Archives 2024

ม.นเรศวร ส่งเสริมสุขภาพประชาชนเนื่องในวันเบาหวานโลก พร้อมตรวจสุขภาพฟรี

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2567 โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จัดกิจกรรม วันเบาหวานโลก (NUH World Diabetes Day) เพื่อส่งเสริมการสร้างความตระหนักเกี่ยวกับอันตรายของโรคเบาหวานในประชาชนทั่วไปและสนับสนุนสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืน

กิจกรรมดังกล่าวเปิดให้ประชาชนเข้าร่วม ตรวจสุขภาพฟรี เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานและภาวะสุขภาพอื่น ๆ โดยมีการเจาะน้ำตาลปลายนิ้ว ตรวจวัดความดันโลหิต และตรวจโรคอ้วนรวมถึงการวัดรอบเอวและเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกาย

นอกจากนี้ กิจกรรมยังมี ฐานอาหารสุขภาพดี ซึ่งมุ่งเน้นให้ผู้ร่วมกิจกรรมเรียนรู้เรื่องโภชนาการอย่างสนุกสนาน ผ่านเกมทายหมวดหมู่อาหาร เกมทายน้ำตาลในเครื่องดื่ม และเกมทายพลังงานอาหาร เพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการกินที่ดีต่อสุขภาพและลดความเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)

อีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจคือ ฐานแข่งขันอูลาฮูป ที่ผู้เข้าร่วมสามารถฝึกความคล่องตัวและรับของรางวัลที่ระลึก กิจกรรมนี้ช่วยส่งเสริมการออกกำลังกายและความตระหนักในการดูแลร่างกายอย่างสม่ำเสมอ

การจัดกิจกรรมครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของคณะแพทยศาสตร์ รพ.มหาวิทยาลัยนเรศวร ในการสร้าง สังคมสุขภาพดี สนับสนุน SDG3: สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health and Well-being) ทั้งในระดับบุคคลและชุมชน

การให้บริการตรวจสุขภาพและให้ความรู้เชิงรุกเช่นนี้ ช่วยให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันโรคและปรับพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม สร้างโอกาสให้ทุกคนสามารถมีชีวิตที่มีคุณภาพและลดภาระต่อระบบสาธารณสุข

โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรยังยืนยันบทบาท โรงเรียนแพทย์ระดับโลก ที่มุ่งสร้างผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ และร่วมพัฒนาสังคมที่มีสุขภาพดีอย่างยั่งยืน ทั้งการเรียนการสอน การวิจัย และการให้บริการสุขภาพแก่ประชาชน

NU SEED x CIM ก้าวสำคัญสู่การพัฒนาสถานประกอบการด้วยพลังงานสะอาดและ IoT

วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2567 อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร เครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคเหนือ จัดการประชุมสรุปผลการดำเนินงาน “โครงการขยายผลระบบบริหารจัดการเพิ่มมูลค่าสินค้าแบบครบวงจรด้วยพลังงานสะอาดและ IoT พร้อมระบบผลิตก๊าซชีวภาพในระดับครัวเรือน” ภายใต้โครงการพัฒนาเชิงพื้นที่ (Driving Regional Development) ประจำปีงบประมาณ 2567 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาและต่อยอดนวัตกรรมของผู้สำเร็จหลักสูตรผู้จัดการนวัตกรรม (Certified Innovation Manager: CIM)

การประชุมได้รับเกียรติจากนายบดินทร์ เกษมศานติ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สมบูรณ์ นิยม ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ ในฐานะหัวหน้าโครงการ ร่วมชี้แจงวัตถุประสงค์ และนายณัฐกิตติ์ รัฐศิลป์โภคิน พลังงานจังหวัดนครสวรรค์ กล่าวรายงาน นอกจากนี้ ดร.ต้าย บัณฑิศักดิ์ รักษาการรองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมบุคลากรเข้าร่วมการประชุม ณ วิสาหกิจชุมชนเพียวพลัสฟาร์ม ฟาร์มโคพันธุ์ดีปากน้ำโพ จังหวัดนครสวรรค์

ภายในกิจกรรม มีการนำเสนอผลลัพธ์และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้พลังงานสะอาดและระบบ IoT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการฟาร์ม เช่น การควบคุมสภาพปัจจัยการปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ และการบริหารจัดการน้ำอย่างเหมาะสม การนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ ช่วยให้เกิดระบบ ครัวเรือนพึงพาตนเอง พลังงานสะอาด ที่ไม่สร้างมลพิษ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การสาธิตระบบก๊าซชีวภาพเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการ โดยนำเศษวัสดุเหลือใช้จากครัวเรือนและฟาร์มมาแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานทดแทน ซึ่งนอกจากจะช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลแล้ว ยังช่วย ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่เกิดจากการเผาไหม้หรือการทิ้งของเสียโดยตรงสู่สิ่งแวดล้อม ถือเป็นแนวทางการจัดการทรัพยากรที่ตอบโจทย์ทั้งด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม

การประชุมครั้งนี้ยังเป็นเวทีทบทวนปัญหา อุปสรรค และแนวทางพัฒนาในอนาคต โดยมีการนำเสนอประสบการณ์จากพื้นที่จริง เช่น ระบบการบริหารจัดการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรของวิสาหกิจชุมชนตำบลปางสวรรค์ อำเภอชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงระหว่างการจัดการทรัพยากรท้องถิ่นกับการใช้พลังงานสะอาดและ IoT ที่ทั้งช่วยเพิ่มรายได้และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โครงการยังได้เสนอแนวทางการต่อยอดไปยังอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย หน่วยงานท้องถิ่น และภาคเอกชน ในการขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพการจัดการพลังงานสะอาดให้แพร่หลายมากยิ่งขึ้น

การดำเนินงาน NU SEED x CIM แสดงให้เห็นถึงบทบาทของการศึกษาและนวัตกรรม ในการขับเคลื่อนสังคมสู่อนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ช่วยให้การผลิตและการดำรงชีพในครัวเรือนมีความยั่งยืน ลดมลพิษ และช่วยฟื้นฟูสมดุลทางนิเวศ

โครงการนี้จึงเป็นต้นแบบของการเชื่อมโยงพลังงานสะอาด เทคโนโลยี IoT และความร่วมมือจากหลายภาคส่วน เข้าด้วยกันเพื่อสนับสนุนเป้าหมาย การลดมลพิษและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของชุมชน

ม.นเรศวร สัมภาษณ์งานนิสิตจ้างงาน ประจำปีงบประมาณ 2568 สนับสนุนการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และสร้างรายได้

กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดกิจกรรมสัมภาษณ์งานนิสิตจ้างงาน ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดโอกาสให้นิสิตได้ฝึกประสบการณ์การทำงานจริง พร้อมทั้งสร้างรายได้ระหว่างการศึกษา ซึ่งถือเป็นการ ส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และสร้างรายได้ ควบคู่กับการเรียนรู้ทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานในอนาคต

กิจกรรมสัมภาษณ์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสนับสนุนนิสิตจ้างงานที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้นิสิตมีรายได้เสริม ลดภาระค่าใช้จ่าย และยังเป็นการฝึกฝนความรับผิดชอบ รวมถึงการบริหารจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นทักษะที่สำคัญในการก้าวสู่โลกการทำงานจริง

กองกิจการนิสิตให้ความสำคัญกับการพัฒนานิสิตในทุกมิติ ไม่เพียงแต่ด้านวิชาการ แต่ยังรวมถึงการสร้างโอกาสในการเรียนรู้นอกห้องเรียน ผ่านประสบการณ์การทำงานจริงที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในอนาคต การสัมภาษณ์งานจึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการคัดเลือกและเตรียมความพร้อมให้นิสิตได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่

การจ้างงานนิสิตยังช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เน้นการลงมือปฏิบัติจริง ทำให้นิสิตมีความเข้าใจในกระบวนการทำงาน สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ และเรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นทักษะที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานยุคปัจจุบัน

นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมของหน่วยงานต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยที่เปิดรับนิสิตเข้าทำงาน ยังเป็นโอกาสให้นิสิตได้พัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และสร้างเครือข่ายการทำงานกับบุคลากรผู้มีประสบการณ์ตรง ถือเป็นการปูรากฐานสู่การเป็นบัณฑิตที่มีคุณภาพและพร้อมต่อการแข่งขันในตลาดแรงงาน

โครงการนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจให้นิสิตเรียนรู้การทำงานเชิงสร้างสรรค์และคิดนอกกรอบ อันจะนำไปสู่การพัฒนาทักษะด้านนวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายการสร้างสังคมแห่งผู้ประกอบการ (Entrepreneurial Society) ของมหาวิทยาลัย

ท้ายที่สุด กิจกรรมสัมภาษณ์งานนิสิตจ้างงานไม่เพียงแต่ช่วยให้นิสิตมีรายได้ระหว่างเรียน แต่ยังเป็นเวทีสำคัญในการพัฒนาทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ และการสร้างความมั่นใจในตนเอง เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างยั่งยืนในอนาคต

ม.นเรศวร ร่วมจัดนิทรรศการแนะนำหลักสูตร ในงาน ONE STOP OPEN HOUSE 2024

วันที่ 27 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567: มหาวิทยาลัยนเรศวรร่วมจัดนิทรรศการแนะนำหลักสูตรในงาน ONE STOP OPEN HOUSE 2024 ซึ่งจัดโดยกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ Hall 2 บูธ B1 โดยมีอาจารย์ บุคลากร พี่นิสิต และพี่ศิษย์เก่าจากมหาวิทยาลัยมาร่วมให้ข้อมูลและแนะนำหลักสูตรที่นักเรียนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลสนใจศึกษาต่อมากที่สุดในระดับปริญญาตรี

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้นำเสนอหลักสูตรที่หลากหลายที่นักเรียนสามารถเลือกศึกษาต่อได้ พร้อมทั้งมีการแสดงนวัตกรรมด้านการศึกษาและการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อเป็นแนวทางให้นักเรียนที่กำลังตัดสินใจเลือกสถานศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี

งานนี้เป็นโอกาสสำคัญในการแนะนำโอกาสทางการศึกษาให้กับผู้ที่สนใจ โดยเฉพาะในส่วนของหลักสูตรที่เปิดสอนที่มีคุณภาพสูง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในอนาคต

การจัดนิทรรศการนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการส่งเสริมการศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิตตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 4 ที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการศึกษาให้ทุกคนได้รับโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาอย่างเท่าเทียม

นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับนักเรียนและผู้ปกครอง รวมทั้งการได้พบปะกับบุคลากรและศิษย์เก่าที่จะมาแบ่งปันประสบการณ์ในการศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย

การเข้าร่วมงาน ONE STOP OPEN HOUSE 2024 ในครั้งนี้จึงเป็นการเปิดโอกาสให้กับนักเรียนที่สนใจศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีได้มีข้อมูลครบถ้วนในการตัดสินใจเลือกสถานศึกษาและหลักสูตรที่ตรงกับความสนใจและความสามารถของตนเอง

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ร่วมสืบสานประเพณีปลูกข้าวชาวเทา–แสด สร้างความรู้และชุมชนยั่งยืน

วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน 2567 ดร.พิสุทธิ์ อภิชยกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นประธานกล่าวเปิดกิจกรรมลงแขกปลูกข้าวชาวเทา – แสด ณ วิชชาลัยข้าวและชาวนา มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมกว่า 100 คน

กิจกรรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมจากหน่วยงานภายในมหาวิทยาลัย ประกอบด้วย ผู้บริหาร บุคลากร นิสิต คณะครู และนักเรียนชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนอนุบาลและประถมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งมีส่วนร่วมในการลงมือปฏิบัติการปลูกข้าวอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ยังมีผู้เข้าร่วมจากภายนอกมหาวิทยาลัย ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ กลุ่มผู้สูงอายุ และชุมชนท้องถิ่น โดยกลุ่มผู้สูงอายุถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับประเพณีการปลูกข้าวและวิธีการดูแลข้าวตามแนวปฏิบัติของชาวเทา – แสด

กิจกรรมลงแขกปลูกข้าวครั้งนี้มุ่งเน้นการส่งเสริมความรู้เรื่องเกษตรกรรมแบบยั่งยืน การรักษาพันธุ์ข้าวพื้นเมือง และการสร้างความเข้าใจด้านความมั่นคงทางอาหารแก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป

นอกจากการปลูกข้าวแล้ว กิจกรรมยังจัดให้มีการเรียนรู้ขั้นตอนการเตรียมแปลง การหว่านเมล็ด การดูแลต้นกล้า และการเก็บเกี่ยว เพื่อให้นิสิตและเยาวชนสามารถเรียนรู้การเกษตรเชิงปฏิบัติอย่างครบวงจร

การจัดกิจกรรมครั้งนี้ยังช่วยสร้างความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัย ชุมชน และหน่วยงานท้องถิ่น สร้างความสัมพันธ์ที่ดี และสนับสนุนการพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกันของคนในชุมชน

สุดท้าย การลงแขกปลูกข้าวชาวเทา – แสด สะท้อนถึงความสำคัญของการอนุรักษ์วัฒนธรรมการเกษตร การรักษาพันธุ์ข้าวท้องถิ่น และการสร้างโอกาสทางการเรียนรู้แก่เยาวชนและประชากรทั่วไปอย่างยั่งยืน โดยใช้วิชาการและประสบการณ์จากรุ่นสู่รุ่นเป็นแนวทางในการพัฒนาชุมชนอย่างต่อเนื่อง

ม.นเรศวร จับมือบริษัทน้ำตาลพิษณุโลก พัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลสู่ความยั่งยืน

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วรสิทธิ์ โทจำปา คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัท น้ำตาลพิษณุโลก จำกัด นำโดยนายเอกรัตน์ เตชะเวช กรรมการบริหารบริษัท ณ ห้องประชุมนเรศวร 304 ชั้น 3 อาคารสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษา วิจัย และพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลให้มีความยั่งยืน

ความร่วมมือเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล

รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการต่อยอดพันธกิจของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็น “มหาวิทยาลัยเพื่อสังคมของผู้ประกอบการ” โดยการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยมีผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาที่สามารถร่วมมือกับบริษัทน้ำตาลพิษณุโลกในการพัฒนางานวิจัย เทคโนโลยี และกระบวนการผลิตอ้อยและน้ำตาล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ลดการเผาอ้อย ส่งเสริมเกษตรยั่งยืน

บริษัทน้ำตาลพิษณุโลกมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยนเรศวรมากว่า 10 ปี โดยมีการต่ออายุข้อตกลงทุก 5 ปี เพื่อพัฒนาและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกัน ซึ่งส่งผลให้การผลิตอ้อยสดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทสามารถลดการเผาอ้อยลงจนเหลือเพียง 3% จากทั้งหมด และตั้งเป้าให้การผลิตอ้อยในอนาคตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

พัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์จากอ้อย

นายเอกรัตน์ เตชะเวช กรรมการบริหารบริษัทน้ำตาลพิษณุโลก กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตอ้อยและน้ำตาลรายใหญ่อันดับสองของโลก กลุ่มไทยรุ่งเรืองอุตสาหกรรม ซึ่งบริษัทน้ำตาลพิษณุโลกเป็นส่วนหนึ่ง มุ่งมั่นยกระดับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลสู่ความยั่งยืน ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต การทดสอบพันธุ์อ้อยใหม่ การบริหารจัดการไร่อ้อย และการใช้ของเหลือจากกระบวนการผลิต เช่น กากอ้อย เพื่อนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น ภาชนะจากกากอ้อย ไบโอพลาสติก และอาหารสัตว์

สอดคล้องกับเป้าหมาย SDGs

ความร่วมมือครั้งนี้ดำเนินการภายใต้กรอบของ SDG2 (การยุติความหิวโหย) โดยการพัฒนาเทคโนโลยีและความรู้เพื่อเพิ่มผลผลิตและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับชาวไร่อ้อย อีกทั้งยังสนับสนุน SDG17 (หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน) ผ่านการทำงานร่วมกันระหว่างภาคการศึกษาและภาคเอกชนเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน

วิจัยและพัฒนาต่อเนื่องเพื่อเศรษฐกิจไทย

มหาวิทยาลัยนเรศวรและบริษัทน้ำตาลพิษณุโลกจะดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาต่อเนื่องในหลายด้าน เช่น วิทยาศาสตร์การเกษตร วิศวกรรมศาสตร์ อุตสาหกรรมเกษตร เศรษฐศาสตร์ และสังคมศาสตร์ เพื่อให้เกิดนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในประเทศไทย และส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งเกษตรกร ภาคอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

ที่มา: ข่าว/ภาพ พิษณุโลกฮอตนิวส์

ม.นเรศวร จัดกิจกรรม “พัฒนาจิตให้เกิดปัญญา” เสริมสร้างสุขภาวะที่ยั่งยืน

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2567 สโมสรบุคลากรคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดกิจกรรม “พัฒนาจิตให้เกิดปัญญา” ในหัวข้อ “เหตุต้น…ผลกรรม” เพื่อส่งเสริมสุขภาวะทางกายและใจของบุคลากร พร้อมทั้งเชื่อมโยงกับการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG3: Good Health and Well-being)

กิจกรรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.วัชรินทร์ จินต์วุฒิ รองคณบดีฝ่ายเทคโนโลยีดิจิทัลและสื่อสารองค์กร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยนเรศวร มาเป็นวิทยากรบรรยาย ถ่ายทอดความรู้ด้านหลักกรรมและการพัฒนาจิตใจอย่างเป็นระบบ

เนื้อหาการบรรยายได้มุ่งเน้นไปที่ กฎแห่งกรรม และการเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผลของการกระทำ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมตระหนักถึงผลลัพธ์ที่ตามมา พร้อมทั้งสามารถประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างมีสติและความรับผิดชอบ

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม พัฒนาจิตเพื่อความสงบ ผ่านการฝึกสมาธิ การกำหนดลมหายใจ และการเจริญสติ ซึ่งช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถสร้างสมาธิและความผ่อนคลาย ลดความเครียด และส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้าง พื้นที่เรียนรู้ร่วมกัน ระหว่างบุคลากรและผู้บริหาร โดยใช้กิจกรรมทางจิตใจมาเป็นเครื่องมือเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในองค์กร และเป็นการสนับสนุนวัฒนธรรมการดูแลสุขภาพองค์รวม

สุขภาพที่ดีไม่ได้หมายถึงเพียงสุขภาพกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึง สุขภาพจิต ที่มั่นคง ซึ่งจะช่วยให้บุคลากรมีพลังในการทำงาน มีประสิทธิภาพ และพร้อมรับมือกับความท้าทายในชีวิตประจำวันได้อย่างมีสติ

กิจกรรม “พัฒนาจิตให้เกิดปัญญา” จึงสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG3 ที่มุ่งเน้นการรับรองการมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกช่วงวัย

ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่างได้รับทั้งความรู้และประสบการณ์ตรงจากการฝึกปฏิบัติจริง ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันทีในชีวิตประจำวัน อันเป็นการสร้างสมดุลทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม

คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพบุคลากรทั้งในเชิงวิชาชีพและด้านจิตใจ เพื่อให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพและความสุขที่ยั่งยืน

ท้ายที่สุด กิจกรรมในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับบุคลากร แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่การเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืน ตามแนวทาง SDG3: Good Health and Well-being อย่างเป็นรูปธรรม

ม.นเรศวร ร่วมประชุม Thailand’s Innovation Policy Week 2027

วันพุธที่ 27 – วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ดร.พิสุทธิ์ อภิชยกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วยนายภวัต ภาชนะ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการกองการถ่ายทอดเทคโนโลยีและบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา เข้าร่วมประชุม “Thailand’s Innovation Policy Week” จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี สมาคมวิชาชีพนักจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและถ่ายทอดเทคโนโลยี (AITP) องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) และสมาคมอนุญาตให้ใช้สิทธิประเทศไทย (LES Thailand)

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเปิดตัว สมาคมวิชาชีพนักจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและถ่ายทอดเทคโนโลยี (AITP) ซึ่งถือเป็นเวทีสำคัญที่สร้างเครือข่ายนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ปฏิบัติงานด้านการจัดการทรัพย์สินทางปัญญาจากหลากหลายภาคส่วน เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศการจัดการเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้มแข็งและยั่งยืน

ภายในงานยังมีการนำเสนอผลการศึกษา “Patent Landscape ในสาขาเกษตรอาหาร” ซึ่งจัดทำโดยคณะผู้เชี่ยวชาญจาก WIPO โดยผลการศึกษาได้สะท้อนภาพรวมด้านสิทธิบัตรและทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีในสาขาเกษตรและอาหาร อันเป็นฐานข้อมูลเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถกำหนดแนวทางวิจัยและพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศและตลาดโลก

นอกจากนี้ยังมีการประชุมประจำปีของ สมาคมอนุญาตให้ใช้สิทธิประเทศไทย (LES Thailand) ภายใต้หัวข้อการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ช่วยเสริมศักยภาพขององค์กรให้สามารถแข่งขันและเติบโตในเวทีนานาชาติได้อย่างมั่นคง

การเข้าร่วมของมหาวิทยาลัยนเรศวรในครั้งนี้ เป็นการยืนยันบทบาทของมหาวิทยาลัยในฐานะ ศูนย์กลางความรู้ด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการจัดการทรัพย์สินทางปัญญา ที่พร้อมสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ เพื่อยกระดับการวิจัยและนวัตกรรมไทยสู่มาตรฐานสากล

อีกทั้งยังเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการจัดการเทคโนโลยี การถ่ายทอดองค์ความรู้ และการพัฒนานโยบายนวัตกรรม ซึ่งล้วนเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

การประชุม “Thailand’s Innovation Policy Week” จึงมีความหมายอย่างยิ่งต่อการพัฒนาระบบการจัดการนวัตกรรมของประเทศ ทั้งในแง่การยกระดับศักยภาพนักวิจัยและผู้ประกอบการ ตลอดจนการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับนานาชาติ และยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศในการ ส่งเสริมด้านการจัดการเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญา

ม.นเรศวรให้ความสำคัญกับความเสมอภาคและเท่าเทียมผ่านกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี

คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรอุษา สุวรรณประเทศ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์ ให้การสนับสนุนและร่วมมือกับสโมสรซอนต้าพิษณุโลก ในการจัดกิจกรรมแสดงสัญลักษณ์รณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีทั่วโลก ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นพร้อมกันในระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคมของทุกปี โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ตามแนวทางของเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDG5) ที่มุ่งเน้นการลดความเหลื่อมล้ำและส่งเสริมสิทธิของทุกคนในสังคม

กิจกรรมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากคณาจารย์ บุคลากรสายสนับสนุน สโมสรนิสิตคณะมนุษยศาสตร์ สมาคมสตรีศรีสองแคว สมาคมผู้สูงอายุ โรงเรียน สว.ท่าโพธิ์วิทยา และองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ รวมถึงผู้เข้าร่วมกว่า 150 คน ณ ห้องประชุม HU 1103 คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ภายในงานมีการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศและผลกระทบต่อสังคม รวมถึงการเสวนาเกี่ยวกับแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เพื่อแสดงพลังสนับสนุนสิทธิของเด็กและสตรีทั่วโลก

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการสร้างสังคมที่เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และมุ่งมั่นในการส่งเสริมความเสมอภาคและเท่าเทียมทางเพศ ภายใต้แนวคิด SDG5 โดยสนับสนุนให้เกิดการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนเพื่อสร้างความตระหนักรู้และแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสังคม กิจกรรมครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการขับเคลื่อนสังคมที่เป็นธรรมและปราศจากความรุนแรง

การดำเนินงานดังกล่าวไม่เพียงเป็นการแสดงพลังของชุมชนมหาวิทยาลัย แต่ยังเป็นแบบอย่างที่ดีในการร่วมมือกันระหว่างภาคการศึกษาและองค์กรภายนอก เพื่อสร้างสังคมที่เท่าเทียมและปลอดภัยสำหรับทุกคนในอนาคต
ที่มา: คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

นักวิจัย ม.นเรศวร คว้ารางวัลผลงานวิจัยและนวัตกรรมตอบโจทย์ประเทศ

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้จัดพิธีมอบรางวัล NRCT Award เพื่อยกย่องเชิดชูผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่สามารถแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ โดยได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานมอบรางวัล ณ ห้องจอมพลสฤกษดิ์ ธนะรัชต์ อาคาร วช.1 ซึ่งถือเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนบทบาทของงานวิจัยไทยในการพัฒนาประเทศ

มหาวิทยาลัยนเรศวร ขอแสดงความยินดีกับ รองศาสตราจารย์ ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ที่ได้รับ 2 รางวัลผลงานวิจัยและนวัตกรรมตอบโจทย์ประเทศ NRCT Award เนื่องในโอกาสครบรอบ 65 ปี การก่อตั้งสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

ผลงานแรกที่ได้รับรางวัลคือ “ส้มโอฉายรังสีเพื่อการส่งออกประเทศสหรัฐอเมริกา” ดำเนินการโดยทีมวิจัยนำโดย ดร.หาญณรงค์ ฉ่ำทรัพย์, ดร.สุวิมล เจตะวัฒนะ, ดร.นุชนาถ ภักดี และคุณพุทธพงษ์ สร้อยเพชรเกษม งานวิจัยนี้ช่วยเพิ่มศักยภาพการส่งออกผลไม้ไทย ด้วยการใช้เทคโนโลยีฉายรังสีเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาและคงคุณภาพตามมาตรฐานสากล สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ

อีกหนึ่งผลงานสำคัญคือ “สตรอว์เบอร์รี่พันธุ์พระราชทาน 89” ที่พัฒนาร่วมกับทีมวิจัย ได้แก่ ดร.ณรงค์ชัย พิพัฒน์ธนวงศ์, ดร.มงคล ศิริจันทร์, ดร.นุชนาฏ ภักดี, ดร.นพรัตน์ อินถา, คุณพุทธพงษ์ สร้อยเพชรเกษม และคุณสายัณห์ อักขระ ซึ่งเป็นการพัฒนาพันธุ์สตรอว์เบอร์รี่คุณภาพสูงที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่สูงของไทย ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด เพิ่มรายได้และความมั่นคงให้แก่เกษตรกรผู้ปลูก

รางวัล NRCT Award มีวัตถุประสงค์เพื่อเชิดชูผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อ เศรษฐกิจ สังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม อีกทั้งยังเป็นการสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของการวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมที่สามารถประยุกต์ใช้ได้จริง

ความสำเร็จของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนเรศวรในครั้งนี้ สะท้อนถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยในการ ส่งเสริมนวัตกรรมตอบโจทย์ประเทศ โดยไม่เพียงแต่สร้างองค์ความรู้ใหม่ แต่ยังเชื่อมโยงไปสู่การประยุกต์ใช้เชิงพาณิชย์และการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน

การคว้ารางวัลในครั้งนี้ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความพร้อมของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการขับเคลื่อนงานวิจัยที่มีศักยภาพสูง โดยการบูรณาการองค์ความรู้ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและแข่งขันได้ในระดับสากล

ในภาพรวม รางวัลที่ได้รับไม่เพียงเป็นเกียรติยศแก่นักวิจัยและมหาวิทยาลัยนเรศวร แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนางานวิจัยที่มีคุณภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาที่สำคัญของประเทศและสร้างประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin