Archives August 2024

อพ.สธ.-ม.นเรศวร ให้คำปรึกษาการดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จ.นครสวรรค์

วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม 2567 ศูนย์ประสานงาน อพ.สธ.-มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ต้อนรับคณะผู้บริหารและบุคลากรทางการศึกษาจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (จิรประวัติ) จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 14 คน ที่เดินทางมาเพื่อขอรับคำปรึกษาและแนวทางการดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ณ กองส่งเสริมการบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ในโอกาสนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ศิษฐ์ภัณฑ์ แคนลา รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการกองส่งเสริมการบริการวิชาการ ได้กล่าวต้อนรับคณะผู้มาเยือน พร้อมเน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนในฐานะพื้นที่การเรียนรู้และการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ที่สามารถสร้างประโยชน์ให้แก่นักเรียน ชุมชน และสังคมในระยะยาว

การประชุมให้คำปรึกษาครั้งนี้ได้รับเกียรติจากคณะที่ปรึกษาศูนย์ประสานงาน อพ.สธ.-มหาวิทยาลัยนเรศวร จำนวน 5 ท่าน ได้แก่ นางรัชนีนรินทร์ คลังเงินวรากร, นางสาวประนอม รัตนชัย, นางพันทิพา สิงหัษฐิต, นางศิริวัลย์ มะโต และนายเฉลิมพล ขยันกิจ โดยที่ประชุมได้ให้ข้อเสนอแนะเชิงวิชาการและแนวทางการปรับปรุงผลงานตามเกณฑ์มาตรฐานที่ อพ.สธ. กำหนด

โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (จิรประวัติ) ได้นำเสนอผลการดำเนินงานตามแนวทาง 4 ด้าน 5 องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน ซึ่งคณะที่ปรึกษาได้พิจารณาและให้ข้อชี้แนะเพื่อปรับปรุงคุณภาพการดำเนินงานให้ครบถ้วนและสอดคล้องกับเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อพัฒนาสู่มาตรฐานในระดับสูงขึ้นต่อไป

ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะสถาบันวิชาการที่ไม่เพียงทำหน้าที่สนับสนุนการเรียนการสอน แต่ยังขยายบทบาทไปสู่การพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยการ ส่งเสริมการสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชและทรัพยากร ทั้งในระดับสถานศึกษาและชุมชน

กิจกรรมดังกล่าวยังช่วยสร้างความเชื่อมโยงระหว่างโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การพัฒนาทักษะ และการยกระดับศักยภาพด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างมีระบบ ถือเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะด้านความหลากหลายทางชีวภาพและการทำงานร่วมกันของภาคส่วนต่าง ๆ

นอกจากนี้ การดำเนินงานสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนยังมีบทบาทสำคัญในการปลูกฝังความตระหนักรู้ให้แก่นักเรียนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เรียนรู้การใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า และเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับระบบนิเวศ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาสังคมที่มีความยั่งยืน

การให้คำปรึกษาของศูนย์ประสานงาน อพ.สธ.-มหาวิทยาลัยนเรศวร จึงนับเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยผลักดันโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (จิรประวัติ) จังหวัดนครสวรรค์ ให้สามารถพัฒนาสวนพฤกษศาสตร์โรงเรียนอย่างมีคุณภาพ และเป็นต้นแบบของการบูรณาการการเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมกับการพัฒนาท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

ม.นเรศวร ร่วมโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ สร้างพื้นที่สีเขียวเพื่อความยั่งยืน

วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม 2567 รองศาสตราจารย์ ดร.สุขกิจ ยะโสธรศรีกุล คณบดีคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เข้าร่วมพิธีเปิดโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 92 พรรษา 12 สิงหาคม 2567 ภายใต้แนวคิด “TOGETHER WE GROWTH โตไปด้วยกัน จังหวัดพิษณุโลก”

กิจกรรมจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24–25 สิงหาคม 2567 ณ โรงเรียนและวัดบ้านพร้าว อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก โดยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในจังหวัดพิษณุโลกเข้าร่วมกว่า 21 หน่วยงาน ซึ่งสะท้อนถึงพลังความร่วมมือจากหลายภาคส่วนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและฟื้นฟูพื้นที่ป่าไม้

รองศาสตราจารย์ ดร.สุขกิจ พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้หลากหลายชนิดในพื้นที่เป้าหมาย เพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ และสร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศ ถือเป็นการ ส่งเสริมการปลูกต้นไม้ มีส่วนร่วมในการสร้างพื้นที่สีเขียว ที่ช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน

โครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติครั้งนี้ยังเป็นเวทีแห่งการสร้างความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ป่าไม้ในระดับชุมชนและสังคม โดยมีการรณรงค์ให้ประชาชน นักเรียน และเยาวชนในพื้นที่เข้าร่วมกิจกรรม เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกด้านการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมตั้งแต่วัยเยาว์

นอกจากนี้ กิจกรรมยังแสดงให้เห็นถึงการบูรณาการความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานท้องถิ่น องค์กรเอกชน และชุมชน ในการพัฒนาพื้นที่สีเขียวร่วมกัน ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการพัฒนาที่เน้นความร่วมมือ (Partnership for Goals) อันเป็นรากฐานสำคัญของการขับเคลื่อนสังคมสู่ความยั่งยืน

บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและพลังบวกของผู้เข้าร่วม ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือการสร้างป่าที่แข็งแรงและเป็นมรดกทางธรรมชาติให้กับคนรุ่นต่อไป การปลูกต้นไม้ในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียว แต่ยังช่วยสร้างความสมานฉันท์ระหว่างชุมชนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

โครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ “TOGETHER WE GROWTH โตไปด้วยกัน จังหวัดพิษณุโลก” จึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การสร้างพื้นที่สีเขียว และการเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือเพื่อพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน

ม.นเรศวร ต้อนรับคณะศึกษาดูงาน ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและการเรียนรู้ตลอดชีวิต

วันที่ 23 สิงหาคม 2567 กองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยนเรศวร ให้การต้อนรับคณะศึกษาดูงานจากโรงเรียนสวรรค์อนันต์วิทยา จังหวัดสุโขทัย โดยมีคณะครูและนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 420 คนเข้าร่วมกิจกรรมเส้นทางการเรียนรู้ภายในมหาวิทยาลัย

นางนิพัทธ์ เกษาพร ผู้อำนวยการกองส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม พร้อมด้วยบุคลากร ให้การต้อนรับและนำคณะศึกษาดูงานเข้าสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (องค์จำลอง) เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านประวัติศาสตร์และสร้างความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมไทย

นักเรียนได้เข้าชมนิทรรศการแสงแห่งดิน “Light of Earth” ซึ่งเป็นงานสร้างสรรค์ลายเส้นจากปากกาตามจินตนาการของศิลปินอนุสรณ์ อ่อนละมูล โดยเน้นการเรียนรู้ผ่านการสัมผัสและสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัว เพื่อเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์และทักษะการสังเกตอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ คณะศึกษาดูงานยังเข้าชมนิทรรศการ Art Therapy ครั้งที่ 3 (เจริญ – สติ) ซึ่งนำเสนอความเชื่อ ความศรัทธา และหลักคำสอนในรูปแบบงานศิลปะสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาความเข้าใจด้านศิลปวัฒนธรรมและทักษะการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์

นักเรียนได้เยี่ยมชมนิทรรศการครบรอบ 34 ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งรวบรวมผลงานความภาคภูมิใจจากหน่วยงานคณะและวิทยาลัยต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและเสริมความรู้ด้านการจัดการศิลปวัฒนธรรม

กิจกรรมยังรวมถึงการเข้าชมเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของกลุ่มชาติพันธุ์และฉลองพระองค์ในสมเด็จพระพันปีหลวง ณ ห้องนิทรรศการจิตรลดา พิพิธภัณฑ์ผ้า มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจด้านวัฒนธรรม การปลูกฝังรสนิยมทางสุนทรียะ และการนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน

คณะศึกษาดูงานยังมีโอกาสเลือกชมสินค้าที่ระลึกและหัตถกรรมของศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์ NU Souvenir & Textile เพื่อส่งเสริมทักษะด้านการเรียนรู้ตลอดชีวิตและเปิดโอกาสให้นักเรียนสามารถนำข้อมูลและประสบการณ์ที่ได้รับไปต่อยอดในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ต่อไป

คณะสาธาฯ ม.นเรศวร ประกาศมาตรการฉุกเฉิน “ถึงเวลาลด งดสร้างขยะเพิ่ม” สร้างต้นแบบจัดการขยะอย่างยั่งยืน

คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ประกาศใช้มาตรการฉุกเฉินเพื่อลดปริมาณขยะภายในคณะ หลังจากเกิดวิกฤตการณ์จัดการขยะในจังหวัดพิษณุโลก โดยมุ่งเน้นให้บุคลากรและนิสิตทุกคนมีส่วนร่วมในการลดและคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี ภายใต้แนวคิด “ถึงเวลาลด งดสร้างขยะเพิ่ม”

มาตรการดังกล่าวถือเป็นแนวทางเร่งด่วนเพื่อจัดการกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและลดผลกระทบจากปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้น โดยให้ทุกภาคส่วนในคณะร่วมกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้และการทิ้ง เพื่อลดขยะในแหล่งกำเนิด พร้อมทั้งส่งเสริมการคัดแยกขยะอย่างเป็นระบบก่อนนำไปกำจัด

ในส่วนของ การจัดการขยะเปียก คณะสาธารณสุขศาสตร์ได้กำหนดให้ทุกคนต้องทิ้งขยะเปียกลงในถังขยะที่มีฝาปิดเท่านั้น โดยมีการจัดเตรียมถังขยะเฉพาะไว้ในห้องพักรับประทานอาหารของอาคารทุกหลัง เพื่อควบคุมกลิ่นและป้องกันสัตว์พาหะนำโรค อีกทั้งยังสามารถนำขยะเปียกไปใช้ประโยชน์ต่อในรูปแบบการผลิตปุ๋ยหมักได้

สำหรับ ขวดน้ำและกล่องข้าว ได้มีการรณรงค์ให้นำภาชนะส่วนตัวมาใช้แทนการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง และจัดให้มีพื้นที่รองรับสำหรับการบริจาคขวดน้ำและกล่องข้าวบริเวณชั้น 1 ของอาคารเรียน โดยมีเงื่อนไขไม่ใช้ถุงพลาสติกเพื่อส่งเสริมการลดขยะตั้งแต่ต้นทาง

การดำเนินการครั้งนี้ยังเน้นการสร้างความตระหนักรู้ให้บุคลากรและนิสิตได้เห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อม ไม่เพียงแต่ช่วยลดภาระของระบบจัดการขยะ แต่ยังเป็นการสร้างจิตสำนึกด้านความรับผิดชอบร่วมกันในสังคม เพื่อขับเคลื่อนสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

มาตรการฉุกเฉินดังกล่าวยังเชื่อมโยงกับเป้าหมายการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและการลดของเสีย โดยการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การลดการใช้พลาสติก การใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ และการคัดแยกขยะก่อนทิ้ง ถือเป็นแนวทางสำคัญในการสร้างระบบ Zero Waste to Landfill ที่มหาวิทยาลัยนเรศวรมุ่งผลักดัน

คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ย้ำว่าความร่วมมือจากทุกคนคือหัวใจสำคัญของความสำเร็จ การรณรงค์ “ถึงเวลาลด งดสร้างขยะเพิ่ม” จึงไม่เพียงเป็นมาตรการเชิงปฏิบัติ แต่ยังเป็นการสร้างต้นแบบพฤติกรรมด้านการจัดการขยะที่ยั่งยืน สามารถต่อยอดไปยังหน่วยงานอื่น ๆ และชุมชนในวงกว้าง

มาตรการนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการมีบทบาทนำด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน และเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการสร้างสังคมที่ใส่ใจต่อโลกและสิ่งแวดล้อมร่วมกัน

ม.นเรศวร จัดกิจกรรมแฟนพันธุ์แทร่ “ปลาไทย” ส่งเสริมเยาวชนอนุรักษ์ทรัพยากรทางน้ำอย่างยั่งยืน

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2567 คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดกิจกรรม การแข่งขันแฟนพันธุ์แทร่ “ปลาไทย” ภายในงาน Open House ประจำปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้เยาวชนไทยตระหนักถึงความสำคัญของ ทรัพยากรสัตว์น้ำในประเทศ และร่วมกันอนุรักษ์พันธุ์ปลาไทยให้คงอยู่ในระบบนิเวศอย่างยั่งยืน กิจกรรมนี้จัดขึ้นโดย สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การประมง ซึ่งถือเป็นกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ที่บูรณาการทั้งความรู้และจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมเข้าไว้ด้วยกัน

ในปีนี้มีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 24 ทีม ทีมละ 3 คน จากโรงเรียนในหลายจังหวัด โดยมีการแข่งขันตอบคำถามเกี่ยวกับพันธุ์ปลาไทย ระบบนิเวศน้ำจืด และความรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ ซึ่งช่วยให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพของแหล่งน้ำไทยอย่างลึกซึ้ง พร้อมทั้งปลูกฝังทัศนคติที่ดีต่อการรักษาความสมดุลของธรรมชาติ

ผลการแข่งขันในครั้งนี้ โรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี จังหวัดพิษณุโลก สามารถคว้ารางวัลได้หลายรายการ ได้แก่
รางวัลชนะเลิศ โรงเรียนเฉลิมสตรี ทีมที่ 2
รางวัลรองชนะเลิศ โรงเรียนเฉลิมสตรี ทีมที่ 6
และรางวัลชมเชย ได้แก่ ทีมที่ 1 ทีมที่ 3 ทีมที่ 4 ของโรงเรียนเดียวกัน รวมทั้งโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งได้รับรางวัลชมเชยด้วยเช่นกัน แสดงถึงความรู้ ความสามารถ และความมุ่งมั่นของเยาวชนในการเรียนรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมทางน้ำ

กิจกรรม แฟนพันธุ์แทร่ “ปลาไทย” ไม่เพียงเป็นเวทีแห่งความรู้ แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถานศึกษา เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้เรื่อง การอนุรักษ์พันธุ์ปลาไทยและระบบนิเวศน้ำจืด ผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างนักเรียนและอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

นอกจากนี้ กิจกรรมยังมีส่วนสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนเห็นคุณค่าของ ความหลากหลายทางชีวภาพทางน้ำ และเข้าใจถึงบทบาทของตนเองในการปกป้องสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การลดการใช้ทรัพยากรเกินจำเป็น การป้องกันมลพิษทางน้ำ ไปจนถึงการสนับสนุนโครงการอนุรักษ์ในชุมชน ซึ่งเป็นแนวทางที่ช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศน้ำให้คงอยู่ต่อไป

โครงการนี้ยังสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาเชิงอนุรักษ์ของมหาวิทยาลัยนเรศวร ที่มุ่งเน้นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะด้านการประมงและการจัดการทรัพยากรน้ำ ซึ่งมีความสำคัญต่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศ การปลูกฝังเยาวชนให้เข้าใจเรื่องนี้ตั้งแต่ระดับโรงเรียนจึงเป็นการลงทุนทางสังคมที่มีคุณค่าในระยะยาว

กิจกรรมการแข่งขันครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่แสดงถึงความตั้งใจของมหาวิทยาลัยในการ ส่งเสริมแนวคิดอนุรักษ์พันธุ์ปลาไทย และการอนุรักษ์ระบบนิเวศน้ำให้คงอยู่อย่างยั่งยืน เพื่อให้ทรัพยากรสัตว์น้ำไทยเป็นมรดกทางธรรมชาติที่คนรุ่นหลังสามารถเรียนรู้และใช้ประโยชน์ได้อย่างสมดุลต่อไป

ม.นเรศวร จับมือธนาคารออมสิน จัดโครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น 2024 ส่งเสริมอาชีพและยกระดับภูมิปัญญาท้องถิ่น

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม 2567 อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร (SEED) ร่วมกับธนาคารออมสิน จัดกิจกรรม “การนำเสนอผลสัมฤทธิ์โครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น ประจำปี 2567” ณ อาคารภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยได้รับเกียรติจากผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมลักษณ์ วรรณฤมล กีเยลาโรว่า ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานกล่าวเปิดกิจกรรม พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร บุคลากร และตัวแทนจากธนาคารออมสินเข้าร่วม

กิจกรรมครั้งนี้เป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้นิสิตได้นำเสนอผลงานที่ร่วมพัฒนากับชุมชน โดยนำนวัตกรรมและองค์ความรู้จากมหาวิทยาลัยไปประยุกต์ใช้กับ ภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ตลาด และช่วย ส่งเสริมอาชีพ ให้กับคนในชุมชน ถือเป็นการบูรณาการการเรียนรู้และการพัฒนาสังคมอย่างเป็นรูปธรรม

การประกวดผลงานได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากธนาคารออมสิน ได้แก่ นางจันทร์แรม รุ่งวัฒนา ผู้จัดการธนาคารออมสินสาขาบิ๊กซี พิษณุโลก นายดำหลิ ตันเยี่ยน ผู้ช่วยผู้อำนวยการธนาคารออมสินภาค 7 หน่วยพัฒนาสังคมและชุมชน นายเตธินภัทร์ แหยมคง พนักงานสนับสนุนธุรกิจ 7 และนางสาวจรรยพร อนันตพรรค ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจผู้ประกอบการรายย่อยและองค์กรชุมชน โดยทุกท่านได้ให้คำแนะนำเชิงลึกแก่ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน

โครงการนี้สะท้อนถึงการสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับภาคธุรกิจ ในการผลักดันเศรษฐกิจฐานราก โดยใช้พลังของคนรุ่นใหม่อย่างนิสิต Gen Z ผสมผสานกับภูมิปัญญาท้องถิ่น สร้างสรรค์แนวทางใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน

ผลการประกวด รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ ทีมเสลารักษ์ จักสานหวาย กลุ่มพัฒนาสตรีตำบลย่านยาว (คณะสังคมศาสตร์) รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีม Ranger Organic กลุ่มกล้วยกรอบแก้วบ้านใหม่ดินทอง (คณะเกษตรศาสตร์ฯ) รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ ทีม SD ยุวทัฒน์, @NU Season 2 กลุ่มวิสาหกิจชุมชนซากุระญี่ปุ่น (คณะสังคมศาสตร์)

รางวัลชมเชยจำนวน 2 ทีม ได้แก่ ทีมผ้าทอชาววัง วิสาหกิจชุมชนผ้าทอชาววัง (คณะวิศวกรรมศาสตร์ ร่วมกับคณะบริหารธุรกิจฯ) และทีม PolSci, the Next Gen กลุ่มโฮมสเตย์และท่องเที่ยวบ่อโพธิ์ (คณะสังคมศาสตร์) ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นตัวอย่างของการพัฒนาที่เชื่อมโยงภูมิปัญญาท้องถิ่นกับการบริหารจัดการสมัยใหม่

การดำเนินโครงการออมสินยุวพัฒน์รักษ์ถิ่น เป็นการปูรากฐานการทำงานเชิงบูรณาการระหว่างภาคการศึกษา ชุมชน และองค์กรภาคธุรกิจ ทำให้เกิดทั้งการพัฒนาทักษะของนิสิต การสร้างนวัตกรรมเพื่อสังคม และการเสริมความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของชุมชน

ท้ายที่สุด โครงการนี้ไม่เพียงสร้างประโยชน์เชิงเศรษฐกิจและการ ส่งเสริมอาชีพ ให้กับชุมชน แต่ยังแสดงให้เห็นถึงพลังของ ความร่วมมือ ระหว่างหลายภาคส่วน ที่สามารถผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่นและประเทศ ตอกย้ำบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็นแรงขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจไทยสู่อนาคตที่มั่นคง

ม.นเรศวร ส่งเสริมความรู้พื้นฐานการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม 2567 รองศาสตราจารย์ ดร.นิพนธ์ เกตุจ้อย ผู้อำนวยการวิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี (SGtech) มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เข้าร่วมเป็นวิทยากรในงานสัมมนาเชิงวิชาการระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) และบนพื้น (Solar Farm) จัดโดยสมาคมไฟฟ้าและพลังงานไอทริปเปิลอี (ประเทศไทย) ร่วมกับวิทยาลัยพลังงานทดแทนและสมาร์ตกริดเทคโนโลยี ณ โรงแรม เดอะ สุโศล กรุงเทพฯ

การบรรยายมุ่งเน้นที่ ความรู้พื้นฐานการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ครอบคลุมหัวข้อที่สำคัญ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์เบื้องต้น สมรรถนะของอุปกรณ์ เทคนิคการเลือกอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน รวมถึงแนวทางการออกแบบระบบผลิตไฟฟ้าทั้งแบบบนหลังคาและบนพื้น เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและเป็นระบบแก่ผู้เข้าร่วมสัมมนา

เนื้อหายังเน้นถึงบทบาทของพลังงานแสงอาทิตย์ในการสร้างระบบพลังงานที่ยั่งยืน ลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศให้ก้าวสู่ เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ถือเป็น พลังงานสะอาดที่ไม่สร้างมลภาวะ เนื่องจากไม่มีการเผาไหม้เชื้อเพลิงและไม่ก่อให้เกิดก๊าซพิษที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งยังมีส่วนสำคัญในการ ช่วยลดโลกร้อน ด้วยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

การสัมมนาครั้งนี้ยังให้ความสำคัญกับ มาตรฐานด้านเทคนิคและการออกแบบระบบ เพื่อให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์มีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่าในเชิงเศรษฐศาสตร์ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานในอนาคต

นอกจากประเด็นทางเทคนิคแล้ว ยังมีการแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับ การติดตั้ง การดำเนินงาน และการบำรุงรักษา ระบบผลิตไฟฟ้า เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานและผู้ประกอบการมีความเข้าใจครบถ้วน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง และช่วยผลักดันการลงทุนด้านพลังงานสะอาดในประเทศไทย

ท้ายที่สุด งานสัมมนานี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็นศูนย์กลางความรู้ด้าน พลังงานสะอาดและการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการส่งเสริมความรู้พื้นฐานการผลิตไฟฟ้า ควบคู่กับการพัฒนาทักษะบุคลากร เพื่อก้าวสู่อนาคตที่มั่นคงด้านพลังงาน ปลอดมลภาวะ และสังคมที่ลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อนอย่างแท้จริง

ม.นเรศวร สนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพผ่านกิจกรรม “แฟนพันธุ์แท้ปลาไทย”

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัดกิจกรรม “แฟนพันธุ์แท้ปลาไทย” ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่เน้นการสร้างความรู้และความตระหนักรู้เกี่ยวกับทรัพยากรสัตว์น้ำของไทย โดยเฉพาะปลาน้ำจืดไทยในแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาความสมดุลของระบบนิเวศ การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิถีชีวิตของชุมชนริมน้ำ การแข่งขันนี้จัดขึ้นในงาน Open House ของคณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวร เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2567

ดร.นณณ์ ผาณิตวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำ ได้ให้การสนับสนุนรางวัลการแข่งขัน โดยการมอบรางวัลให้กับผู้ชนะเลิศอันดับ 1 ซึ่งมอบโดย ดร.กัลย์กนิต พิสมยรมย์ ประธานหลักสูตรวิทยาศาสตร์การประมง คณะเกษตรศาสตร์ฯ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ในปีนี้ รางวัลชนะเลิศ ตกเป็นของ โรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี ทีมที่ 2 และยังมี รางวัลรองชนะเลิศ และ รางวัลชมเชย สำหรับทีมอื่น ๆ จากโรงเรียนเฉลิมขวัญสตรีและโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์ รวมทั้งสิ้น 24 ทีม ที่เข้าร่วมการแข่งขัน ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสนับสนุน เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 14) ซึ่งมุ่งเน้นการอนุรักษ์และการใช้ทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมสำหรับเยาวชนและชุมชนในอนาคต

กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นเวทีการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เยาวชนในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่จะมีบทบาทสำคัญในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและดูแลทรัพยากรธรรมชาติในอนาคต

มหาวิทยาลัยนเรศวรขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้การสนับสนุนและร่วมมือกันในการจัดกิจกรรมนี้ พร้อมทั้งยินดีกับนักเรียนที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันในครั้งนี้ การสนับสนุนกิจกรรมด้านการศึกษาทรัพยากรทางน้ำนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเสริมสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทย.

มหาวิทยาลัยนเรศวร สร้างพื้นที่แห่งความสุข “ตลาดโบราณย้อนยุค”

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้มีการสร้างพื้นที่แห่งความสุข “ตลาดโบราณย้อนยุค” เพื่อเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างคนในมหาวิทยาลัย, ชุมชนโดยรอบ, และผู้ประกอบการท้องถิ่น สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนในหลายมิติ โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ, สังคม, และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมาย SDGs ที่มหาวิทยาลัยให้ความสำคัญในการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ตลาดโบราณย้อนยุคไม่เพียงแต่เป็นแหล่งเลือกซื้ออาหารที่สะอาด ปลอดภัย และมีราคาที่เข้าถึงได้ แต่ยังเป็นพื้นที่ที่สะท้อนถึงการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่น ผ่านการร้อยเรียงเรื่องราวของขนมและอาหารโบราณที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม การสร้างพื้นที่เช่นนี้ช่วยเสริมสร้างการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในด้านวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งเป็นการส่งเสริมเป้าหมาย SDG 4 “การศึกษาที่มีคุณภาพ” และ SDG 11 “เมืองและชุมชนที่ยั่งยืน”

นอกจากนี้ ตลาดโบราณย้อนยุคยังเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน การเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการท้องถิ่นมีโอกาสสร้างรายได้ถือเป็นการส่งเสริม SDG 8 “การทำงานที่ดีและการเติบโตทางเศรษฐกิจ” โดยการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับธุรกิจขนาดเล็กและผู้ประกอบการในชุมชน อีกทั้งยังช่วยให้เกิดการหมุนเวียนของเงินภายในพื้นที่ ซึ่งส่งผลดีต่อการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนในท้องถิ่น

ในด้านสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยนเรศวรยังมีกิจกรรมร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยการนำขวดพลาสติกใช้แล้วมาใช้ใหม่เป็นภาชนะในการปลูกต้นไม้ เช่น การปลูกต้นไม้ในขวดพลาสติกที่เป็นวัสดุรีไซเคิล ช่วยลดการใช้พลาสติกใหม่และลดขยะในพื้นที่ ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 12 “การบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน” โดยส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การสร้างพื้นที่แห่งความสุขเช่นนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการพัฒนาความยั่งยืนในด้านเศรษฐกิจและสังคมเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนอีกด้วย มหาวิทยาลัยนเรศวรจึงเป็นต้นแบบของการพัฒนาชุมชนและสังคมที่ยั่งยืน ผ่านการใช้ความรู้ วัฒนธรรม และนวัตกรรมในทุกมิติของการพัฒนา

ม.นเรศวร เชิญชวนคิดก่อนทิ้ง คัดแยกขยะอย่างถูกต้อง สร้างมหาวิทยาลัยสีเขียวอย่างยั่งยืน

มหาวิทยาลัยนเรศวร ขอเชิญชวนบุคลากรและนิสิตทุกคนร่วมกัน คิดก่อนทิ้ง และ คัดแยกขยะให้ถูกต้อง เพื่อสนับสนุนการ ลดขยะ และการ จัดการขยะอย่างเป็นระบบ ในพื้นที่มหาวิทยาลัย โดยมีการกำหนดแนวปฏิบัติเร่งด่วนให้ทุกหน่วยงานดำเนินการตามมาตรฐานการคัดแยกขยะ เพื่อสร้างสิ่งแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

มหาวิทยาลัยได้กำหนดประเภทขยะหลัก ๆ 4 ประเภท ได้แก่ ขยะอินทรีย์/เศษอาหาร เช่น เศษอาหาร เศษผัก เนื้อสัตว์ เปลือกผลไม้ และใบไม้ ซึ่งสามารถนำไปกำจัดด้วยวิธีการหมักทำปุ๋ย, ขยะทั่วไป เช่น ถุงพลาสติก ซองขนม บรรจุภัณฑ์อาหาร ซึ่งไม่สามารถรีไซเคิลได้, ขยะรีไซเคิล เช่น ขวดพลาสติก ขวดแก้ว กระป๋อง และกระดาษ ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และ ขยะอันตราย เช่น ถ่านไฟฉาย หลอดไฟ ขวดสารเคมี กระป๋องสเปรย์ และยาฆ่าแมลง ที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม หากไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง

เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ ทุกหน่วยงานต้องจัดเตรียมถังแยกขยะตามประเภทที่กำหนด และกำกับดูแลให้บุคลากรและนิสิตในสังกัดปฏิบัติอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ กองอาคารสถานที่จะเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดเก็บ ขยะอินทรีย์/เศษอาหาร วันจันทร์ถึงศุกร์ วันละ 2 รอบ เวลา 08.00 น. และ 15.00 น. พร้อมทั้งจัดเก็บ ขยะทั่วไป ตามจุดที่กำหนดในแต่ละหน่วยงาน

การปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปกำจัด และเพิ่มสัดส่วนของขยะที่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้จริง การดำเนินงานนี้จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการขับเคลื่อนสู่การเป็นมหาวิทยาลัยที่ให้ความสำคัญกับการ จัดการขยะอย่างเป็นระบบ และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า

ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยได้กำหนดมาตรการชัดเจนในการป้องกันการนำขยะจากภายนอกเข้ามาทิ้งในพื้นที่ หากตรวจพบการกระทำผิดพร้อมหลักฐานชัดเจน จะถูกปรับเป็นเงินจำนวน 2,000 บาท เพื่อสร้างความรับผิดชอบร่วมกันในชุมชนมหาวิทยาลัย และรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของพื้นที่ส่วนรวม

โครงการนี้ยังเปิดโอกาสให้บุคลากรและนิสิตร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างวัฒนธรรมการคัดแยกขยะอย่างจริงจัง พร้อมทั้งตระหนักถึงความสำคัญของการ ลดขยะ และการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า เพื่อเป็นรากฐานในการพัฒนามหาวิทยาลัยให้เป็นต้นแบบด้านสิ่งแวดล้อมในระดับประเทศ

การดำเนินการทั้งหมดไม่เพียงแต่เป็นการจัดการเชิงนโยบาย แต่ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ตอกย้ำภาพลักษณ์มหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะสถาบันการศึกษาที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

ท้ายที่สุด ความร่วมมือจากทุกฝ่ายจะช่วยผลักดันให้การจัดการขยะในมหาวิทยาลัยนเรศวรมีความเป็นระบบมากขึ้น สร้างพื้นที่การเรียนรู้ที่สะอาด ปลอดภัย และน่าอยู่ พร้อมทั้งเป็นแรงบันดาลใจให้สังคมภายนอกเห็นถึงพลังของการ คัดแยกขยะ ที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนได้จริง

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin