Archives March 2024

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสุขภาพจิตที่ดี ด้วยแบบสำรวจสุขภาพจิตของคุณ

วันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน 2567 มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการดูแล สุขภาพจิตของบุคลากร โดยดำเนินการจัดทำแบบสำรวจการประเมินระดับสุขภาพจิต เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบในการวางแผนและกำหนดแนวทางการดูแลสุขภาพจิตของบุคลากรในระยะยาว การดำเนินงานครั้งนี้สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 3) ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างสุขภาวะที่ดีและคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืนแก่ทุกคน

แบบสำรวจดังกล่าวพัฒนาขึ้นโดยอ้างอิงจากข้อมูลของ กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ได้มีความถูกต้องตามมาตรฐาน และสามารถนำไปใช้วางแผนเชิงระบบได้จริง โดยข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อระบุแนวโน้มและประเมินระดับสุขภาพจิตของบุคลากร พร้อมทั้งพิจารณาความจำเป็นในการให้การดูแลหรือสนับสนุนเพิ่มเติม

เมื่อผลการประเมินพบว่าบุคลากรมีความเสี่ยงหรือมีภาวะที่ต้องเฝ้าระวัง มหาวิทยาลัยจะดำเนินการให้ คำแนะนำด้านสุขภาพจิต อย่างเหมาะสม รวมถึงการเข้ารับคำปรึกษาจากหน่วยงานสนับสนุนภายใน เช่น NU Friendzone Clinic ซึ่งให้บริการคำปรึกษาทางจิตใจในรูปแบบที่เข้าถึงง่าย และยังสามารถประสานการส่งต่อไปยังหน่วยบริการทางการแพทย์เมื่อมีความจำเป็น

มหาวิทยาลัยนเรศวรยังทำงานร่วมกับหน่วยงานภายในและภายนอกอย่างเป็นระบบ ได้แก่ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจิตเวชพิษณุโลก กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข และสายด่วนสุขภาพจิต ความร่วมมือดังกล่าวช่วยเสริมความเข้มแข็งของเครือข่ายการดูแลสุขภาพจิตในระดับสถาบัน และเปิดโอกาสให้บุคลากรสามารถเข้าถึงการสนับสนุนได้อย่างทั่วถึง

การพัฒนาแบบสำรวจและการวางระบบดูแลสุขภาพจิตนี้ ไม่เพียงมุ่งเน้นการป้องกันและแก้ไขปัญหาสุขภาพจิต แต่ยังส่งเสริมให้บุคลากรเกิดความตระหนักรู้ถึงการดูแลตนเอง การจัดสมดุลชีวิต และการสร้างความเข้มแข็งทางจิตใจควบคู่ไปกับการทำงาน

วัครงการดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการสร้าง สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพจิตและการเรียนรู้ อย่างเป็นระบบและยั่งยืน ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตบุคลากร พร้อมทั้งสนับสนุนการพัฒนามหาวิทยาลัยในมิติทางสังคมอย่างต่อเนื่อง

ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองบริหารงานบุคคล มหาวิทยาลัยนเรศวร โทรศัพท์ 055-961172 ภายใน 1172 หรือสแกน QR Code จากแบบสำรวจสุขภาพจิตที่เผยแพร่ตามช่องทางประชาสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัย

ม.นเรศวร สำรวจโซเดียมในอาหารมหาวิทยาลัย ชูแนวทางลดความเสี่ยงโรคจากการบริโภคอาหารรสเค็ม

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2567 หน่วยเวชปฏิบัติชุมชน คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าโพธิ์ และกองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดกิจกรรมสำรวจปริมาณโซเดียมในอาหารโดยใช้เครื่องวัดความเค็ม (Salt Meter) เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับระดับโซเดียมในอาหารที่จำหน่ายในพื้นที่มหาวิทยาลัย กิจกรรมนี้ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการส่งเสริมสุขภาพ ลดปัจจัยเสี่ยงจากการบริโภคอาหารไม่เหมาะสม และสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมุ่งเน้นไปที่การ ลดความเสี่ยงโรคจากการบริโภคอาหารรสเค็ม

การดำเนินการสำรวจในโรงอาหารของหอพักมหาวิทยาลัย จำนวน 12 ร้านค้า ครอบคลุมเมนูอาหาร 13 ชนิด พบว่าอาหารที่มีระดับความเค็มน้อยมีจำนวน 9 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 69.23 อาหารที่มีระดับความเค็มมากจำนวน 3 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 23.08 และอาหารที่อยู่ในระดับเริ่มเค็ม 1 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 7.69 ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการปรับปรุงการปรุงอาหารเพื่อลดปริมาณโซเดียมลง

นอกจากนี้ ยังได้ทำการสำรวจร้านค้ารอบมหาวิทยาลัยนเรศวรจำนวน 10 ร้านค้า ครอบคลุมเมนูอาหาร 10 ชนิด พบว่าอาหารที่มีความเค็มน้อย 5 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 50 อาหารที่เริ่มเค็ม 4 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 40 และอาหารที่เค็มมาก 1 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 10 สะท้อนถึงความหลากหลายในการใช้เครื่องปรุงรส และชี้ให้เห็นว่ามีพื้นที่ในการพัฒนาคุณภาพอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น

กระบวนการสำรวจไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการเก็บข้อมูล แต่ยังเป็นการให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบการร้านค้า โดยเฉพาะการลดการใช้น้ำปลาและเกลือที่เป็นแหล่งโซเดียมหลัก คำแนะนำดังกล่าวเน้นการสร้างสมดุลระหว่างรสชาติอาหารและสุขภาพ เพื่อให้ผู้บริโภคยังคงได้รับความอร่อยโดยไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

อีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญคือการติดสติกเกอร์บอกระดับความเค็มของอาหารในร้านที่มีเมนูความเค็มน้อยจำนวน 14 ร้าน เพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเลือกเมนูที่ดีต่อสุขภาพได้ง่ายขึ้น วิธีการนี้ไม่เพียงสร้างการรับรู้ แต่ยังช่วยกระตุ้นให้ผู้ประกอบการเห็นความสำคัญในการปรับสูตรอาหารเพื่อลดโซเดียมลง

การลดโซเดียมในอาหารมีผลโดยตรงต่อการลดความเสี่ยงของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคไต การดำเนินกิจกรรมในครั้งนี้จึงเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในระยะยาว

โครงการนี้ยังเป็นการเพิ่มพูนความรู้ให้กับนิสิตและบุคลากรในมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับผลกระทบของโซเดียมต่อสุขภาพ สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคสู่ทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างชุมชนมหาวิทยาลัยที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม

ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และหน่วยงานท้องถิ่น แสดงให้เห็นถึงการบูรณาการเพื่อการพัฒนาที่เข้มแข็ง และตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาในมิติของสุขภาพ โภชนาการ และความร่วมมือระดับภาคีเครือข่าย เพื่อสร้างสังคมที่มีความยั่งยืนและสุขภาพดีในระยะยาว

ที่มา: คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร จับมือ มช. ลงนาม MOU ความร่วมมือวิจัยเพื่อการลดก๊าซเรือนกระจกในภาคพลังงาน

วันพุธที่ 20 มีนาคม 2567 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษาและการพัฒนางานวิจัยเพื่อส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจกในภาคพลังงานของประเทศ พิธีลงนามจัดขึ้น ณ ห้องประชุมตะวัน กังวานพงศ์ อาคารยุทธศาสตร์ สำนักงานมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยมีผู้บริหารและผู้แทนทั้งสองสถาบันเข้าร่วมเป็นสักขีพยานอย่างพร้อมเพรียง

การลงนามครั้งนี้ นำโดย ศาสตราจารย์ ดร.นายแพทย์พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสองมหาวิทยาลัยในการบูรณาการองค์ความรู้และศักยภาพด้านวิชาการเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ท้าทายในปัจจุบัน

บันทึกความร่วมมือ (MOU) ฉบับนี้ให้ความสำคัญกับการ ศึกษาและพัฒนางานวิจัยด้านการลดก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะในภาคพลังงาน ซึ่งเป็นภาคส่วนที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปริมาณสูงและส่งผลโดยตรงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การร่วมมือดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาองค์ความรู้ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์จริงทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ

ภายใต้กรอบความร่วมมือ ทั้งสองมหาวิทยาลัยจะมีการ ประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูล ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสร้างเครือข่ายวิจัยที่เข้มแข็งเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมด้านพลังงานสะอาดและการลดการปล่อยคาร์บอน ความร่วมมือนี้มีระยะเวลา 3 ปี ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

ในพิธีลงนามได้รับเกียรติจากผู้บริหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เข้าร่วม ได้แก่ รองศาสตราจารย์ประเสริฐ ฤกษ์เกรียงไกร รองอธิการบดี, รองศาสตราจารย์ ดร.วินิตา บุณโยดม รองอธิการบดี, ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.สัญชัย จตุรสิทธา, และ รองศาสตราจารย์วงกต วงศ์อภัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ รวมทั้งคณะผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องที่เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน

การร่วมมือครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของสถาบันอุดมศึกษาของไทยในการมีบทบาทเชิงรุกต่อการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคพลังงาน ที่สอดคล้องกับนโยบายพลังงานสะอาดและการพัฒนาที่ยั่งยืน การบูรณาการงานวิจัยจึงไม่เพียงแต่สนับสนุนด้านวิชาการ แต่ยังช่วยสร้างต้นแบบในการจัดการพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และมหาวิทยาลัยนเรศวรยังเป็น การสร้างความร่วมมือเชิงพันธมิตรของมหาวิทยาลัยในภูมิภาคเดียวกัน ที่มุ่งสร้างพลังร่วมในการพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อม ความร่วมมือนี้ไม่เพียงมุ่งหวังผลประโยชน์เฉพาะสถาบัน แต่ยังเป็นกลไกสนับสนุนการดำเนินงานตามพันธกรณีของประเทศและความร่วมมือระดับโลกในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

โครงการความร่วมมือนี้จึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการเชื่อมโยงการวิจัยและการจัดการพลังงานเข้ากับเป้าหมายความยั่งยืนของโลก โดยเน้นทั้งการ ลดก๊าซเรือนกระจก และการสร้าง เครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการในระดับภูมิภาค เพื่อสนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมของประเทศในระยะยาว

การอบรมเชิงปฏิบัติการ การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(BLS Provider)

โรงพยาบาลทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร์ จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน(BLS Provider) เรื่อง “การดูแลผู้ป่วยในภาวะการแพ้รุนแรงเฉียบพลัน (anaphylaxis)” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมในกรณีที่อาจเกิดเหตุอันไม่พึงประสงค์หรือเกิดภาวะฉุกเฉินภายในโรงพยาบาลทันตกรรม โดย อ.นพ.ทพ.สุรัตน์ แสงจินดา ในวันจันทร์ที่ 18 มีนาคม 2567 เวลา 09.00 – 12.00 น. ณ ชั้น 2 DT3227 ห้องเรียนบรรยาย (ห้องสโลป) โรงพยาบาลทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ลงนาม MOU ความร่วมมือทางวิชาการกับกลุ่มโรงแรมระดับ Luxury เพื่อพัฒนาศักยภาพนิสิตสู่ตลาดแรงงานคุณภาพ

วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม 2567 คณะบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์และการสื่อสาร มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) ร่วมกับกลุ่มโรงแรมระดับ Luxury hotel จำนวน 4 แห่ง ณ ห้อง Convention Hall ชั้น 6 คณะบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์และการสื่อสาร มหาวิทยาลัยนเรศวร โดยมีผู้บริหาร คณาจารย์ และนิสิตภาควิชาการท่องเที่ยวเข้าร่วมเป็นสักขีพยานอย่างพร้อมเพรียง

พิธีลงนามได้รับเกียรติกล่าวเปิดโดย รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร และกล่าวรายงานโดย รองศาสตราจารย์ ดร.วิชญานัน รัตนวิบูลย์สม คณบดีคณะบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์และการสื่อสาร ซึ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือทางวิชาการระหว่างสถาบันการศึกษาและภาคอุตสาหกรรมในการ ส่งเสริมและพัฒนาการเรียนการสอน เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาและการพัฒนาศักยภาพบัณฑิต

ความร่วมมือในครั้งนี้ประกอบด้วยโรงแรมในเครือชั้นนำ ได้แก่ เครือ Marriott International ประเทศไทย ซึ่งเปิดโอกาสให้นิสิตเข้าร่วมฝึกประสบการณ์กับโรงแรมกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ โดยมีแนวทางหลักในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลอย่างยั่งยืน เน้นการดูแลผู้คนเป็นอันดับแรก และสนับสนุนการเติบโตของคนไทยให้สามารถพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพ

อีกทั้งยังมี โรงแรมโรสวูด แบงคอก และโรงแรมโรสวูด ภูเก็ต ที่ให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนกับผู้คนและสังคม เชื่อว่าทรัพยากรมนุษย์คือคุณค่าที่เหนือกว่าผลกำไรเชิงพาณิชย์ พร้อมทั้งดำเนินงานที่สอดคล้องกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ถือเป็นพันธกิจที่ช่วยส่งเสริมการพัฒนาอย่างรอบด้าน

นอกจากนี้ยังมี กลุ่มโรงแรมเครือกะตะธานีคอลเลคชั่น ที่เข้าร่วมเป็นภาคีเครือข่าย โดยเน้นการพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านการท่องเที่ยวและการโรงแรม เพื่อสนับสนุนความต้องการของตลาดแรงงานและยกระดับคุณภาพการบริการของอุตสาหกรรมโรงแรมไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

การลงนาม MOU ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้นิสิตภาควิชาการท่องเที่ยวและภาควิชาที่เกี่ยวข้องได้เข้าร่วม การฝึกงานและสหกิจศึกษา โดยตรงกับสถานประกอบการจริง ซึ่งเป็นการบูรณาการการเรียนรู้กับการปฏิบัติงานจริงอย่างเป็นระบบ ช่วยพัฒนาทักษะวิชาชีพ การบริการ และการจัดการที่จำเป็นต่อการทำงานในอนาคต

ความร่วมมือนี้ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยกับภาคอุตสาหกรรมที่เอื้อต่อการ พัฒนาคุณภาพการศึกษา (Quality Education) และการ ส่งเสริมโอกาสการทำงานที่มีคุณค่า (Decent Work Opportunities) ซึ่งสอดคล้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืนทั้งด้านการผลิตบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ และการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ

โครงการดังกล่าวจึงเป็นก้าวสำคัญของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการยกระดับการเรียนการสอนให้ทันสมัย เชื่อมโยงกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการสร้างบัณฑิตที่มีความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างมีคุณภาพ และเป็นกำลังสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต

ม.นเรศวร ร่วมกับ บพท. เปิดตัวโครงการวิจัย ‘แก้ปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จในภาคเหนือตอนล่าง’

โครงการวิจัย “การศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำภาคเหนือตอนล่าง: กรณีศึกษาจังหวัดพิษณุโลก” ซึ่งจัดโดย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยนเรศวร ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการนำวิจัยและนวัตกรรมมาใช้ในการแก้ไขปัญหาความยากจนในระดับท้องถิ่น โครงการนี้มีเป้าหมายสำคัญในการศึกษาปัญหาความยากจนในภาคเหนือตอนล่าง โดยเฉพาะในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งมีความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคมที่ซับซ้อน โครงการนี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ แต่ยังสอดคล้องกับหลายเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้าน SDG 1 (การขจัดความยากจน), SDG 10 (ลดความเหลื่อมล้ำ), และ SDG 8 (การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและการทำงานที่ดี)

1. แก้ไขปัญหาความยากจน: มุมมองจากโครงการวิจัย: การดำเนินโครงการวิจัยนี้มีจุดมุ่งหมายหลักในการพัฒนากลยุทธ์การแก้ไขปัญหาความยากจนในภาคเหนือตอนล่าง โดยเฉพาะในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความท้าทายหลายด้าน ทั้งความไม่เสมอภาคในการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ การขาดแคลนทรัพยากร และขาดทักษะในการสร้างอาชีพที่ยั่งยืน การศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจนในครั้งนี้จึงมุ่งเน้นการพัฒนานโยบายและกลยุทธ์ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในพื้นที่ โดยมองปัญหาความยากจนในหลายมิติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การศึกษา การเสริมสร้างทักษะ และการเข้าถึงบริการพื้นฐานที่จำเป็น เช่น น้ำ, พลังงาน, และการดูแลสุขภาพ

2. การสอดคล้องกับ SDG 1: การขจัดความยากจน: โครงการวิจัยนี้มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความยากจนในระดับพื้นที่ผ่านการให้ความรู้และทักษะแก่ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อยหรือขาดโอกาสในการพัฒนาอาชีพและการศึกษา การพัฒนากลยุทธ์ที่สามารถแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างเบ็ดเสร็จและแม่นยำนั้น เป็นการช่วยเพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจและการพัฒนาอาชีพที่เหมาะสมกับบริบทของท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้ชุมชนสามารถพัฒนาความสามารถในการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน การออกแบบแนวทางการแก้ไขความยากจนที่มีประสิทธิภาพนี้ เป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ SDG 1: การขจัดความยากจน ซึ่งมุ่งหวังให้ทุกคนมีชีวิตที่ดีขึ้นและเข้าถึงโอกาสที่เท่าเทียมกัน

การพัฒนาในรูปแบบนี้จะช่วยให้กลุ่มผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าถึงการศึกษา ทักษะการประกอบอาชีพ และแหล่งทรัพยากรที่จำเป็นต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งสามารถนำไปสู่การยุติความยากจนในระดับชุมชนได้อย่างยั่งยืน

3. การลดความเหลื่อมล้ำ: SDG 10: โครงการวิจัยนี้ยังเชื่อมโยงกับ SDG 10: ลดความเหลื่อมล้ำ โดยมุ่งเน้นการลดช่องว่างระหว่างกลุ่มคนที่มีฐานะทางเศรษฐกิจแตกต่างกันในพื้นที่ การศึกษาและวิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในด้านต่าง ๆ เช่น การศึกษาไม่เท่าเทียม การขาดทักษะทางวิชาชีพ หรือการขาดแคลนโอกาสในการเข้าถึงทรัพยากรพื้นฐานที่จำเป็น เช่น น้ำ, พลังงาน, การดูแลสุขภาพ, การศึกษา และการมีงานทำ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในชุมชน

การสร้างโอกาสในการพัฒนาโดยการให้ความรู้และทักษะ การส่งเสริมโอกาสทางการศึกษา และการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ต่าง ๆ จะช่วยลดช่องว่างเหล่านี้และทำให้ทุกคนสามารถมีชีวิตที่มีคุณภาพและมีโอกาสที่เท่าเทียมกัน การลดความเหลื่อมล้ำในสังคมถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสังคมที่ยุติธรรมและยั่งยืน

4. การเสริมสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน: SDG 8: การวิจัยและผลลัพธ์จากโครงการนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง โดยการออกแบบแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจที่สอดคล้องกับทรัพยากรท้องถิ่นและความสามารถของชุมชน การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนเป็นการส่งเสริมอาชีพที่ยั่งยืนและการสร้างงานในชุมชน ถือเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่น

การวิจัยนี้ไม่เพียงแต่สนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของชุมชนท้องถิ่น แต่ยังช่วยให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ ลดการพึ่งพิงจากภายนอก และสามารถเติบโตได้ด้วยตัวเองอย่างยั่งยืน SDG 8: การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนและการทำงานที่ดี ได้รับการขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพผ่านการสนับสนุนการพัฒนาอาชีพที่เหมาะสมกับทรัพยากรในพื้นที่

5. บทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน: มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาหลักในภาคเหนือตอนล่าง มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการวิจัยและการพัฒนาในพื้นที่ ศาสตราจารย์ ดร.จิรวัฒน์ พิระสันต์ หัวหน้าโครงการวิจัย ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้ข้อมูลวิจัยที่มีความแม่นยำในการออกแบบนโยบายการแก้ไขปัญหาความยากจน โดยระบุว่า “การใช้วิจัยในเชิงลึกเป็นเครื่องมือในการพัฒนาที่ยั่งยืน จะช่วยให้เราเข้าใจปัญหาความยากจนในแต่ละพื้นที่ได้ดีขึ้น และสามารถออกแบบมาตรการที่ตรงกับความต้องการของชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

การทำงานร่วมกับ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) และการนำองค์ความรู้ทางวิชาการมาใช้ในการพัฒนาชุมชน ถือเป็นการขับเคลื่อน SDG 17: การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย, หน่วยงานภาครัฐ, และภาคเอกชน เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่นอย่างยั่งยืน

โครงการวิจัยนี้จึงเป็นการนำวิจัยและนวัตกรรมมาใช้ในการแก้ไขปัญหาความยากจนในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับบริบทท้องถิ่น ถือเป็นการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในทุกด้าน

SciPark ม.นเรศวร ร่วมกิจกรรม Train the Trainer เสริมแกร่งผู้ประกอบการรุ่นใหม่ สร้างงานสร้างอาชีพสู่เศรษฐกิจยั่งยืน

วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม 2567 บุคลากรงานบ่มเพาะธุรกิจ อุทยานวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร (NU SciPark) ได้เข้าร่วมกิจกรรม Train the Trainer ภาคเหนือ ครั้งที่ 4 ณ โรงแรมฟลอร่า ครีก จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี ดร.ชาญวิทย์ ตรีเดช ผู้จัดการกองทุนพัฒนาผู้ประกอบการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (TED Fund) เป็นประธานกล่าวต้อนรับ พร้อมบรรยายถึงนโยบายในการสนับสนุนและผลักดันผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศไทย

กิจกรรม Train the Trainer มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้พัฒนาผู้ประกอบการ (TED Fellow) ในการสรรหา คัดกรอง และบ่มเพาะผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้มีความพร้อมในการขอรับการสนับสนุนทุนจาก TED Fund ซึ่งถือเป็นการบูรณาการความร่วมมือที่สำคัญระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา

ในครั้งนี้มีหน่วยงานเครือข่ายร่วมพัฒนาผู้ประกอบการ (TED Fellow) เข้าร่วมกิจกรรมรวม 11 หน่วยงาน อาทิ มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยพะเยา มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ ศูนย์นวัตกรรมอาหารและบรรจุภัณฑ์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (FIN) บริษัท แบ๊คสเตอร์ จำกัด และบริษัท อินโนเวชั่น เทคโนโลยี เชียงใหม่ จำกัด

ภายในงานมีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ที่ครอบคลุมหลายประเด็นสำคัญ อาทิ แนวทางการบ่มเพาะโครงการ TED Youth Startup ปี 2567, การจัดทำสัญญาสนับสนุนทุนโครงการ TED Youth Startup ขั้นตอนการเบิกจ่ายเงินสนับสนุน รวมถึงวิธีการติดตามและประเมินผลโครงการ เพื่อสร้างความเข้าใจและทักษะที่จำเป็นสำหรับการบริหารจัดการทุนวิจัยและการพัฒนาธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

การเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ของ NU SciPark เป็นการตอกย้ำบทบาทในฐานะศูนย์กลางการบ่มเพาะธุรกิจด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ที่พร้อมขับเคลื่อนผู้ประกอบการรุ่นใหม่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจยุคใหม่อย่างมีคุณภาพ และเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพที่ยั่งยืนให้กับสังคม

โครงการยังเปิดโอกาสให้นิสิต นักวิจัย และผู้ประกอบการท้องถิ่นได้เข้าถึงองค์ความรู้และการสนับสนุนจากหน่วยงานระดับประเทศ สร้างแรงบันดาลใจและเพิ่มโอกาสในการต่อยอดนวัตกรรมสู่เชิงพาณิชย์ ซึ่งจะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภูมิภาคเหนือและประเทศไทยในภาพรวม

ท้ายที่สุด การร่วมมือระหว่าง NU SciPark และ TED Fund ผ่านกิจกรรม Train the Trainer ครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการพัฒนาทุนมนุษย์และสนับสนุนเศรษฐกิจฐานนวัตกรรม อันจะนำไปสู่การสร้างระบบนิเวศผู้ประกอบการที่แข็งแรง พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยสู่ความยั่งยืนในอนาคต

มหาวิทยาลัยนเรศวร ออกให้บริการรักษาทางทันตกรรมให้กับผู้ต้องขังในเรือนจำกลางพิษณุโลก

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 หน่วยทันตกรรมพระราชทานฯ คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ออกให้บริการรักษาทางทันตกรรมแก่ผู้ต้องขังในเรือนจำกลางพิษณุโลก โดยมีผู้ต้องขังมารับการรักษาทางทันตกรรมจำนวน 554 ราย ซึ่งการให้บริการในครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการช่วยเหลือด้านการรักษาสุขภาพช่องปาก แต่ยังเป็นการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDGs 3: การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และ SDGs 10: การลดความเหลื่อมล้ำ

ในโครงการนี้ ทีมทันตแพทย์จากหน่วยทันตกรรมพระราชทานฯ ได้มุ่งเน้นการให้บริการรักษาทางทันตกรรมที่ครอบคลุมต่อผู้ต้องขัง ซึ่งรวมถึงการถอนฟัน 548 ราย และการผ่าฟันคุด 6 ราย โดยบริการดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ต้องขังหลายราย ซึ่งแสดงความคิดเห็นว่ารู้สึกดีใจมากที่ได้รับการรักษาฟันจากคุณหมอ และบางคนยังแสดงความต้องการให้มีการจัดบริการด้านทันตกรรมในเรือนจำอย่างต่อเนื่อง

การให้บริการทันตกรรมในครั้งนี้ถือเป็นการส่งเสริมสุขภาพช่องปากที่ดีแก่ผู้ต้องขัง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการรักษาคุณภาพชีวิตของผู้คนในกลุ่มที่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ต้องขังที่อาจไม่ได้รับการดูแลทางทันตกรรมที่เพียงพอในชีวิตประจำวัน การให้บริการนี้ช่วยลดปัญหาด้านสุขภาพช่องปากที่อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพโดยรวม และช่วยลดความเจ็บปวดจากปัญหาฟันที่ไม่สามารถได้รับการรักษาตามปกติ

การให้บริการทันตกรรมนี้สอดคล้องกับ SDGs 3: การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งมุ่งเน้นการให้บริการสุขภาพที่ทั่วถึงและมีคุณภาพ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ผู้ต้องขังเป็นกลุ่มคนที่มักไม่ได้รับการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพในทุกๆ ด้าน การที่มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ดำเนินโครงการนี้จึงเป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นในการทำให้การรักษาสุขภาพช่องปากมีความยั่งยืนและเข้าถึงทุกคนอย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะการเข้าถึงบริการสุขภาพสำหรับกลุ่มผู้ต้องขังที่บางครั้งไม่ได้รับความสนใจจากสังคมในด้านนี้

การให้บริการนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ต้องขังมีสุขภาพช่องปากที่ดีขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดทางร่างกาย แต่ยังช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตของผู้ต้องขังให้ดีขึ้น ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อสิทธิพื้นฐานในการมีสุขภาพที่ดีของทุกคนในสังคม

อีกหนึ่งเป้าหมายที่สำคัญที่โครงการนี้สนับสนุนคือ SDGs 10: การลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งมุ่งเน้นการลดช่องว่างและความไม่เท่าเทียมในด้านต่างๆ รวมถึงการเข้าถึงบริการสาธารณสุข โครงการนี้ช่วยให้ผู้ต้องขังในเรือนจำได้เข้าถึงบริการทันตกรรมอย่างมีคุณภาพ ซึ่งช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพระหว่างกลุ่มคนที่มีสถานะทางสังคมที่แตกต่างกัน

การให้บริการทันตกรรมแก่ผู้ต้องขังในครั้งนี้เป็นการช่วยลดช่องว่างในการเข้าถึงบริการทางสุขภาพที่มีคุณภาพ เนื่องจากผู้ต้องขังมักจะเผชิญกับข้อจำกัดในการได้รับการรักษาจากสาธารณสุขที่มีอยู่ในระบบ การนำบริการทันตกรรมไปให้ถึงกลุ่มนี้ถือเป็นการปฏิบัติตามหลักการของ SDGs 10 ในการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยมุ่งเน้นให้บริการแก่กลุ่มคนที่อาจไม่ได้รับการดูแลสุขภาพเท่าเทียมกับกลุ่มอื่นๆ

ผลกระทบต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับชุมชน โครงการนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการเสริมสร้างความเท่าเทียมในด้านการเข้าถึงบริการสุขภาพของกลุ่มคนในสังคมที่มักถูกมองข้าม โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ต้องขังที่อาจไม่ได้รับการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างเหมาะสม โครงการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาปัญหาด้านสุขภาพในขณะนั้น แต่ยังช่วยให้ผู้ต้องขังสามารถกลับเข้าสู่สังคมด้วยสุขภาพช่องปากที่ดีขึ้น ซึ่งจะมีผลกระทบทางบวกในด้านจิตใจและคุณภาพชีวิตในระยะยาว

การที่มหาวิทยาลัยนเรศวรและคณะทันตแพทยศาสตร์ได้ดำเนินการดังกล่าวยังส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสถาบันการศึกษากับชุมชนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยการนำความรู้และทักษะที่มีไปให้บริการแก่ผู้ที่มีความจำเป็นในชุมชน ส่งผลให้การพัฒนาที่ยั่งยืนเกิดขึ้นในระดับท้องถิ่น

ม.นเรศวร: พัฒนาชุมชน สร้างความยั่งยืน!

วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม 2567 รศ.ดร.นิติพงศ์ จิตรีโภชน์ ผู้ช่วยคณบดีคณะเกษตรศาสตร์ฯ ให้การต้อนรับคณะศึกษาดูงานจากสำนักงานเกษตรจังหวัดพิษณุโลก และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเมืองหมักพิษณุโลก ตำบลเนินกุ่ม อำเภอบางกระทุ่ม จังหวัดพิษณุโลก ที่เข้าศึกษาดูงานอาคารศูนย์นวัตกรรมเทคโนโลยีการแปรรูปผลผลิตการเกษตรและอาหาร (IDEA)

กิจกรรมศึกษาดูงานครั้งนี้มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะด้านการบริหารจัดการ การผลิต และการตลาดสำหรับสมาชิกวิสาหกิจชุมชน เพื่อเสริมสร้างความรู้และศักยภาพในการพัฒนาผลผลิตการเกษตรและอาหารให้มีคุณภาพและมาตรฐาน

อาคารศูนย์ IDEA เป็นแหล่งเรียนรู้ด้านเทคโนโลยีการแปรรูปผลผลิตการเกษตรและอาหาร ที่มีเครื่องมือและอุปกรณ์ครบครัน ช่วยให้นิสิตและผู้เข้าศึกษาดูงานได้เรียนรู้กระบวนการผลิต การปรับปรุงคุณภาพ และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร

คณะศึกษาดูงานได้เรียนรู้เทคนิคการแปรรูปวัตถุดิบพื้นบ้าน เช่น การหมักอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเพิ่มคุณภาพและความปลอดภัย พร้อมทั้งศึกษาวิธีการจัดการและบรรจุภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ระหว่างผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยและสมาชิกวิสาหกิจชุมชน เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือและสนับสนุนการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารอย่างครบวงจร

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน เพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และยกระดับคุณภาพชีวิตของสมาชิกวิสาหกิจ พร้อมสนับสนุนความมั่นคงด้านอาหารของพื้นที่

คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ยังคงให้ความสำคัญกับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ด้านการเกษตรและอาหารแก่ชุมชน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการสร้างความยั่งยืนในระดับท้องถิ่นและภูมิภาค

คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.นเรศวร จัดงานสัปดาห์นายช่าง Engineering Job Fair สร้างโอกาสให้นิสิตพบผู้ประกอบการและก้าวสู่ตลาดแรงงาน

วันศุกร์ที่ 1 มีนาคม 2567 งานกิจการนิสิตและศิษย์เก่าสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดโครงการ สัปดาห์นายช่าง Engineering Job Fair ประจำปีการศึกษา 2566 โดยได้รับเกียรติจากผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กรกฎ นุสิทธิ์ รองคณบดีฝ่ายบริหาร เป็นประธานในพิธีเปิด และอาจารย์ภัคพงศ์ หอมเนียม รองคณบดีฝ่ายกิจการนิสิต เป็นผู้กล่าวรายงาน

การจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อเปิดโอกาสให้นิสิตที่กำลังจะสำเร็จการศึกษาได้ พบผู้ประกอบการ และแลกเปลี่ยนมุมมองกับสถานประกอบการโดยตรง ผ่านการบรรยาย การแนะนำองค์กร และการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งช่วยให้นิสิตได้เรียนรู้แนวทางในการเข้าสู่โลกอาชีพอย่างมีคุณภาพ

ภายในงานมีสถานประกอบการเข้าร่วมทั้งหมด 27 แห่ง ครอบคลุมหลายสาขาที่เกี่ยวข้องกับวิศวกรรมและอุตสาหกรรมที่ทันสมัย สะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์กับภาคธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ

นิสิตผู้สนใจเข้าร่วมสมัครงานมีจำนวนทั้งสิ้น 340 คน ซึ่งนับเป็นโอกาสอันดีที่นิสิตจะได้เลือกสมัครงานกับสถานประกอบการที่ตรงกับความรู้ ความสามารถ และสาขาที่สำเร็จการศึกษา ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเริ่มต้นชีวิตการทำงานหลังเรียนจบ

การจัดงาน Engineering Job Fair ยังมีส่วนสำคัญในการ ส่งเสริม ให้นิสิตได้เตรียมความพร้อมทั้งในด้านการนำเสนอ การสมัครงาน และการสื่อสารกับนายจ้าง โดยเป็นการสร้างประสบการณ์ตรงที่ยากจะหาได้จากในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว

โครงการนี้ยังช่วยยกระดับคุณภาพบัณฑิตให้มีศักยภาพตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน และสนับสนุนการสร้างงานที่มีคุณค่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมให้เติบโตอย่างยั่งยืน

คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จึงตอกย้ำบทบาทสำคัญในการเตรียมความพร้อมให้นิสิตก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างมั่นใจ โดยใช้กิจกรรมเชื่อมโยงระหว่างการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยกับความต้องการของผู้ประกอบการ เพื่อพัฒนาบัณฑิตที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin