ม.นเรศวร ติดตั้งมาตรวัดน้ำครอบคลุมทุกอาคารภายในมหาวิทยาลัย ขับเคลื่อนการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน

มหาวิทยาลัยนเรศวร ดำเนินการติดตั้ง มาตรวัดน้ำประปา จำนวน 108 จุด ครอบคลุมทุกอาคารภายในมหาวิทยาลัย เพื่อใช้ในการ ติดตามและรายงานปริมาณการใช้น้ำ อย่างเป็นระบบ ซึ่งข้อมูลที่ได้จะถูกนำมาประกอบการวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และ ส่งเสริมการใช้น้ำประปาให้เกิดประโยชน์คุ้มค่า ตามแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนของมหาวิทยาลัย

โครงการนี้จัดทำขึ้นภายใต้นโยบายของมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นการเป็น มหาวิทยาลัยที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม (Green University) โดยเฉพาะในด้านการจัดการน้ำ ซึ่งถือเป็นทรัพยากรสำคัญต่อการดำเนินกิจกรรมทางการศึกษา การวิจัย และการใช้ชีวิตประจำวันของนิสิตและบุคลากร การติดตั้งมาตรวัดน้ำในทุกอาคารช่วยให้สามารถ ตรวจสอบและควบคุมการใช้น้ำได้อย่างแม่นยำ ลดการสูญเสียน้ำจากการรั่วไหลหรือใช้อย่างสิ้นเปลือง

นอกจากการติดตั้งมาตรวัดน้ำแล้ว มหาวิทยาลัยยังได้พัฒนาระบบ ฐานข้อมูลกลางสำหรับการรายงานผลการใช้น้ำแบบเรียลไทม์ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถติดตามสถิติการใช้น้ำได้อย่างต่อเนื่อง และนำข้อมูลไปใช้ในการวิเคราะห์แนวโน้มการใช้น้ำของแต่ละพื้นที่ในมหาวิทยาลัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังเป็นข้อมูลสำคัญในการวางแผน การอนุรักษ์น้ำในระยะยาว

การดำเนินงานนี้ยังช่วยให้มหาวิทยาลัยสามารถบริหารงบประมาณด้านค่าน้ำประปาได้อย่างคุ้มค่า โดยการระบุจุดที่มีการใช้น้ำสูงผิดปกติหรือเกิดการรั่วซึม เพื่อให้สามารถเข้าดำเนินการแก้ไขได้ทันท่วงที ซึ่งเป็นการ ลดการสูญเสียทรัพยากรน้ำและลดค่าใช้จ่ายขององค์กร ไปพร้อมกัน ถือเป็นการผสานแนวคิดด้านสิ่งแวดล้อมเข้ากับการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ

ในมิติด้านการเรียนรู้และการวิจัย มหาวิทยาลัยนเรศวรมีแนวทางในการนำข้อมูลจากการติดตามการใช้น้ำไปใช้ในการพัฒนานวัตกรรมด้าน ระบบตรวจวัดและบริหารจัดการน้ำอัจฉริยะ (Smart Water Management) ซึ่งจะช่วยให้นิสิตและนักวิจัยสามารถเรียนรู้จากข้อมูลจริง และนำไปต่อยอดในงานวิจัยเพื่อการอนุรักษ์น้ำและพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

โครงการติดตั้งมาตรวัดน้ำในครั้งนี้ยังส่งเสริมให้เกิด การมีส่วนร่วมของบุคลากรและนิสิต ในการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ผ่านกิจกรรมและการรณรงค์ลดการใช้น้ำในชีวิตประจำวัน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของการสร้าง วัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบต่อสังคม

การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของมหาวิทยาลัยนเรศวร การดำเนินการติดตั้งมาตรวัดน้ำทั่วพื้นที่มหาวิทยาลัยไม่เพียงช่วยให้การจัดการทรัพยากรน้ำมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่การเป็นต้นแบบของสถาบันการศึกษาที่มี การจัดการน้ำอย่างชาญฉลาดและยั่งยืน เพื่อรองรับการเติบโตของสังคมและสิ่งแวดล้อมในอนาคต

30

ม.นเรศวร มอบรางวัล VDOContent นิสิตร่วมขับเคลื่อน SDGs สู่ความยั่งยืน

รองศาสตราจารย์ ดร.วัฒนา พัดเกตุ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.อรรถกร ทองทา ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ และนางจิระประภา ศรีปัตตา ผู้อำนวยการกองพัฒนาคุณภาพการศึกษา ร่วมมอบรางวัลและแสดงความยินดีกับนิสิตผู้ได้รับรางวัลจากการประกวด VDO Content การมีส่วนร่วมในการพัฒนาเป้าหมายความยั่งยืน จัดขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้นิสิตเห็นความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมทั้ง ส่งเสริมความเข้าใจในเป้าหมาย SDGs ทั้ง 17 เป้าหมาย อย่างลึกซึ้งและนำไปสู่การปฏิบัติจริงภายในสังคมและมหาวิทยาลัย

การประกวดครั้งนี้มีนิสิตที่ได้รับรางวัล ได้แก่
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับเงินรางวัล 4,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร ได้แก่ นายภัทรพงศ์ เชียงลา, นายชัยภัทร ชวดอ่วม และนายอนันทพร ปอใหม (ทีมบุญชู)
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับเงินรางวัล 3,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร ได้แก่ นางสาวณวริณ จันธง, ณวริณ จันธง และนางสาวดารัณ วรเชษฐบัญชา (ทีม Tri-O)
รางวัลชมเชย ได้รับเกียรติบัตร ได้แก่ นางสาวสุภัชญาดา โมเหล็ก (ทีม Cocosolo กับใต้ตาคล้ำๆ)

กิจกรรมจัดขึ้น ณ บริเวณหน้าห้องประชุมสุพรรณกัลยา ชั้น 2 สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยมีการดำเนินงานจาก กองพัฒนาคุณภาพการศึกษา ที่มุ่งสนับสนุนการเรียนรู้เพื่อความยั่งยืนต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แสดงถึงความตั้งใจของมหาวิทยาลัยในการผลักดันการพัฒนาศักยภาพนิสิตให้เติบโตเป็นบุคลากรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม

หัวข้อที่นิสิตนำเสนอสะท้อนมุมมองด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างครอบคลุม ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม พร้อมเน้น การศึกษาที่มีคุณภาพ และ ความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ อันเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับการเสริมสร้างศักยภาพของผู้เรียนและความร่วมมือเพื่อการพัฒนาในระดับมหาวิทยาลัยและชุมชน

การประกวด VDO Content เปิดพื้นที่ให้นิสิตได้ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ การสื่อสาร และการสร้างสรรค์สื่ออย่างมีคุณภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ต่อยอดสู่การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ที่เน้น การเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม และการผลิตองค์ความรู้ที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม

ในมิติของความยั่งยืน กิจกรรมดังกล่าวช่วยปลูกฝังความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืนในมุมมองที่เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันและชุมชน นิสิตสามารถนำเสนอแนวทางแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ที่สนับสนุน การพัฒนาองค์ความรู้ การสร้างความตระหนัก และการร่วมมือเพื่อความยั่งยืน ผ่านเนื้อหาในรูปแบบวีดิทัศน์ที่เข้าถึงผู้ชมได้ง่ายและมีอิทธิพลต่อความคิด

อีกทั้งกิจกรรมยังเป็นเวทีที่เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างนิสิต คณาจารย์ และหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัย ตอกย้ำบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะ ศูนย์กลางความร่วมมือด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเป็นตัวอย่างที่ดีของการผสานงานด้านวิชาการ การบริหาร และการมีส่วนร่วมของเยาวชนเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาในระดับประเทศ

ด้วยกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน นิสิตได้รับทั้งประสบการณ์และแรงบันดาลใจในการนำหลักคิดด้านความยั่งยืนไปประยุกต์ใช้ในการศึกษาและการดำเนินชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงการเสริมสร้างพลเมืองรุ่นใหม่ที่ตระหนักถึงความสำคัญของ การศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และร่วมเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไปสู่อนาคตที่สมดุลและมั่นคง

วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน 2568 รองศาสตราจารย์ ดร.วัฒนา พัดเกตุ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.อรรถกร ทองทา ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายวิชาการ และนางจิระประภา ศรีปัตตา ผู้อำนวยการกองพัฒนาคุณภาพการศึกษา ร่วมมอบรางวัลและแสดงความยินดีกับนิสิตผู้ได้รับรางวัลจากการประกวด VDO Content การมีส่วนร่วมในการพัฒนาเป้าหมายความยั่งยืน จัดขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักรู้และกระตุ้นให้นิสิตเห็นความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมทั้ง ส่งเสริมความเข้าใจในเป้าหมาย SDGs ทั้ง 17 เป้าหมาย อย่างลึกซึ้งและนำไปสู่การปฏิบัติจริงภายในสังคมและมหาวิทยาลัย

การประกวดครั้งนี้มีนิสิตที่ได้รับรางวัล ได้แก่
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับเงินรางวัล 4,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร ได้แก่ นายภัทรพงศ์ เชียงลา, นายชัยภัทร ชวดอ่วม และนายอนันทพร ปอใหม (ทีมบุญชู)
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับเงินรางวัล 3,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร ได้แก่ นางสาวณวริณ จันธง, ณวริณ จันธง และนางสาวดารัณ วรเชษฐบัญชา (ทีม Tri-O)
รางวัลชมเชย ได้รับเกียรติบัตร ได้แก่ นางสาวสุภัชญาดา โมเหล็ก (ทีม Cocosolo กับใต้ตาคล้ำๆ)

กิจกรรมจัดขึ้น ณ บริเวณหน้าห้องประชุมสุพรรณกัลยา ชั้น 2 สำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยมีการดำเนินงานจาก กองพัฒนาคุณภาพการศึกษา ที่มุ่งสนับสนุนการเรียนรู้เพื่อความยั่งยืนต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แสดงถึงความตั้งใจของมหาวิทยาลัยในการผลักดันการพัฒนาศักยภาพนิสิตให้เติบโตเป็นบุคลากรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม

หัวข้อที่นิสิตนำเสนอสะท้อนมุมมองด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างครอบคลุม ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม พร้อมเน้น การศึกษาที่มีคุณภาพ และ ความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ อันเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับการเสริมสร้างศักยภาพของผู้เรียนและความร่วมมือเพื่อการพัฒนาในระดับมหาวิทยาลัยและชุมชน

การประกวด VDO Content เปิดพื้นที่ให้นิสิตได้ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ การสื่อสาร และการสร้างสรรค์สื่ออย่างมีคุณภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญของการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ต่อยอดสู่การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ที่เน้น การเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม และการผลิตองค์ความรู้ที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม

ในมิติของความยั่งยืน กิจกรรมดังกล่าวช่วยปลูกฝังความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืนในมุมมองที่เชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันและชุมชน นิสิตสามารถนำเสนอแนวทางแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ที่สนับสนุน การพัฒนาองค์ความรู้ การสร้างความตระหนัก และการร่วมมือเพื่อความยั่งยืน ผ่านเนื้อหาในรูปแบบวีดิทัศน์ที่เข้าถึงผู้ชมได้ง่ายและมีอิทธิพลต่อความคิด

อีกทั้งกิจกรรมยังเป็นเวทีที่เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างนิสิต คณาจารย์ และหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัย ตอกย้ำบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะ ศูนย์กลางความร่วมมือด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเป็นตัวอย่างที่ดีของการผสานงานด้านวิชาการ การบริหาร และการมีส่วนร่วมของเยาวชนเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาในระดับประเทศ

ด้วยกระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน นิสิตได้รับทั้งประสบการณ์และแรงบันดาลใจในการนำหลักคิดด้านความยั่งยืนไปประยุกต์ใช้ในการศึกษาและการดำเนินชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงการเสริมสร้างพลเมืองรุ่นใหม่ที่ตระหนักถึงความสำคัญของ การศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน และร่วมเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไปสู่อนาคตที่สมดุลและมั่นคง

ม.นเรศวร จัดประชุมวิชาการเครือข่ายปรัชญาสังคมศาสตร์ไทย ครั้งที่ 2

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม 2567 ภาควิชารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับเครือข่ายปรัชญาสังคมศาสตร์ไทย (Thai Network for the Philosophy of Social Sciences: TNPOSS) ได้จัดการประชุมวิชาการเครือข่ายปรัชญาสังคมศาสตร์ไทย ครั้งที่ 2 ภายใต้หัวข้อ “ปรัชญาสำหรับสังคมศาสตร์และสังคมศาสตร์สำหรับปรัชญา” ณ ห้อง Main Conferences อาคารกองบริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก

เครือข่ายปรัชญาสังคมศาสตร์ไทยถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการศึกษาและการวิจัยด้านปรัชญาสังคมศาสตร์ในประเทศไทย โดยมุ่งเสริมสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งในประเด็นสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ ผ่านมุมมองทางปรัชญา และเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างนักวิชาการทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งช่วยขยายความร่วมมือและสร้างเครือข่ายวิชาการที่แข็งแกร่ง

การจัดประชุมครั้งนี้มีรูปแบบที่หลากหลาย ทั้งการสัมมนา การบรรยาย และการนำเสนอผลงานวิจัย โดยเปิดโอกาสให้นักวิจัย นิสิตระดับบัณฑิตศึกษา และผู้สนใจ ได้ร่วมเสนอผลงานบทความวิชาการ ซึ่งช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงวิพากษ์และมุมมองใหม่ ๆ อันเป็นพื้นฐานสำคัญในการพัฒนาความรู้ด้านสังคมศาสตร์

ภายในงานยังมีการปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “Organisations as Actors: Microfoundations of Organisational Intentionality” โดย Professor Daniel Little จาก University of Michigan-Dearborn ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้อธิบายถึงบทบาทขององค์กรที่เกิดขึ้นจากการทำงานร่วมกันของบุคคลภายใน ผ่านกระบวนการที่เรียกว่าพื้นฐานระดับจุลภาค (Microfoundations) โดยเน้นว่าการตัดสินใจขององค์กรล้วนต้องอาศัยการเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ และการกำหนดเป้าหมายเพื่อให้บรรลุภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การประชุมครั้งนี้ยังนำเสนอผลงานที่น่าสนใจจากนักวิชาการและนิสิตระดับบัณฑิตศึกษาจากหลายสถาบันทั่วประเทศ หัวข้อที่หลากหลายครอบคลุมทั้งด้านปรัชญาสังคมศาสตร์ ประเด็นร่วมสมัย และการประยุกต์ใช้แนวคิดปรัชญาในการแก้ปัญหาสังคมที่ซับซ้อน ซึ่งทำให้เกิดองค์ความรู้ใหม่และการแลกเปลี่ยนมุมมองในวงกว้าง

การประชุมวิชาการดังกล่าวถือเป็นเวทีสำคัญในการขยายเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการระดับชาติและนานาชาติ ซึ่งสอดคล้องกับการสร้าง สังคมที่ยั่งยืน ผ่านการส่งเสริมองค์ความรู้ การพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางวิชาการ และการเชื่อมโยงประเด็นทางสังคมศาสตร์กับการพัฒนาประเทศ

นอกจากนี้ การจัดงานยังสะท้อนถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการสร้างเวทีวิชาการที่สามารถตอบสนองต่อความท้าทายของโลกยุคปัจจุบัน พร้อมทั้งสร้างแรงบันดาลใจให้นักวิจัยรุ่นใหม่มุ่งมั่นพัฒนาความรู้เพื่อสังคมที่เป็นธรรม ครอบคลุม และยั่งยืน

ม.นเรศวร เปิดคอร์สออนไลน์ “สุขภาพทางเพศวัยรุ่น” ส่งเสริมสุขภาพที่ดีและการเรียนรู้อย่างยั่งยืน

มหาวิทยาลัยนเรศวร โดย กองบริการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (CITCOMS) ได้เปิดคอร์สเรียนออนไลน์ เรื่อง “สุขภาพทางเพศวัยรุ่น Sexual Health for Adolescence” ซึ่งเป็นหนึ่งในรายวิชาภายใต้ NU MOOC เพื่อส่งเสริมสุขภาพทางเพศวัยรุ่น และสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลตนเองทั้งด้านร่างกายและจิตใจ

คอร์สเรียนนี้มุ่งเน้นการถ่ายทอด แนวคิดสุขภาพทางเพศ ที่เหมาะสมกับวัยรุ่นและเยาวชน รวมถึงการเรียนรู้เรื่อง การคุมกำเนิด และการป้องกัน การตั้งครรภ์ในวัยรุ่น ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต การศึกษา และอนาคตของเยาวชน การให้ความรู้ในเชิงป้องกันถือเป็นหัวใจสำคัญของการแก้ไขปัญหาในระยะยาว

เนื้อหาในคอร์สยังครอบคลุมถึง โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งยังคงเป็นความท้าทายที่พบได้ในกลุ่มวัยรุ่น การเรียนรู้ที่รอบด้านช่วยให้ผู้เรียนสามารถตระหนักถึงความเสี่ยงและเรียนรู้วิธีการป้องกันอย่างเหมาะสม อันจะช่วยลดปัญหาด้านสาธารณสุขและสร้างสังคมที่มีคุณภาพมากขึ้น

อีกประเด็นสำคัญคือ พระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. 2559 ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิของวัยรุ่นในการเข้าถึงบริการสุขภาพและการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม การเรียนรู้ด้านกฎหมายจะช่วยสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และส่งเสริมให้เยาวชนสามารถตัดสินใจได้อย่างรับผิดชอบต่อสุขภาพและชีวิตของตนเอง

คอร์สเรียนนี้มีระยะเวลา 5 ชั่วโมง ถ่ายทอดโดย ดร.ศิริกนก กลั่นขจร อาจารย์ประจำภาควิชาพยาบาลศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพวัยรุ่น เนื้อหาถูกออกแบบให้เหมาะสมกับผู้เรียนทุกกลุ่ม ทั้งนักเรียน นักศึกษา บุคลากรด้านการศึกษา บุคลากรด้านสุขภาพ และประชาชนทั่วไปที่สนใจ

ผู้สนใจสามารถสมัครเข้าเรียนได้ที่ lifelong.nu.ac.th ขั้นตอนการลงทะเบียนมีความสะดวก ตั้งแต่การสมัครสมาชิก การยืนยันตัวตนด้วยรหัส OTP จนถึงการเลือกและลงทะเบียนเรียน ซึ่งทำให้ผู้เรียนสามารถเริ่มต้นการเรียนรู้ได้ทันที คอร์สเรียนออนไลน์ใน NU MOOC เปิดโอกาสให้ทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ได้ฟรีและต่อเนื่อง

โครงการนี้สะท้อนถึงการให้ความสำคัญของมหาวิทยาลัยนเรศวรต่อการส่งเสริมสุขภาพที่ดีของวัยรุ่นและเยาวชน และแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นตามนโยบายของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และองค์การอนามัยโลก ทั้งยังมุ่งสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ที่เป็นกรอบความร่วมมือระดับโลก

ม.นเรศวร เดินหน้าพัฒนาระบบพลังงานสะอาดด้วยโครงการโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ ยกระดับศักยภาพพลังงานหมุนเวียนสู่มหาวิทยาลัยสีเขียว

มหาวิทยาลัยนเรศวรเดินหน้าพัฒนาระบบพลังงานภายในมหาวิทยาลัยด้วยการติดตั้ง แผงโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ (Floating Solar Panel หรือ Floating PV) บนพื้นที่สระสุริโยทัย ภายในเขตหอพักนิสิต NU Dorm โดยมีจำนวนแผงมากกว่า 3,200 แผ่น เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าสำหรับใช้ในมหาวิทยาลัย และเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนแนวทาง ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งอยู่ในแผนงานเฟสแรกที่ มุ่งผลิตไฟฟ้ารวมกว่า 12 เมกะวัตต์ โดยประกอบด้วย Floating Solar Panel และ Solar Rooftop ที่ติดตั้งบนอาคารเรียนและอาคารปฏิบัติการต่าง ๆ

การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ลอยน้ำนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า เพราะผิวน้ำช่วยลดอุณหภูมิของแผง ทำให้แผงทำงานได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดการระเหยของน้ำในบ่อ เป็นผลลัพธ์เชิงสิ่งแวดล้อมที่สนับสนุนการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า ทั้งยังลดการใช้พื้นที่บนดินและไม่กระทบต่อกิจกรรมภายในมหาวิทยาลัย

มหาวิทยาลัยนเรศวรมีพื้นที่แหล่งน้ำรวมกว่า 225 ไร่ คิดเป็น 16.24% ของพื้นที่ทั้งหมด ทำให้มีศักยภาพอย่างมากในการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน โดยใช้ทรัพยากรจากแหล่งน้ำที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โครงการนี้จึงเป็นตัวอย่างของการบริหารพื้นที่อย่างสมดุลระหว่างการใช้งานจริงและการผลิตพลังงานทางเลือก

แหล่งน้ำสำคัญภายในพื้นที่มหาวิทยาลัย ได้แก่ สระเอกกษัตรี (ข้างอาคารจอดรถ ซ้ายมือทางเข้าหอสมุด), สระมณีรัตนา (บริเวณเทเลทับบี้ ตรงข้ามอาคารเอกประสงค์), สระบรมดิลก (ตรงข้ามคณะแพทยศาสตร์), สระสุริโยทัย (พื้นที่หอพักนิสิต NU Dorm), สระสองกษัตริย์ (บริเวณหอพระเทพรัตน์) และ สระสุพรรณกัลยา (ข้างสระว่ายน้ำสุพรรณกัลยา) ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นศักยภาพสำคัญในการพัฒนาระบบพลังงานสะอาดในอนาคต

การใช้พลังงานจาก แสงอาทิตย์ ทั้งในรูปแบบ Floating PV และ Solar Rooftop ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าของมหาวิทยาลัย แต่ยังลดการพึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ส่งผลให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนเข้ามาใช้ในพื้นที่การศึกษา ยังช่วยสร้างแบบอย่างที่ดีให้กับนิสิต บุคลากร และสังคม ช่วยเสริมสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน การจัดการทรัพยากร และความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด ซึ่งเป็นทิศทางสำคัญต่อการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การเดินหน้าโครงการนี้ยังเป็นการวางรากฐานสู่การขยายศักยภาพด้านพลังงานหมุนเวียนในอนาคต ทั้งในด้านการวิจัย การเรียนการสอน และการพัฒนาพื้นที่ของมหาวิทยาลัยนเรศวรให้เป็นแหล่งเรียนรู้ด้าน พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สามารถรองรับการเติบโตของสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

ม.นเรศวร ส่งเสริมเป็นมหาวิทยาลัยแนวหน้าด้านเทคโนโลยีการอาหาร

มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยหลักสูตรปริญญาตรี สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร ภาควิชาอุตสาหกรรมเกษตร คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับการอนุมัติรับรองหลักสูตรมาตรฐานระดับนานาชาติจาก Institute of Food Technologists (IFT), USA ถือเป็นก้าวสำคัญของมหาวิทยาลัยไทยในการยกระดับคุณภาพการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหารสู่มาตรฐานสากล

การรับรองดังกล่าวมีผลระหว่างปี ค.ศ. 2025-2030 โดยหลักสูตรนี้เป็นหนึ่งในเพียง 4 สถาบันของประเทศไทยที่ผ่านเกณฑ์การรับรองจาก IFT ซึ่งเป็นองค์กรนานาชาติที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร รวมถึงการสร้างเครือข่ายผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารทั่วโลก

หลักสูตรที่ได้รับการรับรองนี้สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพและมาตรฐานที่สูงของการเรียนการสอน และยังเป็นการยืนยันถึงศักยภาพของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านวิทยาศาสตร์อาหาร ที่สามารถสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อ ส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร และความยั่งยืนในอนาคต

การเรียนการสอนในหลักสูตรเน้นการบูรณาการองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์การอาหารกับการประยุกต์ใช้จริง เพื่อให้นักศึกษามีทักษะพร้อมปฏิบัติ สามารถก้าวสู่ตลาดแรงงานทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติได้อย่างมั่นใจ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนา การศึกษาที่มีคุณภาพ ให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงในระดับโลก

คณะกรรมการประเมินจาก IFT ได้ทำการตรวจสอบคุณภาพหลักสูตรในหลายมิติ ทั้งด้านโครงสร้างการเรียนการสอน การวิจัย การสนับสนุนจากหน่วยงานภายนอก ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพของนักศึกษา ซึ่งผลลัพธ์สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็งของหลักสูตรและการทำงานอย่างเป็นระบบของคณาจารย์และบุคลากร

ความสำเร็จครั้งนี้ยังเกิดจากความร่วมมือของทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นคณาจารย์ พนักงาน ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน ผู้บริหารมหาวิทยาลัย รวมถึงหน่วยงานภายนอกทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนและผลักดันให้หลักสูตรมีความเข้มแข็งและสามารถแข่งขันได้ในระดับนานาชาติ

การได้รับการรับรองหลักสูตรในครั้งนี้ จึงไม่เพียงแต่เป็นความภาคภูมิใจของคณะเกษตรศาสตร์ฯ เท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการ ส่งเสริมเป็นมหาวิทยาลัยแนวหน้าด้านเทคโนโลยีการอาหาร เพื่อสร้างกำลังคนที่สามารถตอบสนองต่อความท้าทายด้านความมั่นคงทางอาหาร และสนับสนุนการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต


ม.นเรศวร เปิดหลักสูตรสมาร์ตกริดเทคโนโลยี มุ่งสร้างผู้นำด้านพลังงานสะอาดเพื่ออนาคตยั่งยืน

บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยนเรศวร เชิญผู้สนใจสมัครเข้าศึกษาต่อในหลักสูตร ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาสมาร์ตกริดเทคโนโลยี ภายใต้การดูแลของ วิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี ซึ่งมุ่งพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสมาร์ตกริด เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของประเทศสู่ความยั่งยืน และ ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ไม่สร้างผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม

หลักสูตรนี้ออกแบบขึ้นเพื่อตอบโจทย์การพัฒนาเทคโนโลยีไฟฟ้าอัจฉริยะที่สามารถบริหารจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นการบูรณาการองค์ความรู้ด้านวิศวกรรม พลังงานทดแทน และระบบดิจิทัล เพื่อสร้างนวัตกรรมพลังงานที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

สมาร์ตกริดเทคโนโลยี (Smart Grid Technology) ถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบพลังงานในอนาคต ที่สามารถเชื่อมโยงการผลิต การกระจาย และการใช้พลังงานเข้าด้วยกันอย่างชาญฉลาด ผ่านระบบควบคุมอัตโนมัติและการสื่อสารข้อมูลแบบเรียลไทม์ การเรียนรู้ในหลักสูตรนี้จะช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจระบบดังกล่าวอย่างลึกซึ้ง และสามารถประยุกต์ใช้ในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) และระบบพลังงานหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้เรียนจะได้เรียนรู้จาก ห้องปฏิบัติการสมาร์ตไมโครกริด (Smart Microgrid) ที่จำลองสถานการณ์จริง ช่วยให้สามารถฝึกวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาการจ่ายไฟฟ้าได้ในระดับระบบจริง พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ทำงานวิจัยร่วมกับโครงการระดับชาติ เพื่อพัฒนาแนวทางการจัดการพลังงานที่มีเสถียรภาพ ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากความรู้ทางเทคนิคแล้ว หลักสูตรยังส่งเสริมทักษะการคิดเชิงนวัตกรรม การวิจัย และการออกแบบระบบพลังงานที่คำนึงถึงความยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ที่พร้อมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีพลังงานสะอาดในภูมิภาคอาเซียน

บัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาจะมีโอกาสทำงานในหน่วยงานพลังงานทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนสามารถเป็นนักวิจัย นักพัฒนาเทคโนโลยี และที่ปรึกษาด้านระบบสมาร์ตกริดในระดับนานาชาติ ซึ่งล้วนมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์หลักสูตร: https://sgtech.nu.ac.th/
สมัครเรียนผ่านบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยนเรศวร: https://www.admission.graduate.nu.ac.th
Facebook: https://www.facebook.com/nu.sgtech
ติดต่อหน่วยบัณฑิตศึกษา โทร. 0 5596 3180 หรือ หน่วยประชาสัมพันธ์ โทร. 09 5363 5351

ม.นเรศวร ร่วมงาน “SPARK UP!” ส่งเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อวงการสตาร์ทอัพไทย

วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2567 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมลักษณ์ วรรณฤมล กีเยลาโรว่า ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร (NU SciPark) ร่วมกิจกรรม Pre-Ignite “SPARK UP” ภายใต้โครงการ Organic Tech Accelerator Platform (OTAP) แพลตฟอร์มที่มุ่งเร่งการเติบโตทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมสร้างสรรค์ให้ยั่งยืนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง โดยมี รศ.ดร.สุขกิจ ยะโสธรศรีกุล ผู้อำนวยการโครงการ OTAP และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาณุ พุทธวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวเปิดกิจกรรมและต้อนรับผู้เข้าร่วม ณ ห้องประชุม ชั้น 2 ร้านสเต็กปีนัง จังหวัดพิษณุโลก

กิจกรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจและเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ภาครัฐ และภาคเอกชน ผ่านการบรรยาย การเสวนา และการแบ่งปันประสบการณ์ตรงจากผู้เชี่ยวชาญในด้านธุรกิจและนวัตกรรม โดย NU SEED ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการผลักดันการสร้างระบบนิเวศสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่

หนึ่งในไฮไลท์สำคัญคือการบรรยายในหัวข้อ “Empowering Startups THRU Understanding Markets” โดย ดร.สมชาติ วิศิษฐ์ชัยชาญ Fellow of Institute of Marketing Malaysia (FIMM) และ Vice President and Chief of Learning Architect & Marketing Innovation ซึ่งช่วยเปิดมุมมองด้านการตลาดและกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืน

ต่อด้วยหัวข้อ “Catalysts for Change” โดย คุณธนวิชญ์ ต้นกันยา CEO & Co-Founder ของ Horganice และนายกสมาคมสตาร์ทอัพไทย ที่ได้ถ่ายทอดแนวคิดการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงและการสร้างโอกาสในโลกธุรกิจสมัยใหม่ ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอ กรณีศึกษาความสำเร็จ (Victory Voices/Sharing from Success Cases) โดย คุณจักรพันธ์ สาตุ้ม CEO บริษัท เฟิร์สลี่เทค จำกัด และบริษัท เอ็นฟีด พลัส จำกัด ร่วมกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ดวงเดือน อัศวสุธีรกุล Co-founder & CTO บริษัท แมพพิเดีย จำกัด ที่ได้แบ่งปันประสบการณ์จริงจากการสร้างและขยายธุรกิจสตาร์ทอัพจนประสบความสำเร็จ

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความคึกคัก ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนมุมมองและสร้างเครือข่ายใหม่ ๆ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจในอนาคต อีกทั้งยังได้เรียนรู้บทบาทของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการผลักดันธุรกิจให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล

การเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้สะท้อนถึงพันธกิจของ NU SEED และอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวรในการ ส่งเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อวงการสตาร์ทอัพไทย สนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในการต่อยอดนวัตกรรม และพัฒนาธุรกิจให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้จริง

ท้ายที่สุด กิจกรรม “SPARK UP” นับเป็นเวทีที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เปิดโอกาสการเรียนรู้ และสนับสนุนการสร้างพันธมิตรใหม่ ๆ ที่จะขับเคลื่อนวงการสตาร์ทอัพไทยสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต

ม.นเรศวร ร่วมเฉลิมฉลอง 10 ปี AUN-HPN เสริมสร้างสุขภาพยั่งยืนในอาเซียน

วันอังคารที่ 3 ธันวาคม 2567 คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เข้าร่วมงานครบรอบ 10 ปี เครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนด้านการส่งเสริมสุขภาพ (AUN-HPN) ณ โรงแรม Millennium Hilton Bangkok กรุงเทพมหานคร โดย รศ.ดร.นิทรา กิจธีระวุฒิวงษ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ พร้อมด้วย ดร.รมย์นลิน เขียนจูม ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ เป็นผู้แทนมหาวิทยาลัยเข้าร่วมงาน

งานครบรอบ 10 ปี AUN-HPN จัดขึ้นโดย AUN-HPN Secretariat ร่วมกับสถาบันพัฒนาสุขภาพอาเซียน มหาวิทยาลัยมหิดล มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือและแลกเปลี่ยนแนวคิดด้านการส่งเสริมสุขภาพระหว่างมหาวิทยาลัยสมาชิกในภูมิภาคอาเซียน พร้อมกำหนดแผนงานและกลยุทธ์ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง

กิจกรรมภายในงานประกอบด้วยการแบ่งปันทรัพยากรและแนวปฏิบัติที่สนับสนุนสุขภาพที่ยั่งยืน การพัฒนานโยบายด้านสุขภาพที่ตอบโจทย์ปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคม และการสร้างมาตรฐานที่สนับสนุนการพัฒนาสุขภาพของประชากรในภูมิภาค ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมาย SDG3: สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

ภายในงานยังมีพิธีมอบรางวัล Healthy University Rating System (HURS) 2023 ให้แก่มหาวิทยาลัยที่มีผลงานโดดเด่นด้านการส่งเสริมสุขภาพ การประชุมคณะกรรมการบริหารและสมาชิกเครือข่าย การบรรยายความสำคัญของระบบประเมิน HURS และการนำเสนอผลงานดีเด่นของมหาวิทยาลัยสมาชิก

การเข้าร่วมงานครั้งนี้เปิดโอกาสให้มหาวิทยาลัยนเรศวรแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการส่งเสริมสุขภาพ เสริมสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยสมาชิก และสนับสนุนการสร้างเครือข่ายด้านสุขภาพในระดับภูมิภาค ตอกย้ำความสำคัญของการทำงานร่วมกันระหว่างสถาบันการศึกษาและองค์กรภายนอก

การเข้าร่วมงานครบรอบ 10 ปี AUN-HPN ของมหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยในภูมิภาคอาเซียนเพื่อพัฒนาสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชากร ทั้งยังสนับสนุนเป้าหมาย SDG17: ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

คณะสาธารณสุขศาสตร์มุ่งหวังว่าข้อมูล แนวทาง และนโยบายที่ได้จากการประชุมจะสามารถนำมาปรับใช้กับนิสิต บุคลากร และชุมชน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมและกิจกรรมที่เอื้อต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดีอย่างยั่งยืน พร้อมขยายเครือข่ายความร่วมมือด้านสุขภาพในระดับภูมิภาคอาเซียนอย่างต่อเนื่อง

ม.นเรศวร ชวนร่วมมือกันประหยัดพลังงาน

มหาวิทยาลัยนเรศวรมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมการลดการใช้พลังงานภายในอาคาร เพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนและตอบสนองต่อความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเชิญชวนบุคลากร นิสิต และผู้เกี่ยวข้องร่วมมือกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

หนึ่งในแนวทางง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติได้คือการปรับการใช้แสงสว่างในห้องเรียนและสำนักงาน เปิดหรือปิดไฟตามความจำเป็น และใช้แสงธรรมชาติให้มากที่สุดเพื่อประหยัดพลังงาน ซึ่งจะช่วยลดการใช้ไฟฟ้าและส่งเสริมความยั่งยืนในระยะยาว

การปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแนะนำให้ตั้งอุณหภูมิในช่วง 25-30 องศาเซลเซียส และเปิดพัดลมเพื่อเพิ่มการหมุนเวียนของอากาศภายในห้อง ช่วยให้ความเย็นกระจายทั่วห้องโดยไม่ทำให้แอร์ทำงานหนักเกินไป

การถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าเมื่อไม่ได้ใช้งานก็เป็นอีกวิธีที่สามารถลดการใช้พลังงานได้อย่างมาก เนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชนิดยังคงใช้พลังงานแม้จะปิดอยู่ การปฏิบัตินี้ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดอัคคีภัยจากไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งานอย่างปลอดภัย

การเดินบันไดแทนการใช้ลิฟท์ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ง่ายและได้ผล ไม่เพียงแต่ช่วยลดการใช้พลังงานจากลิฟท์เท่านั้น แต่ยังส่งเสริมสุขภาพของบุคลากรและนิสิต เนื่องจากช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานและเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกาย

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดการใช้พลังงานและค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้า แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริม การใช้พลังงานอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและการสร้างสังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

โดยรวม มหาวิทยาลัยนเรศวรมุ่งมั่นในการสร้างวัฒนธรรมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อมั่นว่าการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวันจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน และสร้างอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับทุกคนในสังคม

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin