Archives 2024

ม.นเรศวร ขับเคลื่อนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรกลุ่มเป้าหมายพิเศษ

วันอังคารที่ 10 กันยายน 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยกองส่งเสริมการบริการวิชาการ ร่วมกับนิคมสร้างตนเองบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก จัดประชุมถอดบทเรียนการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรกลุ่มเป้าหมายพิเศษ ประจำปีงบประมาณ 2567 เพื่อวิเคราะห์และพัฒนาแนวทางการสนับสนุนคุณภาพชีวิตในมิติต่าง ๆ ของกลุ่มเป้าหมาย

การประชุมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายสุริชาติ จงจิตต์ ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองบางระกำ เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยผู้แทนจากบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องที่-ท้องถิ่น และประชากรกลุ่มเป้าหมายพิเศษกว่า 80 คน เข้าร่วมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ศิษฐ์ภัณฑ์ แคนลา รักษาการผู้อำนวยการกองส่งเสริมการบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยนเรศวร มอบหมายบุคลากรกองส่งเสริมการบริการวิชาการเข้าร่วมประชุมเพื่อสนับสนุนการถอดบทเรียนและติดตามผลการดำเนินงานในโครงการต่าง ๆ

ดร.อนวัช มีเคลือบ รักษาการหัวหน้างานประชาสัมพันธ์ ทำหน้าที่วิทยากรถอดบทเรียนและนำเสนอข้อมูลเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับการพัฒนาทุนมนุษย์ในมิติต่าง ๆ รวมถึงแนวทางการสร้างอาชีพและเพิ่มรายได้สำหรับประชากรกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน

การประชุมครอบคลุมการวิเคราะห์มิติต่าง ๆ ได้แก่ การสร้างอาชีพและรายได้ การพัฒนาเด็กและเยาวชน การจัดการป่าชุมชนและทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงมิติอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับคุณภาพชีวิตและลดความเหลื่อมล้ำในชุมชน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG1 ด้านการขจัดความยากจน และ SDG17 ด้านความร่วมมือเพื่อการพัฒนา

กิจกรรมครั้งนี้ยังเน้นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย ภาคเอกชน หน่วยงานรัฐ และชุมชนท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างความยั่งยืนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการเข้าถึงโอกาสอย่างเท่าเทียมสำหรับประชากรกลุ่มเป้าหมาย

การประชุมถอดบทเรียนและวิเคราะห์แนวทางการพัฒนาประชากรกลุ่มเป้าหมายพิเศษ จึงเป็นการสร้างกรอบแนวทางที่เป็นระบบและมีข้อมูลรองรับ สนับสนุนการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน และเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนโครงการวิจัยและบริการวิชาการของมหาวิทยาลัยนเรศวรเพื่อสังคมและการพัฒนาอย่างเท่าเทียม

ม.นเรศวร ปลูกต้นกล้ารักษ์โลก รณรงค์คิดก่อนทิ้ง คัดแยกขยะ สร้างสังคมการเรียนรู้และการบริโภคที่ยั่งยืน

วันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2567 โรงเรียนอนุบาลและประถมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวร จัด กิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมชุมชน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในการจัดการขยะอย่างถูกต้อง ภายใต้แนวคิด “คิดก่อนทิ้ง คัดแยกขยะให้ถูกต้อง” โดยมุ่งเน้นให้เยาวชนเรียนรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมและเข้าใจความสำคัญของการลดขยะตั้งแต่ระดับปฐมวัย ผ่านการเรียนรู้เชิงปฏิบัติที่ช่วยปลูกฝังนิสัยการรักษ์สิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม

กิจกรรมดังกล่าวได้ถูก บูรณาการเข้ากับการเรียนการสอน ในรายวิชาต่าง ๆ เพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้และลงมือปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวัน ครูผู้สอนได้นำแนวคิดการคัดแยกขยะมาใช้ในห้องเรียน โดยให้นักเรียนเรียนรู้การแยกขยะให้ถูกประเภท เช่น การพับกล่องนมก่อนทิ้ง การแยกหลอดออกจากกล่อง การทิ้งเศษอาหารในถังเฉพาะ และการจัดการขยะรีไซเคิลอย่างถูกวิธี แนวทางนี้ไม่เพียงช่วยลดขยะในโรงเรียน แต่ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน

นอกจากการเรียนรู้ในห้องเรียนแล้ว โรงเรียนยังจัดให้มีกิจกรรม ลงมือปฏิบัติจริงในพื้นที่ต่าง ๆ ภายในโรงเรียน เช่น โรงอาหาร สนามเด็กเล่น และบริเวณรอบอาคารเรียน เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกการคัดแยกขยะด้วยตนเอง สร้างการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง และส่งเสริมความเข้าใจด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างลึกซึ้ง ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนสามารถนำแนวทางนี้ไปประยุกต์ใช้ในครอบครัวและชุมชนของตนเอง

การฝึกให้นักเรียนคัดแยกขยะอย่างต่อเนื่อง ยังช่วย เสริมสร้างวินัย ความมีระเบียบ และความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ซึ่งถือเป็นคุณลักษณะสำคัญของพลเมืองที่มีจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม การเรียนรู้ในรูปแบบนี้จึงเป็นทั้งการฝึกทักษะชีวิตและการปลูกฝังคุณธรรมควบคู่กันไป โดยนักเรียนจะได้ตระหนักถึงผลกระทบของขยะต่อสิ่งแวดล้อม และเข้าใจถึงบทบาทของตนในการช่วยลดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

โรงเรียนอนุบาลและประถมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการ ส่งเสริมการให้ความรู้เรื่องภาวะโลกร้อน ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกับการเรียนรู้ในชีวิตจริง เพื่อให้นักเรียนตระหนักถึงสาเหตุและผลกระทบของภาวะโลกร้อน รวมถึงแนวทางในการลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยของเสีย เช่น การลดการใช้พลาสติก การประหยัดน้ำ และการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า ซึ่งเป็นแนวทางที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

กิจกรรมนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด “มหาวิทยาลัยนเรศวรปลูกต้นกล้ารักษ์โลก” ที่มุ่งสร้างจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตั้งแต่ระดับเยาวชน โดยส่งเสริมให้โรงเรียนในเครือมหาวิทยาลัยเป็นพื้นที่เรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ผ่านการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมและการปฏิบัติจริง เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืนทั้งในระดับโรงเรียน ครอบครัว และชุมชน

กิจกรรม “คิดก่อนทิ้ง คัดแยกขยะให้ถูกต้อง” ของโรงเรียนอนุบาลและประถมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวร จึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการผสานการศึกษาเข้ากับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นการเรียนรู้เชิงรุกและการลงมือทำจริง สอดคล้องกับเป้าหมายของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ การบริโภคที่ยั่งยืน และการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตที่สะอาด ปลอดภัย และสมดุลกับธรรมชาติ

ม.นเรศวร จัดอบรม “ร่วมสร้างอนาคตไร้ขยะ: แนวทางปฏิบัติสำหรับชุมชนรอบรั้วมหาวิทยาลัย”

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวร จัดอบรมเชิงปฏิบัติการหัวข้อ “ร่วมสร้างอนาคตไร้ขยะ: แนวทางปฏิบัติสำหรับชุมชนรอบรั้วมหาวิทยาลัย” ณ ห้องเรียน 209 ชั้น 2 อาคารเอกาทศรถ คณะโลจิสติกส์และดิจิทัลซัพพลายเชน เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะด้านการ ลดขยะ และการ จัดการขยะอย่างเป็นระบบ ให้กับนิสิต บุคลากร อาจารย์ และประชาชนในชุมชนรอบมหาวิทยาลัย

การอบรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อกระแสการจัดการขยะที่กำลังเป็นที่สนใจในสังคม โดยเน้นให้ผู้เข้าร่วมได้เข้าใจถึงหลักการ 3Rs ได้แก่ Reduce, Reuse และ Recycle ซึ่งเป็นแนวทางสำคัญในการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และช่วยลดปริมาณขยะที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน

กิจกรรมประกอบด้วยทั้งภาคการเรียนรู้เชิงทฤษฎีและการฝึกปฏิบัติจริง ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้การคัดแยกขยะในรูปแบบที่สามารถนำไปใช้ได้ทันที เช่น การจำแนกขยะรีไซเคิล ขยะอินทรีย์ ขยะทั่วไป และขยะอันตราย ตลอดจนเรียนรู้วิธีการจัดการที่ถูกต้องเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของคนในชุมชน

นอกจากนี้ วิทยากรมืออาชีพยังได้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ ขยะรีไซเคิลหลายประเภทสามารถนำไปจำหน่ายให้ร้านรับซื้อ เพื่อสร้างรายได้เสริมให้กับครัวเรือนและชุมชน การจัดการเช่นนี้ไม่เพียงเป็นการลดปริมาณขยะ แต่ยังสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจไปพร้อมกัน

โครงการอบรม “ร่วมสร้างอนาคตไร้ขยะ” มีผู้เข้าร่วมจำนวน 60 คน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวของนิสิต บุคลากร และคนในชุมชนที่ต้องการมีส่วนร่วมในการ จัดการขยะอย่างเป็นระบบ ความร่วมมือเช่นนี้ถือเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่น

การจัดอบรมครั้งนี้ยังตอกย้ำบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะสถาบันการศึกษาที่เป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนสังคมสู่ความยั่งยืน โดยไม่เพียงมุ่งเน้นการพัฒนาภายในมหาวิทยาลัย แต่ยังขยายผลสู่ชุมชนรอบรั้ว เพื่อให้เกิดเครือข่ายการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ครอบคลุมมากขึ้น

ท้ายที่สุด การอบรม “ร่วมสร้างอนาคตไร้ขยะ” ไม่ใช่เพียงกิจกรรมระยะสั้น แต่เป็นการจุดประกายให้ผู้เข้าร่วมทุกคนตระหนักถึงคุณค่าของการ ลดขยะ และการใช้ทรัพยากรอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อร่วมกันสร้างชุมชนและสังคมที่สะอาด ปลอดภัย และพร้อมก้าวสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต

ม.นเรศวร สร้างวัฒนธรรมการใช้แก้วส่วนตัว ลดขยะเพื่อสิ่งแวดล้อม

วันพุธที่ 4 กันยายน 2567 คณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ร่วมใจกันนำแก้วส่วนตัวมาใช้ในการประชุมคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย ครั้งที่ 16/2567 ณ ห้องนเรศวร 310 อาคารสำนักงานอธิการบดี ชั้น 3 มหาวิทยาลัยนเรศวร การดำเนินการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งเน้นการ ลดขยะ จากการใช้แก้วพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว และเป็นส่วนหนึ่งของการ จัดการขยะอย่างเป็นระบบ

การนำแก้วส่วนตัวมาใช้ ถือเป็นแนวทางปฏิบัติที่สะท้อนถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นตัวอย่างที่ดีในการสร้างพฤติกรรมการบริโภคที่มีความรับผิดชอบ โดยลดการพึ่งพาวัสดุที่ก่อให้เกิดปัญหาขยะสะสม ซึ่งเป็นประเด็นที่ทุกสังคมกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน

กิจกรรมดังกล่าวยังเป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นของคณะกรรมการบริหารในการผลักดันนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง และขยายผลสู่บุคลากร นิสิต ตลอดจนหน่วยงานต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย ให้หันมาใส่ใจเรื่องการ ลดขยะ และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

การดำเนินการเช่นนี้ยังช่วยเสริมสร้างการรับรู้และปลูกฝังแนวคิดการใช้ซ้ำ (Reuse) ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักการสำคัญของการจัดการขยะที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรให้สอดคล้องกับสังคมคาร์บอนต่ำ

นอกจากผลลัพธ์เชิงพฤติกรรมแล้ว การใช้แก้วส่วนตัวยังช่วยลดต้นทุนในการจัดซื้อวัสดุสิ้นเปลือง ลดภาระการจัดเก็บและกำจัดขยะในมหาวิทยาลัย รวมถึงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาขยะ ซึ่งเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ความร่วมมือของคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยนเรศวรในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนสู่การเป็น Green University และยังเป็นแบบอย่างที่สามารถต่อยอดไปสู่กิจกรรมอื่น ๆ ในระดับองค์กรและชุมชน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและจับต้องได้จริง

ท้ายที่สุด การริเริ่มวัฒนธรรมการใช้แก้วส่วนตัวของคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยนเรศวร ไม่เพียงแต่เป็นการ ลดขยะ แต่ยังเป็นการสร้างจิตสำนึกและแรงบันดาลใจให้แก่บุคลากรและนิสิตทุกคนในการร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญมาโดยตลอด

ม.นเรศวร จัดกิจกรรมสืบสานงานสืบนาคะเสถียร ครั้งที่ 24 ส่งเสริมการลดขยะขวดพลาสติก

วันจันทร์ที่ 2 กันยายน 2567 ชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดกิจกรรม “สืบสานงานสืบนาคะเสถียร ครั้งที่ 24” เพื่อน้อมรำลึกถึง 34 ปีการจากไปของสืบนาคะเสถียร นักอนุรักษ์ผู้มีคุณูปการต่อสังคมไทย กิจกรรมจัดขึ้น ณ ลาน PLAYGROUND หน้าหอใน ระหว่างเวลา 17.00 – 22.00 น.

หนึ่งในไฮไลท์ของงานคือกิจกรรม “How to ทิ้ง” ที่มุ่งสร้างความตระหนักรู้ด้านการจัดการขยะอย่างมีคุณค่า โดยผู้เข้าร่วมสามารถนำขวดพลาสติกขนาดใดก็ได้ จำนวน 15 ขวด มาแลกรับชั่วโมงจิตอาสา 1 ชั่วโมง ซึ่งเปิดรับขวดพลาสติกตั้งแต่เวลา 17.30 – 21.30 น.

กิจกรรมดังกล่าวเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนและนิสิตเรียนรู้ถึงวิธีการจัดการขยะที่ถูกต้อง โดยเฉพาะการนำขยะพลาสติกกลับมาใช้ประโยชน์ สร้างแรงจูงใจให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการลดปริมาณขยะ และตระหนักถึงผลกระทบของขยะพลาสติกต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

นอกจากการแลกขวดพลาสติกแล้ว งานยังจัดกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมที่ช่วยปลูกฝังทัศนคติการอนุรักษ์ธรรมชาติให้กับผู้เข้าร่วม ตอกย้ำบทบาทของมหาวิทยาลัยในฐานะพื้นที่เรียนรู้ที่ไม่จำกัดอยู่เพียงในห้องเรียน แต่ยังรวมถึงการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริงในสังคมและชุมชน

การดำเนินงานครั้งนี้สะท้อนความตั้งใจของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวก โดยเน้นให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการ ส่งเสริมการลดขยะขวดพลาสติก ผ่านการสร้างกลไกจูงใจเช่น การมอบชั่วโมงจิตอาสา เพื่อเชื่อมโยงการทำความดีเข้ากับการรักษาสิ่งแวดล้อม

โครงการยังมีส่วนสำคัญในการสร้าง ชุมชนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ภายในมหาวิทยาลัย โดยการสร้างความเข้าใจเรื่องการทิ้งขยะอย่างมีค่า ทำให้ขยะที่เคยไร้ประโยชน์สามารถถูกแปลงเป็นสิ่งที่สร้างคุณค่า ทั้งต่อการเรียนรู้ของนิสิตและต่อระบบสิ่งแวดล้อมในภาพรวม

การจัดกิจกรรมครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นการรำลึกถึงคุณูปการของสืบนาคะเสถียร แต่ยังเป็นเวทีที่ทำให้เยาวชนและชุมชนมหาวิทยาลัยได้ร่วมกันแสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเชื่อมโยงแนวคิดการอนุรักษ์เข้ากับการปฏิบัติจริง สร้างการเรียนรู้ที่ยั่งยืน และต่อยอดสู่สังคมที่ลดการใช้พลาสติกอย่างเป็นรูปธรรม

ม.นเรศวร มอบรางวัลผู้ชนะการประกวดโครงการต้นแบบ ขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยด้านความยั่งยืน

วันพุธที่ 4 กันยายน 2567 ณ ห้องนเรศวร 310 อาคารสำนักงานอธิการบดี ชั้น 3 มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยนเรศวร ครั้งที่ 16/2567 โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานในพิธี และได้ให้เกียรติมอบรางวัลการประกวดโครงการหน่วยงานต้นแบบที่มีส่วนร่วมในการ ส่งเสริมขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยด้านความยั่งยืน

การประกวดในครั้งนี้แบ่งออกเป็นหลายสาขา ได้แก่ โครงการส่งเสริมผลงานวิชาการก้าวสู่ระดับสากล (NU Star Awards) โดยในประเภทนวัตกรรมเทคโนโลยีหรือดิจิทัลแห่งปี รางวัลชนะเลิศตกเป็นของ ดร.วราภรณ์ ยังเอี่ยม กับผลงาน “I Watch Sodium” application ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ อาจารย์ธนสาร ช่างนาวา กับผลงาน Thermo Defender V2 + ML

ในประเภทผลงานที่โดดเด่นในการพัฒนาภูมิภาค รางวัลชนะเลิศได้แก่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภก.ดำรงศักดิ์ เป๊กทอง กับผลงาน PharmaSea: Saving the Medicine & Saving the Sea ขณะที่รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ตกเป็นของ วิทยาลัยนานาชาติ จากผลงาน NUIC’s Social Responsibility through Enhancing Language Proficiency in Lower Northern Thailand

สำหรับประเภทผลงานที่โดดเด่นในการเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม รางวัลชนะเลิศได้แก่ รองศาสตราจารย์ ดร.ธนพล เพ็ญรัตน์ กับผลงาน From Hazard to Hope: SHEI’s 15-Year Pioneering Journey in Environmental Cleanup Leadership และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ รองศาสตราจารย์ ดร.พยุง ซีดาร์ กับผลงาน Knowledge Management for the Development of Human Resources and the Environment in the Huai Ton Nun Community

ในส่วนของโครงการหน่วยงานต้นแบบที่มีส่วนขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยด้านความยั่งยืน ประเภทหน่วยงาน รางวัลชนะเลิศได้แก่ คณะสหเวชศาสตร์ จากผลงาน หน่วยส่งเสริมสุขภาพ (Health Club) ขณะที่ประเภทบุคลากร รางวัลชนะเลิศได้แก่ รองศาสตราจารย์ ดร.เดช วัฒนชัยยิ่งเจริญ จากผลงาน โครงการศึกษาทบทวนแผนการพัฒนาและฟื้นฟูบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์

ในประเภทนิสิต รางวัลชนะเลิศตกเป็นของ นายญาณพัฒน์ พร้อมมูล จากผลงาน Safeguarding the Environment through Proper Medicine Disposal ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ นายศรัณย์ เหมะ กับผลงาน Quality of Mud Fermented Natural Dyeing of Water Hyacinth Strands และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ นางสาวอมรรัตน์ ไวสาริกิจ จากผลงาน EcoFlowWrap: Breathable Packaging Film from Spent Coffee Grounds

นอกจากนี้ ยังมีการประกวด VDO Content “การมีส่วนร่วมในการพัฒนาเป้าหมายความยั่งยืน” ซึ่งรางวัลชนะเลิศตกเป็นของ นายนวิน เกตุบาง, นายจักรภัทร เชียงทิพย์ และนางสาวกัลยาณี ตั้งใจ จากผลงานเพลง “เปลี่ยนแปลงด้วยมือเรา” ขณะที่รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ นางสาวปิณจ์ฑิรา การะเกตุ และนางสาวโสภิษฐา โพธิ์ประจำศีล จากผลงาน บทบาทของสำนักหอสมุดในการสนับสนุนการศึกษาที่มีคุณภาพ และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ นางสาวจิราวดี เดชนุกูล และนางสาวพรรษา รักลาย จากผลงาน ไก่แก้บนย่อยสลายได้

การมอบรางวัลในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการสนับสนุนอย่างจริงจังของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสร้างแรงจูงใจแก่คณะ หน่วยงาน บุคลากร และนิสิต ให้ผลิตผลงานที่มีคุณภาพ สอดคล้องกับการ ส่งเสริมขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยด้านความยั่งยืน และการพัฒนาสังคมโดยรวม

กิจกรรมดังกล่าวยังเป็นตัวอย่างของความร่วมมือเชิงพันธมิตรระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัยที่ร่วมมือกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก สร้างผลงานที่ไม่เพียงมีคุณค่าทางวิชาการ แต่ยังเชื่อมโยงกับการพัฒนาในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ อันเป็นหัวใจของการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

ม.นเรศวร จับมือ Hawaii Energy Institute ส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงานทดแทน

วันจันทร์ที่ 9 กันยายน 2567 รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับ Prof. Dr. Richard Rocheleau ผู้อำนวยการ Hawaii Energy Institute (HNEI), University of Hawaii, สหรัฐอเมริกา และ Dr. Cung Vu ในการหารือเชิงวิชาการเกี่ยวกับความร่วมมือด้านพลังงานทดแทน ณ ห้องสุพรรณกัลยา ชั้น 2 สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร

การประชุมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายความร่วมมือทางวิชาการและการวิจัยด้าน พลังงานทดแทน ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญทั้งในมิติของสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจ ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยผลักดันการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานสะอาดอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศ

นอกจากการหารือเชิงวิชาการแล้ว ยังมีการพูดคุยถึงการต่ออายุบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยวิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี กับ Hawaii Natural Energy Institute (HNEI), University of Hawaii เพื่อสานต่อความร่วมมือในการดำเนินโครงการด้านพลังงานสะอาดและการจัดการเทคโนโลยีสมาร์ตกริด

ความร่วมมือครั้งนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการ ส่งเสริมด้านพลังงานทดแทน โดยไม่เพียงแต่สร้างองค์ความรู้ทางวิชาการ แต่ยังมุ่งผลักดันให้เกิดการใช้พลังงานหมุนเวียนในระดับปฏิบัติ ซึ่งสามารถนำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการใช้ทรัพยากรพลังงานอย่างคุ้มค่า

การเชื่อมโยงกับ HNEI ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยพลังงานชั้นนำของโลก ยังช่วยเปิดประตูให้มหาวิทยาลัยนเรศวรได้เข้าถึงเครือข่ายความร่วมมือระดับนานาชาติ ทั้งในด้านการแลกเปลี่ยนนักวิจัย การพัฒนาองค์ความรู้ และการสร้างงานวิจัยที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล

ในระยะยาว ความร่วมมือดังกล่าวจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาบุคลากรด้านวิศวกรรมพลังงาน การจัดการระบบสมาร์ตกริด และการบริหารจัดการพลังงานหมุนเวียน เพื่อสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของประเทศและภูมิภาคได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรกับ University of Hawaii ยังเป็นตัวอย่างของการ สร้างพันธมิตรระหว่างประเทศ ที่มุ่งเน้นการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ถือเป็นกลไกสำคัญของการพัฒนาที่ไม่เพียงสร้างคุณค่าต่อสถาบันการศึกษา แต่ยังสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายพลังงานสะอาดและยั่งยืนในระดับประเทศและระดับโลก

ม.นเรศวร จับมือ TCELS และเครือข่าย TOPT ผลักดันงานทดสอบสารสกัดและผลิตภัณฑ์สุขภาพสู่มาตรฐาน OECD

วันพุธที่ 11 กันยายน 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวร นำโดย ศาสตราจารย์ ดร.กรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรนรินทร์ เทพาวราพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถานสัตว์ทดลองเพื่อการวิจัย มหาวิทยาลัยนเรศวร เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือด้านการวิจัยร่วมกับ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) และเครือข่าย Thailand OECD GLP Preclinical Testing (TOPT) Network จากทั่วประเทศ ความร่วมมือนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อผลักดันการทดสอบสารสกัดและผลิตภัณฑ์สุขภาพของไทยสู่มาตรฐานสากล และเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมการสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ของประเทศไทย

ความร่วมมือนี้มีความสำคัญต่อการ ส่งเสริมเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ โดยมุ่งเน้นการตรวจทดสอบคุณภาพของยา อาหาร เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ เคมีเกษตร และเคมีอุตสาหกรรม ผ่านเครือข่าย TOPT ซึ่งเป็นที่ยอมรับของ OECD กว่า 45 ประเทศทั่วโลก การยกระดับมาตรฐานการทดสอบดังกล่าวจะช่วยลดข้อกีดกันทางการค้า เพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย และสร้างความเชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์สุขภาพในระดับนานาชาติ

ในปัจจุบันเครือข่ายห้องปฏิบัติการ TOPT ที่อยู่ภายใต้มาตรฐานการรับรองของ OECD ครอบคลุมสถาบันสำคัญ เช่น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข, ศูนย์สัตว์ทดลองแห่งชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล, สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.), ศูนย์วิจัยไพรเมทแห่งชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และศูนย์ความเป็นเลิศด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เครือข่ายเหล่านี้เป็นฐานสำคัญในการพัฒนางานวิจัยและการบริการทดสอบที่มีคุณภาพ

สำหรับปี 2567 ได้มีการเพิ่มสมาชิกเครือข่ายใหม่อีก 4 แห่ง ได้แก่ มหาวิทยาลัยนเรศวร, บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เคดับบลิวเอชบี จำกัด และบริษัท ราวิส เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบทดสอบสารสกัดและผลิตภัณฑ์สุขภาพของประเทศ

ขอบเขตการดำเนินงานของเครือข่าย TOPT ครอบคลุมการทดสอบที่หลากหลาย ได้แก่ การทดสอบวิเคราะห์คุณภาพและสารสำคัญของยาและสมุนไพร, การทดสอบสารเคมีใหม่, การทดสอบในเซลล์, การทดสอบในสัตว์ทดลอง เช่น ปลา หนู และไพรเมท รวมทั้งการทดสอบเครื่องสำอางและการทดสอบ Biocompatibility สำหรับกลุ่มเครื่องมือแพทย์ การพัฒนางานวิจัยและการทดสอบที่ได้มาตรฐานสากลเหล่านี้จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และเป็นแรงขับเคลื่อนให้ประเทศไทยสามารถก้าวพ้นจาก middle income trap

นอกจากนี้ การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่าย TOPT ยังช่วยให้ประเทศไทยมีความพร้อมในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมชีววิทยาศาสตร์ (Bio Industry) ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมอนาคต (New S-Curve) ที่รัฐบาลให้การสนับสนุน การยกระดับความสามารถด้านการทดสอบผลิตภัณฑ์สุขภาพและการวิจัยเชิงลึก จะช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

ความร่วมมือครั้งนี้ยังเป็นตัวอย่างของการ สร้างพันธมิตรด้านการวิจัยและนวัตกรรม ระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานรัฐ และภาคเอกชน ที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบและยั่งยืน ถือเป็นกลไกสำคัญที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในการเสริมสร้างสุขภาพของประชาชน และการสร้างความร่วมมือระดับประเทศและระดับโลกเพื่อการพัฒนาที่มั่นคง

ม.นเรศวร วิศวะรวมพลังสร้างสุขภาพกายใจยั่งยืน เพิ่มความสุขในการทำงานผ่านกิจกรรมแอโรบิคเพื่อบุคลากร

วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน 2567 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กำพล ทรัพย์สมบูรณ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ พร้อมด้วยคณะกรรมการประจำคณะ อาจารย์ และเจ้าหน้าที่ ร่วมกันจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพบุคลากร ผ่านการออกกำลังกายด้วยการเต้นแอโรบิค ณ บริเวณโถงชั้น 1 อาคารเรียนรวมคณะวิศวกรรมศาสตร์

กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงของบุคลากรในคณะ เน้นให้เกิดการดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจอย่างสมดุล เพราะการออกกำลังกายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และสร้างความสุขในชีวิตประจำวัน

คณะวิศวกรรมศาสตร์กำหนดให้การเต้นแอโรบิคเป็นกิจกรรมประจำ โดยจัดขึ้นทุกวันจันทร์ อังคาร และพุธ เวลา 16.30 – 17.00 น. เพื่อให้บุคลากรสามารถเข้าร่วมได้อย่างต่อเนื่อง และสร้างวัฒนธรรมการดูแลสุขภาพที่ยั่งยืนภายในองค์กร

การจัดกิจกรรมออกกำลังกายประจำอย่างสม่ำเสมอ ไม่เพียงแต่ช่วยให้บุคลากรมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แต่ยังช่วยลดความเครียดจากการทำงาน สร้างสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ การส่งเสริมสุขภาพของบุคลากรยังสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่มุ่งเน้นให้บุคลากรมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความสุขกับการทำงาน ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาองค์กรในระยะยาว

คณะวิศวกรรมศาสตร์ยังมุ่งหวังให้กิจกรรมดังกล่าวเป็นตัวอย่างที่ดีในการสร้างบรรยากาศการทำงานที่เอื้อต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของบุคลากรในสถาบันการศึกษา รวมทั้งส่งเสริมให้เกิดการสร้างแรงบันดาลใจในการดูแลสุขภาพด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง

ด้วยความมุ่งมั่นในการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดีและยั่งยืน กิจกรรมเต้นแอโรบิคเพื่อสุขภาพจึงเป็นมากกว่าการออกกำลังกาย แต่เป็นการสร้างระบบนิเวศที่สนับสนุนทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิต และความก้าวหน้าในสายอาชีพของบุคลากรอย่างแท้จริง

ม.นเรศวร จัดเวทีผู้บริหารพบประชาคม ครั้งที่ 2 ส่งเสริมความโปร่งใส สื่อสารสู่องค์กรยั่งยืน

วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัดกิจกรรม เวทีผู้บริหารพบประชาคม ครั้งที่ 2 โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดี พร้อมด้วยรองอธิการบดีทั้ง 6 ท่าน ร่วมรายงานผลการดำเนินงานในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา และเปิดเผยแผนงานในอนาคตต่อประชาคมมหาวิทยาลัย โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 1,000 คน ทั้งแบบออนไลน์และเข้าร่วมในหอประชุมมหาราช

เนื้อหาการรายงานครอบคลุมพันธกิจหลักของมหาวิทยาลัย ได้แก่ การจัดการศึกษา การวิจัย การบริการวิชาการ การทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม และการบริหารจัดการองค์กร ซึ่งสะท้อนถึงการพัฒนามหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเป็นโอกาสในการสื่อสารองค์กรและรับฟังความคิดเห็นจากผู้ปฏิบัติงาน เพื่อให้การดำเนินงานเกิดประสิทธิภาพและตอบโจทย์สังคม

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ถูกนำเสนอ คือ แผนการประหยัดพลังงาน และการเสริมสร้างระบบสวัสดิการบุคลากร ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการบริหารจัดการ แต่ยังเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับแนวคิดความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของบุคลากรในระยะยาว

นอกจากนี้ กิจกรรมดังกล่าวยังมีเป้าหมายในการ ส่งเสริมความโปร่งใส ในการบริหารจัดการ โดยการเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานและผลการปฏิบัติให้ประชาคมได้รับรู้ ตลอดจนการเปิดพื้นที่ให้บุคลากรได้มีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็นและแนวทางแก้ไขปัญหา ซึ่งถือเป็นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม

กิจกรรมเวทีผู้บริหารพบประชาคมจึงเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้าง การมีส่วนร่วม และสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างผู้บริหารและบุคลากรทุกภาคส่วน ทำให้เกิดการทำงานอย่างสอดประสานและมุ่งไปสู่เป้าหมายเดียวกัน คือการพัฒนามหาวิทยาลัยให้ก้าวหน้าอย่างมั่นคง

ปีนี้ยังนับเป็นโอกาสพิเศษ เนื่องจากในเดือนกรกฎาคม มหาวิทยาลัยนเรศวรจะครบรอบ 34 ปีแห่งการก่อตั้ง ซึ่งกิจกรรมนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพลังบวกและขับเคลื่อนองค์กรเข้าสู่ปีที่ 35 ด้วยความเข้มแข็ง โปร่งใส และยั่งยืน

ท้ายที่สุด การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความสำเร็จที่ผ่านมา แต่ยังเป็นเวทีในการประกาศเจตนารมณ์ของมหาวิทยาลัยในการดำเนินงานอย่างมี ธรรมาภิบาล เปิดโอกาสให้บุคลากรมีส่วนร่วม และส่งต่อพลังความคิดสร้างสรรค์เพื่ออนาคตของมหาวิทยาลัยและสังคมไทยโดยรวม

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin