รู้ทันโรคมะเร็ง ดูแลตนเองอย่างไร ให้ห่างไกลโรคมะเร็ง

มหาวิทยาลัยนเรศวรมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับบุคลากร นิสิต รวมถึงชุมชนรอบข้าง ผ่านกิจกรรมและการให้ความรู้ต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับ SDGs 3: การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี โดยหนึ่งในแนวทางที่มหาวิทยาลัยใช้ในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคคือการจัดรายการวิทยุที่ให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะการสร้างความตระหนักเกี่ยวกับโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของคนไทยอย่างมาก

รายการ “พบเภสัชกร” เรื่อง: รู้ทันโรคมะเร็ง ดูแลตนเองอย่างไรให้ห่างไกลโรคมะเร็ง มหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัดรายการวิทยุที่ชื่อว่า “พบเภสัชกร” ซึ่งเป็นรายการที่จัดขึ้นเพื่อให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพแก่ประชาชน โดยเฉพาะการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นโรคที่มีผลกระทบต่อคนจำนวนมาก และมักจะมีการตรวจพบเมื่อโรคเข้าสู่ระยะที่ลุกลามแล้ว รายการนี้มุ่งหวังให้ผู้ฟังได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์เกี่ยวกับการป้องกันโรคมะเร็ง รวมถึงการดูแลสุขภาพและการดำเนินชีวิตที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากโรคนี้ได้

ในแต่ละตอนของรายการ “พบเภสัชกร” จะมีการนำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการรู้ทันโรคมะเร็ง และการดูแลตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดโรค โดยเฉพาะวิธีการตรวจเช็คสุขภาพ การปรับพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย และการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ เช่น การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ นอกจากนี้ยังมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญหรือเภสัชกรที่มีความรู้เฉพาะทางมาร่วมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการป้องกันโรคมะเร็งและการตรวจสุขภาพประจำปี

รายการ “พบเภสัชกร” ดำเนินรายการโดย เภสัชกร โฉมคนางค์ ภูมิสายดร จากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความสามารถในการให้คำแนะนำและถ่ายทอดข้อมูลทางด้านสุขภาพให้กับผู้ฟังได้อย่างเข้าใจง่ายและมีประโยชน์ เภสัชกรโฉมคนางค์ได้ใช้ประสบการณ์ในการทำงานด้านเภสัชกรรมเพื่อเป็นแหล่งข้อมูลในการช่วยให้ผู้ฟังสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้ดีขึ้น พร้อมทั้งสามารถเลือกวิธีป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง ซึ่งถือเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญในสังคมไทย

รายการ “พบเภสัชกร” สามารถติดตามรับฟังได้ทั้งทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยนเรศวร FM 107.25 MHz และทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.nuradio.nu.ac.th ซึ่งผู้ฟังสามารถติดตามรายการได้ทุกวันศุกร์ เวลา 18.30 – 19.00 น. การออกอากาศในช่วงเวลาที่เหมาะสมและการให้ทางเลือกในการฟังทั้งจากสื่อวิทยุและทางออนไลน์ ทำให้ผู้คนในชุมชนสามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น โดยไม่จำกัดสถานที่หรือเวลา

การจัดรายการวิทยุเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ SDGs 3 ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคน โดยเฉพาะการให้ข้อมูลที่ถูกต้องและส่งเสริมการป้องกันโรคต่างๆ การให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการป้องกันโรคมะเร็งไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเท่านั้น แต่ยังช่วยลดภาระทางการแพทย์และการรักษาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย

โดยการใช้สื่อวิทยุและออนไลน์ในการเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้ มหาวิทยาลัยนเรศวรยังได้สร้างช่องทางการสื่อสารที่ครอบคลุมและสามารถเข้าถึงประชาชนในวงกว้าง ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมในเรื่องสุขภาพที่ดี โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อาจขาดแคลนข้อมูลหรือเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้ยาก

คณะแพทย์ รพ.มน. บริการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก ..ฟรี !

มหาวิทยาลัยนเรศวรมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนและบุคลากรผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจคัดกรองโรค การให้ความรู้ด้านสุขภาพ และการสร้างการตระหนักรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการป้องกันและตรวจพบโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นโรคที่มีอัตราการเกิดสูงและเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเสียชีวิตในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย

ในวันที่ 8 ธันวาคม 2566 คณะแพทยศาสตร์ ร่วมกับ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร (รพ.มน.) ได้จัดกิจกรรม “การตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากฟรี” โดยเปิดโอกาสให้ผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไปเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้ชายวัยกลางคนและสูงอายุ หากตรวจพบในระยะเริ่มต้นสามารถรักษาได้ผลดีและลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้ได้อย่างมาก

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมการดูแลสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะชายวัย 50 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มักจะไม่ค่อยเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ การตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากจะช่วยให้สามารถตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรค

รายละเอียดของกิจกรรม
  • การตรวจคัดกรองฟรี: ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปสามารถลงทะเบียนและรับการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
  • การบรรยายให้ความรู้: นอกจากการตรวจคัดกรองแล้ว ผู้เข้าร่วมยังได้รับฟังการบรรยายเกี่ยวกับมะเร็งต่อมลูกหมาก ทั้งในด้านสาเหตุ วิธีการป้องกัน และการรักษาที่มีประสิทธิภาพจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • ของที่ระลึก: ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับของที่ระลึกจากโครงการ ซึ่งเป็นการสร้างความรู้สึกขอบคุณและกระตุ้นให้มีการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมผ่านทาง ลิงค์การลงทะเบียนออนไลน์ https://forms.gle/CVtsNJgC3DWby34P9 ซึ่งเป็นช่องทางที่สะดวกและรวดเร็วในการจัดการลงทะเบียน โดยกิจกรรมจะจัดขึ้นในวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ที่ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นสถานที่ที่พร้อมด้วยเครื่องมือและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยให้การตรวจคัดกรองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

กิจกรรมนี้เป็นตัวอย่างของการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ SDGs 3: การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งมีเป้าหมายในการลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคต่างๆ และการส่งเสริมการเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง การตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากช่วยให้สามารถลดความเสี่ยงจากโรคนี้ได้ และช่วยเพิ่มอายุขัยให้กับผู้คนในชุมชน

โครงการนี้ยังเป็นการส่งเสริมการเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่ดีสำหรับประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งมักจะไม่ได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ การให้บริการตรวจคัดกรองฟรียังช่วยลดช่องว่างทางด้านการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นสำหรับทุกคนในสังคม

ม.นเรศวร จัดมหกรรมสุขภาพเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปี สร้างสังคมสุขภาพดี

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านการป้องกันโรคและส่งเสริมการดูแลสุขภาพในชุมชน การจัดงาน “มหกรรมสุขภาพ เพื่อร่วมสร้างสังคมที่มีสุขภาพที่ดี” (Health Festival: Creating a Healthier Society) ในระหว่างวันที่ 18-20 มกราคม 2567 ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่สอดคล้องกับ SDGs 3 ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคนในสังคม

งานนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 30 ปี ของการก่อตั้งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยเน้นการเผยแพร่ความรู้และบริการด้านสุขภาพให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น และมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อส่งเสริมการดูแลสุขภาพในทุกมิติ ได้แก่ การตรวจสุขภาพฟรี การให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ และการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ

งานมหกรรมสุขภาพในปี 2567 นี้มีกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการดูแลสุขภาพในหลายด้าน รวมถึง:

  1. ตรวจสุขภาพฟรี: ผู้เข้าร่วมสามารถเข้ารับการตรวจสุขภาพเบื้องต้นโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อาทิ การตรวจความดันโลหิต การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด และการตรวจคัดกรองโรคต่าง ๆ ที่พบได้บ่อยในสังคมไทย เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และมะเร็ง เป็นต้น ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนสามารถตรวจพบปัญหาสุขภาพในระยะเริ่มต้น และได้รับคำแนะนำในการดูแลสุขภาพต่อไป
  2. การแนะนำวิธีการดูแลสุขภาพโดยอาจารย์แพทย์และกูรูชื่อดัง: ภายในงานมีการบรรยายและให้ความรู้จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และกูรูด้านสุขภาพในหัวข้อต่าง ๆ เช่น วิธีการป้องกันโรค การดูแลสุขภาพจิต และการใช้ชีวิตประจำวันอย่างสมดุล การดูแลตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
  3. กิน&ช็อปของดีเพื่อสุขภาพ: ภายในงานจะมีการจำหน่ายสินค้าที่ส่งเสริมสุขภาพ เช่น ผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาหารเสริม เครื่องมือสุขภาพ และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ช่วยในการดูแลร่างกาย นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมเพื่อให้ความรู้ในการเลือกซื้อสินค้าสุขภาพอย่างมีข้อมูลและปลอดภัย
  4. กิจกรรมและการฝึกปฏิบัติ: ภายในงานจะมีการจัดกิจกรรมเสริมเพื่อเสริมสร้างสุขภาพในด้านต่าง ๆ เช่น การฝึกโยคะ การออกกำลังกายแบบง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน และการฝึกสมาธิเพื่อการดูแลสุขภาพจิต

งาน “มหกรรมสุขภาพ เพื่อร่วมสร้างสังคมที่มีสุขภาพที่ดี” ยังเป็นการสร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพสำหรับทุกคนในชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลหรือผู้ที่อาจไม่มีโอกาสเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ง่าย ผ่านการจัดกิจกรรมในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การตรวจสุขภาพฟรี การบรรยายให้ความรู้ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการออกกำลังกาย และการประชาสัมพันธ์การดูแลสุขภาพที่เป็นประโยชน์

งานจะจัดขึ้นที่ ศูนย์แสดงนิทรรศการและการจัดประชุมนานาชาติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (KNECC) อาคารอุทยานองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานที่สามารถรองรับผู้เข้าร่วมได้จำนวนมากและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน การจัดงานในครั้งนี้จึงสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กิจกรรมในงานมหกรรมสุขภาพครั้งนี้สอดคล้องกับ SDGs 3 ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับทุกคนในสังคม โดยเฉพาะการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ และการส่งเสริมการดูแลสุขภาพในระดับบุคคลและชุมชน โดยการให้บริการตรวจสุขภาพฟรี การให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพ และการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้ประชาชนมีข้อมูลที่จำเป็นในการป้องกันและดูแลสุขภาพของตนเอง รวมถึงส่งเสริมให้ทุกคนมีชีวิตที่ยืนยาวและมีสุขภาพดี

ที่มา: คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

หน่วยใส่ฟันเทียมทันตกรรมพระราชทาน ออกพื้นที่บริการสร้างรอยยิ้มให้ประชาชน

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีส่วนร่วมในการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการสุขภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล ผ่านการให้บริการทางการแพทย์และทันตกรรมที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในด้านการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและการลดความไม่เท่าเทียมในสังคม

หนึ่งในโครงการที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นนี้คือการให้บริการ ฟันเทียมพระราชทาน ที่จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 21-23 กุมภาพันธ์ 2566โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลโพนทอง ตำบลโพนทอง อำเภอโพธิ์ตาก จังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการการดูแลสุขภาพช่องปากที่สูง แต่ขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการ

ความสำคัญของการให้บริการฟันเทียม ในพื้นที่ดังกล่าว กลุ่มงานทันตกรรมของ โรงพยาบาลโพธิ์ตาก พบปัญหาในการให้บริการ ฟันเทียมทั้งปาก สำหรับผู้ป่วยที่มีกรณีซับซ้อนและต้องการการดูแลพิเศษ ทีมทันตกรรมจึงได้ประสานงานกับ หน่วยทันตกรรมพระราชทาน จาก คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อช่วยเหลือและให้บริการแก่ผู้ป่วย โดยมี อาจารย์ทันตแพทย์, นิสิตปริญญาโท, ผู้ช่วยทันตแพทย์, และ ช่างทันตกรรม จากมหาวิทยาลัยนเรศวร จำนวนกว่า 30 คน ร่วมออกหน่วยเคลื่อนที่ในระยะเวลา 3 วัน เพื่อทำฟันเทียมทั้งปากให้แก่ผู้ป่วยจำนวน 34 ราย

การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการทำฟันเทียม สิ่งที่โดดเด่นในโครงการนี้คือการนำ เทคโนโลยีดิจิทัล มาใช้ในการผลิตฟันเทียม ซึ่งเป็นการยกระดับการให้บริการทันตกรรมไปอีกขั้น การใช้ การสแกนฟันดิจิทัล (Digital Scan) เพื่อเก็บข้อมูลฟันที่แม่นยำ จากนั้นทำการออกแบบฟันเทียมด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (CAD Design) และใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติ (3D Printer) ในการผลิตฟันเทียม

การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Denture) ในการผลิตฟันเทียมทำให้สามารถออกแบบและผลิตฟันที่มี ความสวยงามและเป็นธรรมชาติ มากขึ้น เนื่องจากฟันเทียมสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับสภาพช่องปากของผู้ป่วยแต่ละราย แตกต่างจากการใช้ฟันสำเร็จรูปแบบเดิมจากบริษัทที่ผลิตในรูปแบบมาตรฐาน

การทดสอบระบบดิจิทัลครั้งนี้ทำให้สามารถผลิต ฟันเทียมดิจิทัล ได้เร็วขึ้น โดยไม่สูญเสียคุณภาพและความแข็งแรงของฟันเทียม กระบวนการผลิตยังคงรักษามาตรฐานสูงเช่นเดียวกับการผลิตฟันเทียมแบบปกติ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ความสวยงามและความเข้ากับผู้ป่วย ที่ดีขึ้น เนื่องจากการออกแบบที่เฉพาะเจาะจง

ผลลัพธ์ที่ได้จากโครงการ ในการออกหน่วยครั้งนี้, 5 เคสแรกของฟันเทียมดิจิทัล (Digital Denture) ได้รับการผลิตด้วยระบบดิจิทัล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการนำเทคโนโลยีทันสมัยมาประยุกต์ใช้ในการรักษา ฟันเทียมที่ผลิตขึ้นมาไม่เพียงแค่มีรูปลักษณ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ แต่ยังมี ความสะดวกในการใช้งาน และ ความมั่นคงในการยึดติด ที่เทียบเท่าหรือดีกว่าฟันเทียมแบบดั้งเดิม

การใช้เครื่องพิมพ์ 3 มิติและระบบดิจิทัลช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตฟันเทียมให้เร็วกว่าการผลิตด้วยวิธีแบบดั้งเดิม รวมทั้งยังช่วยลดข้อผิดพลาดในการผลิตได้มากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยและการให้บริการในระยะยาว

ความท้าทายและการพัฒนาในอนาคต แม้ว่าการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในครั้งนี้จะสร้างความสำเร็จในด้านการผลิตฟันเทียมที่มีคุณภาพสูงขึ้น แต่ก็ยังมีความท้าทายด้าน ค่าใช้จ่าย สำหรับอุปกรณ์และวัสดุที่มีราคาสูง รวมถึง ความซับซ้อนในการใช้งาน ซึ่งต้องอาศัยการฝึกฝนและพัฒนาทักษะจากทีมงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

การดำเนินงานในโครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจาก สำนักงานสาธารณสุขอำเภอโพธิ์ตาก, โดยมี ทพ.ณัฐพล มัสยามาตย์ หัวหน้ากลุ่มงานทันตกรรม โรงพยาบาลโพธิ์ตาก ซึ่งช่วยประสานงานและอำนวยความสะดวกในการดำเนินการของทีมงานจากหน่วยทันตกรรมพระราชทาน

นอกจากนี้ยังต้องขอขอบคุณ ทพญ.เขมจิรัฏฐ์ โควสุภัทร์, ศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยนเรศวร, ที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยประสานงานการจัดกิจกรรมในครั้งนี้

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ร่วมมือกันในการทำให้โครงการนี้ประสบความสำเร็จ รวมถึง อาจารย์, นิสิต, ผู้ช่วยทันตแพทย์, และช่างทันตกรรม ที่ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ เพื่อผลิตฟันเทียมทั้งปากให้กับผู้ป่วยจำนวน 34 ราย โดยทุกคนสามารถกลับไปมี รอยยิ้มใหม่ ที่สะท้อนถึงความสำเร็จของการให้บริการที่มีคุณภาพและมีผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน

ที่มา: หน่วยใส่ฟันเทียมทันตกรรมพระราชทาน คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ให้ความรู้แก่นักเรียน ในหัวข้อ “รักในวัยเรียนและเพศศึกษา”

เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566 โรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัดกิจกรรมประชุมสายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โดยมีการบรรยายให้ความรู้แก่นักเรียนในหัวข้อ “รักในวัยเรียนและเพศศึกษา” เพื่อเสริมสร้างความรู้และทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพทางเพศ รวมถึงการสร้างความเข้าใจในเรื่องความสัมพันธ์และพฤติกรรมทางเพศในช่วงวัยรุ่น ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการพัฒนาทั้งทางร่างกายและจิตใจ

การบรรยายครั้งนี้ได้รับความอนุเคราะห์วิทยากรจาก โรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลก ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านสุขภาพวัยรุ่น โดยนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2.1 ถึง 2.3 จำนวนมากได้เข้าร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้น ณ ห้อง 3100 อาคารเรียน 3 ของโรงเรียนมัธยมสาธิตฯ

วัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรม:

  • เพื่อให้ความรู้แก่นักเรียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจในช่วงวัยรุ่น
  • ส่งเสริมให้นักเรียนมีทัศนคติที่ถูกต้องและพฤติกรรมที่รับผิดชอบในเรื่องเพศศึกษา
  • ให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพทางเพศที่ปลอดภัยและการตัดสินใจที่มีความรับผิดชอบในวัยรุ่น
  • ช่วยให้นักเรียนสามารถปรับตัวและรับมือกับพัฒนาการของชีวิตในช่วงวัยรุ่นอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับสังคมในปัจจุบัน

การจัดกิจกรรมดังกล่าว สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ เป้าหมายที่ 3: การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งมุ่งเน้นการให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่เยาวชนในเรื่องสุขภาพทางเพศ และ เป้าหมายที่ 4: การศึกษาอย่างมีคุณภาพ ที่มุ่งพัฒนาทักษะความรู้และการเตรียมตัวของนักเรียนให้พร้อมต่อการเผชิญกับชีวิตในอนาคต ด้วยการให้การศึกษาและข้อมูลที่เหมาะสมในช่วงวัยรุ่น

กิจกรรมนี้มีความสำคัญในด้านการเตรียมความพร้อมให้แก่เยาวชนในการตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพของตนเอง ทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ ช่วยส่งเสริมการสร้างสุขภาพที่ดีและการพัฒนาชีวิตที่มีคุณภาพในสังคม การให้ความรู้ในช่วงวัยรุ่นจะช่วยให้นักเรียนสามารถดำเนินชีวิตอย่างมีความรับผิดชอบและมีสุขภาพดีในระยะยาว

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีในการสร้างพื้นฐานที่มั่นคงในการศึกษาด้านเพศศึกษาและการส่งเสริมสุขภาพในวัยรุ่น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาสังคมและประเทศในอนาคต.

ที่มา: โรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวร

คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ ม.นเรศวร จัดกิจกรรมกีฬาสานสัมพันธ์ 22 ปี ส่งเสริมความสามัคคีและอัตลักษณ์นิสิต

มหาวิทยาลัยนเรศวรมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของนิสิตและชุมชนในมหาวิทยาลัย โดยผ่านกิจกรรมที่ไม่เพียงแต่ส่งเสริมด้านวิชาการเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นการพัฒนาองค์ความรู้และความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากรทุกคนในมหาวิทยาลัยในหลายมิติ ผ่านกิจกรรมที่เสริมสร้างความเข้มแข็งในด้านการจัดการด้านสุขภาพ การเสริมสร้างความสัมพันธ์และการพัฒนาทักษะทางสังคม ซึ่งตรงกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 3) ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

หนึ่งในกิจกรรมที่สะท้อนการส่งเสริมสุขภาพจิตและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชนของมหาวิทยาลัยนเรศวรคือโครงการ “กิจกรรมกีฬาสานสัมพันธ์ 22 ปี คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-24 พฤศจิกายน 2566 โดยมีการจัดกิจกรรมการแข่งขันกีฬาและกิจกรรมที่เสริมสร้างความสามัคคีภายในคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริม ความสามัคคีและการทำงานร่วมกัน ของนิสิตคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้อง รวมถึงการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนิสิตทุกชั้นปี โดยการใช้กีฬาเป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงคนทุกกลุ่มภายในคณะและสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรในการทำกิจกรรมร่วมกัน

นอกจากนี้กิจกรรมนี้ยังเป็นการเสริมสร้าง สุขภาพจิตที่ดี ผ่านการร่วมมือกันในการแข่งขันกีฬา ซึ่งทำให้ผู้เข้าร่วมได้รับประสบการณ์ที่ดีทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ ซึ่งตรงกับเป้าหมาย SDG 3 ที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดีในสังคม

โครงการเริ่มต้นด้วยการ การแข่งขันกีฬาระหว่างนิสิต ที่หลากหลายประเภท ทั้งในระดับกลุ่มและประเภทบุคคล โดยมีการแข่งขันกีฬาให้เลือกมากมาย เช่น ฟุตบอล, บาสเก็ตบอล, วิ่ง, และกีฬาอื่น ๆ ที่ส่งเสริมการทำงานเป็นทีม การแข่งขันเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่การสร้าง ความสัมพันธ์ที่ดี และ ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ในหมู่นิสิต รวมถึงการพบปะและรู้จักกันระหว่างนิสิตแต่ละสาขา

ในส่วนของการเปิดงาน “กิจกรรมสานสัมพันธ์ 22 ปี คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์” ในวันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 มีกิจกรรมที่น่าสนใจอย่างมากมายที่มีการแสดงศิลปะและวัฒนธรรมจากชมรมต่าง ๆ ได้แก่ ชมรมสันทนาการ, ชมรมผู้นำเชียร์, ชมรมคฑากร, และ ชมรมคัฟเวอร์แดนซ์ ที่มาร่วมกันแสดงออกถึงความสามารถของนิสิตคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์

ในงานนี้มีการจัด การแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน ที่มีการแบ่งกลุ่มออกเป็น สีต่าง ๆ ซึ่งได้แก่ พี่สีน้ำเงิน (แซฟไฟร์ไฮเดรนเยีย), พี่สีแดง (ปัตตาเวียดาหลา), พี่สีเหลือง (อุไรอำพัน), พี่สีเขียว (ปทุมมามรกต), และ พี่สีชมพู (พญาเสือโคร่งอำไพ) โดยมีการสร้างการแข่งขันทั้งระหว่างนิสิตและระหว่างนิสิตกับอาจารย์ ซึ่งช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้อง รวมถึงการเสริมสร้าง ความสามัคคีและการทำงานเป็นทีม

นอกจากนั้นยังมีการนำ วิธีการวิ่งคบเพลิงจำลอง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีการเชื่อมโยงถึงความภาคภูมิใจในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเป็นการส่งต่อความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ให้กับทุกคนในคณะ

ในวันสุดท้ายของกิจกรรมคือ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 การเฉลิมฉลอง “กิจกรรมสานสัมพันธ์ 22 ปี คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์” ได้จัดให้มี พิธีมอบถ้วยรางวัลและเกียรติบัตร สำหรับผู้ชนะการแข่งขันกีฬาแต่ละประเภท ซึ่งเป็นการยกย่องความสามารถและความพยายามของนิสิตในการแข่งขัน นอกจากนี้ยังมีการจัด การแสดงดนตรีจากชมรมดนตรีสากล ซึ่งสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน เสียงหัวเราะ และรอยยิ้มจากทุกคนที่เข้าร่วมงาน

จากกิจกรรมในครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมทั้งนิสิต คณาจารย์ และบุคลากรได้รับประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เช่น

  • การเสริมสร้างความสัมพันธ์และความสามัคคี: การแข่งขันกีฬาและกิจกรรมต่าง ๆ ช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างนิสิตและคณาจารย์ รวมถึงการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้องในคณะ
  • การพัฒนาทักษะการทำงานเป็นทีม: กิจกรรมที่เน้นการทำงานร่วมกันช่วยเสริมสร้างทักษะในการทำงานร่วมกันและการแก้ไขปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ
  • การเสริมสร้างสุขภาพจิตและร่างกาย: กิจกรรมกีฬาไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาสุขภาพร่างกาย แต่ยังช่วยเสริมสร้างความสุขและสุขภาพจิตที่ดีให้กับผู้เข้าร่วม
  • การสร้างวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของคณะ: กิจกรรมที่มีการแสดงออกทางศิลปะและวัฒนธรรมช่วยให้สมาชิกในคณะรู้สึกถึงความภาคภูมิใจในสถาบันและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอขอบคุณผู้บริหาร, คณาจารย์, บุคลากร และองค์กรภายนอกที่ได้สนับสนุนรางวัลและของที่ระลึกต่าง ๆ ให้กับผู้ชนะการแข่งขัน นอกจากนี้ยังขอขอบคุณผู้ที่มอบบัตรกำนัลและขนมต่าง ๆ ซึ่งช่วยเสริมสร้างความสุขให้กับนิสิตและผู้เข้าร่วมงานทุกคน

ที่มา: ส่งเสริมความสามัคคีปรองดอง ให้รุ่นพี่-รุ่นน้อง

คณะพยาบาลศาสตร์ ม.นเรศวร จัดประชุมวิชาการนานาชาติ ‘Trends in Food and Herbs for Health and Well Being’ เสริมความรู้ด้านสมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพ

วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2566 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จัดการประชุมวิชาการระดับนานาชาติในหัวข้อ “Trends in Food and Herbs for Health and Well Being” ภายใต้โครงการวิจัย “NU World Class: Food and Herb for Health and Beauty” โดยได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) การประชุมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกรหญิงกรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานในพิธีเปิด และมีผู้เข้าร่วมทั้งในประเทศและต่างประเทศ

การประชุมจัดขึ้นในรูปแบบผสมผสานทั้ง ONSITE ที่โรงแรม Mayflower Grande Hotel จังหวัดพิษณุโลก และ ONLINE ผ่านระบบ Zoom เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมกว่า 100 คน ได้รับฟังบรรยายจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญระดับชาติและนานาชาติในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ อาหาร และสมุนไพร โดยมีการนำเสนอองค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงในด้านสุขภาพและการดูแลตนเอง

โครงการวิจัยดังกล่าวมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมศักดิ์ โทจำปา อาจารย์ประจำภาควิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นผู้ประสานการดำเนินงาน โดยมุ่งเน้นการศึกษาและเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้สมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพและความงาม ทั้งในมิติการป้องกันโรคและการบำรุงร่างกาย ถือเป็นการบูรณาการองค์ความรู้ทางวิชาการกับการนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตจริง

หัวข้อการบรรยายที่น่าสนใจ ได้แก่ “Health Promotion: The Role of Health Professionals in Promoting Health” โดย Prof. Dr. Kenda Crozier ที่เน้นบทบาทผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพในการส่งเสริมสุขภาพประชาชน, “DHA in Pregnancy” โดย Thisara Weerasamai M.D. ที่อธิบายถึงความสำคัญของ DHA ต่อพัฒนาการของทารก, “Food and Herbs for Health in Thailand” โดย Assistant Prof. Dr. Wudtichai Wisuttlprot ที่ถ่ายทอดการใช้สมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพ, และ “Healthcare Innovation and Health Business” โดย Dr. Joni Haryanto ที่กล่าวถึงนวัตกรรมธุรกิจสุขภาพที่สามารถเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การประชุมยังมีการบรรยายเรื่อง “Current Trends in Diabetes and Complimentary Treatment to Improve Self-Management: Asian Food and Herbs for Health” โดย Dr. Yulis Setiya Dewi ซึ่งนำเสนอแนวโน้มการใช้สมุนไพรและอาหารในเอเชียเพื่อช่วยในการจัดการโรคเบาหวาน โดยทั้งหมดสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการวิจัยและการแลกเปลี่ยนความรู้เพื่อสุขภาพที่ดีของประชาชน

การดำเนินงานในครั้งนี้ไม่เพียงเน้นการส่งเสริมสุขภาพ (Health and Well Being) แต่ยังสอดคล้องกับการขจัดความหิวโหย การเข้าถึงอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ และการสร้างความรู้ด้านสุขภาพที่เป็นระบบ อีกทั้งยังเป็นเวทีสำหรับการเรียนรู้และการศึกษาที่มีคุณภาพ ซึ่งจะสามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาหลักสูตรทางวิชาการและการเรียนการสอนที่ทันสมัย

นอกจากนี้ การประชุมวิชาการครั้งนี้ยังช่วยเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานวิจัย และภาคีเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างพันธมิตรทางวิชาการและการวิจัยที่ยั่งยืน เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ที่สามารถนำไปปรับใช้กับสังคมและชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรม

การประชุมระดับนานาชาติครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นการเผยแพร่ผลการวิจัย แต่ยังเป็นเวทีในการ ส่งเสริมความรู้ด้านสมุนไพรและอาหารเพื่อสุขภาพ ตลอดจนการสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพที่ยั่งยืน ซึ่งมีผลเชื่อมโยงทั้งในมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อันเป็นแนวทางที่สำคัญต่อการพัฒนาสังคมและชุมชนในอนาคต

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลวังนํ้าคู้ ให้บริการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางเท้าและตรวจสุขภาพฟันฟรี

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 หน่วยเวชปฏิบัติชุมชนจากมหาวิทยาลัยนเรศวร ลงพื้นที่เพื่อให้บริการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางเท้าและการตรวจสุขภาพฟันให้กับผู้ป่วยโรคเบาหวานที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลวังน้ำคู้ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก โดยกิจกรรมในครั้งนี้มีผู้ป่วยเข้ารับบริการจำนวน 90 ราย ซึ่งได้รับการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางเท้าและฟันจากอาจารย์และนักศึกษาจากคณะพยาบาลศาสตร์ คณะทันตแพทยศาสตร์ และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อ ส่งเสริมสุขภาพที่ดี และ ป้องกันภาวะแทรกซ้อน ที่มักเกิดขึ้นในผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยเฉพาะ ภาวะแทรกซ้อนทางเท้า ที่เป็นหนึ่งในปัญหาหลักที่ทำให้ผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาหรือมีการสูญเสียอวัยวะ รวมถึงปัญหาสุขภาพฟันที่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยโรคเบาหวาน การดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้จึงมุ่งหวังที่จะ ลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อน และ เสริมสร้างความรู้ ให้กับผู้ป่วยเกี่ยวกับการดูแลตัวเองในชีวิตประจำวัน เพื่อ เพิ่มคุณภาพชีวิต และลดภาระในการรักษาพยาบาลในระยะยาว โดยมีการคัดกรองและให้คำแนะนำ ดังนี้

1. การตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางเท้า ผู้ป่วยโรคเบาหวานมักมีปัญหาเกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือดที่ไม่ดี รวมถึงภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทที่ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถรับรู้ความเจ็บปวดได้อย่างเต็มที่ ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่เท้าและลุกลามจนเกิดแผลหรือการติดเชื้อจนต้องมีการตัดอวัยวะ การตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อนทางเท้าในครั้งนี้ รวมถึงการทดสอบ การตอบสนองของเส้นประสาท การตรวจหาบาดแผลและการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้น และการให้คำแนะนำในการ ดูแลรักษาเท้า เช่น การล้างทำความสะอาดเท้า การเลือกสวมรองเท้าที่เหมาะสม รวมถึงการ บริหารเท้า เพื่อเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในเท้า

2. การตรวจสุขภาพฟัน ผู้ป่วยโรคเบาหวานมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาสุขภาพฟันที่รุนแรงมากขึ้น เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงสามารถทำให้เกิดการสะสมของคราบจุลินทรีย์ในปาก ส่งผลให้เกิดโรคเหงือกอักเสบ โรคปริทันต์ หรือปัญหาฟันผุ การตรวจสุขภาพฟันในครั้งนี้ได้มีการตรวจสอบสภาพฟันและเหงือกของผู้ป่วย พร้อมทั้งการให้คำแนะนำในการดูแลรักษาสุขภาพฟัน เช่น การแปรงฟันอย่างถูกวิธี การใช้ไหมขัดฟัน การหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง และการตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ

นอกจากการตรวจคัดกรองและรักษาเบื้องต้นแล้ว ทีมงานยังได้ให้ความรู้แก่ผู้ป่วยเกี่ยวกับ การดูแลเท้า และ การบริหารเท้า ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถดูแลเท้าของตนเองได้อย่างถูกต้องและป้องกันการเกิดแผลที่อาจลุกลามไปสู่การติดเชื้อที่รุนแรงได้ นอกจากนี้ ยังได้ให้ความรู้ในเรื่องของ การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นตามมา

กิจกรรมในครั้งนี้ได้ช่วย เพิ่มการตระหนักรู้ ให้แก่ผู้ป่วยโรคเบาหวานในพื้นที่เกี่ยวกับการดูแลเท้าและสุขภาพฟัน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการ ป้องกันภาวะแทรกซ้อน ที่อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่อาจขาดการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ การให้ความรู้และการตรวจคัดกรองในครั้งนี้จึงมีส่วนช่วยในการ ส่งเสริมสุขภาพ และ เพิ่มคุณภาพชีวิต ของผู้ป่วยโรคเบาหวานในชุมชน

การดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 3: Good Health and Well-being) ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและการป้องกันโรค โดยเฉพาะการดูแลโรคเรื้อรังอย่างโรคเบาหวาน ซึ่งมีความสำคัญในการลดภาระของระบบสุขภาพและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน นอกจากนี้ การให้ความรู้แก่ผู้ป่วยยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้และเสริมทักษะการดูแลสุขภาพให้กับชุมชน ซึ่งถือเป็นการเสริมสร้างความยั่งยืนทางด้านสุขภาพในระยะยาว

ม.นเรศวร จัดกิจกรรมวันเบาหวานโลก 2566 เสริมสร้างความรู้และการป้องกันโรคเบาหวาน

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 มหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัดกิจกรรม วันเบาหวานโลก (ค่ายเบาหวาน) ประจำปี 2566 โดยกิจกรรมนี้ได้รับเกียรติจาก ผศ.พญ.ศรินยา สัทธานนท์ และ พญ.แพรว สุวรรณศรีสุข อาจารย์แพทย์จากภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่ได้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ โดยกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นที่ ห้องประชุม CC2-801 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา 2 ซึ่งเป็นกิจกรรมที่มุ่งเน้นการส่งเสริมความรู้และการป้องกันโรคเบาหวานในสังคม รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยโรคเบาหวานในทุกระดับ

กิจกรรมวันเบาหวานโลกในปี 2566 นี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างความรู้และการรับรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวาน โดยเฉพาะในด้านการ ป้องกันและจัดการโรคเบาหวาน เพื่อช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถเข้าใจถึงการดูแลรักษาตนเองเมื่อมีความเสี่ยงหรือเป็นโรคเบาหวานแล้ว รวมถึงการให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่สามารถลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคเบาหวานและการพัฒนาภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้ นอกจากนี้ยังมีการแนะนำแนวทางในการดูแลสุขภาพเบื้องต้นที่สามารถทำได้ในชีวิตประจำวันเพื่อเสริมสร้าง สุขภาพที่ดี ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 3) ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับทุกคน

กิจกรรมในครั้งนี้ยังสะท้อนถึงการ ร่วมมือ ระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรกับองค์กรต่าง ๆ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและชุมชน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาสุขภาพอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการทำงานร่วมกับภาครัฐและภาคประชาชนในการสร้างความตระหนักรู้และการให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพให้กับประชาชน การทำงานร่วมกันในลักษณะนี้ส่งเสริมการสร้าง ความเป็นหุ้นส่วน ที่มีความสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับประเทศและระดับโลก

ภายในงานกิจกรรมวันเบาหวานโลกนี้ มีการจัดกิจกรรมหลากหลายเพื่อให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมเกี่ยวกับโรคเบาหวาน รวมถึงการ ตรวจคัดกรองเบาหวาน การ ให้คำแนะนำด้านการป้องกันโรคเบาหวาน และการจัดการกับโรคเบาหวานในระยะยาว โดยกิจกรรมหลักในวันนั้นได้แก่:

  1. การบรรยายและการให้ความรู้ จากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคเบาหวานและการจัดการเบาหวานที่เหมาะสม
  2. การฝึกอบรม และ การให้คำแนะนำ เรื่องการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการตรวจสุขภาพที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
  3. การให้คำปรึกษาด้านการดูแลเบาหวาน โดยแพทย์และพยาบาลจากคณะแพทยศาสตร์ เพื่อช่วยผู้เข้าร่วมมีข้อมูลที่ถูกต้องในการจัดการกับโรคเบาหวานในชีวิตประจำวัน

กิจกรรมในครั้งนี้มีบทบาทสำคัญในการ ส่งเสริมการป้องกันโรคเบาหวาน และ การจัดการโรคเบาหวาน ซึ่งเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีอัตราการเกิดโรคเบาหวานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การจัดกิจกรรมที่สามารถให้ความรู้และข้อมูลแก่ประชาชนในด้านการดูแลตนเองและการป้องกันโรคได้ จึงมีส่วนช่วยในการ ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน และส่งเสริม คุณภาพชีวิต ของผู้ป่วยและผู้ที่มีความเสี่ยง

การ สร้างความร่วมมือ ระหว่างมหาวิทยาลัยกับองค์กรต่าง ๆ ภาครัฐและภาคเอกชน ในการจัดกิจกรรมและสร้างความตระหนักรู้เช่นนี้ ยังเป็นการ สนับสนุน SDG 17: Partnerships for the Goals ซึ่งมุ่งส่งเสริมการทำงานร่วมกันในทุกระดับเพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

ที่มา: คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร จัดอบรม CPR และ AED เสริมทักษะช่วยชีวิตในกรณีฉุกเฉิน มุ่งสู่สุขภาพดีและสังคมยั่งยืน

เมื่อวันศุกร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2566 รองศาสตราจารย์ ดร.นิทรา กิจธีระวุฒิวงษ์ คณบดีคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับเกียรติเป็นประธานเปิดการอบรม การช่วยฟื้นคืนชีพด้วยวิธีการปั๊มหัวใจ (CPR) และ การใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AED) ซึ่งจัดขึ้นที่ ชั้น 7 อาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา 2 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร การอบรมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมทักษะและความรู้ให้กับผู้เข้ารับการอบรมในการช่วยชีวิตในสถานการณ์ฉุกเฉินและการปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ผู้ประสบเหตุมีอาการหัวใจหยุดเต้นหรือภาวะฉุกเฉินที่ต้องการการช่วยชีวิตอย่างเร่งด่วน

การอบรมในครั้งนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะการช่วยชีวิตในกรณีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่สำคัญของการเสียชีวิตอย่างรวดเร็วในกรณีฉุกเฉิน การฝึกปฏิบัติการ ปั๊มหัวใจ (CPR) และการใช้ เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ผู้เข้าอบรมสามารถช่วยชีวิตคนในสถานการณ์ฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีการเสริมความรู้ในการประสานงานกับ หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน และการ ส่งตัวผู้บาดเจ็บ ไปยังสถานพยาบาลได้อย่างทันท่วงที

การอบรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมความรู้และทักษะที่จำเป็นต่อการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งช่วยให้ผู้เข้าอบรมสามารถทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว และในบางกรณีอาจช่วย เพิ่มโอกาสในการรอดชีวิต ของผู้ประสบเหตุได้

การอบรมดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจาก ทีมแพทย์ฉุกเฉิน จาก โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร คณะแพทยศาสตร์ ที่ได้ให้เกียรติเป็นวิทยากรในการบรรยายและฝึกปฏิบัติการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการช่วยชีวิต เช่น การใช้ เครื่อง AED และ เทคนิคการทำ CPR ที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความเข้าใจในวิธีการที่เหมาะสมในการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุในระหว่างที่รอการมาถึงของทีมแพทย์ฉุกเฉิน

นอกจากนี้โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรยังได้ให้ ความอนุเคราะห์สถานที่ และอุปกรณ์ที่ใช้ในการอบรม ซึ่งทำให้การอบรมในครั้งนี้สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่นและมีคุณภาพ โดยมี สถานที่ที่พร้อม และ อุปกรณ์ที่ทันสมัย ช่วยให้ผู้เข้ารับการอบรมได้รับประสบการณ์การฝึกปฏิบัติอย่างแท้จริง

การอบรมในครั้งนี้สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 3: Good Health and Well-Being) โดยการพัฒนาทักษะในการช่วยชีวิตและการปฐมพยาบาลเบื้องต้นถือเป็นการส่งเสริม สุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดี สำหรับทุกคนในสังคม การมีความรู้เกี่ยวกับการช่วยชีวิตและการปฐมพยาบาลที่ถูกต้องจะช่วย ลดอัตราการเสียชีวิต จากอุบัติเหตุหรือภาวะฉุกเฉิน และช่วยให้มีการรักษาที่เหมาะสมและทันเวลา

นอกจากนี้ กิจกรรมนี้ยังสนับสนุน SDG 11: Sustainable Cities and Communities โดยการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในด้านการตอบสนองฉุกเฉินและการช่วยชีวิตในชุมชน ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้เกิด สังคมที่มีความยั่งยืนและปลอดภัย โดยทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการดูแลและช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การอบรมในครั้งนี้มุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมมีทักษะที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันและในกรณีฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับการหยุดเต้นของหัวใจ ผู้ที่ผ่านการอบรมสามารถทำการ ปั๊มหัวใจ และใช้เครื่อง AED ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยให้ เพิ่มโอกาสในการรอดชีวิต ของผู้ประสบเหตุได้มากขึ้น และลดภาระการบาดเจ็บและการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุในชุมชนได้

นอกจากนี้การอบรมนี้ยังเป็นการส่งเสริมการสร้าง เครือข่าย และการ ร่วมมือ ระหว่างมหาวิทยาลัยและชุมชน ซึ่งช่วยให้การตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เป็นการสร้าง ความเข้มแข็งให้กับสังคม และทำให้ ทุกคน มีส่วนร่วมในการดูแลและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

ที่มา: คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin