ม.นเรศวร บริการยาเบื้องต้นฟรีสำหรับผู้มีสิทธิบัตรทอง ดูแลสุขภาพ ลดภาระพบแพทย์

ในช่วงเปิดเทอมนี้ มหาวิทยาลัยนเรศวรขอส่งเสริมสุขภาพของนิสิตและบุคลากรด้วยบริการพิเศษจากร้านยาคณะเภสัชศาสตร์ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยสามารถรับยาฟรี! สำหรับนิสิตและบุคลากรที่มีสิทธิบัตรทอง โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งเป็นการให้บริการที่สะดวกและรวดเร็ว เพื่อช่วยดูแลสุขภาพเบื้องต้นและส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

อาการเจ็บป่วยเล็กน้อยที่สามารถรับยาได้มีดังนี้
– ปวดหัว – เวียนหัว – ปวดข้อ – ปวดกล้ามเนื้อ – ปวดฟัน – ไข้ – ไอ – เจ็บคอ – ปวดท้อง – โรคกระเพาะ – ท้องเสีย- ท้องผูก-ริดสีดวง – ปัสสาวะแสบขัด – ปวดประจำเดือน – ตกขาวผิดปกติ – อาการทางผิวหนัง ผื่น – คัน – ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตา – ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับหู – การดูแลบาดแผลเบื้องต้น

บริการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อ:

  1. การเข้าถึงบริการสุขภาพที่ง่ายและสะดวก: การให้บริการยาเบื้องต้นสำหรับอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยจะช่วยลดภาระในการไปพบแพทย์ในกรณีที่ไม่จำเป็น ช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  2. การส่งเสริมสุขภาพดีสำหรับทุกคน: นอกจากการให้บริการยาแล้ว ยังมีการให้คำแนะนำจากเภสัชกรเกี่ยวกับวิธีการใช้ยาอย่างถูกต้องและปลอดภัย ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 3: Good Health and Well-being) เพื่อให้ทุกคนในสังคมมีสุขภาพที่ดีและเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างเท่าเทียม
  3. การสนับสนุนความรู้และการป้องกัน: การเข้าถึงยาเบื้องต้นที่ร้านยาในมหาวิทยาลัยยังสามารถเป็นโอกาสในการให้ความรู้และคำแนะนำในการดูแลสุขภาพเบื้องต้น เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคที่อาจเกิดขึ้นจากอาการต่างๆ

การใช้บริการ:
หากท่านมีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยตามที่ระบุ สามารถไปที่ร้านยาคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร สาขา 2 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางเข้า ประตู 4 ของมหาวิทยาลัย (โดยต้องนำบัตรประชาชนมาด้วยทุกครั้งที่รับบริการ) ทีมเภสัชกรพร้อมให้คำแนะนำและดูแลท่านอย่างครบถ้วน

อย่าลืม! สวัสดีปีการศึกษาใหม่แล้ว มหาวิทยาลัยนเรศวรพร้อมดูแลสุขภาพของท่าน ด้วยบริการที่ดีและสะดวก พร้อมให้ความรู้การดูแลสุขภาพและการใช้ยาอย่างถูกต้อง เพื่อสังคมที่มีสุขภาพดีไปด้วยกัน!

รณรงค์และประชาสัมพันธ์งดสูบบุหรี่ เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก

ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2567 กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยนเรศวรได้จัดกิจกรรมรณรงค์และประชาสัมพันธ์งดสูบบุหรี่ เนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก (World No Tobacco Day) ซึ่งสอดคล้องกับ SDGs 3 การส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดผลกระทบจากการสูบบุหรี่ที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น มะเร็งปอด โรคหัวใจ และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) รวมถึงสร้างความตระหนักรู้ในด้านโทษของการสูบบุหรี่ต่อสุขภาพของบุคคลและสังคม

กิจกรรมในปีนี้ประกอบด้วยการเดินรณรงค์ภายในมหาวิทยาลัยนเรศวร โดยใช้สื่อประชาสัมพันธ์เช่น แผ่นป้ายและโปสเตอร์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับโทษของการสูบบุหรี่ และการให้คำแนะนำในการเลิกสูบบุหรี่ รวมถึงการจัดเวทีสัมมนาและการให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์

กิจกรรมนี้มีเป้าหมายในการลดอัตราการสูบบุหรี่ในกลุ่มนิสิตและบุคลากรของมหาวิทยาลัยนเรศวร ช่วยลดภาระโรคจากการสูบบุหรี่ และส่งเสริมการเลือกวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี โดยตรงกับ SDG 3 ซึ่งมุ่งเน้นการลดปัจจัยเสี่ยงที่สามารถป้องกันได้ เช่น การสูบบุหรี่ พร้อมทั้งช่วยสร้างสังคมที่ปราศจากบุหรี่ และการเข้าถึงบริการสุขภาพที่ดีสำหรับทุกคน

ม.นเรศวร เปิดรับสมัคร ทุนการศึกษานิสิต ประจำปีการศึกษา 2567

มหาวิทยาลัยนเรศวรได้ประกาศเปิดรับสมัคร ทุนการศึกษานิสิต ประจำปีการศึกษา 2567 ซึ่งเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกคนเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียม ตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 4). การเปิดรับสมัครทุนการศึกษานี้มีเป้าหมายเพื่อช่วยลดความเหลื่อมล้ำในด้านการศึกษา และเปิดโอกาสให้นิสิตที่มีความสามารถแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษา

การรับสมัครทุนการศึกษานี้จะเปิดรับตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน – 15 กรกฎาคม 2567 โดยนิสิตสามารถสมัครได้ที่เว็บไซต์ของกองกิจการนิสิตมหาวิทยาลัยนเรศวร. มหาวิทยาลัยได้กำหนดขั้นตอนที่ชัดเจนในการรับสมัครและคัดเลือกนิสิตที่มีสิทธิ์ได้รับทุนการศึกษา ซึ่งจะประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สัมภาษณ์ในวันที่ 19 กรกฎาคม 2567 ผ่านเว็บไซต์และเพจของกองกิจการนิสิต

นิสิตที่มีสิทธิ์สัมภาษณ์ทุนการศึกษาจะได้รับการสัมภาษณ์จากคณะกรรมการส่วนกลางในระหว่างวันที่ 25-31 กรกฎาคม 2567 เพื่อประเมินคุณสมบัติและความเหมาะสมของผู้สมัครในการได้รับทุน. ทั้งนี้ การสัมภาษณ์เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการคัดเลือกนิสิตที่มีความมุ่งมั่นในการเรียนและสามารถนำทุนการศึกษานี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการศึกษาต่อ

หลังจากการสัมภาษณ์แล้ว มหาวิทยาลัยจะประกาศรายชื่อนิสิตที่ได้รับทุนการศึกษาในวันที่ 15 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป. การประกาศผลนี้จะทำให้ผู้ที่ได้รับทุนสามารถวางแผนการศึกษาได้อย่างมั่นใจและไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการศึกษา

การจัดสรรทุนการศึกษานี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยนเรศวรในการส่งเสริมการศึกษาที่เท่าเทียม และช่วยลดอุปสรรคในการเข้าถึงการศึกษา. ทุนการศึกษานี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้นิสิตที่ได้รับทุนมีโอกาสพัฒนาตนเองและทำให้การศึกษาของพวกเขาสามารถเติบโตได้อย่างเต็มที่

สุดท้ายนี้ หากนิสิตท่านใดไม่เข้ารับการสัมภาษณ์หรือไม่รายงานตัวตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดจะถือว่าสละสิทธิ์ในการรับทุนการศึกษา. ดังนั้น การปฏิบัติตามกำหนดเวลาที่มหาวิทยาลัยได้ตั้งไว้จึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสสำคัญในการศึกษาต่อ

ม.นเรศวร นำน้ำเสียหมุนเวียน ลดการใช้น้ำใหม่ สนับสนุนอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืนในด้านการจัดการน้ำ (Sustainable Development Goal 6: Clean Water and Sanitation) โดยเฉพาะการนำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่ผ่านระบบน้ำหมุนเวียน (Water Recycling) เพื่อลดการใช้น้ำใหม่และสนับสนุนการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ

พื้นที่ทั้งหมดของมหาวิทยาลัยครอบคลุมกว่า 2,167,624 ตารางเมตร โดยมีพื้นที่สีเขียวคิดเป็น 55.35% ของพื้นที่รวม ซึ่งประกอบด้วยสนามหญ้า สวนดอกไม้ ต้นไม้ และพื้นที่ป่า พื้นที่เหล่านี้ต้องการการดูแลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการใช้น้ำในการรดต้นไม้และบำรุงรักษา

เพื่อให้การดูแลพื้นที่สีเขียวเป็นไปอย่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยได้ดำเนินการระบบบำบัดน้ำเสียและนำกลับมาใช้ใหม่ โดยในแต่ละปีมหาวิทยาลัยผลิตน้ำเสียประมาณ 1,090,752 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วถึง 72% หรือประมาณ 783,996 ลูกบาศก์เมตร ถูกนำกลับมาใช้เพื่อดูแลพื้นที่สีเขียวของมหาวิทยาลัย

ผลลัพธ์และความยั่งยืน การนำน้ำหมุนเวียนกลับมาใช้ในระบบนอกจากจะช่วยลดการใช้น้ำประปาใหม่แล้ว ยังช่วยลดต้นทุนในการจัดหาน้ำ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว มหาวิทยาลัยนเรศวรแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมสนับสนุนแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมาย SDG 6

โครงการน้ำหมุนเวียนนี้ยังเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างชาญฉลาดในภาคการศึกษา และส่งเสริมการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการจัดการทรัพยากรน้ำในกลุ่มนักศึกษา บุคลากร และชุมชนโดยรอบ เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน

ม.นเรศวร จัดกิจกรรม NU Pride & Rainbow Crossing

กิจกรรมแรกก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 เราได้ชูประเด็นของ NU Pride ไม่ใช่เป็นเพราะกระแส แต่เรามีสิ่งที่อยากจะสื่อสารกับนิสิต คือ “LGBTQIA+ have the freedom to live their truth without fear!” เพราะเราจะทำให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้ เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับนิสิตทุกคน ที่สามารถแสดงออกถึงความเป็นตนเอง และได้รับการยอมรับ ทั้งนี้เป้าหมายหลักก็คือ เพื่อให้นิสิตมีชีวิตอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างมีความสุข

ขอบคุณ ศาสตราจารย์ ดร.สุจินต์ จินายน อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร ที่มีส่วนผลักดันเป็นอย่างมากในการที่ให้นิสิตสามารถแต่งกายตามเพศสภาพได้ มหาวิทยาลัยนเรศวรมีข้อบังคับ ว่าด้วยเครื่องแต่งกายของนิสิตขั้นปริญญาตรี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2561 ที่นิสิตสามารถแต่งกายตามเพศสภาพได้ โดยให้ถูกต้องตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยนเรศวร ว่าด้วยเครื่องแต่งกายของนิสิตขั้นปริญญาตรี ซึ่งจุดนั้นเองทำให้เราในฐานะผู้บริหารชุดปัจจุบันอยากจะย้ำจุดยืนของมหาวิทยาลัยในเรื่องนี้ เพราะเรามองว่า การแต่งกายชุดนิสิตตามเพศสภาพคือการแสดงออกถึงเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่เราควรเคารพ และเห็นคุณค่าของความหลากหลายที่สวยงาม

กิจกรรมที่เราใช้สื่อสารกับนิสิตคือการจัดกิจกรรม NU Pride & Rainbow Crossing หรือทางม้าลายสายรุ้ง บริเวณหน้าหอพักนิสิต ซึ่งปีนี้นับเป็นครั้งที่ 3 แล้ว เป็นผลงานร่วมกันระหว่างนิสิต คณาจารย์และบุคลากรของมหาวิทยาลัย เพื่อเป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เพื่อสะท้อนความเป็นตัวตนของผู้มีความหลากหลายทางเพศ ให้ก้าวเดินอย่างภาคภูมิใจสถาบันแห่งนี้ ก้าวข้ามความแตกต่าง และการยอมรับซึ่งกันและกัน และที่สำคัญเราอยากให้นิสิตใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในมหาวิทยาลัยแห่งนี้
ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

การแต่งกายชุดนิสิตตามเพศสภาพคือการแสดงออกถึงเสรีภาพขั้นพื้นฐาน

“การแต่งกายชุดนิสิตตามเพศสภาพคือการแสดงออกถึงเสรีภาพ และความเสมอภาคขั้นพื้นฐานที่เราควรเคารพและเห็นคุณค่าของความหลากหลายที่สวยงาม ”

อาจารย์ต๊อก ดร.จรัสดาว คงเมือง รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต ศิษย์เก่าและศิลปวัฒนธรรม

แนะนำคณะผู้บริหารคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

มหาวิทยาลัยนเรศวรให้ความสำคัญกับการบริหารงานที่มุ่งเน้นความเสมอภาคและการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG5) เพื่อสร้างสังคมที่ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน อีกทั้งยังสนับสนุนบทบาทของสตรีในด้านการศึกษา การบริหาร และการพัฒนาสังคมให้มีความก้าวหน้าและยั่งยืน ซึ่งสะท้อนผ่านโครงสร้างการบริหารงานของคณะมนุษยศาสตร์ ที่มีผู้นำซึ่งมีความสามารถและมุ่งมั่นพัฒนาการศึกษาและสังคม

ทีมผู้บริหารคณะมนุษยศาสตร์ นำโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรอุษา สุวรรณประเทศ ดำรงตำแหน่ง คณบดีคณะมนุษยศาสตร์ พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์วรารัชต์ มหามนตรี รองคณบดีฝ่ายบริหาร, ดร.นิภารัตน์ อิ่มศิลป์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการ, ดร.ณัฐพร ไข่มุกข์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ และ ดร.ภูริตา เรืองจิรยศ รองคณบดีฝ่ายกิจการนิสิตและศิษย์เก่าสัมพันธ์ โดยคณะผู้บริหารให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการทำงานของสตรี สนับสนุนความก้าวหน้าในสายอาชีพ และเปิดโอกาสให้สตรีได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่

คณะมนุษยศาสตร์มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้ และการให้บริการวิชาการแก่สังคม โดยคำนึงถึงความเท่าเทียมและการสร้างโอกาสให้กับทุกคนอย่างทั่วถึง อีกทั้งยังมีโครงการที่ส่งเสริมบทบาทของสตรีในการขับเคลื่อนสังคม ทั้งในด้านการศึกษา การบริหาร และการพัฒนาชุมชน เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและความเสมอภาคอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ คณะยังให้ความสำคัญกับการพัฒนานิสิตในทุกมิติ ทั้งด้านวิชาการ การวิจัย และการเสริมสร้างทักษะชีวิต เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับอนาคต ในขณะเดียวกันยังเน้นความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างโอกาสทางการศึกษาและการทำงานที่เท่าเทียม โดยเฉพาะการสนับสนุนสตรีให้สามารถมีบทบาทสำคัญในเวทีระดับชาติและระดับสากล

มหาวิทยาลัยนเรศวรและคณะมนุษยศาสตร์ยังคงมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนสังคมสู่ความเป็นธรรมและความยั่งยืน โดยสนับสนุนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และส่งเสริมสังคมแห่งความเสมอภาค พร้อมทั้งผลักดันบทบาทของสตรีให้สามารถเป็นผู้นำในทุกระดับของสังคม เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับท้องถิ่นและระดับสากลอย่างแท้จริง

ทาสีถนนทางม้าลายสายรุ้ง

เชิญร่วมกิจกรรม Pride month : ทาสีถนนทางม้าลายสายรุ้ง วันที่ 10 มิถุนายน 2567 เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป ณ บริเวณหน้าอาคารขวัญเมือง (หอใน)

เพื่อส่งเสริมและให้ความสำคัญด้านความเท่าเทียมและความเสมอภาคภายในมหาวิทยาลัยนเรศวร ได้เป็นพื้นที่ในการแสดงออกด้านความหลากหลายทางเพศอย่างแท้จริง โดยมีคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย อาจารย์ บุคลากร และนิสิตทำกิจกรรมร่วมกัน

ม.นเรศวร ร่วมกับ รพ.สต. คัดกรองจอประสาทตาเสื่อมในผู้ป่วยเบาหวาน ลดความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพ

หน่วยเวชปฏิบัติชุมชน งานบริการปฐมภูมิและสร้างเสริมสุขภาพ ร่วมกับภาควิชาจักษุวิทยา โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลในเครือข่าย ได้จัดโครงการ “ตรวจคัดกรองจอประสาทตาเสื่อมในผู้ป่วยโรคเบาหวาน” ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบล (รพ.สต.) วังนาคู ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการส่งเสริมสุขภาพประชาชนและลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน

โดยโครงการนี้มีแพทย์และบุคลากรจากภาควิชาจักษุวิทยา ร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์จากงานบริการปฐมภูมิและทีมงานจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลในเครือข่ายเป็นผู้ให้บริการตรวจคัดกรองจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่มักพบในผู้ป่วยโรคเบาหวาน และสามารถนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็นได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที

ในการดำเนินโครงการครั้งนี้ มีผู้ป่วยโรคเบาหวานจากชุมชนเข้ามารับการตรวจคัดกรองจำนวนทั้งสิ้น 96 คน ซึ่งเป็นการมุ่งเน้นการส่งเสริมสุขภาพในระดับชุมชนตามแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะเป้าหมายที่ 3 (Good Health and Well-Being) ที่มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพและป้องกันโรค โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีความเสี่ยงสูงต่อภาวะแทรกซ้อนทางตา

การตรวจคัดกรองในครั้งนี้มีความสำคัญในการคัดกรองโรคจอประสาทตาเสื่อมในระยะเริ่มต้น ซึ่งสามารถทำการรักษาและป้องกันการสูญเสียการมองเห็นในผู้ป่วยได้ หากตรวจพบแต่เนิ่นๆ นอกจากนี้ยังเป็นการยกระดับการเข้าถึงบริการสุขภาพขั้นพื้นฐานให้แก่ชุมชนในพื้นที่ห่างไกล โดยไม่ต้องเดินทางไกลไปโรงพยาบาลใหญ่ ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ 10 (Reduced Inequality) ในการลดความเหลื่อมล้ำทางการเข้าถึงบริการสุขภาพ

โครงการนี้ยังได้มีการสร้างความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบล และชุมชน ซึ่งเป็นรูปแบบการดูแลสุขภาพที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพในการส่งเสริมการเข้าถึงการรักษาและการป้องกันโรคในระดับชุมชนตามแนวทางของ SDGs.

วันที 4 มิถุนายน 2567 หน่วยเวชปฏิบัติชุมชน งานบริการปฐมภูมิและสร้างเสริมสุขภาพ ร่วมกับภาควิชา
จักษุวิทยา โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยนเรศวร และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตําบลในเครือข่าย จัดโครงการตรวจคัดกรองจอประสาทตาเสือมในผู้ปวยโรคเบาหวาน ณ รพ.สต. บ้านเสาหิน โดยมีแพทย์ บุคลากรจากภาควิชาจักษุวิทยา บุคลากรปฐมภูมิฯ และรพ.สต. ในเครือข่ายร่วมให้บริการ โดยมีผู้ปวยโรคเบาหวานเข้ามารับบริการตรวจคัดกรองจอประสาทตาเสือมทังหมด 146 คน

ม.นเรศวร ผนึกกำลังนิคมสร้างตนเองบางระกำฯ จัดประชุมสร้างความเข้าใจในการดำเนินโครงการฯ พร้อมลงพื้นที่สำรวจกลุ่มเป้าหมาย

มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ร่วมมือกับ นิคมสร้างตนเองบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ในการจัดประชุมเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินโครงการพัฒนาทุนมนุษย์และส่งเสริมอัตลักษณ์ในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นการดำเนินงานที่สอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเฉพาะ SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพและการเรียนรู้ตลอดชีวิต รวมถึงการพัฒนาทักษะที่เหมาะสมต่อการสร้างโอกาสในการทำงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจของชุมชนในระยะยาว

การประชุมที่จัดขึ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “ออกหน่วยบริการวิชาการมหาวิทยาลัยนเรศวร” ซึ่งมุ่งเน้นการบูรณาการองค์ความรู้จากคณาจารย์และนักวิจัยของมหาวิทยาลัยในการแก้ไขปัญหาและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนในชุมชน โดยโครงการนี้เน้นการสร้างมูลค่าในด้านเศรษฐกิจและสังคมในระดับบุคคลและชุมชนที่อยู่ในพื้นที่โดยรอบนิคมสร้างตนเองบางระกำ โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการผลิตและการเกษตร

1. การพัฒนาทุนมนุษย์และเศรษฐกิจชุมชน (SDG 1, SDG 8) การพัฒนาทุนมนุษย์และเศรษฐกิจชุมชนเป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายสำคัญของการดำเนินโครงการร่วมกับนิคมสร้างตนเองบางระกำ ซึ่งมุ่งเน้นการเสริมสร้างทักษะและความรู้ให้กับสมาชิกในชุมชน เช่น กลุ่มผู้เลี้ยงไก่, กลุ่มผู้ปลูกอ้อย, กลุ่มผู้เลี้ยงปลา, และกลุ่มผู้เลี้ยงสุกร โดยการถ่ายทอดความรู้ด้านการพัฒนาอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การเกษตรยั่งยืนและการเลี้ยงสัตว์ที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

โครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับชุมชน ลดความยากจนในพื้นที่ ซึ่งเป็นการสนับสนุน SDG 1: การขจัดความยากจน โดยการให้โอกาสทางการศึกษาที่เสริมสร้างอาชีพและพัฒนาความสามารถในการแข่งขันในตลาดแรงงาน นอกจากนี้ การพัฒนาอาชีพที่ยั่งยืนยังช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาวและช่วยให้ชุมชนมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองได้ดียิ่งขึ้น

2. การส่งเสริมการเกษตรและการผลิตที่ยั่งยืน (SDG 2, SDG 12) : SDG 2: การขจัดความหิวโหยและความมั่นคงทางอาหาร เป็นเป้าหมายที่ได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากโครงการนี้ โดยการส่งเสริมการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ในลักษณะที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสามารถสร้างความมั่นคงทางอาหารและลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนอาหารในชุมชน การเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การใช้เทคโนโลยีการเกษตรที่ยั่งยืนและการใช้วิธีการเลี้ยงสัตว์ที่ลดการใช้สารเคมี จะช่วยให้ผลผลิตทางการเกษตรมีความปลอดภัยและมีคุณภาพสูง

โครงการนี้ยังส่งเสริม SDG 12: การบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน โดยการสอนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นสามารถผลิตสินค้าในแบบที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสามารถใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน การใช้วิธีการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้ปุ๋ยธรรมชาติ การจัดการน้ำอย่างประหยัด และการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ จะช่วยให้การผลิตมีความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

3. การพัฒนาแรงงานและการสร้างอาชีพ (SDG 8) โครงการนี้ยังมุ่งเน้นการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของบุคลากรในชุมชน โดยการเสริมทักษะทางการเกษตรและการผลิตที่ยั่งยืน เพื่อให้ผู้ประกอบการในชุมชนสามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน โครงการนี้ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการพัฒนาอาชีพในระดับบุคคล แต่ยังช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของชุมชนโดยรวม

การเสริมสร้างความรู้ด้านการทำธุรกิจและการพัฒนาอาชีพที่ยั่งยืนมีส่วนช่วยในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ รวมถึงการสร้างโอกาสในการสร้างอาชีพใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่นไปในทิศทางที่ยั่งยืน โดยเฉพาะการสนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการท้องถิ่นให้สามารถพัฒนาอาชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับ SDG 8: การทำงานที่ดีและการเติบโตทางเศรษฐกิจ

4. การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (SDG 13, SDG 15) โครงการนี้ยังมีเป้าหมายในการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยการสนับสนุน SDG 13: การดำเนินการเพื่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ SDG 15: ชีวิตบนบก การส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเกษตรยั่งยืนและวิธีการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้พลังงานทดแทน การจัดการขยะในฟาร์ม และการเกษตรที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

5. การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG 17) โครงการนี้ยังเป็นการสร้างความร่วมมือที่สำคัญระหว่าง มหาวิทยาลัยนเรศวร, หน่วยงานภาครัฐ, และ ชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเป็นการสนับสนุน SDG 17: การสร้างพันธมิตรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการร่วมมือกันนี้ช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนได้อย่างแท้จริง การสร้างพันธมิตรระหว่างภาคการศึกษา ภาครัฐ และภาคประชาสังคมเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาและสร้างโอกาสในการพัฒนาที่ยั่งยืน

ที่มา: งานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

Sustainability

NARESUAN UNIVERSITY

Solverwp- WordPress Theme and Plugin