Archives 2023

นิสิตจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ ศึกษาดูงานเทคโนโลยีการบำบัดน้ำเสียที่สถานีบำบัดน้ำเสีย

เมื่อวันจันทร์ที่ 25 ธันวาคม 2566 เวลา 15.00 น. บุคลากรกองอาคารสถานที่ของมหาวิทยาลัยนเรศวรได้ให้การต้อนรับคณะศึกษาดูงานนิสิตจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาอนามัยสิ่งแวดล้อม จำนวน 67 คน พร้อมด้วย ดร.กนกทิพย์ จักษุ ที่ได้เข้ามาศึกษาดูงานในรายวิชา “เทคโนโลยีการบำบัดและการจัดการน้ำเสีย” ที่สถานีบำบัดน้ำเสียส่วนกลางของมหาวิทยาลัยนเรศวร

กิจกรรมในครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่คณะนิสิตเกี่ยวกับการจัดการน้ำเสียและการบำบัดน้ำเสียในระดับมหาวิทยาลัย โดยที่สถานีบำบัดน้ำเสียส่วนกลางของมหาวิทยาลัยนเรศวรถือเป็นต้นแบบที่สำคัญในการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการจัดการน้ำเสียอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 6) ที่มหาวิทยาลัยนเรศวรมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การศึกษาดูงานในครั้งนี้นิสิตได้เรียนรู้กระบวนการต่าง ๆ ในการบำบัดน้ำเสีย ตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บรวบรวมน้ำเสีย การกรอง การบำบัดทางชีวภาพไปจนถึงกระบวนการที่ช่วยในการผลิตน้ำสะอาดที่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ในกิจกรรมต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรที่ดูแลระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งช่วยให้คณะนิสิตมีความเข้าใจในเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

บรรยากาศของการศึกษาดูงานในครั้งนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นและน่ารัก โดยบุคลากรกองอาคารสถานที่ได้อธิบายและให้ข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อให้คณะนิสิตสามารถเข้าใจถึงกระบวนการที่ซับซ้อนในการบำบัดน้ำเสีย และการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการจัดการน้ำเสีย ซึ่งเป็นการส่งเสริมการจัดการทรัพยากรน้ำที่ยั่งยืนตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 6) ของมหาวิทยาลัย

มหาวิทยาลัยนเรศวรยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านการจัดการทรัพยากรน้ำ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และการให้ความรู้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในด้านนี้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต

กองทุนการศึกษาเพื่อนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร

การจัดพิธีปฐมนิเทศนิสิตทุนการศึกษามหาวิทยาลัยนเรศวร ประจำปีการศึกษา 2566 เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2566 เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านการให้โอกาสทางการศึกษาแก่ผู้ที่มีความสามารถ แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้าน SDG 4 (การศึกษาที่มีคุณภาพ) และ SDG 10 (ลดความเหลื่อมล้ำ)

ส่งเสริมการศึกษาเพื่อความยั่งยืน (SDG 4)

ในปีการศึกษา 2566 กองกิจการนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวรได้มอบ ทุนการศึกษา 3 ประเภท รวมทั้งสิ้น 146 ทุน โดยมีมูลค่ารวมกว่า 1.12 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย:

  • กองทุนการศึกษาเพื่อนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร จำนวน 124 ทุน มูลค่า 1,000,000 บาท
  • ทุนการศึกษา รศ.ดร.แมรี่ สารวิทย์ จำนวน 2 ทุน มูลค่า 20,000 บาท
  • ทุนการศึกษาเพื่อนิสิตกิจกรรม จำนวน 20 ทุน มูลค่า 100,000 บาท

การมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การสนับสนุนทางการเงิน แต่ยังเป็นการส่งเสริมการศึกษาในระดับที่มีคุณภาพและสามารถพัฒนานิสิตให้มีทักษะและความรู้ที่จำเป็นในตลาดแรงงาน ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ ที่มหาวิทยาลัยมุ่งมั่นในการให้โอกาสทางการศึกษาแก่ทุกคน โดยไม่ให้การขาดแคลนทรัพยากรเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงการศึกษาคุณภาพ

ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา (SDG 10)

ทุนการศึกษาเหล่านี้ยังมีบทบาทสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โดยการมอบทุนให้กับนิสิตที่มีผลการเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขามีโอกาสได้เรียนต่อและพัฒนาทักษะการทำงานที่สำคัญ การให้ทุนดังกล่าวถือเป็นการดำเนินการตาม SDG 10: ลดความเหลื่อมล้ำ โดยการเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีศักยภาพในการเรียนรู้และพัฒนา สามารถเข้าถึงการศึกษาและพัฒนาตนเองได้โดยไม่ถูกจำกัดด้วยปัจจัยทางเศรษฐกิจ

การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ที่ยั่งยืน

การมอบทุนการศึกษาในครั้งนี้ยังเป็นการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ที่ยั่งยืน โดยการให้โอกาสแก่นิสิตในการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น และมีส่วนในการพัฒนาสังคมให้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในอนาคต นอกจากนี้ การมีทุนการศึกษาสำหรับกิจกรรมและกิจกรรมพัฒนาผู้นำ ก็เป็นการเสริมสร้างทักษะการเป็นผู้นำและการทำงานร่วมกันในชุมชน ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่สำคัญในการสร้างสังคมที่มีความรับผิดชอบและยั่งยืน

ที่มา: กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ร่วมชมรมสถานีวิทยุ 10 สถานี พิษณุโลก จัดโครงการ ‘อุ่นกาย อุ่นใจ สายสัมพันธ์ ครั้งที่ 10’ ตรวจฟันฟรี สร้างสุขภาพที่ดีให้เด็กและประชาชนในพื้นที่ห่างไกล

วันที่ 20 ธันวาคม 2566 คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมกับชมรมสถานีวิทยุ 10 สถานี พิษณุโลก ได้จัดโครงการบริการตรวจฟันและให้คำปรึกษาทางทันตกรรมฟรี แก่นักเรียนและประชาชนทั่วไป ภายใต้โครงการ “อุ่นกาย อุ่นใจ สายสัมพันธ์ ครั้งที่ 10” ณ โรงเรียนบ้านซำเตย ตำบลดินทอง อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก โดยมีการให้บริการด้านสุขภาพช่องปาก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนในพื้นที่ทุรกันดารของจังหวัดพิษณุโลก

โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากนายมนต์ชัย วิวัฒน์ธนาฒย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ที่มอบหมายให้นายพงษ์มนู ทองหนัก รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิษณุโลก ร่วมเปิดโครงการ พร้อมด้วยนายอัครโชค สุวรรณทอง นายอำเภอวังทอง และนายมนต์รัตน์ ปาลิวนิช ประธานชมรมสถานีวิทยุ 10 สถานี 12 ความถี่ จังหวัดพิษณุโลก ในการร่วมต้อนรับและสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ภายในโครงการ ซึ่งประกอบด้วยการให้บริการตรวจสุขภาพฟัน การให้คำปรึกษาทางทันตกรรม การมอบทุนการศึกษา การจัดหาอุปกรณ์การเรียนและกีฬา รวมทั้งการปรับปรุงซ่อมแซมโรงเรียนและจัดกิจกรรมสันทนาการเพื่อสร้างความสุขให้กับนักเรียนและประชาชนในท้องถิ่น

การจัดกิจกรรมนี้ยังสะท้อนถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะในด้าน การส่งเสริมสุขภาพที่ดี (SDG 3) และ ลดความยากจน (SDG 1) ซึ่งการให้บริการทางทันตกรรมฟรีนี้ช่วยให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลเข้าถึงบริการสุขภาพได้อย่างเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำทางการแพทย์ และส่งเสริมสุขภาพช่องปากที่ดี นอกจากนี้ยังส่งเสริม การศึกษาและการเรียนรู้ตลอดชีวิต (SDG 4) ผ่านการมอบทุนการศึกษาและอุปกรณ์การเรียนให้แก่เด็กนักเรียนในท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยให้เด็กนักเรียนในพื้นที่ได้รับโอกาสในการศึกษาและพัฒนาทักษะชีวิตที่ดีขึ้น

กิจกรรมนี้ไม่เพียงแต่เป็นการให้บริการตรวจฟันเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในชุมชนผ่านกิจกรรมจิตอาสาและการบริการสาธารณะต่างๆ ซึ่งส่งผลดีต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตในท้องถิ่น และช่วยสนับสนุนให้ชุมชนในจังหวัดพิษณุโลกมีสุขภาพที่ดีขึ้นและมีโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน

โครงการ “อุ่นกาย อุ่นใจ สายสัมพันธ์” เป็นตัวอย่างที่ดีของการนำแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนมาปรับใช้ในกิจกรรมเพื่อสังคม โดยการรวมพลังจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน.

ที่มา: คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร ประชุมวางแผนการรวบรวมข้อมูลการบริการวิชาการเชิงสาธารณะ

เมื่อวันอังคารที่ 19 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา งานพัฒนาเครือข่ายและจัดหาทุน กองส่งเสริมการบริการวิชาการ ได้จัดประชุมวางแผนการรวบรวมข้อมูลการบริการวิชาการเชิงสาธารณะของมหาวิทยาลัยนเรศวร ณ ห้องประชุมสำนักงานกองส่งเสริมการบริการวิชาการ อาคารเอกาทศรถ เพื่อกำหนดแนวทางการรวบรวมข้อมูลการบริการวิชาการเชิงสาธารณะของมหาวิทยาลัย และเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้บริหารมหาวิทยาลัยต่อไป โดยเบื้องต้นกองส่งเสริมการบริการวิชาการจะรวบรวมข้อมูลผลการดำเนินงานของกองฯ ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ศิษฐ์ภัณฑ์ แคนลา รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการกองส่งเสริมการบริการวิชาการ เป็นประธาน หัวหน้างานพัฒนาเครือข่ายและจัดหาทุน และบุคลากรของกองฯ ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย

ที่มา: กองส่งเสริมการบริการวิชาการ

มหาวิทยาลัยนเรศวรชู “No Gift Policy” ตอกย้ำบทบาทองค์กรต้นแบบโปร่งใส

มหาวิทยาลัยนเรศวร (ม.นเรศวร) มุ่งมั่นในการเป็นต้นแบบขององค์กรที่โปร่งใสและยุติธรรม ผ่านการส่งเสริมหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) และความรับผิดชอบต่อสังคม ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 16) ที่มุ่งเน้นการสร้างสังคมที่มีความสงบสุข ยุติธรรม และมีสถาบันที่เข้มแข็ง

“No Gift Policy” เพื่อสร้างความโปร่งใสและต้านทุจริต มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ดำเนินนโยบาย “งดรับ งดให้ ของขวัญ ของกำนัลทุกชนิด รวมถึงประโยชน์อื่นใดจากการปฏิบัติหน้าที่” ซึ่งถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการทำงานในองค์กร เพื่อป้องกันการทุจริตและสร้างวัฒนธรรมแห่งความซื่อสัตย์สุจริตให้เกิดขึ้นในหมู่บุคลากรทุกระดับ นโยบายนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ปลอดคอร์รัปชัน และเป็นการสร้างความไว้วางใจต่อสาธารณะ

การบ่มเพาะค่านิยมด้านความยุติธรรมและการต่อต้านการทุจริต นอกเหนือจากนโยบายระดับองค์กร มหาวิทยาลัยยังมุ่งเน้นการสร้างค่านิยมและทัศนคติด้านความโปร่งใสและความยุติธรรมในกลุ่มนิสิต โดยจัดกิจกรรมเสริมสร้างจิตสำนึก เช่น การอบรมเกี่ยวกับจริยธรรมทางวิชาชีพ การประชุมเชิงปฏิบัติการด้านธรรมาภิบาล และการปลูกฝังความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมให้เยาวชนรุ่นใหม่สามารถนำค่านิยมเหล่านี้ไปใช้ในชีวิตจริง

ส่งเสริมความรับผิดชอบในองค์กรและการปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้บุคลากรทุกคนปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มหาวิทยาลัยได้กำหนดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน รวมถึงมาตรการตรวจสอบและประเมินผลที่โปร่งใส พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งหน่วยงานและกลไกตรวจสอบภายใน เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานทุกระดับสอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาล

ผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในด้านการส่งเสริมความโปร่งใสและความยุติธรรม มีผลกระทบเชิงบวกต่อทั้งองค์กรและสังคมในวงกว้าง โดยเป็นตัวอย่างของการสร้างองค์กรที่เน้นการปกครองที่ดี (Good Governance) ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่มหาวิทยาลัย แต่ยังเป็นการสนับสนุนสังคมให้เกิดความเชื่อมั่นในกระบวนการทำงานที่ยุติธรรม

การเดินหน้าสู่ SDG 16 อย่างต่อเนื่อง มหาวิทยาลัยนเรศวรยังคงมุ่งมั่นในการขยายผลนโยบาย “No Gift Policy” และกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านการทุจริต รวมถึงการเป็นต้นแบบในด้านการปกครองที่โปร่งใส เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ และเพื่อสร้างสังคมที่สงบสุขและยุติธรรมสำหรับทุกคน.

ม.นเรศวร มุ่งบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนเป็นศูนย์ โดยหันมาใช้จักรยานยนต์ไฟฟ้า

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาดและลดมลพิษจากการเดินทาง ด้วยเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในพื้นที่มหาวิทยาลัย และผลักดันให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอนในระยะยาว

หนึ่งในโครงการสำคัญคือการสนับสนุนการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งช่วยลดการปล่อยมลพิษที่เกิดจากพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยยังได้จัดบริการจักรยานฟรี จำนวน 500 คัน พร้อมด้วยระบบขนส่งมวลชนไฟฟ้าภายในมหาวิทยาลัย เพื่อเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างวัฒนธรรมการเดินทางแบบยั่งยืนในกลุ่มนิสิตและบุคลากร

มหาวิทยาลัยยังมีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าและยานพาหนะปลอดมลพิษอื่น ๆ อีกทั้งให้บริการระบบขนส่งด้วยรถไฟฟ้าภายในพื้นที่แบบไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อส่งเสริมการเดินทางสะอาดและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ความพยายามเหล่านี้สะท้อนถึงบทบาทผู้นำของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการส่งเสริมพลังงานสะอาดในสถาบันการศึกษา พร้อมสนับสนุนเป้าหมายระดับโลกในการแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ และร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับชุมชนและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

ศูนย์บริการนิสิตพิการ ม.นเรศวร: ส่งเสริมการศึกษาสำหรับนิสิตพิการอย่างเท่าเทียม

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 4) ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการศึกษาที่มีคุณภาพและเท่าเทียมสำหรับทุกคน โดยเฉพาะการสนับสนุนนิสิตพิการให้สามารถเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพได้อย่างสะดวกและไร้อุปสรรค ผ่านการดำเนินงานของศูนย์บริการนิสิตพิการ

ศูนย์บริการนิสิตพิการ: พื้นที่แห่งความเท่าเทียม ศูนย์บริการนิสิตพิการเป็นหน่วยงานสำคัญที่มหาวิทยาลัยจัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลและอำนวยความสะดวกแก่นิสิตพิการโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนด้านการปรับสภาพแวดล้อม การจัดหาสื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสม การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการศึกษาและการใช้ชีวิต รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมศักยภาพและความสัมพันธ์ในกลุ่มนิสิต

ในช่วงการรายงานตัวนิสิตใหม่ ประจำปี 2566 ทางศูนย์บริการนิสิตพิการได้แสดงความใส่ใจผ่านการประชาสัมพันธ์และให้คำแนะนำแก่นิสิตใหม่ รวมถึงขอให้นิสิตเดินทางอย่างปลอดภัย พร้อมเตรียมเอกสารสำคัญให้ครบถ้วน นี่แสดงถึงความเอาใจใส่และความตั้งใจของมหาวิทยาลัยในการดูแลนิสิตพิการตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย

การเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับทุกคน มหาวิทยาลัยนเรศวรมุ่งเน้นการสร้างระบบการศึกษาที่ครอบคลุมและเข้าถึงได้ทุกคน โดยเฉพาะนิสิตพิการผ่านโครงการและกิจกรรมหลากหลาย เช่น การอบรมพัฒนาทักษะชีวิต การเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างนิสิตพิการและนิสิตทั่วไป และการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกที่สอดคล้องกับความต้องการของนิสิตพิการ

ก้าวสำคัญสู่สังคมแห่งความเท่าเทียม ด้วยการดำเนินงานที่มุ่งสร้างโอกาสและลดข้อจำกัดทางการศึกษา มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ก้าวไปข้างหน้าในการผลักดันเป้าหมาย SDG 4 ให้เป็นจริงในระดับสังคม โดยเน้นการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับทุกคน และการสนับสนุนที่ครอบคลุมทั้งด้านการศึกษาและชีวิตความเป็นอยู่

ศูนย์บริการนิสิตพิการจึงไม่เพียงแต่เป็นแหล่งสนับสนุนนิสิตพิการเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวอย่างของความมุ่งมั่นในการสร้างสังคมแห่งความเท่าเทียมและยั่งยืน ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาได้อย่างแท้จริง

ที่มา: ศูนย์บริการนิสิตพิการมหาวิทยาลัยนเรศวร – DSS NU

ม.นเรศวร จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการด้านการเตรียมความพร้อมรับอุบัติภัยหมู่

มหาวิทยาลัยนเรศวรมีความมุ่งมั่นในการดำเนินงานที่สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะในด้านการส่งเสริมสุขภาพและการสร้างชุมชนที่ปลอดภัย ซึ่งสอดคล้องกับ SDGs 3 (การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) และ SDGs 11 (การทำให้เมืองและชุมชนมีความยืดหยุ่นและยั่งยืน) การจัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ “การเตรียมความพร้อมรับอุบัติภัยหมู่” โดยคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นตัวอย่างหนึ่งของการพัฒนาความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินและภัยพิบัติในชุมชน

โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ “การเตรียมความพร้อมรับอุบัติภัยหมู่” เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2566 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อ “การเตรียมความพร้อมรับอุบัติภัยหมู่” ซึ่งจัดขึ้นที่ห้องประชุมเอกาทศรถ 9 ชั้น 3 อาคารสิรินธร โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยมี ผศ.พญ.พิริยา นฤขัตรพิชัย คณบดีคณะแพทยศาสตร์ เป็นประธานในการเปิดโครงการ และ อ.พญ.ปาลีรั ฐ จริยากาญจนา แพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน ได้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของโครงการ ซึ่งมีเป้าหมายในการเตรียมความพร้อมให้กับบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวรในการรับมือกับสถานการณ์อุบัติภัยหมู่ หรือสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

การจำลองสถานการณ์เสมือนจริง ในวันที่ 22 ธันวาคม 2566 เวลา 14.00 น. ได้มีการจำลองสถานการณ์เสมือนจริง ณ แผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของโครงการเพื่อให้บุคลากรทุกหน่วยงานและทุกระดับได้เรียนรู้และฝึกฝนการทำงานร่วมกันในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้การจำลองสถานการณ์นี้เป็นการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ดังนี้:

  1. การเตรียมเครื่องมือและเวชภัณฑ์ การฝึกฝนในสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นจำเป็นต้องมีการเตรียมเครื่องมือและเวชภัณฑ์ที่เหมาะสมและเพียงพอสำหรับการรักษาผู้ประสบภัย โดยการจำลองสถานการณ์ในครั้งนี้ช่วยให้บุคลากรได้ฝึกฝนการจัดการเครื่องมือและเวชภัณฑ์อย่างมีประสิทธิภาพ
  2. การฝึกทักษะในการช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติภัย บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนจะได้รับการฝึกฝนในการให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างรวดเร็วและถูกต้อง ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถรับมือกับผู้ป่วยที่มีอาการหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที
  3. การประสานงานและการสื่อสารในทีม การสื่อสารที่ชัดเจนและการประสานงานที่ดีระหว่างหน่วยงานภายในและภายนอกโรงพยาบาลเป็นสิ่งสำคัญในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน การฝึกฝนในครั้งนี้ได้เน้นการติดต่อสื่อสารที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพในการประสานงานระหว่างทีมต่างๆ ทั้งในระดับการแพทย์และการจัดการทรัพยากร
  4. การเตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์จริง การฝึกในครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การทำให้ทุกฝ่ายมีความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของตนเองในสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมทั้งสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพตามมาตรฐานสากล โดยมีการทบทวนกระบวนการต่างๆ ที่จะช่วยให้การตอบสนองต่อเหตุการณ์ฉุกเฉินเป็นไปอย่างเหมาะสมและไม่เกิดการล่าช้า

การเชื่อมโยงกับ SDGs 3: การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี การฝึกอบรมและการจำลองสถานการณ์เสมือนจริงในครั้งนี้มีความสอดคล้องกับ SDGs 3 ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมให้กับบุคลากรทางการแพทย์และหน่วยงานต่างๆ ในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อให้การดูแลรักษาผู้ป่วยเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การพัฒนาทักษะในการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติภัย และทำให้ประชาชนได้รับการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดในเวลาที่สำคัญที่สุด

การเชื่อมโยงกับ SDGs 11: การทำให้เมืองและชุมชนมีความยืดหยุ่นและยั่งยืน การเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินยังเชื่อมโยงกับ SDGs 11 ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างเมืองและชุมชนที่มีความยืดหยุ่นและยั่งยืน การฝึกอบรมและจำลองสถานการณ์นี้เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือกับภัยพิบัติในชุมชน ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ซึ่งจะช่วยให้ชุมชนสามารถฟื้นฟูและปรับตัวได้รวดเร็วในกรณีเกิดภัยพิบัติ หรือเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ

รู้ทันโรคมะเร็ง ดูแลตนเองอย่างไร ให้ห่างไกลโรคมะเร็ง

มหาวิทยาลัยนเรศวรมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับบุคลากร นิสิต รวมถึงชุมชนรอบข้าง ผ่านกิจกรรมและการให้ความรู้ต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับ SDGs 3: การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี โดยหนึ่งในแนวทางที่มหาวิทยาลัยใช้ในการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคคือการจัดรายการวิทยุที่ให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะการสร้างความตระหนักเกี่ยวกับโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของคนไทยอย่างมาก

รายการ “พบเภสัชกร” เรื่อง: รู้ทันโรคมะเร็ง ดูแลตนเองอย่างไรให้ห่างไกลโรคมะเร็ง มหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัดรายการวิทยุที่ชื่อว่า “พบเภสัชกร” ซึ่งเป็นรายการที่จัดขึ้นเพื่อให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพแก่ประชาชน โดยเฉพาะการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นโรคที่มีผลกระทบต่อคนจำนวนมาก และมักจะมีการตรวจพบเมื่อโรคเข้าสู่ระยะที่ลุกลามแล้ว รายการนี้มุ่งหวังให้ผู้ฟังได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์เกี่ยวกับการป้องกันโรคมะเร็ง รวมถึงการดูแลสุขภาพและการดำเนินชีวิตที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากโรคนี้ได้

ในแต่ละตอนของรายการ “พบเภสัชกร” จะมีการนำเสนอเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการรู้ทันโรคมะเร็ง และการดูแลตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดโรค โดยเฉพาะวิธีการตรวจเช็คสุขภาพ การปรับพฤติกรรมการกิน การออกกำลังกาย และการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ เช่น การสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ นอกจากนี้ยังมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญหรือเภสัชกรที่มีความรู้เฉพาะทางมาร่วมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการป้องกันโรคมะเร็งและการตรวจสุขภาพประจำปี

รายการ “พบเภสัชกร” ดำเนินรายการโดย เภสัชกร โฉมคนางค์ ภูมิสายดร จากคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความสามารถในการให้คำแนะนำและถ่ายทอดข้อมูลทางด้านสุขภาพให้กับผู้ฟังได้อย่างเข้าใจง่ายและมีประโยชน์ เภสัชกรโฉมคนางค์ได้ใช้ประสบการณ์ในการทำงานด้านเภสัชกรรมเพื่อเป็นแหล่งข้อมูลในการช่วยให้ผู้ฟังสามารถดูแลสุขภาพตนเองได้ดีขึ้น พร้อมทั้งสามารถเลือกวิธีป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง ซึ่งถือเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญในสังคมไทย

รายการ “พบเภสัชกร” สามารถติดตามรับฟังได้ทั้งทาง สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยนเรศวร FM 107.25 MHz และทางออนไลน์ที่เว็บไซต์ www.nuradio.nu.ac.th ซึ่งผู้ฟังสามารถติดตามรายการได้ทุกวันศุกร์ เวลา 18.30 – 19.00 น. การออกอากาศในช่วงเวลาที่เหมาะสมและการให้ทางเลือกในการฟังทั้งจากสื่อวิทยุและทางออนไลน์ ทำให้ผู้คนในชุมชนสามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น โดยไม่จำกัดสถานที่หรือเวลา

การจัดรายการวิทยุเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ SDGs 3 ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพที่ดีและความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคน โดยเฉพาะการให้ข้อมูลที่ถูกต้องและส่งเสริมการป้องกันโรคต่างๆ การให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและการป้องกันโรคมะเร็งไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเท่านั้น แต่ยังช่วยลดภาระทางการแพทย์และการรักษาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วย

โดยการใช้สื่อวิทยุและออนไลน์ในการเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้ มหาวิทยาลัยนเรศวรยังได้สร้างช่องทางการสื่อสารที่ครอบคลุมและสามารถเข้าถึงประชาชนในวงกว้าง ซึ่งเป็นการสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้และการมีส่วนร่วมในเรื่องสุขภาพที่ดี โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อาจขาดแคลนข้อมูลหรือเข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้ยาก

คณะแพทย์ รพ.มน. บริการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก ..ฟรี !

มหาวิทยาลัยนเรศวรมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชนและบุคลากรผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจคัดกรองโรค การให้ความรู้ด้านสุขภาพ และการสร้างการตระหนักรู้ในเรื่องการดูแลสุขภาพที่ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการป้องกันและตรวจพบโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นโรคที่มีอัตราการเกิดสูงและเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเสียชีวิตในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย

ในวันที่ 8 ธันวาคม 2566 คณะแพทยศาสตร์ ร่วมกับ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร (รพ.มน.) ได้จัดกิจกรรม “การตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากฟรี” โดยเปิดโอกาสให้ผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไปเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้ชายวัยกลางคนและสูงอายุ หากตรวจพบในระยะเริ่มต้นสามารถรักษาได้ผลดีและลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้ได้อย่างมาก

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมการดูแลสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะชายวัย 50 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มักจะไม่ค่อยเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ การตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากจะช่วยให้สามารถตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรค

รายละเอียดของกิจกรรม
  • การตรวจคัดกรองฟรี: ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปสามารถลงทะเบียนและรับการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ
  • การบรรยายให้ความรู้: นอกจากการตรวจคัดกรองแล้ว ผู้เข้าร่วมยังได้รับฟังการบรรยายเกี่ยวกับมะเร็งต่อมลูกหมาก ทั้งในด้านสาเหตุ วิธีการป้องกัน และการรักษาที่มีประสิทธิภาพจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • ของที่ระลึก: ผู้เข้าร่วมกิจกรรมจะได้รับของที่ระลึกจากโครงการ ซึ่งเป็นการสร้างความรู้สึกขอบคุณและกระตุ้นให้มีการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ

ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมผ่านทาง ลิงค์การลงทะเบียนออนไลน์ https://forms.gle/CVtsNJgC3DWby34P9 ซึ่งเป็นช่องทางที่สะดวกและรวดเร็วในการจัดการลงทะเบียน โดยกิจกรรมจะจัดขึ้นในวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ที่ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นสถานที่ที่พร้อมด้วยเครื่องมือและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จะช่วยให้การตรวจคัดกรองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

กิจกรรมนี้เป็นตัวอย่างของการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ SDGs 3: การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งมีเป้าหมายในการลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคต่างๆ และการส่งเสริมการเข้าถึงการรักษาที่มีคุณภาพและมีประสิทธิภาพ สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง การตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากช่วยให้สามารถลดความเสี่ยงจากโรคนี้ได้ และช่วยเพิ่มอายุขัยให้กับผู้คนในชุมชน

โครงการนี้ยังเป็นการส่งเสริมการเข้าถึงการดูแลสุขภาพที่ดีสำหรับประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งมักจะไม่ได้รับการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ การให้บริการตรวจคัดกรองฟรียังช่วยลดช่องว่างทางด้านการเข้าถึงบริการทางการแพทย์และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นสำหรับทุกคนในสังคม

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin