ม.นเรศวร ดำเนินโครงการทันตกรรมพระราชทานฯ ให้บริการผู้ต้องขังเรือนจำพิษณุโลก

มหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ มุ่งเน้นการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนของสังคม เพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้าน SDGs 3 (สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) และ SDGs 10 (การลดความเหลื่อมล้ำ) ซึ่งมุ่งเน้นการลดความไม่เสมอภาคและการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพสำหรับทุกคนในทุกช่วงวัย โดยมหาวิทยาลัยนเรศวรได้ดำเนินการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่เน้นการส่งเสริมสุขภาพให้กับผู้คนที่อาจไม่ได้รับการดูแลสุขภาพตามปกติ เช่น การให้บริการทางทันตกรรมแก่ผู้ต้องขัง ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มประชากรที่มักจะไม่ได้รับการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม

โครงการบริการทันตกรรมพระราชทานฯ ที่เรือนจำกลางพิษณุโลก หนึ่งในโครงการที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสนับสนุนการเข้าถึงบริการสุขภาพที่เท่าเทียมกันคือ การให้บริการรักษาทางทันตกรรมแก่ผู้ต้องขัง โดยผ่าน หน่วยทันตกรรมพระราชทานฯ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่ได้ออกให้บริการทันตกรรมใน เรือนจำกลางพิษณุโลก ซึ่งเป็นการจัดกิจกรรมที่ไม่เพียงแต่ดูแลสุขภาพของผู้ต้องขัง แต่ยังเป็นการส่งเสริมความเท่าเทียมในการเข้าถึงบริการสุขภาพให้กับกลุ่มคนที่อาจขาดโอกาสในการรับการรักษา

ในกิจกรรมนี้ มีผู้ต้องขังมารับการรักษาทางทันตกรรมทั้งหมด 498 ราย โดยการรักษามีหลากหลายประเภท เช่น การถอนฟัน, การผ่าฟันคุด, การตัดไหม, การแต่งกระดูก และการตัดก้อน Fibroma ซึ่งเป็นการให้บริการทันตกรรมที่ครบวงจรเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและปรับปรุงสุขภาพช่องปากของผู้ต้องขังในเรือนจำ

รายละเอียดการรักษาและผลตอบรับจากผู้ต้องขัง การให้บริการนี้ไม่เพียงแค่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดจากปัญหาฟันและเหงือกของผู้ต้องขัง แต่ยังช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตโดยรวมของผู้ต้องขังในเรือนจำ ซึ่งส่วนใหญ่ได้แสดงความรู้สึกดีใจและขอบคุณที่ได้รับการรักษาจากทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและดูแลอย่างใกล้ชิด ผู้ต้องขังหลายคนได้แสดงความต้องการให้มีการจัดบริการทางทันตกรรมในเรือนจำอย่างต่อเนื่อง เพราะการเข้าถึงการรักษาทางทันตกรรมในสถานที่เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้โดยง่ายในชีวิตประจำวันของพวกเขา

การรักษาทางทันตกรรมที่ให้บริการนี้ช่วยลดปัญหาความเจ็บปวดจากฟันผุและฟันคุดที่ผู้ต้องขังต้องเผชิญอยู่ในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของผู้ต้องขังในเรือนจำ ที่สามารถรับการรักษาอย่างมีคุณภาพ เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือเดินทางไปรับบริการที่อื่น

โครงการนี้มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 3) ซึ่งมุ่งส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับทุกคนในทุกกลุ่มประชากร โดยเฉพาะการให้บริการสุขภาพที่เข้าถึงได้ง่ายและเท่าเทียมกันในทุกๆ ชุมชน รวมถึงผู้ต้องขังซึ่งเป็นกลุ่มที่มักจะถูกมองข้ามในแง่ของการดูแลสุขภาพ

นอกจากนี้ โครงการนี้ยังสอดคล้องกับ SDGs 10 (ลดความเหลื่อมล้ำ) ที่มุ่งเน้นการลดความไม่เสมอภาคในสังคมและส่งเสริมการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพสำหรับทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงบริการสุขภาพ เช่น ผู้ต้องขังในเรือนจำ การให้บริการทันตกรรมพระราชทานฯ นี้เป็นการเสริมสร้างความเท่าเทียมในการดูแลสุขภาพ ซึ่งช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรม

ผลกระทบในระยะยาวและความสำคัญของโครงการ การดำเนินโครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเจ็บปวดของผู้ต้องขัง แต่ยังส่งเสริมสุขภาพช่องปากที่ดี ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพโดยรวมในระยะยาว เมื่อผู้ต้องขังได้รับการรักษาที่มีคุณภาพ จะสามารถลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับช่องปากและฟัน เช่น โรคเหงือกอักเสบ และฟันผุ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจส่งผลกระทบถึงสุขภาพร่างกายในภาพรวม

การให้บริการทันตกรรมในเรือนจำยังเป็นการสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากในกลุ่มผู้ต้องขัง ซึ่งอาจนำไปสู่การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากของตนเองในอนาคต นอกจากนี้ การให้บริการที่มีคุณภาพยังช่วยส่งเสริมสุขภาพจิตของผู้ต้องขัง โดยการดูแลที่ดีช่วยให้พวกเขารู้สึกมีคุณค่าและได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม

การสร้างความยั่งยืนในชุมชน โครงการทันตกรรมพระราชทานฯ นี้ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อผู้ต้องขังในเรือนจำกลางพิษณุโลกเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการใช้ความรู้และทรัพยากรที่มีในการสร้างผลกระทบทางบวกในสังคม โดยการให้บริการด้านสุขภาพที่เป็นไปตามหลักการของ การพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) มหาวิทยาลัยนเรศวรมีบทบาทในการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ผ่านการให้บริการทางการแพทย์ที่เข้าถึงได้สำหรับทุกกลุ่มประชากร แม้แต่ผู้ต้องขังที่อาจขาดโอกาสในการรับการดูแลสุขภาพที่เหมาะสม

การดำเนินโครงการนี้ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือที่ดีระหว่างมหาวิทยาลัย, หน่วยงานราชการ, และภาคสังคมในการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและยั่งยืนในชุมชน โดยการพัฒนาและปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้กับผู้ที่ด้อยโอกาสในสังคม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ต้องขังที่มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลสุขภาพอย่างทั่วถึง

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันทำให้โครงการนี้เกิดขึ้น และจะยังคงมุ่งมั่นในการให้บริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพต่อไปเพื่อสร้างสังคมที่มีสุขภาพดีและยั่งยืน

ม.นเรศวรเสริมศักยภาพนิสิตสู่ผู้นำการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง มุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 14 (SDG 14) “การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร ทะเล และทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน” ผ่านกิจกรรมศึกษาดูงานของนิสิตในสาขาวิทยาศาสตร์การประมง คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นิสิตชั้นปีที่ 2 และ 3 ได้เดินทางไปยัง ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.จันทบุรี เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่งทะเล รวมถึงวิธีการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกิจกรรมที่เน้นด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนดังนี้:

  1. การบริหารจัดการทรัพยากรชายฝั่ง SEP for SDGs
    นิสิตได้เรียนรู้การประยุกต์ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง (SEP) ในการบริหารจัดการทรัพยากรชายฝั่ง เช่น การจัดสมดุลระหว่างการใช้ประโยชน์และการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาว
  2. การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าไม้ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน
    เรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทของป่าไม้ชายฝั่งในการสนับสนุนความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเล เช่น การเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ การลดผลกระทบจากการกัดเซาะชายฝั่ง และการกักเก็บคาร์บอนในระบบนิเวศ
  3. การอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนตามแนวพระราชดำริ
    กิจกรรมปลูกป่าชายเลนช่วยสร้างความเข้าใจถึงความสำคัญของป่าชายเลนที่มีต่อระบบนิเวศทางทะเล โดยเฉพาะการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งและการเป็นแหล่งอนุบาลของสัตว์น้ำ

บทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการส่งเสริม SDG 14 กิจกรรมดังกล่าวไม่เพียงมุ่งเน้นการสร้างความรู้และทักษะเชิงวิชาการให้กับนิสิต แต่ยังสะท้อนถึงความตั้งใจของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านการศึกษาและการปฏิบัติจริงในพื้นที่ นิสิตได้รับโอกาสในการทำความเข้าใจบทบาทของทรัพยากรทางทะเลที่มีต่อชุมชนและเศรษฐกิจ พร้อมทั้งเรียนรู้แนวทางในการลดผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเล

ส่งเสริมความรู้คู่การอนุรักษ์ มหาวิทยาลัยนเรศวรมุ่งมั่นที่จะสร้างนักวิชาการรุ่นใหม่ที่มีความเข้าใจถึงความสำคัญของทรัพยากรทางทะเลในบริบทที่กว้างขวางขึ้น เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลอย่างสมดุลและยั่งยืนในอนาคต

ที่มา: ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

ม.นเรศวร เป็นเจ้าภาพจัดประชุมวิชาการ “ฟื้นฟูดินเพื่อเกษตรกรรมและสิ่งแวดล้อม”

คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพร่วมจัดการประชุมวิชาการดินและปุ๋ยแห่งชาติ ครั้งที่ 8 ร่วมกับสมาคมดินและปุ๋ยแห่งประเทศไทย ภายใต้หัวข้อ “ฟื้นฟูดินเพื่อเกษตรกรรมและสิ่งแวดล้อม” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-12 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมสมเด็จพระนเรศวร มหาวิทยาลัยนเรศวร

การประชุมครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเผยแพร่ความรู้และนวัตกรรมให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับความก้าวหน้าของดินและปุ๋ย โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ส่งเสริมการปรับตัว สร้างความยืดหยุ่นภายใต้การเปลี่ยนแปลงของโลก และบรรลุการจัดการทรัพยากรดินที่สมดุลและยั่งยืน นอกจากนี้ การประชุมยังมุ่งหวังที่จะเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรและเพิ่มรายได้ทางการเกษตรผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ

รองศาสตราจารย์ ดร.สรินทิพย์ ตันตาณี รักษาการอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวในพิธีเปิดว่า มหาวิทยาลัยนเรศวรเป็นมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นการกระจายโอกาสทางการศึกษาและความเท่าเทียมกันให้กับประชาชนโดยเฉพาะใน 9 จังหวัดภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย โดยมุ่งผลิตบัณฑิตที่ตอบสนองความต้องการของสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ทรัพยากรดินมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำรงชีพทางการเกษตรของประชาชนในภูมิภาคนี้ งานนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนผลงานวิจัย เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นฟูทรัพยากรดินร่วมกับภาคีเครือข่าย มุ่งส่งเสริมการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในระบบการผลิตที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างมูลค่าเพิ่ม และลดต้นทุนการผลิตทางการเกษตร นอกจากนี้ยังเน้นการใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพ ลดของเสียและของเสียจากการเกษตร ตลอดจนส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าถึงข้อมูล ทำให้สามารถบริหารจัดการฟาร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มรายได้

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. วรสิทธิ์ โตจำปา คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ภายในงานมีการบรรยายพิเศษจากผู้เชี่ยวชาญด้านดินที่มีชื่อเสียง นิทรรศการจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน การนำเสนอและการฝึกอบรมแก่เกษตรกรในหัวข้อที่กำลังเป็นกระแสต่างๆ

สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ‘เมืองแผ่นดิน ถิ่นสองแคว’ ขับเคลื่อนการส่งเสริมการจ้างงานและความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566, มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีส่วนร่วมในการจัดงาน มหกรรมอาชีพ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ เมืองแผ่นดิน ถิ่นสองแควหอประชุมมหาราช อาคารอุทยานองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช จังหวัดพิษณุโลก โดยงานนี้จัดขึ้นเพื่อ ส่งเสริมการสร้างงานและอาชีพที่ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs 8) โดยเฉพาะในด้าน การส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืน และ การส่งเสริมการมีงานทำที่ดี สำหรับทุกคน.

การส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและการสร้างอาชีพที่ยั่งยืน (SDG 8): นี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อ ส่งเสริมการพัฒนาทักษะด้านอาชีพ และ การสร้างรายได้ อย่างยั่งยืนให้แก่ชุมชนท้องถิ่น และผู้ที่สนใจเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ โดยผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้นในงาน ซึ่งจะช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้รับความรู้เกี่ยวกับการสร้างอาชีพใหม่ ๆ และการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น:

  • การสาธิตอาชีพและฝึกปฏิบัติอาชีพ: ผู้เข้าร่วมจะได้ทดลองทำงานฝีมือหรือกิจกรรมอาชีพที่สามารถนำไปใช้สร้างรายได้ เช่น การทำสินค้าหัตถกรรม การทำอาหาร การทำน้ำหอม หรือแม้แต่การเกษตร ซึ่งช่วยให้ทุกคนได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปประกอบอาชีพในอนาคต.
  • การจัดแสดงอาชีพนวัตกรรม: มหาวิทยาลัยนเรศวรได้นำเสนอแนวคิด อาชีพนวัตกรรม ซึ่งไม่เพียงแต่การทำงานตามอาชีพทั่วไป แต่ยังสามารถนำเทคโนโลยีหรือ นวัตกรรมใหม่ มาใช้ในการสร้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการในตลาดและสามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืน.
  • การแจกของรางวัล: เพื่อเพิ่มแรงจูงใจและกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีความสนใจในด้านการพัฒนาทักษะอาชีพและการสร้างรายได้ โดยการแจกของรางวัลที่มีคุณค่า ซึ่งอาจเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการประกอบอาชีพหรือผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง.
  • สินค้าจาก 8 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง: การจัดแสดงและขาย ผลิตภัณฑ์เด่น จาก 8 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งรวมถึง สินค้า OTOP และผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่สะท้อนถึง ภูมิปัญญาท้องถิ่น การใช้ทรัพยากรในพื้นที่อย่าง ยั่งยืน และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าท้องถิ่น ซึ่งเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับชุมชนและภูมิภาค.

การสร้างความร่วมมือและเครือข่าย (SDG 17): จัดงานในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึง การสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยมีการนำเสนอ ทักษะและความรู้ ที่จำเป็นในการพัฒนาอาชีพในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งช่วยเสริมสร้าง เครือข่ายความร่วมมือ ที่เป็นประโยชน์ทั้งในด้านการพัฒนาทักษะของบุคคลและการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับชุมชนผ่านการเรียนรู้ร่วมกัน.

มหาวิทยาลัยนเรศวรไม่เพียงแต่จัดงานเพื่อเผยแพร่ความรู้ แต่ยังส่งเสริมการ สร้างเครือข่าย และ การเชื่อมโยง ระหว่าง นักศึกษา, ชุมชน, ภาครัฐ, และเอกชน ที่จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาอาชีพและการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน โดยการนำทักษะต่าง ๆ ที่ได้เรียนรู้จากการฝึกอบรมไปปรับใช้ในชีวิตจริงและสามารถขยายขีดความสามารถทางเศรษฐกิจของพื้นที่และประเทศ.

งานนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการ สนับสนุนการสร้างงาน ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผู้คนมีรายได้ แต่ยังมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวมที่ยั่งยืนและเสถียร โดยการสนับสนุนการประกอบอาชีพที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม, การพัฒนาอาชีพใหม่ ๆ ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของสังคม, และการสนับสนุน การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การพัฒนาเศรษฐกิจสามารถคงอยู่ได้ในระยะยาว.

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

โรงพยาบาลทันตกรรม ม.นเรศวร ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงการร่วมเป็นสถานพยาบาลในการให้บริการทางทันตกรรมไม่ต้องสำรองจ่าย

รองศาสตราจารย์ ดร.ทันตแพทย์หญิงพีรยา ภูอภิชาติดำรง คณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วย ผศ.ดร.ทพญ.จิตติมา พุ่มกลิ่น รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาลทันตกรรม ได้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสำนักงานประกันสังคมจังหวัดพิษณุโลก ภายใต้โครงการให้บริการทางทันตกรรมโดยไม่ต้องสำรองจ่ายแก่ผู้ประกันตน ในการใช้สิทธิ์ 900 บาทต่อปี

การลงนามในครั้งนี้มีขึ้นที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดพิษณุโลก โดยมี นางอาภรณ์ แว่วสอน ประกันสังคมจังหวัดพิษณุโลก เป็นผู้ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงร่วมกัน ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมได้รับสิทธิในการใช้บริการทันตกรรมโดยไม่ต้องสำรองจ่าย ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการดูแลสุขภาพช่องปากที่มีคุณภาพ โดยสามารถใช้สิทธิ์นี้ได้ทุกปี ในวงเงิน 900 บาท

โครงการนี้สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้าน SDG 3: การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งมุ่งเน้นการให้ทุกคนเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพและสามารถจ่ายได้ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลสุขภาพทั่วไปหรือการรักษาเฉพาะทาง รวมถึงการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการบริการสุขภาพระหว่างชนชั้นและกลุ่มประชากรต่างๆ

การที่มหาวิทยาลัยนเรศวรและโรงพยาบาลทันตกรรมเข้าร่วมโครงการนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการเสริมสร้างการเข้าถึงบริการสุขภาพช่องปากที่มีคุณภาพ แต่ยังเป็นการสนับสนุนให้คนในชุมชนได้รับการดูแลสุขภาพที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการส่งเสริมความยั่งยืนในด้านสุขภาพของสังคมในระยะยาว

สำหรับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมที่สนใจสามารถใช้สิทธิ์ในการรับบริการทันตกรรมได้ที่โรงพยาบาลทันตกรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งได้รับการรับรองให้เป็นสถานพยาบาลในการให้บริการตามโครงการนี้ และสามารถใช้สิทธิ์ได้ตามข้อกำหนดที่ระบุในบันทึกข้อตกลง.

การประชุมวิชาการวิจัยระดับชาติและนานาชาติ “ความยืดหยุ่นรับภัยพิบัติเพื่อสังคมที่ดีขึ้น

การประชุมวิชาการวิจัยระดับชาติและนานาชาติ:The 2nd TNDR Conference (National & International) “ความยืดหยุ่นรับภัยพิบัติเพื่อสังคมที่ดีขึ้น (Be Better: Disaster Resilience for Better Society)” จัดโดย มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับ มหาวิทยาลัยในเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย ในวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการ การจัดประชุมนเรศวรมหาราช (KNECC) มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยได้รับเกียรติจากดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย (TNDR) เป็นประธานในการเปิดการประชุม

หลังจากนั้นมีการเสวนาที่น่าสนใจ
1 ประเด็น “ระบบนิเวศของการสนับสนุนการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ “
1. ดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย
2. รศ.ดร.อภิชาต โสภาแดง คณบดีวิทยาลัยพหุวิทยาการและสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
3. คุณเอกพงศ์ มุสิกะเจริญ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและประสานเพื่อประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม (กปว.)
4. ดร.ก่อศักดิ์ โตวรรธกวณิชย์ ผู้จัดการแพล็ตฟอร์มสร้างธุรกิจนวัตกรรม ศูนย์ธุรกิจระหว่างประเทศ บจม.พีทีที โกลบอล เคมิคัล ผู้ดำเนินรายการ: ดร.พิสุทธิ์ อภิชยกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี

2. เสวนาเครือข่าย TNDR ประเด็น “โลกเดือด-สุดขั้วภัยพิบัติ จัดการน้ำอย่างไรให้รอด!!!”
1. คุณวรรธนศักดิ์ สุปะกิ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและสารสนเทศ ทรัพยากรน้ำ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์กรมหาชน)
2. คุณสุขธวัช พัทธวรากร ผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและพันธกิจสังคม บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
3. คุณวีฤทธิ กวยะปาณิก หัวหน้าศูนย์บริหารจัดการน้ำ องค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่
4. รศ.ดร.เดช วัฒนชัยยิ่งเจริญ นักวิชาการด้านการบริหารจัดการน้ำ มหาวิทยาลัยนเรศวร ผู้ดำเนินรายการ: นายสมคิด สะเภาคำ ผู้อำนวยการศูนย์อุทกวิทยาชลประทานภาคเหนือตอนล่าง

นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติ และนานาชาติ พร้อมทั้งนิทรรศการโปสเตอร์และบูธเครือข่าย TNDR

NU Playground Zero Waste

ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2567 กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดโครงการ NU Zero Waste ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมกิจกรรมตามหลัก 3Rs คือ Reduce, Reuse, Recycle เพื่อสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจในการจัดการขยะให้กับนิสิต โดยได้รับเกียรติจาก คุณสมหมาย แก้วเกตุศรี ผู้จัดการวงศ์พานิชย์ สาขาย่อย มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมทีมงาน ซึ่งมาบรรยายให้ความรู้ในหัวข้อ “Go Zero Waste” และลงภาคปฏิบัติการในการคัดแยกขยะเพื่อช่วยโลก

ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรารัตน์ มหาศรานนท์ พร้อมทีมงาน ได้มาบรรยายให้ความรู้ในหัวข้อ “ลดขยะลดโลกร้อนด้วยนวัตกรรม Recycle” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการที่มีการจัดการเรียนการสอนทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ในการลดขยะและจัดการสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจำวันได้จริง

โครงการ NU Zero Waste ได้รับความสนใจจากนิสิตจำนวนมาก โดยมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 200 คน ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการพัฒนาและส่งเสริมการดำเนินงานที่ยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับ SDG12 (การบริโภคและการผลิตอย่างรับผิดชอบ) โดยมีการใช้การอบรมและกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจในการจัดการขยะและการลดปริมาณขยะให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นการส่งเสริมการตระหนักรู้ในความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมในระดับมหาวิทยาลัยและชุมชนโดยรวม

โครงการนี้จัดขึ้นที่ ห้องล้อบบี้ ชั้น 2 อาคารขวัญเมือง ซึ่งเป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีความรับผิดชอบและเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับนิสิตในการมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในอนาคต โดยมีความร่วมมือจาก นิสิตที่สนใจ, นิสิตจิตอาสา, สโมสร, ชมรม และหน่วยงานต่าง ๆ ในการสร้างการมีส่วนร่วมด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในทั้งระดับมหาวิทยาลัยและชุมชน

ม.นเรศวร จัดประชุมวิจัยนานาชาติ เสริมพัฒนาอุตสาหกรรมและความยืดหยุ่นรับภัยพิบัติ

มหาวิทยาลัยนเรศวรมุ่งมั่นในการพัฒนาและส่งเสริมการวิจัยด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรม (SDG 9) ด้วยการสร้างความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและองค์กรระดับนานาชาติ เพื่อพัฒนานวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมและการสร้างความยืดหยุ่นต่อภัยพิบัติ

หนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญในการส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยนเรศวร คือการจัดการประชุมวิชาการวิจัยระดับชาติและนานาชาติ “The 2nd TNDR Conference (National & International)” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 12 กรกฎาคม 2567 ณ ศูนย์แสดงนิทรรศการการจัดประชุมนเรศวรมหาราช (KNECC) มหาวิทยาลัยนเรศวร งานนี้จัดขึ้นร่วมกับมหาวิทยาลัยในเครือข่ายพัฒนาความเข้มแข็งต่อภัยพิบัติไทย (TNDR) และได้รับเกียรติจากดร.พิจิตต รัตตกุล ประธานเครือข่าย TNDR เป็นประธานในการเปิดการประชุม

การประชุมครั้งนี้จะมีเสวนาที่น่าสนใจหลายหัวข้อ โดยเฉพาะประเด็นที่สำคัญ เช่น “ระบบนิเวศของการสนับสนุนการนำผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์” ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญจากหลายองค์กรและสถาบันเข้าร่วมการเสวนา รวมถึงประเด็น “โลกเดือด-สุดขั้วภัยพิบัติ จัดการน้ำอย่างไรให้รอด” ที่จะนำเสนอแนวทางการจัดการทรัพยากรน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติและวิกฤติการณ์ต่างๆ

ในงานนี้ยังมีการนำเสนอผลงานวิจัยระดับชาติและนานาชาติ พร้อมทั้งการจัดนิทรรศการโปสเตอร์และบูธจากเครือข่าย TNDR เพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเรียนรู้จากผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการบริหารจัดการภัยพิบัติ

การประชุมนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความร่วมมือที่สำคัญระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรและองค์กรต่างๆ เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาอุตสาหกรรม และการสร้างความยืดหยุ่นต่อภัยพิบัติ ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 9 ในการสร้างความสามารถทางนวัตกรรมและอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน โดยมุ่งหวังที่จะสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว

ม.นเรศวร จัดโครงการฟื้นฟูความรู้ผู้ดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง ประจำปี 2567 ยกระดับการดูแลสุขภาพผู้ป่วยอย่างครบวงจร

🚩

คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดโครงการฟื้นฟูความรู้สำหรับผู้ดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง ประจำปี 2567 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะในการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งให้แก่ผู้ดูแลหรือญาติผู้ป่วย รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง โครงการดังกล่าวจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม 2567 เวลา 08.30 – 16.30 น. ณ ห้องประชุมเอกาทศรถ 9 ชั้น 3 อาคารสิรินธร โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร

ภายในงานมีการอบรมและให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยมะเร็งในแง่มุมต่าง ๆ เช่น การจัดการด้านจิตใจของผู้ป่วยมะเร็ง, การดูแลผู้ป่วยในช่วงการรักษาและฟื้นฟู, การป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการรักษา รวมไปถึงการให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและเพิ่มทักษะในการดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ

การจัดโครงการฟื้นฟูความรู้ผู้ดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งนี้ มีความสำคัญในการสนับสนุนและพัฒนาคุณภาพการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งในระดับชุมชน อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมและสนับสนุนการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุมในทุกมิติ ซึ่งสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้านการให้บริการสุขภาพที่เป็นธรรมและมีคุณภาพสำหรับทุกคน (SDG 3: Good Health and Well-Being) และการสร้างความรู้และการพัฒนาทักษะของบุคลากรในการดูแลผู้ป่วย (SDG 4: Quality Education)

เป้าหมายของโครงการ:

  1. การพัฒนาความรู้และทักษะในการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งในทุกด้าน ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
  2. การสร้างความเข้าใจในการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งอย่างยั่งยืน
  3. การพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพที่เข้าถึงและเป็นธรรมสำหรับทุกคน
  4. ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างผู้ดูแลผู้ป่วย, บุคลากรทางการแพทย์, และชุมชน

โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร และหน่วยงานต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัย รวมถึงผู้เชี่ยวชาญในสาขาการดูแลผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งได้ร่วมกันให้ความรู้และประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งอย่างครบวงจร

การดำเนินโครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มพูนความรู้และทักษะในการดูแลผู้ป่วยมะเร็ง แต่ยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ดูแลผู้ป่วยสามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยและผู้ดูแล ตามหลักการพัฒนาที่ยั่งยืนที่มีเป้าหมายในการสร้างสังคมสุขภาพดีสำหรับทุกคนในระยะยาว.

ลงทะเบียน https://forms.gle/5cC2bNodHEoPUowk7

ม.นเรศวร ร่วมมือ GIZ จัดประชุมพัฒนานโยบาย Agrivoltaics เสริมพลังงานสะอาดระดับนานาชาติ

มหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะผู้นำในการส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 7 และ 17) ได้แสดงบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดและการพัฒนานวัตกรรมในด้านพลังงาน โดยการร่วมมือกับองค์กรนานาชาติและหน่วยงานภาครัฐ-เอกชน ในการพัฒนาโครงการที่มีความยั่งยืนและตอบโจทย์การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนอย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2567 วิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ร่วมกับองค์กร Clean, Affordable and Secure Energy for Southeast Asia: (CASE) ภายใต้ความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) จัดประชุมกลุ่มย่อยเพื่อรวบรวมความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการพัฒนานโยบายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการปลูกพืชร่วมกับแผงเซลล์แสงอาทิตย์ (Agrivoltaics) ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ในการใช้พลังงานแสงอาทิตย์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในด้านการเกษตร

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้โครงการ “Recommended policy and regulation pertaining Agrivoltaics in Thailand” และเป็นการต่อยอดจากการศึกษาแนวทางปฏิบัติในโครงการ Thai-German Energy Dialogue (TGED) ในปี 2566 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจแนวทางและนโยบายที่เหมาะสมสำหรับการพัฒนา Agrivoltaics ในประเทศไทย โดยได้รวบรวมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญและหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีส่วนร่วมในด้านการพัฒนาพลังงานทดแทน

การพัฒนา Agrivoltaics ถือเป็นหนึ่งในโครงการที่สนับสนุนการบูรณาการพลังงานสะอาดในภาคการเกษตร พร้อมทั้งช่วยลดการใช้ที่ดินและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย

การร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรกับ GIZ และองค์กรที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนานโยบายพลังงานที่ยั่งยืนและการสร้างแนวทางใหม่ ๆ สำหรับการใช้พลังงานสะอาดในประเทศไทย และเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านพลังงาน

สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการและกิจกรรมของวิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ที่:

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin