29 ตุลาคม วันหลอดเลือดสมองโลก
เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2566 มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เข้าร่วมการรณรงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG 3: สุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดี โดยเฉพาะการลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคที่สามารถป้องกันได้ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งปีนี้ประเทศไทยมีรายงานการพบผู้ป่วยหลอดเลือดสมองกว่า 3 แสนราย และมีผู้เสียชีวิตถึง 3 หมื่นราย
โรคหลอดเลือดสมอง เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ถึง 90% หากได้รับการดูแลสุขภาพที่เหมาะสมและมีการตรวจสอบอาการในระยะเริ่มต้นอย่างทันท่วงที สัญญาณเตือนของโรคหลอดเลือดสมองสามารถสังเกตได้ง่ายผ่านหลักการ F.A.S.T. ซึ่งย่อมาจาก:
- F (Face) – หน้าตาเบี้ยวหรือผิดรูป
- A (Arms) – แขนยกไม่ขึ้นหรืออ่อนแรง
- S (Speech) – พูดลำบาก หรือมีการพูดที่ไม่ชัดเจน
- T (Time) – เมื่อพบอาการเหล่านี้ต้องโทร 1669 ทันที
การโทรหาหมายเลข 1669 หรือศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติทันทีในกรณีที่สงสัยว่าเป็นโรคหลอดเลือดสมอง จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาได้ทันเวลา ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการลดอัตราการเสียชีวิตหรือการพิการจากโรคนี้
การร่วมมือและการสร้างความตระหนักในชุมชน การรณรงค์ในปี 2566 นี้มีหัวข้อหลักคือ “Together we are #GreaterThan Stroke” ซึ่งมุ่งเน้นการร่วมมือกันของภาคส่วนต่างๆ ทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น เพื่อป้องกันและลดอัตราการเกิดโรคหลอดเลือดสมองในประเทศไทย มหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะสถาบันการศึกษาที่มีบทบาทในการสร้างความตระหนักรู้ได้มีส่วนร่วมในการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองในกลุ่มนิสิตและชุมชนรอบมหาวิทยาลัย เพื่อให้เกิดการเรียนรู้และมีความเข้าใจในเรื่องสุขภาพ โดยเฉพาะการตรวจสอบอาการเบื้องต้นและการติดต่อหน่วยงานทางการแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการเสี่ยง
การสนับสนุนด้านการศึกษาและการป้องกันโรค นอกจากการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสัญญาณเตือนและการป้องกันโรคหลอดเลือดสมองแล้ว มหาวิทยาลัยนเรศวรยังได้สนับสนุนการศึกษาและการฝึกอบรมเกี่ยวกับการช่วยชีวิตเบื้องต้น (First Aid) และการใช้เครื่องกระตุกหัวใจไฟฟ้าชนิดอัตโนมัติ (AED) ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญในการช่วยเหลือผู้ที่ประสบเหตุฉุกเฉินในกรณีโรคหลอดเลือดสมองหรือภาวะหัวใจหยุดเต้น
การดำเนินงานเหล่านี้สอดคล้องกับ SDG 3 ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชากรในทุกกลุ่ม โดยเฉพาะการลดความเสี่ยงจากโรคที่สามารถป้องกันได้ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง รวมทั้งการสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพของตนเอง