
6. Mr. Quoc Ba Tran
7. ดร.สิรินาฏ เลาหะโรจนพันธ์
8. นายเกียรติพงษ์ คาดี

2. รางวัลการวิจัยแห่งชาติ รางวัลผลงานวิจัย #ระดับดีมาก สาขาสังคมวิทยา ผลงานวิจัยเรื่อง “เศรษฐกิจนอกระบบในเครือข่ายสังคมข้ามชาติของแรงงานชาวเวียดนามในประเทศไทย”
1. รศ.ดร.อัจฉริยา ชูวงศ์เลิศ
2. Mr.Van Ton Le

3. รางวัลการวิจัยแห่งชาติ รางวัลผลงานวิจัย #ระดับดี สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและนิเทศศาสตร์ ผลงานวิจัยเรื่อง “การพัฒนานวัตกรรมในการจัดการการส่งเสริมสุขภาพพระสงฆ์อย่างมีส่วนร่วมกับพระคิลานุปัฏฐาก”
1. รศ.ดร.พนิดา จงสุขสมสกุล
2. ผศ.ดร.พนมขวัญ ริยะมงคล

4. รางวัลการวิจัยแห่งชาติ รางวัลสิ่งประดิษฐ์คิดค้น #ประกาศเกียรติคุณ สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและนิเทศศาสตร์ ผลงานวิจัยเรื่อง “รูปเเเบบเทคโนโลยีความจริงเสมือน (AR) สำหรับเเหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ในจังหวัดพิษณุโลก”
1. ผศ.ดร.กนกกาญจน์ เสน่ห์ นมะหุต
2. รศ.ดร.จักรกฤษณ์ เสน่ห์ นมะหุต
3. ดร.เกษวดี พุทธภูมิพิทักษ์

5. รางวัลการวิจัยแห่งชาติ วิทยานิพนธ์ #ระดับดีมาก สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลงานวิจัยเรื่อง “การศึกษาศักยภาพ การรักษาของเซลล์ต้นกำเนิดมีเซนไคมอลด้วยเทคโนโลยีปรับแต่งจีโนมจากเอนไซม์ Cas9 และเวคเตอร์ Adeno-Associated Virus (AAZ)” ดร.วรัชรี ศรีฟ้า

6. รางวัลการวิจัยแห่งชาติ วิทยานิพนธ์ #ระดับดี สาขาปรัชญา ผลงานวิจัยเรื่อง “ลักษณาการและการสาแดงในดนตรีหน้าพาทย์ศักดิ์สิทธิ์ของประเทศไทย” ผศ.ดร.เดชา ศรีคงเมือง

ที่มา: กองการวิจัยและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร จัด SECRA Workshop เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านการส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรมและการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและภาคเอกชน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDG) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 9 (SDG 9) ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรม นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน ในการนี้ คณะวิศวกรรมศาสตร์ของมหาวิทยาลัยนเรศวรได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรม SECRA Thailand Workshop ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Strengthening University-Enterprise Collaboration for Resilient Communities in Asia (SECRA) ที่ได้รับทุนสนับสนุนจากโปรแกรม Erasmus+ ของสหภาพยุโรป (EU)

ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ SECRA Thailand Workshop ซึ่งจัดขึ้น ณ ห้อง EN617 อาคารเรียนรวม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยได้รับเกียรติจาก ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน อดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และคุณ Bill Ho ผู้อำนวยการ ADPC Academy, Asian Disaster Preparedness Center (ADPC) มาเป็นวิทยากรหลัก (keynote speaker) ในการบรรยายเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถทนทานและยั่งยืน

กิจกรรมนี้มีผู้เข้าร่วมจากหลากหลายประเทศ เช่น เอสโตเนีย อังกฤษ สวีเดน ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา และประเทศไทย โดยประเทศไทยมีรองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี เป็นหัวหน้าของกลุ่มประเทศไทย (Country Leader) ในโครงการนี้ โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเป็นระยะเวลา 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 6-10 กุมภาพันธ์ 2566 โดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและภาคเอกชนในภูมิภาคเอเชีย เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการรับมือกับภัยพิบัติและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน

โครงการ SECRA นี้ไม่เพียงแต่เป็นการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือระหว่างประเทศ แต่ยังมีเป้าหมายในการเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับชุมชนในเอเชีย โดยเฉพาะในด้านการพัฒนานวัตกรรมและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่สามารถเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีความทนทานและยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของ SDG 9 ที่มุ่งส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของชุมชนในอนาคตได้อย่างยั่งยืน

กิจกรรมนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการดำเนินงานของมหาวิทยาลัยนเรศวรในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างองค์กรและการพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลก

บพข. กองทุน ววน. หนุนต่อเนื่อง “ท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิ ต้องเป็นศูนย์”

เมื่อวันที่ 7-8 กุมภาพันธ์ 2566, แผนงานกลุ่มท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) โดยกองทุนวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ร่วมมือ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) จัดงานนิทรรศการและการประชุมเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (Carbon Neutral Tourism) “พัฒนาพื้นที่ภาคเหนืออย่างยั่งยืน บนฐานคิดการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์” ณ จ.พิษณุโลก ภายใต้รูปแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความเข้าใจและทักษะของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการขับเคลื่อนแผนการท่องเที่ยว คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศ และพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยในทุกมิติ หลังจากได้มีการดำเนินการในพื้นที่ภาคใต้ จ.สงขลา ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

นายพชรเสฏฐ์ ศิริสาริศา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า การพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยจำเป็นต้องเป็นการพัฒนาไปในทิศทางเดียวกับการพัฒนาในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโลกที่เน้นการพัฒนาที่ยั่งยืน ลดผลกระทบที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากกิจกรรมต่าง ๆ ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ด้วยการหาแนวทางขับเคลื่อนการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ให้น้อยที่สุดจนถึงการผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ซึ่งงานการแสดงนิทรรศการและการประชุมเสวนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในครั้งนี้ จะได้สร้างความเข้าใจและทักษะของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนแผนการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศไทย และยังเป็นการจัดนิทรรศการเผยแพร่องค์ความรู้อย่างบูรณาการเพื่อการท่องเที่ยวไทยไร้คาร์บอน ในปี 2564 และ ปี 2565 ร่วมกัน และยังเป็นแนวทางในการพัฒนางานและความคิดเกี่ยวกับการท่องเที่ยว รวมถึงสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว ชุมชนท่องเที่ยว และประชาชนทั่วไปที่มีความสนใจต่อการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในอนาคต

ผศ.สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาวอาวุโส สกสว. และประธานคณะอนุกรรมการแผนงานกลุ่มท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (บพข.) กล่าวว่า สกสว. และกองทุน ววน. เป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) รวมทั้งเสนอของบประมาณจากรัฐบาลเพื่อนำมาจัดสรรให้กับหน่วยงานในระบบ ววน.ราว 190 แห่ง ประกอบด้วย หน่วยบริหารและจัดการทุน 9 แห่ง มหาวิทยาลัยและหน่วยงานต่าง ๆ โดยมีระบบ การติดตามประเมินผลและการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์อย่างครบวงจร

แผนด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ได้รับสนับสนุนงบประมาณการวิจัยประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี โดยออกแบบแผนงานวิจัยเพื่อร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยว 2 กลุ่ม กลุ่มแรก “แผนการท่องเที่ยวมูลค่าสูง” เน้นการทำงานร่วมกับภาคเอกชน เพื่อสร้างรายได้และคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนและคนในภาคการท่องเที่ยว คือ 1)การท่องเที่ยวบนฐานมรดกชาติการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ 2)การยกระดับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ 3)การยกระดับมาตรฐานการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง และกลุ่มที่ 2 “แผนงานเศรษฐกิจสร้างสรรค์” มุ่งเน้นการยกระดับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เพื่อเพิ่มมูลค่าเศรษฐกิจสร้างสรรค์

กลุ่มการท่องเที่ยวบนฐานมรดกธรรมชาติ การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ เป็นกลุ่มที่มีความเข้มแข็ง มีภาคีเครือข่ายในการทำงานตามกรอบความร่วมมือ (MOU) 8 องค์กรพันธมิตรจาก 3 กระทรวง บูรณาการ/ขับเคลื่อนการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวที่มีการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ช่วยลดโลกร้อน ระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการอุดมศึกษาฯ พร้อมด้วย 8 ภาคีเครือข่ายที่ร่วมมือกัน ประกอบด้วย สกสว. บพข. องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) (สสปน.) หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) (อพท.) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.) ที่มีกลไกการทำงานร่วมกัน โดย อบก. สนับสนุนให้เกิดการคํานวณการปล่อยคาร์บอนของบริการการท่องเที่ยว (Product Category Rules : PCR) ทั้งในการเดินทาง ที่พัก อาหาร การจัดการของเสีย ซึ่งในปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะมีการเพิ่มเติม PCR ของกิจกรรม การท่องเที่ยวเชิงกีฬา การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สปา เป็นต้น โดยเน้นการทำงานวิจัยร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชน และผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยว

“จังหวัดพิษณุโลก จัดเป็น MICE City จังหวัดที่ 9 มีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การยกระดับเศรษฐกิจสร้างสรรค์บนฐานมรดกทางวัฒนธรรมประวัติศาสตร์อันงดงาม การท่องเที่ยวเชิงกีฬา การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ บพข. ได้สนับสนุนงานวิจัยให้ภาคเหนือตอนล่าง เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวคุณภาพ เช่น กลุ่มที่ต้องการพักผ่อน ดูแลรักษาสุขภาพ กลุ่ม MICE นักเดินทางเพื่อเป็นรางวัล กลุ่มเป้าหมาย กลุ่ม Tourism for all กลุ่มท่องเที่ยวที่รักษ์ธรรมชาติเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ การท่องเที่ยวในสวนผลไม้ ที่มีการคิด การลด การชดเชยการปล่อยคาร์บอนและขยายผลบอกต่อให้นักท่องเที่ยวและชุมชนที่รองรับนักท่องเที่ยวได้เข้าใจกระบวนการ ที่มุ่งสู่การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์” ผศ.สุภาวดี กล่าวเสริม

ทั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ ในการออกบูธแสดงผลงานจากวิจัยจาก 4 หน่วยงานหลัก คือ มหาวิทยาลัยรามคำแหง สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย (สทอ.) มหาวิทยาลัยนเรศวร และมหาวิทยาลัยพะเยา และบูธจากวิสาหกิจชุมชน ของดีในชุมชนภาคเหนือ จำนวน 13 บูธ คือ ชุมชนท่องเที่ยวบ้านวังส้มซ่า สมาคมการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดลำปาง หรือ จำปุยโฮมสเตย์ วิสาหกิจชุมชนการท่องเที่ยวโดยชุมชนไตลื้อเมืองลวงเหนือ วิสาหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์บัวกว๊านพะเยา กลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชนชมภู วิสาหกิจชุมชนบ้านเนินกระบาก วิสาหกิจชุมชน คนเอาถ่านบ้านเขาปรัง วิสาหกิจชุมชนเมืองหมักพิศโลก วิสาหกิจชุมชนแม่บ้านเกษตรกรบ้านบึงเวียน กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านหนองกุลา ชุมชนท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมไทยลื้อเชียงคำ จ.พะเยาโฮมสเตย์บ้านท่าขันทอง และชมรมส่งเสริมท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านไร่กองขิง ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี

ที่มา: mgronline

ม.นเรศวร ลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าโครงการ Talent Mobility “การพัฒนาสูตรอาหารจิ้งหรีด”

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2566 อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ ดร.ยุพา หาญบุญทรง อาจารย์ประจำภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ดร.อภิรชัย วงษ์ศรีวรพล ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น และผู้แทนจากสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม ลงพื้นที่เพื่อติดตามความก้าวหน้าของโครงการ “การพัฒนาสูตรอาหารจิ้งหรีดต้นทุนต่ำและโปรแกรมการให้อาหารเพื่อยกระดับมาตรฐานการเลี้ยงของฟาร์มเกษตรกรเครือข่าย” โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ทศพร อินเจริญ สังกัด คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นหัวหน้าโครงการ ดำเนินงานร่วมกับ บริษัท ล้านฟาร์มฮัก จำกัด ภายใต้โครงการ Talent Mobility ประจำปีงบประมาณ 2565

ที่มา: อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร

นักวิจัย ม.นเรศวร 1 ใน 2 นักวิจัยไทยที่ได้รับรางวัลพิเศษในงาน IPITEx ปี 2023 จัดโดย วช. ชูผลงานแห่งความภาคภูมิใจ ส่งออกผลไม้ไทยไปตีตลาดโลก

นักวิจัยไทย รศ.ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท จากมหาวิทยาลัยนเรศวร 1 ใน 2 ของนักวิจัยไทยที่ได้รับรางวัลพิเศษในงานนวัตกรรมและเทคโนโลยีทรัพย์สินทางปัญญานานาชาติ หรือ IPITEX 2023 จัดโดย วช.ในงานวันนักประดิษฐ์ 2566 หมาดๆ เปิดใจ ผลงานแห่งความภาคภูมิใจส่งออกผลไม้ไทยไปตีตลาดโลก

เมื่อวันที่ 8 ก.พ. รศ. ดร. พีระศักดิ์ ฉายประสาท หัวหน้าทีมวิจัยจาก คณะเกษตรศาสตร์ และสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า ประเทศไทยมีชื่อเสียงในการส่งออกผลไม้สดโดยเฉพาะมะม่วงนำ้ดอกไม้สีทองที่มีความโดดเด่นและได้รับความนิยมอย่างมากจากชาวต่างชาติ แต่ยังมีตลาดอีกหลายแห่งที่น่าสนใจและควรได้รับการพัฒนาสนับสนุนให้มีการส่งออก อาทิ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และสหรัฐอเมริกา

ในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาผู้ส่งออกผลไม้ไทยต้องประสบปัญหาในการขนส่งสินค้าทางอากาศเป็นอย่างมาก ทีมวิจัยได้ค้นพบแนวทางช่วยเหลือผู้ส่งออกมะม่วงนำ้ดอกไม้สีทอง จาก งานวิจัย ที่ วช.ให้ทุนในโครงการ การบริหารจัดการสายโซ่คุณค่ามะม่วงน้ำดอกไม้สีทอง

ด้วยการประเมินความสุกแก่ของมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองโดยใช้เทคนิค เนียร์อินฟราเรดสเปกโตรสโกปีแบบไม่ทำลายผลิตผล สามารถประเมินคุณภาพได้อย่างรวดเร็วถูกต้องมีความแม่นยำสูงและเชื่อถือได้ ในการขนส่งทางเรือใช้ตู้คอนเทนเนอร์ควบคุมบรรยากาศให้มีความเข้มข้นออกซิเจนที่ 3 เปอร์เซนต์และคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ที่ 5 เปอร์เซนต์ร่วมกับสารชะลอความสุกแก่ I-MCP เก็บรักษาที่อุณหภูมิ 13-15 องศาเซลเซียส รวมทั้งใช้บรรจุภัณฑ์ดัดแปลงสภาพบรรยากาศ ได้แก่ถุง White Ethylene absorbing Bag ห่อมะม่วงน้ำดอกไม้ ทำการส่งไปที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ใช้เวลาขนส่ง 28 วัน มีระยะเวลาจำหน่ายอีก 7-9 วัน

ผลการประเมินความคุ้มค่าพบว่า การขนส่งทางเรือด้วยวิธีนี้มีต้นทุนต่อกล่องต่ำกว่าการขนส่งทางอากาศอย่างมีนัยสำคัญ การเน่าเสียของมะม่วงต่อปริมาณการส่งออกไม่เกิน 30 เปอร์เซนต์ ลดต้นทุน 11 เปอร์เซนต์ต่อปริมาณการส่งออกตั้งแต่ 5 ตันขึ้นไป เป็นแรงจูงใจที่สามารถเป็นทางเลือกในการส่งออกมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองไปต่างประเทศได้ ช่วยผู้ส่งออกผลไม้สดไทยให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกอีกทางหนึ่ง

รศ.ดร. พีระศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีข่าวที่น่ายินดีว่า ผลงานวิจัยเรื่องส้มโอฉายรังสีเพื่อการส่งออกที่ ทีมวิจัยได้รับทุนจาก วช. โดยความร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ หรือ สทน. สามารถตอบโจทย์การส่งออก ส้มโอไปยังสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก เนื่องจากข้อกำหนดการส่งออกผลไม้ มะม่วง ลำไยและส้มโอ จะต้องผ่านการฉายรังสีในปริมาณ 400 เกรย์ เพื่อป้องกันแมลงวันผลไม้ ซึ่ง ทีมวิจัยได้ทำเรื่องนี้สำเร็จแล้ว มีส้มโอที่ต้านทานรังสีในปริมาณ 400 เกรย์โดยรักษาคุณภาพไว้ได้ ประกอบด้วยพันธ์ส้มโอพันธ์ุทับทิมสยาม พันธุ์ขาวใหญ่ พันธุ์ทองดีและพันธุ์ขาวน้ำผึ้ง ซึ่งจะทำให้ส้มโอไทยสามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้มากขึ้น เพราะรสชาติหวานอมเปรี้ยว มีผิวและสีสันสวยงามเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคโดยเฉพาะชาวเอเชียที่นิยมนำส้มโอไปไหว้บรรพบุรุษ ไหว้เจ้าตามประเพณีและในงานประเพณี ถือเป็นผลไม้มงคล จะทำให้เกษตรกรสวนส้มโอที่ปลูกในพื้นที่ต่างๆ อาทิ ที่พิจิตร สมุทรสาคร สมุทรสงคราม นครปฐมและส้มโอทับทิมสยามที่ปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยในระหว่าง 5-12 มีนาคม 2566 เราจะนำส้มโอและมะม่วงมหาชนกไปจัดแสดงในงาน Natural Product ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าเกษตร สินค้าธรรมชาติและการแปรรูปที่ใหญ่ที่สุด จัดที่แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา โดยได้รับความร่วมมือจากกรมวิชาการเกษตร ผู้ส่งออกผู้นำเข้าของไทยซึ่งจะเป็นการประกาศความพร้อมในการส่งส้มโอ และมะม่วงมหาชนกไปยังสหรัฐอเมริกาต่อไป

รศ.ดร. พีระศักดิ์ ฉายประสาท นักวิจัยมือทองด้านการเกษตรและผลไม้ไทยกล่าวถึงโครงการวิจัยล่าสุดที่เพิ่งได้รับทุนจาก บพข. ได้แก่ โครงการท่องเที่ยวเชิงเกษตรไร้คารบอน เป็นโครงการระยะ1ปี6เดือน เราจะทำโครงการพานักท่องเที่ยวเข้าไปสัมผัสสวนผลไม้ที่ไร้คาร์บอนตอบโจทย์ผู้บริโภคที่อยากเข้าไปเยี่ยมชมสวนตั้งแต่ช่วงใกล้เก็บเกี่ยว เพื่อสัมผัสกับธรรมชาติ ซึ่งกำหนดพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง และปากช่อง ได้แก่ มะม่วงน้ำดอกไม้ที่พิษณุโลก สตรอเบอรี่ที่เขาค้อ องุ่นไซมัสแค้ทที่นำมาปลูกตั้งแต่พิษณุโลกถึงเชียงใหม่ เราอยากให้การท่องเที่ยวเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรอย่างที่ในต่างประเทศทำกัน เป็นการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวจากสวนผลไม้ซึ่งจะต้องมีสิ่งดึงดูดใจใหม่ๆ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรต้องปรับตัว

“เราจะเข้าไปให้คำแนะนำเรื่องการจัดการพื้นที่ การบริหารจัดการนักท่องเที่ยว ความสะดวกสบาย ความปลอดภัย ให้นักท่องเที่ยวรู้สึกไปแล้วอยากไปอีก กิจกรรมจะมีทั้งชม ชิม ช้อป แชะ ทั้งหมดจะทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยในพื้นที่ เพื่อทำให้สวนผลไม้ขายได้มากขึ้น เพราะตอนนี้คนเริ่มโหยหาการท่องเที่ยวใหม่ๆที่ไม่เคยไป เชื่อว่าการท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำหรือไร้คาร์บอนจะเป็นกระแสตอบรับในเทรนด์ใหม่ของโลก

ไฮไลท์แห่งแรกที่เราเลือกคือ ปากช่อง เพราะอยู่ใกล้กรุงเทพสามารถเป็นทริปต์วันเดียวได้ และมีการปลูกผลไม้อยู่มาก แต่จะทำอย่างไรให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ เป็นโจทย์ที่เราจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้

ที่มา: mgronline

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin