ม.นเรศวร จับมือบริษัทน้ำตาลพิษณุโลก พัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลสู่ความยั่งยืน

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วรสิทธิ์ โทจำปา คณบดีคณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เข้าร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับบริษัท น้ำตาลพิษณุโลก จำกัด นำโดยนายเอกรัตน์ เตชะเวช กรรมการบริหารบริษัท ณ ห้องประชุมนเรศวร 304 ชั้น 3 อาคารสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัยนเรศวร เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการศึกษา วิจัย และพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลให้มีความยั่งยืน

ความร่วมมือเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล

รองศาสตราจารย์ ดร.ศรินทร์ทิพย์ แทนธานี กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการต่อยอดพันธกิจของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการเป็น “มหาวิทยาลัยเพื่อสังคมของผู้ประกอบการ” โดยการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยมีผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสาขาที่สามารถร่วมมือกับบริษัทน้ำตาลพิษณุโลกในการพัฒนางานวิจัย เทคโนโลยี และกระบวนการผลิตอ้อยและน้ำตาล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ลดการเผาอ้อย ส่งเสริมเกษตรยั่งยืน

บริษัทน้ำตาลพิษณุโลกมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยนเรศวรมากว่า 10 ปี โดยมีการต่ออายุข้อตกลงทุก 5 ปี เพื่อพัฒนาและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างกัน ซึ่งส่งผลให้การผลิตอ้อยสดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปัจจุบันบริษัทสามารถลดการเผาอ้อยลงจนเหลือเพียง 3% จากทั้งหมด และตั้งเป้าให้การผลิตอ้อยในอนาคตเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

พัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์จากอ้อย

นายเอกรัตน์ เตชะเวช กรรมการบริหารบริษัทน้ำตาลพิษณุโลก กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตอ้อยและน้ำตาลรายใหญ่อันดับสองของโลก กลุ่มไทยรุ่งเรืองอุตสาหกรรม ซึ่งบริษัทน้ำตาลพิษณุโลกเป็นส่วนหนึ่ง มุ่งมั่นยกระดับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลสู่ความยั่งยืน ผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต การทดสอบพันธุ์อ้อยใหม่ การบริหารจัดการไร่อ้อย และการใช้ของเหลือจากกระบวนการผลิต เช่น กากอ้อย เพื่อนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น ภาชนะจากกากอ้อย ไบโอพลาสติก และอาหารสัตว์

สอดคล้องกับเป้าหมาย SDGs

ความร่วมมือครั้งนี้ดำเนินการภายใต้กรอบของ SDG2 (การยุติความหิวโหย) โดยการพัฒนาเทคโนโลยีและความรู้เพื่อเพิ่มผลผลิตและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับชาวไร่อ้อย อีกทั้งยังสนับสนุน SDG17 (หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน) ผ่านการทำงานร่วมกันระหว่างภาคการศึกษาและภาคเอกชนเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศให้เติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน

วิจัยและพัฒนาต่อเนื่องเพื่อเศรษฐกิจไทย

มหาวิทยาลัยนเรศวรและบริษัทน้ำตาลพิษณุโลกจะดำเนินโครงการวิจัยและพัฒนาต่อเนื่องในหลายด้าน เช่น วิทยาศาสตร์การเกษตร วิศวกรรมศาสตร์ อุตสาหกรรมเกษตร เศรษฐศาสตร์ และสังคมศาสตร์ เพื่อให้เกิดนวัตกรรมที่ช่วยยกระดับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในประเทศไทย และส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งเกษตรกร ภาคอุตสาหกรรม และเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

ที่มา: ข่าว/ภาพ พิษณุโลกฮอตนิวส์

ม.นเรศวร จัดกิจกรรม “พัฒนาจิตให้เกิดปัญญา” เสริมสร้างสุขภาวะที่ยั่งยืน

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน 2567 สโมสรบุคลากรคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดกิจกรรม “พัฒนาจิตให้เกิดปัญญา” ในหัวข้อ “เหตุต้น…ผลกรรม” เพื่อส่งเสริมสุขภาวะทางกายและใจของบุคลากร พร้อมทั้งเชื่อมโยงกับการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG3: Good Health and Well-being)

กิจกรรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก รองศาสตราจารย์ ดร.วัชรินทร์ จินต์วุฒิ รองคณบดีฝ่ายเทคโนโลยีดิจิทัลและสื่อสารองค์กร คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะและการออกแบบ มหาวิทยาลัยนเรศวร มาเป็นวิทยากรบรรยาย ถ่ายทอดความรู้ด้านหลักกรรมและการพัฒนาจิตใจอย่างเป็นระบบ

เนื้อหาการบรรยายได้มุ่งเน้นไปที่ กฎแห่งกรรม และการเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผลของการกระทำ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมตระหนักถึงผลลัพธ์ที่ตามมา พร้อมทั้งสามารถประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างมีสติและความรับผิดชอบ

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรม พัฒนาจิตเพื่อความสงบ ผ่านการฝึกสมาธิ การกำหนดลมหายใจ และการเจริญสติ ซึ่งช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถสร้างสมาธิและความผ่อนคลาย ลดความเครียด และส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดี

การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ ถือเป็นการสร้าง พื้นที่เรียนรู้ร่วมกัน ระหว่างบุคลากรและผู้บริหาร โดยใช้กิจกรรมทางจิตใจมาเป็นเครื่องมือเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในองค์กร และเป็นการสนับสนุนวัฒนธรรมการดูแลสุขภาพองค์รวม

สุขภาพที่ดีไม่ได้หมายถึงเพียงสุขภาพกายเท่านั้น แต่ยังรวมถึง สุขภาพจิต ที่มั่นคง ซึ่งจะช่วยให้บุคลากรมีพลังในการทำงาน มีประสิทธิภาพ และพร้อมรับมือกับความท้าทายในชีวิตประจำวันได้อย่างมีสติ

กิจกรรม “พัฒนาจิตให้เกิดปัญญา” จึงสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG3 ที่มุ่งเน้นการรับรองการมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีสำหรับทุกคนในทุกช่วงวัย

ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่างได้รับทั้งความรู้และประสบการณ์ตรงจากการฝึกปฏิบัติจริง ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันทีในชีวิตประจำวัน อันเป็นการสร้างสมดุลทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคม

คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพบุคลากรทั้งในเชิงวิชาชีพและด้านจิตใจ เพื่อให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพและความสุขที่ยั่งยืน

ท้ายที่สุด กิจกรรมในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการสร้างสุขภาวะที่ดีให้กับบุคลากร แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยสู่การเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืน ตามแนวทาง SDG3: Good Health and Well-being อย่างเป็นรูปธรรม

ม.นเรศวร ร่วมประชุม Thailand’s Innovation Policy Week 2027

วันพุธที่ 27 – วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ดร.พิสุทธิ์ อภิชยกุล รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์และการถ่ายทอดเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร พร้อมด้วยนายภวัต ภาชนะ รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการกองการถ่ายทอดเทคโนโลยีและบริหารจัดการทรัพย์สินทางปัญญา เข้าร่วมประชุม “Thailand’s Innovation Policy Week” จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สป.อว.) มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี สมาคมวิชาชีพนักจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและถ่ายทอดเทคโนโลยี (AITP) องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) และสมาคมอนุญาตให้ใช้สิทธิประเทศไทย (LES Thailand)

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเปิดตัว สมาคมวิชาชีพนักจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและถ่ายทอดเทคโนโลยี (AITP) ซึ่งถือเป็นเวทีสำคัญที่สร้างเครือข่ายนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ปฏิบัติงานด้านการจัดการทรัพย์สินทางปัญญาจากหลากหลายภาคส่วน เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศการจัดการเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้มแข็งและยั่งยืน

ภายในงานยังมีการนำเสนอผลการศึกษา “Patent Landscape ในสาขาเกษตรอาหาร” ซึ่งจัดทำโดยคณะผู้เชี่ยวชาญจาก WIPO โดยผลการศึกษาได้สะท้อนภาพรวมด้านสิทธิบัตรและทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีในสาขาเกษตรและอาหาร อันเป็นฐานข้อมูลเชิงกลยุทธ์ที่ช่วยให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถกำหนดแนวทางวิจัยและพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศและตลาดโลก

นอกจากนี้ยังมีการประชุมประจำปีของ สมาคมอนุญาตให้ใช้สิทธิประเทศไทย (LES Thailand) ภายใต้หัวข้อการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับ 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ซึ่งเป็นแนวคิดที่ช่วยเสริมศักยภาพขององค์กรให้สามารถแข่งขันและเติบโตในเวทีนานาชาติได้อย่างมั่นคง

การเข้าร่วมของมหาวิทยาลัยนเรศวรในครั้งนี้ เป็นการยืนยันบทบาทของมหาวิทยาลัยในฐานะ ศูนย์กลางความรู้ด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยีและการจัดการทรัพย์สินทางปัญญา ที่พร้อมสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศ เพื่อยกระดับการวิจัยและนวัตกรรมไทยสู่มาตรฐานสากล

อีกทั้งยังเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการจัดการเทคโนโลยี การถ่ายทอดองค์ความรู้ และการพัฒนานโยบายนวัตกรรม ซึ่งล้วนเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

การประชุม “Thailand’s Innovation Policy Week” จึงมีความหมายอย่างยิ่งต่อการพัฒนาระบบการจัดการนวัตกรรมของประเทศ ทั้งในแง่การยกระดับศักยภาพนักวิจัยและผู้ประกอบการ ตลอดจนการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระดับนานาชาติ และยังสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศในการ ส่งเสริมด้านการจัดการเทคโนโลยีและทรัพย์สินทางปัญญา

ม.นเรศวรให้ความสำคัญกับความเสมอภาคและเท่าเทียมผ่านกิจกรรมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี

คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรอุษา สุวรรณประเทศ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์ ให้การสนับสนุนและร่วมมือกับสโมสรซอนต้าพิษณุโลก ในการจัดกิจกรรมแสดงสัญลักษณ์รณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรีทั่วโลก ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นพร้อมกันในระหว่างวันที่ 25 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคมของทุกปี โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้และส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ ตามแนวทางของเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDG5) ที่มุ่งเน้นการลดความเหลื่อมล้ำและส่งเสริมสิทธิของทุกคนในสังคม

กิจกรรมในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากคณาจารย์ บุคลากรสายสนับสนุน สโมสรนิสิตคณะมนุษยศาสตร์ สมาคมสตรีศรีสองแคว สมาคมผู้สูงอายุ โรงเรียน สว.ท่าโพธิ์วิทยา และองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ รวมถึงผู้เข้าร่วมกว่า 150 คน ณ ห้องประชุม HU 1103 คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ภายในงานมีการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับความรุนแรงทางเพศและผลกระทบต่อสังคม รวมถึงการเสวนาเกี่ยวกับแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เพื่อแสดงพลังสนับสนุนสิทธิของเด็กและสตรีทั่วโลก

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการสร้างสังคมที่เคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และมุ่งมั่นในการส่งเสริมความเสมอภาคและเท่าเทียมทางเพศ ภายใต้แนวคิด SDG5 โดยสนับสนุนให้เกิดการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนเพื่อสร้างความตระหนักรู้และแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสังคม กิจกรรมครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการขับเคลื่อนสังคมที่เป็นธรรมและปราศจากความรุนแรง

การดำเนินงานดังกล่าวไม่เพียงเป็นการแสดงพลังของชุมชนมหาวิทยาลัย แต่ยังเป็นแบบอย่างที่ดีในการร่วมมือกันระหว่างภาคการศึกษาและองค์กรภายนอก เพื่อสร้างสังคมที่เท่าเทียมและปลอดภัยสำหรับทุกคนในอนาคต
ที่มา: คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

นักวิจัย ม.นเรศวร คว้ารางวัลผลงานวิจัยและนวัตกรรมตอบโจทย์ประเทศ

เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2567 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้จัดพิธีมอบรางวัล NRCT Award เพื่อยกย่องเชิดชูผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่สามารถแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ โดยได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นประธานมอบรางวัล ณ ห้องจอมพลสฤกษดิ์ ธนะรัชต์ อาคาร วช.1 ซึ่งถือเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนบทบาทของงานวิจัยไทยในการพัฒนาประเทศ

มหาวิทยาลัยนเรศวร ขอแสดงความยินดีกับ รองศาสตราจารย์ ดร.พีระศักดิ์ ฉายประสาท คณะเกษตรศาสตร์ ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ที่ได้รับ 2 รางวัลผลงานวิจัยและนวัตกรรมตอบโจทย์ประเทศ NRCT Award เนื่องในโอกาสครบรอบ 65 ปี การก่อตั้งสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

ผลงานแรกที่ได้รับรางวัลคือ “ส้มโอฉายรังสีเพื่อการส่งออกประเทศสหรัฐอเมริกา” ดำเนินการโดยทีมวิจัยนำโดย ดร.หาญณรงค์ ฉ่ำทรัพย์, ดร.สุวิมล เจตะวัฒนะ, ดร.นุชนาถ ภักดี และคุณพุทธพงษ์ สร้อยเพชรเกษม งานวิจัยนี้ช่วยเพิ่มศักยภาพการส่งออกผลไม้ไทย ด้วยการใช้เทคโนโลยีฉายรังสีเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาและคงคุณภาพตามมาตรฐานสากล สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ

อีกหนึ่งผลงานสำคัญคือ “สตรอว์เบอร์รี่พันธุ์พระราชทาน 89” ที่พัฒนาร่วมกับทีมวิจัย ได้แก่ ดร.ณรงค์ชัย พิพัฒน์ธนวงศ์, ดร.มงคล ศิริจันทร์, ดร.นุชนาฏ ภักดี, ดร.นพรัตน์ อินถา, คุณพุทธพงษ์ สร้อยเพชรเกษม และคุณสายัณห์ อักขระ ซึ่งเป็นการพัฒนาพันธุ์สตรอว์เบอร์รี่คุณภาพสูงที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่สูงของไทย ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด เพิ่มรายได้และความมั่นคงให้แก่เกษตรกรผู้ปลูก

รางวัล NRCT Award มีวัตถุประสงค์เพื่อเชิดชูผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อ เศรษฐกิจ สังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม อีกทั้งยังเป็นการสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของการวิจัยและการพัฒนานวัตกรรมที่สามารถประยุกต์ใช้ได้จริง

ความสำเร็จของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนเรศวรในครั้งนี้ สะท้อนถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยในการ ส่งเสริมนวัตกรรมตอบโจทย์ประเทศ โดยไม่เพียงแต่สร้างองค์ความรู้ใหม่ แต่ยังเชื่อมโยงไปสู่การประยุกต์ใช้เชิงพาณิชย์และการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน

การคว้ารางวัลในครั้งนี้ยังเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความพร้อมของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการขับเคลื่อนงานวิจัยที่มีศักยภาพสูง โดยการบูรณาการองค์ความรู้ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ยั่งยืนและแข่งขันได้ในระดับสากล

ในภาพรวม รางวัลที่ได้รับไม่เพียงเป็นเกียรติยศแก่นักวิจัยและมหาวิทยาลัยนเรศวร แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนางานวิจัยที่มีคุณภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาที่สำคัญของประเทศและสร้างประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง

ม.นเรศวร จัดกิจกรรม Night at the Museum เติมเต็มประสบการณ์แห่งศิลปะและวัฒนธรรม

หอศิลป์มหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัดกิจกรรม Night at the Museum เปิดพื้นที่หอศิลป์ให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับผลงานศิลปะหลากหลายมิติ จนถึงเวลา 21.00 น. โดยมีนิทรรศการและกิจกรรมที่ออกแบบเพื่อสร้างความสุขและแรงบันดาลใจแก่นิสิต บุคลากร และประชาชนทั่วไป

ภายในงาน ชั้น 1 มีการจัดแสดงนิทรรศการ “Seasons Change : ฤดูกาลแห่งความสุข” ที่สะท้อนถึงความงดงามของธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงในแต่ละฤดู รวมถึงการตกแต่ง ต้นคริสต์มาสดอกไม้พันดวง ซึ่งผสมผสานสองวัฒนธรรมให้กลายเป็นหนึ่งเดียวอย่างลงตัว

ในส่วนของชั้น 2 ผู้เข้าชมสามารถสัมผัสกับบรรยากาศที่แตกต่างผ่านนิทรรศการ “หลอน : Thai Ghost” ถ่ายทอดเสียงและบรรยากาศที่ชวนสะพรึง พร้อมกับการจัดแสดง ผลงานศิลปินแห่งชาติ ที่สะท้อนคุณค่าของศิลปะไทย และสร้างแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ด้านศิลปะสมัยใหม่และดั้งเดิม

สำหรับชั้น 4 เป็นพื้นที่ที่จัดขึ้นเพื่อการ สักการะองค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช โดยมีการประดิษฐานพระบัลลังก์ไม้โบราณ อันเป็นสัญลักษณ์แห่งศรัทธา ความเคารพ และการสืบสานประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับรากเหง้าทางวัฒนธรรมของชุมชน

การจัดงาน Night at the Museum ครั้งนี้ สะท้อนถึงบทบาทของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการพัฒนา พื้นที่ทางวัฒนธรรมที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน ซึ่งช่วยเชื่อมโยงผู้คนกับศิลปะ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์อย่างรอบด้าน ตลอดจนเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างเต็มที่

กิจกรรมดังกล่าวยังเป็นเวทีที่สร้างบรรยากาศของ ชุมชนแห่งการเรียนรู้ โดยผู้เข้าชมสามารถเรียนรู้จากนิทรรศการ พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และซึมซับแรงบันดาลใจ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยกับชุมชนโดยรอบในระยะยาว

การจัดงานลักษณะนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงออกถึงความหลากหลายทางศิลปะและวัฒนธรรม แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเมืองและชุมชนให้น่าอยู่ โดยการใช้พื้นที่ของมหาวิทยาลัยเป็นศูนย์กลางแห่งการเรียนรู้ที่เปิดกว้างให้กับทุกคน

มหาวิทยาลัยนเรศวรส่งเสริมการสร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้ ผ่านกิจกรรมศิลปะและวัฒนธรรมที่เข้าถึงง่ายและมีคุณค่า เพื่อปลูกฝังความรักในการเรียนรู้และส่งเสริมให้ศิลปะเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน

คณะสาธารณสุขศาสตร์ ม.นเรศวร เปิดโครงการฝึกประสบการณ์วิชาชีพสาธารณสุขชุมชน ปี 2567 เตรียมนิสิตสู่การทำงานในชุมชน

ในวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้จัดการประชุมครูพี่เลี้ยง โครงการฝึกประสบการณ์วิชาชีพสาธารณสุขชุมชน สำหรับนิสิตหลักสูตรสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาอนามัยชุมชน ชั้นปีที่ 4 โดยมี ผศ.ดร.กานต์พิชชา เกียรติกิจโรจน์ รองคณบดีฝ่ายบริหารและวางแผน เป็นประธานในพิธีเปิดงานและกล่าวต้อนรับ พร้อมทั้งให้โอวาทแก่นิสิตที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยมี ผศ.ดร.ธนัช กนกเทศ ประธานหลักสูตรสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาอนามัยชุมชน เป็นผู้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของโครงการ และ รศ.ดร.ณรงค์ศักดิ์ หนูสอน หัวหน้าสาขาวิชาอนามัยชุมชน เป็นผู้กล่าวชี้แจงรายละเอียดและแนวทางการปฏิบัติให้แก่ครูพี่เลี้ยงจากสถานที่ฝึกปฏิบัติงานทั่วประเทศ.

วัตถุประสงค์ของโครงการ โครงการฝึกประสบการณ์วิชาชีพสาธารณสุขชุมชนมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมให้นิสิตได้ลงมือปฏิบัติงานจริงในพื้นที่ชุมชนและโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ซึ่งเป็นการพัฒนาทักษะและความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพในระดับปฐมภูมิ การจัดการระบบสุขภาพในชุมชน และการทำงานร่วมกับครูพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์ในการให้บริการสุขภาพในพื้นที่ชุมชน.

การฝึกประสบการณ์นี้จะช่วยให้นิสิตได้ฝึกฝนทักษะในด้านการวางแผนและการบริหารจัดการด้านสุขภาพชุมชน รวมทั้งทำความเข้าใจในบทบาทของสาธารณสุขในระดับท้องถิ่น การทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้กับประชาชน รวมถึงการเข้าใจถึงความท้าทายที่เกิดขึ้นในการปฏิบัติงานจริง.

การฝึกงานที่สำคัญและความร่วมมือกับครูพี่เลี้ยง การประชุมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักในการ ชี้แจงแนวทางการปฏิบัติ การ ปฏิบัติตัว และการ ให้ข้อมูลกฎระเบียบต่าง ๆ สำหรับนิสิตที่กำลังจะเริ่มต้นฝึกงานในพื้นที่จริง ซึ่งครูพี่เลี้ยงจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) จะช่วยแนะนำและคอยดูแลนักศึกษาในการปฏิบัติงานในพื้นที่ชุมชน.

นิสิตจะได้มีโอกาส พบปะ และ พูดคุย กับครูพี่เลี้ยงและอาจารย์ผู้ดูแลโครงการ เพื่อ สอบถามปัญหาหรืออุปสรรค ที่อาจเกิดขึ้นในการฝึกงานและการให้บริการสุขภาพในชุมชน รวมถึงการได้รับคำแนะนำในการพัฒนาตนเองในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานจริง.

การพบปะนี้ยังเป็นโอกาสที่นิสิตจะได้ เรียนรู้จากประสบการณ์จริง และสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการเรียนในห้องเรียนมาประยุกต์ใช้ในการทำงานในชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเสริมสร้างความมั่นใจในการทำงานร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบสุขภาพชุมชน.

การฝึกประสบการณ์วิชาชีพสาธารณสุขชุมชนนี้สอดคล้องกับ เป้าหมายที่ 3 (Good Health and Well-being) และ เป้าหมายที่ 11 (Sustainable Cities and Communities) ของการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยมุ่งเน้นการสร้างระบบสุขภาพที่มีประสิทธิภาพและสามารถเข้าถึงได้สำหรับทุกคนในชุมชน.

โดยเฉพาะในส่วนของ SDGs 3 ที่เน้นการ ส่งเสริมสุขภาพที่ดี และการ ลดความเหลื่อมล้ำ ในการเข้าถึงบริการสุขภาพ โครงการฝึกประสบการณ์นี้จะช่วยเตรียมทักษะและความรู้ในการให้บริการสุขภาพในชุมชนให้แก่ผู้ที่จำเป็นต้องการดูแลในด้านการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคอย่างยั่งยืน.

ส่วนในด้าน SDGs 11 โครงการนี้ช่วยส่งเสริม การพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืน โดยการเตรียมผู้ที่มีความรู้ในด้านการดูแลสุขภาพให้สามารถทำงานร่วมกับชุมชนเพื่อสร้างระบบสุขภาพที่เหมาะสมกับความต้องการและสภาพแวดล้อมของแต่ละพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

การเตรียมตัวและความพร้อมก่อนการลงพื้นที่ นิสิตทุกคนที่เข้าร่วมโครงการจะได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับ กระบวนการปฏิบัติงาน และ แนวทางการดูแลสุขภาพ ในพื้นที่ชุมชนอย่างละเอียดจากครูพี่เลี้ยง ซึ่งจะช่วยให้พวกเขามีความมั่นใจในการลงพื้นที่และสามารถ ประยุกต์ใช้ความรู้ จากการเรียนในห้องเรียนเข้าสู่การปฏิบัติในชีวิตจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

การจัดกิจกรรมนี้จึงเป็นการเตรียมความพร้อมให้นิสิตได้ฝึกทักษะที่จำเป็นต่อการ พัฒนาสังคมและชุมชน และช่วยสร้าง ระบบสุขภาพที่ยั่งยืน โดยการฝึกปฏิบัติในพื้นที่จริงซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอนาคตเพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนได้อย่างยั่งยืน.

โครงการฝึกประสบการณ์วิชาชีพสาธารณสุขชุมชนประจำปีการศึกษา 2567 ของคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร เป็นโครงการที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมให้กับนิสิตในการทำงานจริงในชุมชน โดยการสร้างความรู้และทักษะในการให้บริการสุขภาพและการบริหารจัดการระบบสุขภาพในพื้นที่ พร้อมทั้งเป็นการสอดคล้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านสุขภาพและการพัฒนาชุมชน โดยการร่วมมือกับครูพี่เลี้ยงจากโรงพยาบาลและสถานบริการสาธารณสุขต่างๆ.

ที่มา: คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ม.นเรศวร จัดกิจกรรม Bootcamp R2M2024 ภาคเหนือ ส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยสู่เส้นทางนวัตวณิชย์

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567 อุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร เครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคเหนือ ได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัด กิจกรรม Bootcamp ระดับภูมิภาค (ภาคเหนือ) ภายใต้โครงการเส้นทางสู่นวัตวณิชย์ (Research to Market: R2M2024) ครั้งที่ 12 ณ โรงแรม The Imperial Hotel & Convention Centre Phitsanulok จังหวัดพิษณุโลก โดยมี ดร.ปัญญวัณ ลำเพาพงศ์ รองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างอบอุ่น

กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีสร้างองค์ความรู้และประสบการณ์เชิงปฏิบัติการด้านการพัฒนางานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ โดยมุ่งเน้นการยกระดับผลงานวิจัยให้เกิดการต่อยอด และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงธุรกิจได้จริง อันเป็นกลไกสำคัญในการ ส่งเสริมความร่วมมือด้านการวิจัยสู่เส้นทางนวัตวณิชย์ และสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมอย่างยั่งยืน

สำหรับกิจกรรม Bootcamp ครั้งนี้ มีมหาวิทยาลัยเครือข่ายอุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือเข้าร่วมทั้งสิ้น 7 มหาวิทยาลัย รวมจำนวน 21 ทีม ได้แก่ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยพะเยา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม และมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งถือเป็นการรวมพลังเครือข่ายวิจัยและนวัตกรรมในระดับภูมิภาค

ภายในงานมีกิจกรรมที่โดดเด่น เช่น Highlight Session และกิจกรรม ICE Breaking ที่จัดขึ้นเพื่อเสริมสร้างทักษะการทำงานเป็นทีม กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ และเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้สร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่ง นับเป็นการสร้างบรรยากาศแห่งการเรียนรู้และการแลกเปลี่ยนที่เต็มไปด้วยพลังของเยาวชนและนักวิจัยรุ่นใหม่

กิจกรรมการอบรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.อนวัช มีเคลือบ รักษาการหัวหน้างานประชาสัมพันธ์ กองกลาง มหาวิทยาลัยนเรศวร ทำหน้าที่วิทยากร ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนางานวิจัยไปสู่เชิงธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

โครงการ R2M หรือ Research to Market ถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่ช่วยยกระดับศักยภาพงานวิจัยของประเทศไทย โดยเปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา และนักวิจัยได้นำผลงานวิจัยมาต่อยอดในเชิงพาณิชย์ และสร้างคุณค่าให้กับสังคม ตลอดจนช่วยสนับสนุนการพัฒนาประเทศสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม

การจัดกิจกรรม Bootcamp ในครั้งนี้ ยังเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ความสำเร็จของความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและหน่วยงานพันธมิตรในเครือข่าย ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยส่งเสริมงานวิจัยให้ก้าวสู่ตลาด แต่ยังช่วยสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่แข็งแกร่ง เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ

มหาวิทยาลัยนเรศวรในฐานะเจ้าภาพ ยังคงมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม ตลอดจนผลักดันผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยในระยะยาว

ม.นเรศวร สร้างความปลอดภัยให้นักเรียนด้วยทักษะการใช้บริการรถโดยสาร

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2567 โรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวร จัดกิจกรรมเพิ่มพูนความรู้และทักษะพื้นฐานนอกห้องเรียนให้กับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยมุ่งเน้นการสร้างความปลอดภัยในการใช้บริการรถบัสหรือรถโดยสารสาธารณะ เพื่อส่งเสริมทักษะชีวิตที่ยั่งยืนและสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน SDG3 ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และ SDG11 ด้านความปลอดภัยและความยั่งยืนของเมืองและชุมชน

กิจกรรมครั้งนี้ดำเนินการโดย นายวารินทร์ ทรัพย์เขต และนายพนม ศรีดี บุคลากรหน่วยยานพาหนะ งานกิจการทั่วไป โรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวร ซึ่งเป็นผู้บรรยายให้ความรู้แก่นักเรียนเกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัยพื้นฐาน และการปฏิบัติตนอย่างถูกต้องเมื่อต้องใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ

การบรรยายครอบคลุมการตรวจสอบความพร้อมของยานพาหนะ และการระบุจุดติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก ประตูทางออกฉุกเฉิน ตลอดจนวิธีการใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจและสามารถปฏิบัติตนได้อย่างปลอดภัยเมื่อเกิดสถานการณ์ไม่คาดคิด

นอกจากนี้ ยังมีการสาธิตปฏิบัติเบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือและการอพยพฉุกเฉิน ทำให้นักเรียนเกิดความตระหนักและสามารถป้องกันตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับเป้าหมาย SDG3 และ SDG11 ที่มุ่งสร้างความปลอดภัยในชีวิตประจำวันและชุมชน

กิจกรรมครั้งนี้ช่วยส่งเสริมความรับผิดชอบต่อชีวิตตนเองและเพื่อนร่วมทาง สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยงและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉิน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยภายในโรงเรียนและชุมชน

การจัดอบรมยังช่วยให้นักเรียนมีความพร้อมทางร่างกายและจิตใจ สามารถปรับตัวและตัดสินใจอย่างปลอดภัยในสถานการณ์จริง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของมหาวิทยาลัยในการพัฒนานักเรียนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน และสามารถใช้ชีวิตในสังคมอย่างปลอดภัย

โรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวร มุ่งหวังว่ากิจกรรมนี้จะช่วยป้องปรามอุบัติเหตุร้ายแรง สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยในการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะให้แก่นักเรียนอย่างยั่งยืน และสามารถนำความรู้และทักษะไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน รวมถึงส่งต่อความปลอดภัยสู่ชุมชนและสังคมต่อไป

ม.นเรศวร จัดกิจกรรมเตรียมความพร้อมนิสิตก่อนฝึกประสบการณ์วิชาชีพด้านสาธารณสุข

วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2567 คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จัดกิจกรรมเตรียมความพร้อมก่อนฝึกประสบการณ์วิชาชีพ สำหรับนิสิตหลักสูตรสาธารณสุขศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการดูแลและการจัดการสุขภาพผู้สูงอายุ ชั้นปีที่ 4 ปีการศึกษา 2567 โดยมี อาจารย์ณัฐพงศ์ โปรยสุรินทร์ รองคณบดีฝ่ายกิจการนิสิต เป็นผู้แทนคณบดีในการกล่าวต้อนรับทีมอาจารย์พี่เลี้ยงแหล่งฝึกงานและเปิดกิจกรรม พร้อมด้วย อาจารย์จริญา แห่งสันเทียะ อาจารย์ผู้รับผิดชอบกิจกรรม กล่าวรายงานวัตถุประสงค์

กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อชี้แจงแนวทางและวัตถุประสงค์ของการฝึกประสบการณ์วิชาชีพ ทั้งการเตรียมความพร้อม กฎเกณฑ์ และเกณฑ์การประเมินผลการฝึกปฏิบัติงาน อีกทั้งยังอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ให้แก่นิสิตและอาจารย์พี่เลี้ยงจากแหล่งฝึก โดยมีโรงพยาบาลชุมชนจำนวน 7 แห่ง และศูนย์ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุจำนวน 12 แห่ง เข้าร่วมโครงการ

การฝึกประสบการณ์วิชาชีพครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อให้นิสิตสามารถนำความรู้ทางทฤษฎีและการเรียนปฏิบัติมาประยุกต์ใช้จริงในการทำงาน โดยเน้นการ ส่งเสริมเตรียมความพร้อมนิสิตก่อนทำงานจริง และการ ส่งเสริมความเชี่ยวชาญ ด้านการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญต่อการปฏิบัติงานในอนาคต

ในระหว่างการจัดกิจกรรม มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสร้างความเข้าใจที่ตรงกันระหว่างอาจารย์ผู้สอน อาจารย์พี่เลี้ยง และนิสิต เพื่อพัฒนาความร่วมมือในการดูแลและสนับสนุนการฝึกประสบการณ์ให้บรรลุเป้าหมายของหลักสูตร และสร้างบัณฑิตที่มีคุณภาพเข้าสู่ตลาดแรงงาน

คณะสาธารณสุขศาสตร์ยังให้ความสำคัญกับการสร้างบัณฑิตที่มีความรู้และทักษะที่ทันสมัย สามารถตอบสนองต่อความต้องการของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการจัดการสุขภาพผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญของประเทศที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย

การจัดกิจกรรมเตรียมความพร้อมในครั้งนี้ยังเป็นเวทีในการปลูกฝังความรับผิดชอบ ความมีวินัย และทักษะการทำงานร่วมกัน เพื่อให้นิสิตมีความมั่นใจในการลงพื้นที่ปฏิบัติงานจริง และสามารถให้บริการด้านสุขภาพแก่ประชาชนได้อย่างมีคุณภาพและมีมาตรฐาน

กิจกรรมนี้นับเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้เชิงบูรณาการ ที่ช่วยยกระดับศักยภาพนิสิตสู่การเป็นบัณฑิตที่มีความพร้อมทั้งด้านวิชาการและการปฏิบัติจริง ตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืนและการดูแลสุขภาพประชาชนในระดับชุมชนและสังคมโดยรวม

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin