Archives March 2024

ม.นเรศวร เสริมความร่วมมือ PEA ขับเคลื่อนงานวิจัยพลังงานสะอาด

วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม 2567 บุคลากรคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรารัตน์ มหาศรานนท์ รองคณบดีฝ่ายนวัตกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี ได้เข้าร่วมกิจกรรมแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) เขต 1 ภาคกลาง จังหวัดอยุธยา โดยมีนายสุชาติ อ้นรุ่ง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย นวัตกรรม และควบคุมคุณภาพอุปกรณ์ไฟฟ้า, นายภีวัช ทันตานุวัฏฏ ผู้อำนวยการกองวิจัยและควบคุมคุณภาพอุปกรณ์ไฟฟ้า และทีมงานร่วมกิจกรรม ภายใต้หัวข้อ “การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) พบ นักวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร”

กิจกรรมดังกล่าวมุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนความรู้ด้าน นวัตกรรมและเทคโนโลยีพลังงาน โดยมีการแนะนำหน่วยวิจัยพลังงานอัจฉริยะ (SE-SiL) และหน่วยงานนวัตกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัย ซึ่งเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือระหว่างนักวิจัย มหาวิทยาลัย และ PEA ในด้านงานวิจัยและบริการวิชาการในอนาคต

การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้แนะนำหน่วยงาน “กองทุนการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม” ซึ่งสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีของหน่วยงานภายนอก เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ และสามารถนำผลงานวิจัยไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานของ PEA อย่างมีประสิทธิภาพ

ขอบเขตของงานวิจัยและพัฒนาที่ได้รับการสนับสนุนมีหลายประเภท ได้แก่ การวิจัยและพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า การเตรียมรองรับปัญหาในระยะปานกลางถึงยาว และการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่สามารถนำไปขยายผลใช้ประโยชน์ในวงกว้าง ซึ่งสะท้อนถึงการสนับสนุน พลังงานสะอาดและยั่งยืน

นอกจากนี้ งานวิจัยและพัฒนาที่ส่งเสริมโดยกองทุนยังครอบคลุมด้าน Decentralization เช่น ระบบโครงข่ายไฟฟ้าขนาดเล็ก (Microgrid) ระบบผลิตไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์ (Distributed Energy Resources) และระบบจัดการพลังงาน (Energy Management System) เพื่อให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพสูงสุดและลดการสูญเสียพลังงาน

ในส่วนของ Digitalization งานวิจัยเน้นระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ (Smart Grid), เมืองอัจฉริยะ (Smart City), การบริหารจัดการพลังงาน และอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น Smart Meter และ IoT ที่ช่วยให้การจัดการพลังงานมีความแม่นยำและยั่งยืนมากขึ้น

ขอบเขต Decarbonization และ Electrification ครอบคลุมพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม น้ำ และชีวมวล รวมถึงระบบกักเก็บพลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืนของสังคม

การแลกเปลี่ยนประสบการณ์และการสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยนเรศวรกับ PEA เป็นการส่งเสริม การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมพลังงาน อย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับชุมชน อุตสาหกรรม และประเทศชาติ เพื่อขับเคลื่อนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุนการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม ติดต่อได้ที่ ฝ่ายวิจัย นวัตกรรม และควบคุมคุณภาพอุปกรณ์ไฟฟ้า โทรศัพท์ 02-590-5577 หรือเว็บไซต์ https://www.pea.co.th/ และงานนวัตกรรมและถ่ายทอดเทคโนโลยี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร https://www.sci.nu.ac.th/acadservice/index.php

ย้ำเจตนารมณ์นโยบาย “No Gift Policy” เสริมสร้างมาตรฐานทางจริยธรรมสำหรับบุคลากรมหาวิทยาลัยนเรศวร

วันพุธที่ 27 มีนาคม 2567 รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ให้เกียรติเป็นประธานเปิดกิจกรรม เสริมสร้างมาตรฐานทางจริยธรรมสำหรับบุคลากรมหาวิทยาลัยนเรศวร ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ภายในงานมีการบรรยายพิเศษในหัวข้อ “การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวมหรือผลประโยชน์ทับซ้อนในการปฏิบัติราชการ (Conflict of Interest : COI)” โดย นายวิฑูรย์ วรโชติพงศ์พันธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษประจำสำนักงานอธิการบดี

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ดำเนินการโดย งานบริหารความเสี่ยง สำนักงานอธิการบดี เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความตระหนักแก่บุคลากรในทุกหน่วยงานของมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 300 คน ณ ห้องประชุมเอกาทศรถ 301 อาคารเอกาทศรถ ชั้น 3

นโยบาย “No Gift Policy” ที่มหาวิทยาลัยนเรศวรประกาศย้ำเจตนารมณ์นั้น ถือเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญเพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดมั่นในความโปร่งใส ป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน และส่งเสริมการปฏิบัติราชการอย่างมีธรรมาภิบาล โดยการงดรับของขวัญหรือสิ่งตอบแทนทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่

การบรรยายในหัวข้อผลประโยชน์ทับซ้อนได้ให้ความรู้แก่บุคลากรเกี่ยวกับแนวทางการป้องกันความขัดแย้งระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวม รวมถึงการสร้างความตระหนักถึงความรับผิดชอบและความซื่อสัตย์สุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ซึ่งถือเป็นหัวใจของการพัฒนามหาวิทยาลัยอย่างยั่งยืน

กิจกรรมครั้งนี้ยังเป็นการสร้างโอกาสให้บุคลากรได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสะท้อนมุมมองที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านจริยธรรมและธรรมาภิบาล เพื่อพัฒนากลไกและมาตรการที่มีความชัดเจนและทันสมัย ตอบสนองต่อบริบทการบริหารจัดการที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญต่อการพัฒนาบุคลากรให้มีคุณธรรม จริยธรรม และมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยนโยบาย “No Gift Policy” ถือเป็นสัญลักษณ์ของความตั้งใจที่จะสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยึดมั่นในหลักความโปร่งใส ความยุติธรรม และความถูกต้อง

กิจกรรมครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการ เสริมสร้างมาตรฐานทางจริยธรรมสำหรับบุคลากร เพื่อก้าวสู่การเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นที่เชื่อมั่นของสังคม โดยการยึดหลักธรรมาภิบาลควบคู่กับการพัฒนาที่ยั่งยืน

ม.นเรศวร ต้อนรับ กฟภ. ศึกษาดูงานระบบไมโครกริด เสริมความร่วมมือด้านพลังงานสะอาด

วันอังคารที่ 26 มีนาคม 2567 รองศาสตราจารย์ ดร.นิพนธ์ เกตุจ้อย ผู้อำนวยการ SGtech พร้อมด้วยผู้บริหาร อาจารย์ และบุคลากร ได้ให้การต้อนรับคณะผู้บริหารและบุคลากรจากฝ่ายวิจัย นวัตกรรม และควบคุมคุณภาพอุปกรณ์ไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในการเข้าศึกษาดูงานด้านระบบไมโครกริด ภายใต้โครงการ “งานศึกษาและทดลองระบบบริหารจัดการรักษาสมดุลของระบบจำหน่ายแรงดันต่ำเพื่อรองรับ Disruptive Technology (Balanced LV)”

การศึกษาดูงานครั้งนี้มุ่งเน้นการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับ ระบบไมโครกริด (Microgrid) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญในการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้า โดยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และรองรับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงทางด้านพลังงานในอนาคต

ภายในกิจกรรมมีการบรรยายและให้ความรู้โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ยอดธง เม่นสิน รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พรทิพย์ เม่นสิน และ ดร.อัญชิษฐา ปราสาททรัพย์ ซึ่งได้อธิบายถึงแนวทางการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ และแนวโน้มการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพลังงานไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

โครงการดังกล่าวสะท้อนถึงการส่งเสริม นวัตกรรมด้านพลังงานสะอาด และการใช้เทคโนโลยีที่สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนการลดภาวะโลกร้อน และการสร้างสมดุลระหว่างความต้องการใช้พลังงานกับการรักษาสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ การศึกษาดูงานยังเป็นเวทีในการสร้าง ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และการพัฒนาโครงการร่วมกัน อันจะนำไปสู่การยกระดับคุณภาพงานวิจัยและการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสังคม

การมีส่วนร่วมของนักวิชาการและบุคลากรในครั้งนี้ยังช่วยผลักดันการประยุกต์ใช้ พลังงานหมุนเวียนและการจัดการพลังงานอัจฉริยะ ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการรองรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ และตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในภาพรวม การศึกษาดูงานระบบไมโครกริดครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของมหาวิทยาลัยในการสนับสนุนการใช้พลังงานอย่างยั่งยืน และเป็นตัวอย่างที่ดีของการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษาและภาคพลังงาน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่สอดคล้องกับแนวทางความยั่งยืนในระดับประเทศและระดับสากล

ม.นเรศวร แบ่งปันความสดใส สู่การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัดกิจกรรมในโครงการ “แบ่งปันความสดใส” ณ อาคารอุทยานองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และสร้างการมีส่วนร่วมของบุคลากร นิสิต และประชาชนทั่วไป ในการดูแลสิ่งแวดล้อมและสร้างพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน

โครงการนี้มีแนวคิดสำคัญคือการนำน้ำที่ผ่านกระบวนการ รีไซเคิล กลับมาใช้หมุนเวียนเพื่อดูแลต้นไม้ในพื้นที่ต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพช่วยลดการใช้น้ำประปาและเพิ่มคุณค่าของการจัดการทรัพยากรน้ำ ซึ่งสอดคล้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน

นอกจากการดูแลต้นไม้แล้ว กิจกรรมยังได้มีการ แจกจ่ายไม้ดอกกระถาง หลังจากเสร็จสิ้นงานพระราชทานปริญญาบัตร โดยนำไม้ดอกกระถางที่ใช้ตกแต่งงานมาแบ่งปันให้กับบุคลากร นิสิต และประชาชนที่สนใจ เพื่อนำกลับไปตกแต่งสวนภายในบ้านหรือที่ทำงาน ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของทรัพยากรและลดการสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์

การดำเนินการในลักษณะนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้เกิดความสวยงามและความสดใสในพื้นที่ส่วนบุคคล แต่ยังเป็นแนวทางที่แสดงถึงการ ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดการทิ้งขยะจากไม้ดอกกระถาง และเป็นตัวอย่างที่ดีในการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างมีระบบ

ในด้านการจัดการเชิงปฏิบัติ กองอาคารสถานที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากการลดภาระในการเก็บและขนย้ายไม้ดอกกระถางหลังจบงาน ทำให้การดำเนินงานมีความคล่องตัวมากขึ้น และลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บและกำจัดวัสดุเหลือใช้

โครงการยังสะท้อนถึงความร่วมมือของ ทีมงานคุณภาพ ที่มุ่งเน้นการสร้างกิจกรรมที่มีคุณค่า ไม่เพียงแต่ต่อสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัย แต่ยังขยายผลไปสู่ชุมชนโดยรอบ ผ่านการแบ่งปันต้นไม้และการสร้างความตระหนักรู้ในการใช้ทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ

ในภาพรวม โครงการ “แบ่งปันความสดใส” เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการจัดการทรัพยากรที่ผสมผสานการอนุรักษ์ การลดขยะ และการใช้น้ำอย่างยั่งยืน อันเป็นส่วนสำคัญของการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยไปสู่การเป็นสถาบันที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และมีบทบาทเชิงบวกต่อสังคมในระยะยาว

ม.นเรศวร เสริมสร้างทัศนคติการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าของนิสิตพิการ

วันที่ 23 มีนาคม 2567 – มหาวิทยาลัยนเรศวรจัดโครงการ “DSS NU for Friends” เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจและสร้างเครือข่ายระหว่างนิสิตพิการและนิสิตทั่วไป โครงการจัดขึ้น ณ บ้านสวนรีสอร์ท จังหวัดสุโขทัย ระหว่างวันที่ 23–24 มีนาคม 2567 โดยมีนิสิตพิการ อาจารย์ เจ้าหน้าที่ และนิสิตจิตอาสาพี่เลี้ยงเข้าร่วมกว่า 50 คน

โครงการมุ่งเน้นการเสริมสร้างทัศนคติที่ดีต่อผู้พิการในสังคมและพัฒนาการใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าของนิสิตพิการ ให้เข้าใจวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของผู้พิการแต่ละประเภท รวมถึงสร้างความตระหนักในการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นอย่างเหมาะสม

กิจกรรมภายในโครงการประกอบด้วยการฝึกทักษะการช่วยเหลือเพื่อนนิสิตพิการ การจัดเวิร์กชอปและกิจกรรมกลุ่มเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างนิสิตพิการ อาจารย์ เจ้าหน้าที่ และนิสิตทั่วไป เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายสนับสนุนระหว่างกันในอนาคต

การจัดโครงการครั้งนี้ยังสอดคล้องกับแนวคิดการศึกษาเพื่อความเท่าเทียมและการเรียนรู้ตลอดชีวิต ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกคนในการสร้างสังคมที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และสนับสนุนการพัฒนานิสิตให้มีคุณภาพด้านความรับผิดชอบต่อสังคม

นางพรธิดา บุญยะโรจน์ ผู้อำนวยการกองกิจการนิสิต เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ พร้อมทั้งให้กำลังใจและสร้างแรงบันดาลใจให้นิสิตทุกคนในการเข้าร่วมกิจกรรมอย่างเต็มที่

วิทยากรจากสมาคมอาสาสมัครสร้างสุขพิษณุโลก โดยคุณปิยพงษ์ ชมสวนมั่งมี และทีมงาน ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ พร้อมให้คำแนะนำในการสร้างทัศนคติบวกและการดูแลช่วยเหลือนิสิตพิการอย่างเหมาะสม

บรรยากาศการเข้าร่วมโครงการเต็มไปด้วยความสนุกสนานและการสร้างมิตรภาพดีๆ ระหว่างผู้เข้าร่วม ทั้งนิสิตพิการและนิสิตทั่วไป ส่งเสริมการสร้างเครือข่ายสนับสนุนซึ่งกันและกัน และพัฒนาทัศนคติด้านความเท่าเทียม ความร่วมมือ และการมีส่วนร่วมในสังคมอย่างยั่งยืน

ม.นเรศวร ขับเคลื่อนโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดไม่สร้างมลพิษและลดก๊าซเรือนกระจก

วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม 2567 สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 3 ได้ลงพื้นที่ติดตามผลการดำเนินงานโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาหอพักนิสิตและอาคารบริการ (อาคารขวัญเมือง) มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นโครงการต้นแบบที่ช่วยส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดไม่สร้างมลพิษ และยังมีส่วนสำคัญต่อการ ลดก๊าซเรือนกระจก

โครงการนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER) ถือเป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผ่านการใช้พลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน

การติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนอาคารและหอพักนิสิตไม่เพียงช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน แต่ยังช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณมาก อันเป็นการมีส่วนร่วมโดยตรงต่อการ ลดก๊าซเรือนกระจก และบรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกร้อน

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้วางเป้าหมายในการเป็นพื้นที่ต้นแบบของสถาบันอุดมศึกษาที่บริหารจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และยังสร้างพื้นที่เรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานสะอาดสำหรับนิสิต บุคลากร และชุมชน เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานหมุนเวียน

นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวยังเป็นการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทน การร่วมมือในลักษณะนี้เป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาพลังงานสะอาดของประเทศให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม

การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในมหาวิทยาลัยนเรศวร ยังช่วยสนับสนุนนโยบายพลังงานสะอาดระดับชาติและสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อม

ดังนั้น การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดไม่สร้างมลพิษและการลดก๊าซเรือนกระจก ผ่านโครงการนี้ ไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัยและชุมชนเท่านั้น แต่ยังเป็นต้นแบบที่สามารถขยายผลไปสู่สถาบันอื่น ๆ และหน่วยงานในระดับประเทศ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนต่อไป

ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการและความเคลื่อนไหวด้านพลังงานสะอาดของมหาวิทยาลัยนเรศวรได้ที่ SGTech Naresuan University, Instagram SGTech และ Facebook SGTech NU

NU SciPark ม.นเรศวร ร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ

วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม 2567 ดร.พิสุทธิ์ อภิชยกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วยบุคลากรอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร (NU SciPark) เข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการ “ถ่ายทอดองค์ความรู้และแนวทางการพัฒนาสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ” ณ ห้องประชุมนารายณ์ ชั้น 3 สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพิษณุโลก

กิจกรรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายทรงพล วิชัยขัทคะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานกล่าวเปิดการอบรม โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 30 คน จากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาควิชาการ ร่วมกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้และหารือแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนในพื้นที่เป้าหมาย

ภายในงานมีวิทยากรจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับหลักการและแนวคิดเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ พร้อมทั้งให้คำแนะนำด้านการดำเนินงานเชิงบูรณาการ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการจัดการสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในระดับพื้นที่

การอบรมยังครอบคลุมถึงการทบทวนและวางแนวทางการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2566–2570) สำหรับพื้นที่ตำบลดอนทอง–บ้านป่า จังหวัดพิษณุโลก เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Pre-EIT) ที่มีความสมดุลทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชน

การมีส่วนร่วมของมหาวิทยาลัยนเรศวรและ NU SciPark ในกิจกรรมครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของสถาบันอุดมศึกษาในการเป็นกลไกกลางเชื่อมโยงองค์ความรู้ งานวิจัย และนวัตกรรม เพื่อนำไปสู่การพัฒนาระบบนิเวศอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การขับเคลื่อนเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา เพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ทั้งในด้านการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการของเสีย และการสร้างมูลค่าเพิ่มจากเศรษฐกิจหมุนเวียน

มหาวิทยาลัยนเรศวร โดย NU SciPark จะยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ และสร้างพื้นที่ต้นแบบที่สะท้อนความสำเร็จในการบูรณาการองค์ความรู้ เทคโนโลยี และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน

ม.นเรศวร คว้ารางวัลสถาบันอุดมศึกษากลุ่มพัฒนาการวิจัยระดับแนวหน้าของโลก ประจำปี 2566

วันพุธที่ 27 มีนาคม 2567 ศาสตราจารย์ ดร.กรกนก อิงคนินันท์ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.เนติ วระนุช ผู้อำนวยการสถานวิจัยเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เข้ารับรางวัล สถาบันอุดมศึกษา กลุ่มพัฒนาการวิจัยระดับแนวหน้าของโลก ประจำปี พ.ศ.2566 ด้านที่ 3 การสร้างและพัฒนาระบบนิเวศด้านการวิจัย ประเภทรางวัลชมเชย โดยได้รับเกียรติจากคุณศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นผู้มอบรางวัล ณ ห้อง Eternity Ballroom โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ ถนนรางน้ำ กรุงเทพมหานคร

รางวัลดังกล่าวเป็นการยกย่องและตระหนักในคุณค่าของผลงานการพัฒนาระบบนิเวศด้านการวิจัย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างกำลังคนด้านการวิจัยของประเทศ พร้อมทั้งกระตุ้นให้นำผลงานวิจัยและองค์ความรู้ขั้นสูงไปต่อยอดสู่การพัฒนานวัตกรรมที่สามารถเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับประเทศและระดับโลก

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบนิเวศวิจัยที่มีคุณภาพ โดยการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาในระดับนานาชาติ อันจะช่วยผลักดันการวิจัยที่มีคุณค่าและตอบโจทย์ความต้องการของสังคมและอุตสาหกรรม

การได้รับรางวัลครั้งนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการทำงานอย่างบูรณาการของคณาจารย์ นักวิจัย และบุคลากรในมหาวิทยาลัย ที่ร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิจัย ระบบสนับสนุน และบรรยากาศที่เอื้อต่อการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยนเรศวรยังคงเน้นบทบาทสำคัญในฐานะศูนย์กลางทางวิชาการและการวิจัย โดยส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ การบ่มเพาะนักวิจัยรุ่นใหม่ และการสร้างแพลตฟอร์มที่ช่วยสนับสนุนการวิจัยเชิงลึก รวมถึงการพัฒนางานที่สามารถแข่งขันได้ในเวทีนานาชาติ

การสร้างและพัฒนาระบบนิเวศด้านการวิจัยยังมีความสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เนื่องจากสามารถนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนของประเทศด้วยองค์ความรู้และนวัตกรรมที่เหมาะสมกับบริบทของสังคมไทย

มหาวิทยาลัยนเรศวรจะเดินหน้าต่อไปในการส่งเสริมนวัตกรรมการวิจัย เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ขยายผลการพัฒนา และสร้างความร่วมมือระดับโลก เพื่อยกระดับคุณภาพงานวิจัยของไทย และตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาประเทศในอนาคตอย่างมั่นคง

อ้างอิง: ประกาศกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

ม.นเรศวร วิจัยแก้จน ขจัดความยากจนด้วยข้อมูลเชิงพื้นที่

มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) จัดกิจกรรมแสดงผลงานวิจัยแก้ไขปัญหาความยากจนจังหวัดพิษณุโลก ภายใต้โครงการศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ ภาคเหนือตอนล่าง ระยะที่ 3 โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.จิรวัฒน์ พิระสันต์ อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยนเรศวร ทำหน้าที่หัวหน้าโครงการวิจัย พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม เข้าร่วมอย่างกว้างขวาง ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก

โครงการวิจัยดังกล่าวมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความยากจนในเชิงโครงสร้าง โดยใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่เพื่อวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงของความยากจน และออกแบบแนวทางแก้ไขอย่างตรงจุด การดำเนินงานในลักษณะนี้ถือเป็นการบูรณาการระหว่างงานวิจัยและการปฏิบัติจริง ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างความมั่นคงในชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะ SDG1 การขจัดความยากจน ที่มุ่งสร้างระบบสนับสนุนให้ครัวเรือนเปราะบางสามารถเข้าถึงโอกาสทางอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคง และสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ ตลอดจนลดความเหลื่อมล้ำในสังคมให้เกิดความเท่าเทียม

การดำเนินงานของโครงการยังสอดคล้องกับ SDG10 การลดความเหลื่อมล้ำ โดยเน้นการสร้างโอกาสที่เท่าเทียมแก่กลุ่มประชากรทุกช่วงวัย ทุกสถานะ และทุกชุมชนในจังหวัดพิษณุโลก ผ่านกลไกการทำงานร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานท้องถิ่น และภาคประชาชน เพื่อขยายผลการพัฒนาที่ทั่วถึงและเป็นธรรม

นอกจากนี้ โครงการยังสะท้อนถึงความสำคัญของ SDG17 ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ที่เกิดจากการประสานพลังของหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัย หน่วยงานสนับสนุนทุนอย่าง บพท. ภาคธุรกิจ และเครือข่ายภาคประชาชน ที่ร่วมกันขับเคลื่อนการวิจัยสู่การปฏิบัติจริง อันนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความยากจนได้อย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง

ผลงานวิจัยที่นำเสนอในการจัดแสดงครั้งนี้ นอกจากจะแสดงให้เห็นแนวทางแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงพื้นที่แล้ว ยังเป็นแรงบันดาลใจให้หน่วยงานอื่น ๆ นำไปปรับใช้ในพื้นที่ของตนเอง ถือเป็นการขยายผลที่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันและสร้างนวัตกรรมการแก้ไขปัญหาความยากจนที่เหมาะสมกับบริบทท้องถิ่น

ในอนาคต มหาวิทยาลัยนเรศวรจะยังคงยึดมั่นในบทบาท “มหาวิทยาลัยเพื่อสังคม” ที่มุ่งผลิตงานวิจัยเชิงคุณภาพเพื่อแก้ไขปัญหาของสังคมจริง พร้อมทั้งทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไปสู่ความยั่งยืน ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างสังคมที่มีความมั่นคง มั่งคั่ง และเป็นธรรมอย่างแท้จริง

ชมวิดีโอ Facebook: วิจัยแก้จน

ม.นเรศวร ร่วมกับ บพท. จัดแสดงผลงานวิจัย “แก้จน” ภายใต้โครงการศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาความยากจนเบ็ดเสร็จและแม่นยำฯ

วันอังคารที่ 19 มีนาคม 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) จัดแสดง “ผลงานวิจัยแก้ไขปัญหาความยากจนจังหวัดพิษณุโลก” ภายใต้โครงการศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ ภาคเหนือตอนล่าง ระยะที่ 3 โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.จิรวัฒน์ พิระสันต์ อาจารย์คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นหัวหน้าโครงการวิจัย

พิธีเปิดได้รับเกียรติจาก นายพชรเสฏฐ์ บุญศิริสาริศา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานในงาน และ ดร.ยุทธพงษ์ ทองพบ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม ผู้แทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร เข้าร่วมกิจกรรม ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนเข้าร่วมอย่างคับคั่ง

โครงการนี้มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาในเชิงโครงสร้าง ด้วยการใช้ข้อมูลวิจัยเชิงพื้นที่ เพื่อระบุปัญหาที่แท้จริงและออกแบบแนวทางแก้ไขอย่างแม่นยำ ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมาย SDG1 ขจัดความยากจน โดยการสร้างระบบสนับสนุนที่ช่วยให้ครัวเรือนเปราะบางสามารถเข้าถึงโอกาสในการประกอบอาชีพ มีรายได้ที่มั่นคง และสามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ

นอกจากการลดความยากจนแล้ว โครงการยังมีบทบาทสำคัญในการ ลดความเหลื่อมล้ำ (SDG10) ผ่านการสร้างโอกาสให้กับกลุ่มประชากรที่ด้อยโอกาส ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้านในพื้นที่ชนบท ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และครัวเรือนที่มีรายได้น้อย ให้สามารถเข้าถึงทรัพยากร บริการทางสังคม และนวัตกรรมที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยลดช่องว่างระหว่างกลุ่มคนในสังคมอย่างยั่งยืน

อีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการ คือการสร้าง ความร่วมมือ (SDG17) ระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนในพื้นที่ เพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และหาแนวทางแก้ปัญหาเชิงบูรณาการ การทำงานร่วมกันในลักษณะนี้แสดงให้เห็นถึงการผนึกกำลังเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม และต่อยอดไปสู่การแก้ไขปัญหาในระดับประเทศ

การจัดแสดงผลงานในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นการเผยแพร่งานวิจัยเชิงวิชาการ แต่ยังเป็นเวทีให้ชุมชนได้เห็นตัวอย่างของนวัตกรรมและแนวปฏิบัติที่สามารถนำไปใช้จริงในชีวิตประจำวัน ทั้งในด้านอาชีพ การพัฒนาทักษะ และการสร้างเครือข่ายชุมชนที่เข้มแข็ง ซึ่งจะช่วยสร้างผลลัพธ์ในระยะยาว

มหาวิทยาลัยนเรศวรจึงตอกย้ำบทบาทของสถาบันอุดมศึกษาในการเป็น ศูนย์กลางความรู้เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเชื่อมโยงการวิจัยกับการแก้ปัญหาเชิงพื้นที่และสังคม ซึ่งไม่เพียงตอบโจทย์การแก้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของประเทศ ผ่านการสร้างสังคมที่เท่าเทียม มีคุณภาพชีวิตที่ดี และยั่งยืนในระยะยาว

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin